ขอเชิญท่านแวะเข้ามากระทู้นี้ตั้งคำถามเองตอบเองครับ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย Samarnl, 19 ธันวาคม 2010.

  1. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    วันที่ 7 ต.ค. 2553 03:00

    เกี่ยวกับการล้างห้องน้ำวัด

    มีคนเคยบอกว่าล้างแล้วจะดี ตอนนั้นไม่รู้ว่าดียังไง เห็นเขาว่าดีก็เลยอยากลองไปทำ

    พอล้างเสร็จมาสองสามวัดได้ ก็รู้สึกดีขึ้นมาทันทีสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้เพราะ

    อะไรเหมือนกัน ท่านสามารถบอกเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้บ้างหรือไม่

    prachern.s

    วันที่ 7 ต.ค. 2553 08:22

    ความคิดเห็นที่ 1

    เข้าใจว่า ถ้าไปวัดแล้วได้เห็นบริเวณวัด ลานพระเจดีย์ ตลอดจนห้องน้ำไม่สะอาดขาดคน

    ดูแลเอาใจใส่ ถ้าเราสามารถทำความสะอาด หรือจ้างคนอื่นให้ทำความสะอาดบริเวณดัง

    กล่าวได้ เป็นการดี เป็นบุญประเภทหนึ่งในบุญญกิริยาวัตถุสิบแต่ควรทราบว่าบุญไม่ใช่มี

    เพียงอย่างนี้อย่างเดียว ยังบุญประเภทอื่นๆ ที่ควรกระทำอีกมาก คือมีบุญถึง ๑๐ ประการ

    โดยสรุปคือ ทาน ศีล ภาวนา ไม่ควรพอใจเพียงบุญอย่างเดียวควรสะสมอบรมบุญทุกๆ

    ประเภท ไม่ควรประมาทในบุญเพียงเล็กน้อย และไม่ควรประมาทบาปเพียงเล็กน้อยครับ


    opanayigo

    วันที่ 7 ต.ค. 2553 10:04

    ความคิดเห็นที่ 2

    อนุโมทนาในการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นค่ะ :)
    ขณะที่กระทำเพื่อผู้อื่น ขณะนั้นมิได้นึกถึงตัวเอง ขณะใดลืมตัวเองได้ ขณะนั้นไม่คิดอะไร

    เมื่อคิดก็เป็นไปในสิ่งที่ได้กระทำแล้ว ยังใจให้ผ่องใส (สั้นๆ) การฟังธรรม และประพฤติตาม

    ธรรม ย่อมอุปการะ



    chaiyut

    วันที่ 7 ต.ค. 2553 12:44

    ความคิดเห็นที่ 4


    กุศลทั้งหลายเป็นสิ่งที่ควรเจริญ ขณะที่ใจเป็นกุศล ขณะนั้นเป็นขณะที่ดี ขออนุโมทนา

    ด้วยครับ แต่ยุคนี้ยังมีทางที่ใจจะดียิ่งขึ้น คือใจที่เป็นกุศลเกิดบ่อยขึ้นได้ หากฟังพระธรรม

    ของพระผู้มีพระภาคเจ้าครับ ถ้าเราค่อยๆ เข้าใจพระธรรมขึ้น กุศลอื่นๆ ที่เรายังไม่ได้ทำ ก็มี

    โอกาสที่จะได้ทำคือเจริญมากยิ่งขึ้นได้ เพราะพระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมไว้มากมาย

    ทั้งหมดเพื่อเข้าใจ เพื่อละอกุศล เพื่อเจริญกุศลให้ถึงพร้อม เพื่อยังจิตให้บริสุทธิ์ ด้วยความ

    เข้าใจพระธรรมตามลำดับขั้น แนะนำให้ลองฟังธรรมที่มีในเว็ปนี้บ่อยๆ ครับ

    จาก...บ้านธัมมะ​

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2011
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ได้อ่านเรื่องการล้างห้องน้ำวัด ก็พอระลึกขึ้นได้ว่า ติงเคยล้างห้องน้ำวัดคนเดียว วันเดียว สี่สิบกว่าห้อง ทำเสร็จแม้จะเหนื่อยบ้าง แต่มีความสุขมาก หากท่านใดไม่เคยทำ ลองไปทำดูนะคะ แล้วจะทราบว่าความสุขหาได้ไม่ยากเลย ^^
     
  3. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    คุณน่ารักเสมอ ขออนุโมทนา สาธุ (คุณคงสบายดี?)
     
