ขอเชิญเรียนหลักสูตรครูสมาธิเพื่อสะสมพลังจิต สอนโดยหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร

ในห้อง 'ธรรมทาน - วิทยาทาน' ตั้งกระทู้โดย kamol_s, 13 ธันวาคม 2013.

  1. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    คนวิ่ง เห็นอะไรไม่ชัดเจน
    จิตวุ่นวาย รู้อะไรไม่แจ่มแจ้ง
    จิตหยุดวุ่นวาย จิตจึงเห็น
    จิตใสเย็น จึงเกิดญาณทัศนะ


    พระอาจารย์บุญกู้ อนุวฑฺฒโน

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  2. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    สู้ด้วยการละทิ้ง อย่าไปยึดเอาถือเอา เขาว่าให้เรา เขาดูถูกเรา เสียงไม่ดีเข้าหู ก็เพียรละออกไปให้มันหมดสิ้น มนุษย์มีปาก ห้ามมันไม่ให้พูดไม่ได้ มนุษย์มีตา ห้ามไม่ให้มันดูไม่ได้ มันเป็นเรื่องของโลก ท่านจึงตรัสว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันเป็นความร้อน ความร้อนคือกิเลส กิเลสเหมือนกับไฟ ไฟมันเป็นของร้อน

    ...หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  3. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    การฝึกตนให้มี สติสัมปชัญญะ รู้สึกตัวทั่วพร้อม
    เป็นสิ่งสำคัญต่อการดำรงชีวิต ผู้มีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา
    จะเป็นผู้ได้ รับประโยชน์ การกระทำกิจการใดๆ
    ก็ลุล่วงไปด้วยดี ไม่ค่อยมีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น


    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  4. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    ข้าวเปลือกแกะเปลือกออกเป็นข้าวสาร ไม่งอกขึ้นฉันใด ใจเรา ก็ฉันนั้น หากแกะเปลือกอันห่อหุ้มใจออกไปได้ ก็เป็นดวงใจอันบริสุทธิ์ ให้ รู้จักชำระกากของใจออกไป

    ...หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ...

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  5. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    ข้าวเปลือกแกะเปลือกออกเป็นข้าวสาร ไม่งอกขึ้นฉันใด ใจเรา ก็ฉันนั้น หากแกะเปลือกอันห่อหุ้มใจออกไปได้ ก็เป็นดวงใจอันบริสุทธิ์ ให้ รู้จักชำระกากของใจออกไป

    ...หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ...

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  6. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ เล่าเรื่องสมัยอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=qW-l9vyqowk]พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ เล่าเรื่องสมัยอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น - YouTube[/ame]
     
  7. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    อัตชีวประวัติหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร
    จากหนังสือ 90 ปี อัตชีวประวัติพระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=3PL-e_i2gow]อัตชีวประวัติหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร - YouTube[/ame]
     
  8. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    การปฎิบัติต่อหลวงปู่มั่น

    วิดีโอธรรมะรุ่งอรุณ เรื่อง "การปฎิบัติต่อหลวงปู่มั่น" โดยพระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) ณ วัดธรรมมงคล กรุงเทพมหานคร

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=zsyGGVSXkDA]การปฎิบัติต่อหลวงปู่มั่น - YouTube[/ame]
     
  9. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    พระคาถาธรรมไตรสรณคมณ์

    "อิติปิโสวิเสเส อิอิเสเส พุทธนาเม อิอิเมนา พุทธะตังโส อิอิโสตังพุทธะปิติอิ ตะโจพระพุทธเจ้า ขอจงมาเป็นหนัง มังสังพระธัมมเจ้า ขอจงมาเป็นเนื้อ อัฏฐิพระสังฆเจ้า ขอจงมาเป็นกระดูกตะริเพ็ชคงคง อิสวาหะ สวาสุ สวาอิ พุทธะปิติอิ นะมะอะอุมิ นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ พุทโธกั้ง (กั้น) ธัมโมบังสังโฆปิด"

    "เรื่องผีสางคางแดงดำอะไรจึงไม่กลัวทั้งนั้น ธรรมพระไตรสรณคมน์เป็นของดีเลิศประเสริฐแท้ ผีเจ้าเข้าสิง ใช้ทำน้ำมนต์ กำจัดปัดเป่าหายไปได้ทั้งนั้น อันนี้ข้อสำคัญมั่นหมาย ฉะนั้นขอให้เอาไปภาวนาเช้าเย็นอย่าได้ขาด ไปไหนมาไหนก็ภาวนาอย่างนั้น ตายแล้วอบายไม่ได้ไป ไฟนรกไม่ได้ไหม้ จะได้ไปสวรรค์โดยเร็วพลัน นี่เรียกว่า คาถาธรรมพระไตรสรณคมน์ เอาไปบริกรรม อย่าได้ขาด อย่าได้ประมาท อันนี้เป็นของดีเลิศประเสริฐแท้"