  4. jockyhappy

    jockyhappy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +118
    แวะเข้ามาอ่านเรื่องลุงหมานกับคำตอบของลุงหมาน ชอบจริงๆ รู้จักคนแก่ไว้ไม่ผิดหวัง:cool:
     
  5. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
  6. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    ลุงๆๆๆๆๆหนูเซ็งมากเลยเมื่อเช้าไปขึ้นศาลมาอย่างเซ็งๆๆๆๆ
    ลุงอยากรู้เรื่องไรไปอ่านกระทู้ไร้สาระนะ แต่หนูมีเรื่องมาถามอ่ะ
    เรื่องการรับธรรมมะค่ะมันเป็นยังไงคะ รับอนุตรธรรมอ่ะค่ะ
    คืออย่างนี้นะลุง ไม่เคยคิดจะไปรับหรืออะไรหรอกค่ะ
    บังเอิญเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ เอเย่นต์ที่หนูซื้อของกับเขาน่ะ
    เขามาบอกว่าจะมาจันแล้วมาชวนหนูไปดู เขาบอกแต่ว่าอคนนี้เก่ง
    แต่ไม่บอกตรงๆๆว่าไปทำอะไร หนูก็เข้าใจว่าเป็นหมอดูมีญาณคง
    มาดูหมอก็เลยไปดูกะว่าตั้งแต่ซื้อขายกันมา 5 ปีหนูก็ไม่เคยเจอหน้า
    เขาเลยก็ลองไปเจอสักหน่อยไหนๆๆเขาก็มาเยือนถิ่นเราแล้ว
    พอไปถึงเขามีตั้งพิธีแล้วเขาก็ให้เราเขียนชื่อแล้วยอดเงินบริจาก
    หนูบริจากไป 500 แล้วเขาจะให้แฟนหนูเขียนด้วยแฟนบอกไม่ครับ
    ผมมีพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้งผมศิษย์หลวงปู่มั่น เขาก็คะยั้นคะยอแฟนก็ไม่
    อย่างเดียว สรุปว่ากลายเป็นหนูคนเดียวที่บริจากแล้วเขาก็พาเข้าห้อง
    ทำพิธีแล้วก็ มาอธิบายว่าทำเพื่อตายไปจะได้ไม่มีชื่อหนูในนรก แล้วจะ
    ได้ไปพบพระศรีอริยเมตไตร เขามีรูปปั้นพระแม่กวนอิมด้วยซื่งหนูก็นับถือ
    อยู่แล้วก็คิดว่า คงไม่เป็นไรรับธรรมมะก็คงได้บุญเหมือนกัน (แต่ก็ยังไม่รู้
    อยู่ดีว่ารับไปทำไม) แล้วเขาก็บอกว่าเขาเปิดตาที่สามให้แล้วนะต่อไปนั่ง
    สมาธิจะดีขึ้นนะ ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากทำพิธีรู้สึกได้ว่าใจเราเย็นขึ้น
    มากเขาก็สอนหลักธรรมประมาณว่าตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ให้สร้างความดี
    ธรรมมะในครัวเรือนอยู่บ้านก็ทำได้เราก็อืมก็ดีนะ ที่นี้กลับมาบ้านมาหา
    กูเกิ้ลว่ามันคืออะไร ก็เห็นบางคนว่าเป็นลัทธิ แล้วก็มานึกเคืองเอเย่นต์คน
    นั้นว่าทำไมไม่บอกแต่แรกว่าพาไปรับธรรมมะ ถามก็พูดกำกวมแบบอ้ำๆ
    อึ้งๆ ก็เลยมาคิดว่าถ้าของเขาดีจริงทำไมเขาไม่เล่าให้ละเอียดนะ ไม่แฟร์
    เลยน่าจะบอกตรงๆๆ เหมือนกับเราโดนหลอกไปอ่ะค่ะ หรือหนูจะคิดมากไป
    แต่ไม่นะยังติดตรงที่ทำไมเขาไม่บอกเราตรงๆๆ ลุงว่าไงคะ หนูเลยงุ๊ดหงิดๆๆ
    เลยอารมณ์เสียแต่เช้าเลยวันนี้....


     
  7. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ลองเข้า GOOGLE แล้วไม่พบว่าอยู่ในศาสนาใดๆ

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]"อนุตตรธรรม มิใช่ศาสนาหรือลัทธิศาสตร์ใดๆ แต่เป็นสัจจธรรมของฟ้าดิน เป็นธรรมอันเที่ยงแท้เป็นหลักหรือรากฐานของทุกชีวิต[/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]วิถีอนุตตรธรรม จึงเป็นทางเดินที่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด ศาสนาใด เด็กหรือผู้ใหญ่ พึงได้รับการถ่ายทอดให้รู้ความเป็น ความจริงแห่งชีวิตตน จะได้บำเพ็ญเพื่อการหลุดพ้นโดยตรง หรืออย่างน้อยก็เพื่อมิให้จิตใจหลงใหลเสื่อทรามลง"[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD class=menu width="22%">[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]1. ศาสนาพุทธ[/FONT]</TD><TD class=menu width="78%">[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ของ พระพุทธเจ้า[/FONT]</TD></TR><TR vAlign=top><TD class=menu width="22%">[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]2. ศาสนาคริสต์[/FONT]</TD><TD class=menu width="78%">[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ของ พระเยซูคริสต์[/FONT]</TD></TR><TR vAlign=top><TD class=menu width="22%">[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]3. ศานาอิสลาม[/FONT]</TD><TD class=menu width="78%">[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ของ ท่านบีมุฮัดมัด[/FONT]</TD></TR><TR vAlign=top><TD class=menu width="22%">[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]4. ลัทธิเต๋า[/FONT]</TD><TD class=menu width="78%">[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ของ ท่านเหลาจื้อ[/FONT]</TD></TR><TR vAlign=top><TD class=menu width="22%">[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]5. ลัทธิยู้ (ขงจื้อ)[/FONT]</TD><TD class=menu width="78%">[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ของ ท่านขงจื้อ[/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]​

    [/FONT]

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="97%" align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeeee width="88%">วิถีอนุตรธรรม ไม่ใช่ศาสนาพุทธ และไม่เกี่ยวกับมหายาน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width="98%"><TBODY><TR><TD vAlign=top background=Image/boardbody_blue.gif align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=7 width="96%" align=center><TBODY><TR></TR><TR><TD align=left>เรียน ท่านผู้เกี่ยวข้อง เว็บมาสเตอร์ และผู้จัดทำเว็บไซด์พุทธยาน

    เนื่องจากเว็บไซด์แห่งนี้เป็นเว็บไซด์ศูนย์กลายพุทธศานามหายาน แต่กลับเป็นที่เผยแพร่หลักของลัทธิ วิถีอนุตรธรรม ด้วย ซึ่งลัทธินี้ทางพุทธศานามหยานของไต้หวัน และจีนแผ่นดินใหญ่ มิได้ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของพุทธศาสนามหายานแต่อย่างใด

    แต่กลับเป็นการแอบอ้างเอาพระสูตรไปดัดแปลงเป็นของตน หลายต่อหลายพระสูตร แอบอ้างพุทธวัจนะ ทางมหายานเองก็ประกาศไม่ยอมรับลัทธินี้มานานแล้ว

    เนื่องจากลัทธินี้ มีความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้า และหลักกรรมที่ขัดกับพุทธศาสนาอย่างรุนแรง โดยคนที่ไม่เข้าใจพุทธศานาอาจจะหลงผิดเชื่อโดยง่าย (ดูเหมือนว่าจะมีมากขึ้น)