    หลวงปู่จันทา ถาวโร

    https://www.facebook.com/Thammaphormaekruarjahn?fref=ts
     
  10. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "ความรักคือความปรารถนาดีกับทุกๆคน ที่ยังเวียนว่ายตายเกิด โดยไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไร นี่แหละความรักที่แท้จริง"

    หลวงตาม้า วิริยธโร

    https://www.facebook.com/Thammaphormaekruarjahn?fref=ts
     
  11. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    “..อย่ารู้สึกว่า ท่านกำลังฝึกปฏิบัติอยู่เฉพาะเวลานั่งขัดสมาธิเท่านั้น พวกท่านบางคนบ่นว่า ไม่มีเวลาพอที่จะทำสมาธิภาวนา แล้วเวลาหายใจเล่ามีเพียงพอไหม?

    การทำสมาธิภาวนาของท่าน คือการมีสติ ระลึกรู้ และการรักษาจิตให้เป็นปกติตามธรรมชาติ ในการกระทำทุกอิริยาบถ..”

    หลวงปู่ชา สุภทฺโท

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  12. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    โดยมากพระอริยเจ้าทั้งหลาย เมื่อเห็นมรณภัยเข้ามาถึง ท่านกำหนดจิตใจของท่านปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นโดยประการทั้งปวง เป็นพระอรหันต์ในขณะที่ใจจะขาด ก็มีมากต่อมาก ที่เรียกตามศัพท์บาลีว่า ชีวิตสมสีสี คือ เมื่อจวนจะหมดลมหายใจเข้าออกแล้ว ก็ตัดกิเลสได้ในขณะนั้น อันนี้ก็มีมาก เพราะว่าจุดนั้นมันไม่ได้มีที่พึ่งอย่างอื่นแล้ว มันพึ่งตัวเอง

    หลวงพ่ออินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  13. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    “พวกเรามีบารมี มีทุนเก่า ทำให้พวกเรามาเข้าวัด มาทำบุญเพิ่มมากขึ้น มีสติปัญญาเพิ่มมากขึ้น ครูบาอาจารย์หรือคนที่ปฏิบัติธรรมอยู่เนืองนิจ ถึงจะมีอายุเยอะหรือเป็นคนเฒ่าคนแก่ เขาก็ยังยิ้มแย้มนั่นเป็นเพราะเขามีจิตใจที่แจ่มใส มีคุณธรรมเป็นของดีติดตัว พวกเราเสียอีกที่เป็นคนหนุ่มคนสาวกับหน้าเหี่ยวยิ้มกันไม่ค่อยออก”

    หลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  14. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    ท่านทั้งหลายสิ่งใดที่ท่านหวังไว้ก็ตาม ท่านอย่าไปหวังจนเกินตัว ทำแต่พอดี พอควร พองาม พอใช้ พอเหมาะสม พอเพียง พอที่จะเป็นได้ อันสมควรแก่ท่านทั้งหลายต่อไป

    facebook.com/pages/พระมหาเจดีย์มงคล-พระบรมสารีริกธาตุ-ส่วนพระจักษุธาตุ
     
  15. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    .หากว่าผู้ใดจะมาตัดคอเรา ถ้าเป็นเพราะเชื่อตามพระพุทธเจ้าว่า บาปบุญ นรกสวรรค์ พรหมโลก นิพพาน.. มี เรายอมให้ตัดเลย...นี่แหละ ศาสนาเปิดเผยมากี่กัปกี่กัลป์แล้ว สอนชาวเราทั้งหลาย ให้เชื่อเถิด ถ้าไม่อยากจม ให้เชื่อพระพุทธเจ้านะ

    ...หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน...

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  16. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    พระคาถาแผ่เมตตาจิตให้ประเทศไทย ของ หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก

    "รัฏฐปาลา สมัคคา สทา โหนตุ "

    https://www.facebook.com/Thammaphormaekruarjahn?fref=ts
     
  17. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    ประวัติวันมาฆบูชา

    วันมาฆบูชา ได้รับการยกย่องเป็นวันสำคัญทางศานาพุทธเนื่องจากเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อ 2,500 กว่าปีก่อนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ท่ามกลางที่ประชุมมหาสังฆสันนิบาตครั้งใหญ่ในพระพุทธศาสนา โดยมีเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ประการ คือ พระสงฆ์สาวกที่มาประชุมพร้อมกันทั้ง 1,250 รูปนั้นได้มาประชุมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย, พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดต่างล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" หรือผู้ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง, พระสงฆ์ทั้งหมดที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6, และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ดังนั้นจึงมีคำเรียกวันนี้อีกคำหนึ่งว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ 4