    มีการเชิญพระสงฆ์เถรวาทไปคุกเข่ารับอนุตรธรรมจากฆราวาส แอบอ้างว่าเป็นสายพระโพธิสัตว์พระศรีอาริเมตยไตร

    อ้างหลักการทำบุญไถ่ปาปด้วยการรับธรรมะ ผิดหลักการพุทธศาสนา

    อ้างว่าปิดอบายภูมิ ปิดประตูนรกได้โดยการ"รับธรรมะ "

    อ้างว่าการกินเจเป็นบุญกุศล คนไม่กินเจเป็นคนปาป มีการประทับทรงลงเจ้า แอบอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ

    และอื่นๆอีกมากมาย

    ขอให้ท่านไปศึกษาดูนะครับ หากเราศึกษาธรรมมะของพุทธเจ้ามาพอสมควร ก็จะรู้ว่าพวกนี้เป็นมิ๗ฉาทิฐิค่อนข้างรุนแรง ว่และสมควรจะนำมาเผยแพร่หรือไม่


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="97%" align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeeee width="88%">วิถีอนุตรธรรม ไม่ใช่ศาสนาพุทธ และไม่เกี่ยวกับมหายาน</TD></TR></TBODY></TABLE>

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กุมภาพันธ์ 2011
  8. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    ขอบพระคุณ และอนุโมทนา สาธุค่ะคุณลุง

    [​IMG]
     
  9. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    อ้างหลักการทำบุญไถ่ปาปด้วยการรับธรรมะ ผิดหลักการพุทธศาสนา

    อ้างว่าปิดอบายภูมิ ปิดประตูนรกได้โดยการ"รับธรรมะ "

    [​IMG]
    ไม่มีตังค์บริจาค ทำไงล่ะ
     
  10. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    ไม่มีตังค์บริจาค ทำไงล่ะ

    นั่นซิ ที่สำคัญพอเราเขียนใบที่เขาให้มาเสร็จ
    เขาขอเก็บตังค์เลยนะ แล้วตอนทำพิธีเขามีพูดว่า
    ข้าพเจ้าสาบานว่ามิได้หลอกลวงเงินของท่านมานะ
    ที่สำคัญเขาเอาองค์พระแม่กวนกิมมันตั้งด้วย
    คงจะมีคนโดนหลอกให้ไปเข้าหลายคนนะแบบนี้
    เพราะเขามีสมาคมของเขาอยู่เกือบทุกจังหวัด
    ที่แปลกคือคนชวนไม่ยักบอกรายละเอียดว่าให้ไปทำอะไร
    บอกแต่ว่าเชิญมาดู แล้วจะรู้เอง แบบนี้บางคนขี้เกรงใจ
    เหมือนเรานี่ก็คงจะเรียบร้อยโรงเรียนเขาแหละ
    แต่รู้ไว้ก็ดีว่าสมัยนี้คนมีอะไรแปลกๆๆ เราเอาพระพุทธเจ้า
    เป็นที่ตั้งก็พอแล้ว คิดดี ทำดี พูดดี ก็พอ
     
  11. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    น่าจะเอาไปตั้งกระทู้ซะเลย แล้วก๊อปปี้ที่ลุงก็อปมาเอาไปแปะไว้เพื่อเตือนเพื่อนสมาชิก (เอะไม่ได้หลอกลวงเอาตังส์ของท่านมานะ ฟังยังงัยอยู่แฮะ)
     
  12. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    พุทธรักษา

    วันที่ 13 ก.พ. 2554 23:26
    อ่าน 90
    มาฆบูชา-ศรัทธาสามัคคี

    [​IMG] <INPUT class=noborder type=checkbox align=middle value=17884 name=t_sel>



    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


    .


    ข้อความบางตอน....จาก หนังสือ "มาฆบูชา-ศรัทธาสามัคคี"​

    (คุยกันวันพุธเล่มที่ ๒) โดย "คณะสหายธรรม"​

    ดำเนินงานโดย​

    อาจารย์ประณีต ก้องสมุทร​

    คุณสงวน สุจริตกุล​

    คุณอรุณี โชติบุตร​

    คุณประมัย โชติวรรณ​

    คุณประเทือง เทพหัสดิน ณ อยุธยา​

    คุณพูลศรี เจริญพงษ์​

    คุณพิมลพรรณ ภัคดีศรี​

    คุณปิยนารถ กนกพลอย​

    .​


    ความจริง เรื่อง วันมาฆบูชา เป็นเรื่องที่ "เกือบจะเรียกว่า" ชาวพุทธทุกคนทราบกันดี​


    แต่...เพื่อเป็นการน้อม-ระลึกถึง พระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า​

    และ พระอรหันตสาวกทั้งหลาย ที่มาประชุมกันในวันนั้น.​


    รวมทั้งน้อม-ระลึกถึง พระธรรมที่พระบรมศาสดา ทรงยกขึ้นมาแสดง ​

    ท่ามกลางพระอรหันตสาวกทั้งหลาย เหล่านั้น ด้วย.​

    คณะของเราจึงได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาคุยกัน.​

    .​


    วันมาฆบูชา ตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะ

    ซึ่งตรงกับ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ของไทยเรา.


    ในวันนั้น........นับย้อนหลังไป ในสมัยที่พระบรมศาสดา ยังทรงพระชนม์อยู่​

    ได้มีเหตุการณ์สำคัญ อันเป็นเหตุให้ชาวพุทธได้น้อม-ระลึกถึง วันมาฆบูชา​

    มาจนตราบเท่าปัจจุบัน.​


    เหตุการณ์ที่ว่านั้น...เกิดขึ้น ณ พระวิหารเวฬุวัน ใกล้เมืองราชคฤห์

    เมืองหลวงของแคว้นมคธ อันเป็นแคว้นที่อยู่ในการปกครองของพระเจ้าพิมพิสาร.


    ณ พระวิหารเวฬุวัน ได้มีการประชุมใหญ่ของพระอรหันตสาวก​

    เรียกว่า สาวกสันนิบาต เกิดขึ้น...ในวันนั้น.​


    การประชุมใหญ่ของพระอรหันตสาวกในวันนี้​

    ประกอบด้วย องค์ ๔ ประการ คือ​

    ๑. เป็นวัน "มาฆนักขัตฤกษ์" พระจันทร์เต็มดวง เป็นวันอุโบสถ.​

    ๒. พระภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป ได้มาประชุมกัน ตามธรรมดาของตน ​

    โดยมิได้นัดหมายกันมาก่อน.​

    ๓. ในบรรดาพระภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป นั้น​

    ไม่มีพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเลย ที่เป็นภิกษุปุถุชน หรือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี​

    พระอนาคามี หรือ พระอรหันต์ที่เป็น สุกขวิปัสสกะ


    ทุกรูป ล้วนเป็นพระอรหันต์ ผู้ได้ อภิญญา ๖ ทั้งสิ้น.​

    ๔. พระภิกษุทุกรูปนั้น ล้วนมิได้เป็นพระภิกษุ ที่ต้องปลงผมออกบรรพชาอุปสมบท​

    หากแต่เป็นพระภิกษุ ด้วย "เอหิภิกขุ-อุปสมบท" ทั้งสิ้น.​


    ด้วยเหตุนี้ เราจึงเรียกการประชุมใหญ่นี้ว่า "จาตุรงคสันนิบาต"

    ซึ่งหมายถึง การประชุมพร้อมกันด้วยองค์ ๔ ดังกล่าวมาแล้ว​

    ทั้งหมดนี้ ดิฉันกล่าวตาม อรรถกถา ปัญญจสูทนี ภาค ๓ (หน้า ๑๙๗-๑๙๘)​

    ตอนที่แก้ ทีฆนสูตร มัชฌิมปัณณาสก์​

    ทีขนสูตร นี้...ส่วนมาก รู้จักกันในชื่อว่า "เวทนาปริคคหสูตร"

    ฯลฯ​

    จากพระวินัย มหาวรรค และ อรรถกถา ที่แสดงไว้ ทำให้ทราบว่า​

    หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เมื่อวันเพ็ญเดือนวิสาขะ คือ เดือน ๖​