    เดิมนั้นไม่มีการประกอบพิธีมาฆบูชาในประเทศพุทธเถรวาท จนมาในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 4) พระองค์ได้ทรงปรารภถึงเหตุการณ์ครั้งพุทธกาลในวันเพ็ญเดือน 3 ดังกล่าวว่า เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญยิ่ง ควรมีการประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนาเพื่อเป็นที่ตั้งแห่งความศรัทธาเลื่อมใส จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชกุศลมาฆบูชาขึ้น โดยการประกอบพระราชพิธีคงคล้ายกับวันวิสาขบูชา คือมีการบำเพ็ญพระราชกุศลต่าง ๆ มีการพระราชทานจุดเทียนตามประทีปเป็นพุทธบูชาในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระอารามหลวงต่าง ๆ เป็นต้น โดยในช่วงแรกพิธีมาฆบูชาคงเป็นการพระราชพิธีภายใน ยังไม่แพร่หลายทั่วไป จนต่อมาความนิยมจัดพิธีมาฆบูชาจึงได้ขยายออกไปทั่วราชอาณาจักร

    นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทยได้ประกาศให้วันมาฆบูชา ให้เป็น "วันกตัญญูแห่งชาติ" เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยวัยรุ่นสาวมักจะเสียตัวในวันวาเลนไทน์หลายหน่วยงานจึงพยายามรณรงค์ให้วันมาฆบูชาเป็นวันแห่งความรัก (อันบริสุทธิ์) แทน
    ในปี พ.ศ. 2557 นี้ วันมาฆบูชาจะตรงกับ วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์

    ความสำคัญ

    "วันมาฆบูชา" เป็นวันที่ระลึกถึงวันที่พระพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์แก่มหาสังฆสันนิบาตในมณฑลวัดเวฬุวันมหาวิหาร ซึ่งในวันนั้นมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น 4 ประการคือ
    1. พระสงฆ์ 1,250 รูปที่พระพุทธองค์ได้ส่งไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาตามแว่นแคว้นต่างๆ ได้กลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย
    2. พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นเอหิภิกขุที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ด้วยพระองค์เองทั้งสิ้น ซึ่งเรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา
    3. พระสงฆ์ทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ คือผู้ได้อภิญญา 6 ข้อ
    4. วันที่พระสงฆ์ทั้งหมดมาชุมนุมกันนี้ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3)
    ด้วยเหตุการณ์ประจวบกับ 4 อย่าง จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จาตุรงคสันนิบาต (มาจากศัพท์บาลี จตุ+องฺค+สนฺนิปาต แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ประกอบทั้งสี่ประการ) โดยประชุมกัน ณวัดเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว 9 เดือน (45 ปี ก่อนพุทธศักราช)

    จาตุรงคสันนิบาต

    โดยพระอรหันต์ทั้งหลายนั้นต่างไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ อันเป็นที่ประทับ โดยมีคณะทั้ง 4 คือ คณะศิษย์ของชฎิล 3 พี่น้อง คือ คณะพระอุรุเวลกัสสปะ (มีศิษย์ 500 องค์) คณะพระนทีกัสสปะ (มีศิษย์ 300 องค์) คณะพระคยากัสสปะ (มีศิษย์ 200 องค์) และคณะของพระอัครสาวกคือคณะพระสารีบุตรและพระมหาโมคคัลลานะ (มีศิษย์ 250 องค์) รวมนับจำนวนได้ 1,250 รูป (จำนวนนี้ไม่ได้นับรวมชฎิล 3 พี่น้อง และพระอัครสาวกทั้งสอง)
    การเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในวันมาฆฤกษ์นี้ เป็นไปโดยมิได้มีการนัดหมาย และเป็นการเข้าประชุมของพระอรหันต์จำนวนมากเป็นมหาสังฆสันนิบาต และประกอบด้วย "องค์ประกอบอัศจรรย์ 4 ประการ" คือ พระสงฆ์สาวกที่มาประชุมพร้อมกันทั้ง 1,250 องค์นั้น ได้มาประชุมกันยังวัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย, พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดต่างล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นพระสงฆ์ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง , พระสงฆ์ทั้งหมดที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา 6 และวันดังกล่าวตรงกับวันเพ็ญมาฆปุรณมีดิถี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ดังนั้นจึงมีคำเรียกวันนี้อีกคำหนึ่งว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" หรือ วันที่มีการประชุมพร้อมด้วยองค์ 4 ดังกล่าวแล้ว
    มีผู้เข้าใจผิดว่าเหตุสที่พระสาวกทั้ง 1,250 รูปมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายนั้น เพราะวันเพ็ญเดือน 3 ตามคติพราหมณ์เป็นวันพิธีมหาศิวาราตรีเพื่อบูชาพระศิวะ พระสาวกเหล่านั้นซึ่งเคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อนจึงได้เปลี่ยนจากการรวมตัวกันทำพิธีชำระบาปตามพิธีพราหมณ์ มารวมกันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแทน แต่ความดิดนี้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะพระศิวะเป็นเทพที่ชาวฮินดูเริ่มบูชากันในยุคหลังพุทธกาล คือตั้งแต่ พ.ศ. 800 เป็นต้นมา

    ประทานโอวาทปาฏิโมกข์

    พระพุทธเจ้าเมื่อทอดพระเนตรเห็นมหาสังฆสันนิบาตอันประกอบไปด้วยเหตุอัศจรรย์ดังกล่าว จึงทรงเห็นเป็นโอกาสอันสมควรที่จะแสดง "โอวาทปาฏิโมกข์" อันเป็นหลักคำสอนสำคัญที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาแก่ที่ประชุมพระสงฆ์เหล่านั้น เพื่อวางจุดหมาย หลักการ และวิธีการ ในการเข้าถึงพระพุทธศาสนาแก่พระอรหันตสาวกและพุทธบริษัททั้งหลาย พระพุทธองค์จึงทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์เป็นพระพุทธพจน์ 3 คาถากึ่ง ท่ามกลางมหาสังฆสันนิบาตนั้น มีใจความดังนี้
    • พระพุทธพจน์คาถาแรกทรงกล่าวถึง พระนิพพาน ว่าเป็นจุดมุ่งหมายหรืออุดมการณ์อันสูงสุดของบรรพชิตและพุทธบริษัท อันมีลักษณะที่แตกต่างจากศาสนาอื่น ดังพระบาลีว่า "นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา"
    • พระพุทธพจน์คาถาที่สองทรงกล่าวถึง "วิธีการอันเป็นหัวใจสำคัญเพื่อเข้าถึงจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาแก่พุทธบริษัททั้งปวงโดยย่อ" คือ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง การบำเพ็ญแต่ความดี และการทำจิตของตนให้ผ่องใสเป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง ส่วนนี้เองของโอวาทปาฏิโมกข์ที่พุทธศาสนิกชนมักท่องจำกันไปปฏิบัติ ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งคาถาในสามคาถากึ่งของโอวาทปาฏิโมกข์เท่านั้น
    • ส่วนพระพุทธพจน์คาถาสุดท้าย ทรงกล่าวถึงหลักการปฏิบัติของพระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่พระศาสนา 6 ประการ คือ การไม่กล่าวร้ายใคร, การไม่ทำร้ายใคร , การมีความสำรวมในปาฏิโมกข์ทั้งหลาย, การเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร และการรู้จักที่นั่งนอนอันสงัด

    ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

    facebook.com/pages/พุทธมหาเจดีย์หลวงตาพระมหาบัว-ญาณสมฺปนฺโน-ภูผาแดงฯ
     
  18. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "เราจะนอนก็ไหว้พระ ไม่ได้อะไรก็ภาวนาไป ไหว้พระ ๓ ที ๑๐ ที พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เป็นสรณะที่พึ่งของตน แล้วก็นั่งสมาธิไป ภาวนาไป พุทโธ พุทโธ หลับตานั่งนาน ๆ ไม่นานมากก็ ๕ นาที ๑๐ นาที ค่อยหัดไปทุกวัน ๆ ไป ดีกว่านอนเปล่า ๆ ไม่มีอะไร อยากได้คุณงามความดี สิ่งที่ดีที่ชอบก็ต้องประกอบให้เกิดขึ้นในจิตในใจ

    การภาวนามันเป็นยอดของทานอันเลิศ เก็บอยู่ในจิตในใจทุกภพทุกชาติไปจนได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ก็ต้องอาศัยบำเพ็ญบารมีของตนนี้แหละ บารมีของตนนี้แหละเป็นเสบียงอาหารไปข้างหน้าอีก เกิดไปชาติไหน ก็เป็นคนที่มีความดีความงามอยู่ในจิตใจ เพราะเราได้ฝึกหัดดัดแปลงจิตใจของเราให้มันบริสุทธิ์กาย บริสุทธิ์วาจา บริสุทธิ์ใจ"

    หลวงปู่สาม อจิญฺจโน

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     
  19. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
  20. kamol_s

    kamol_s เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    17,388
    ค่าพลัง:
    +4,860
    "โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน
    ต้องอาศัยการควบคุมตนให้ได้
    ใจให้สงบระงับ มั่นคง
    บริสุทธิ์อยู่ ไม่เบียดเบียนใครผู้ใด
    เช่นนี้ ก็พอจะอยู่ได้บ้างอย่างมีสุข"


    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ

    facebook.com/pages/พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น
     

แชร์หน้านี้

Loading...