    ณ ใต้โคนไม้พระศรีมหาโพธิ์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ฯ ตำบล อุรุเวลา​

    แล้วประทับเสวยวิมุตติสุข อยู่ ณ บริเวณนั้น ๗ สัปดาห์ จึงได้เสด็จไปเมืองพาราณสี​

    เพื่อทรงโปรด พระปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน....ให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์​

    แล้วทรงประทับจำพรรษาแรก อยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน นั้นเอง.​


    ในระหว่างพรรษา...ทรงโปรด พระยสะ และ สหายของพระยสะ ​

    ให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์.​


    ครั้นออกพรรษาแล้วได้เสด็จโดยลำพังไปที่ตำบลอุรุเวลาอีก​

    เพื่อโปรดชฎิล ๓ พี่น้อง คือ อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ คยากัสสปะ​

    และ บริวารอีกพันคน ให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์.​


    จากนั้น...ได้เสด็จไปยังกรุงราชคฤห์ พร้อมกับพระภิกษุ ๑,๐๐๐ รูป ผู้เคยเป็นชฎิล​

    เมื่อถึงกรุงราชคฤห์ ได้ประทับอยู่ ณ ลัฎฐิวโนทยาน หรือ สวนตาลหนุ่ม ​

    ใกล้กรุงราชคฤห์.​


    ณ ที่สวนตาลหนุ่งแห่งนี้...ทรงโปรด พระเจ้าพิมพิสาร พระราชาแห่งแคว้นมคธ​

    ให้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน.​


    ในวันรุ่งขึ้น ได้เสด็จไปเสวยพระกระยาหาร ณ พระราชนิเวศน์ของพระเจ้าพิมพิสาร​

    พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์.​


    ทรงรับพระราชอุทยานเวฬุวัน ซึ่งพระเจ้าพิมพิสารถวายแด่พระภิกษุสงฆ์​

    อันมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน​

    พระบรมศาสดาทรงอนุญาต เวฬุวัน ให้เป็นอารามของพระภิกษุสงฆ์ ​

    และ ทรงประทับอยู่ ณ อารามนี้.​


    เวฬุวนาราม หรือ พระเวฬุวันวิหาร จึงเป็นอาราม หรือ วัดแห่งแรก

    ในพระศาสนาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้.



    [​IMG]












    พุทธรักษา

    วันที่ 14 ก.พ. 2554 08:11

    ความคิดเห็นที่ 1

    [​IMG] <INPUT class=noborder type=checkbox align=middle value=1 name=c_sel[1]>




    ณ เวฬุวันวิหารนี้เอง พระพุทธองค์ ทรงได้อัครสาวกทั้งสองคือ​

    ท่านพระมหาโมคคัลลานะ และ ท่านพระสารีบุตร​

    รวมทั้งบริวารปริพาชก ๒๕๐ คน ที่เคยเป็นบริวารของพระอัครสาวกทั้งสอง​

    เข้ามาอุปสมบทด้วย.​


    ท่านพระมหาโมคคัลลานะ บรรพชาอุปสมบทได้ ๗ วัน จึงบรรลุเป็นพระอรหันต์​

    ส่วนท่านพระสารีบุตร บรรพชาอุปสมบทได้ ๑๕ วัน จึงบรรลุเป็นพระอรหันต์​

    วันที่ท่านพระสารีบุตรบรรลุเป็นพระอรหันต์ ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ คือ เดือน ๓​

    อันเป็นเดียวกับวันประชุมพระอรหันตสาวก นั้นเอง.​

    ฯลฯ​

    .​


    ขออันเชิญ "พระโอวาทปาฏิโมกข์"

    พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงว่า


    ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา

    นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา

    น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี

    สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต ฯ

    สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา

    สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธานสาสนํ ฯ

    อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาฏิโมกฺเข สํวโร

    มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญจ สยนาสนํ

    อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธานสาสนํ ฯ

    .


    ขันติ คือ ความอดกลั้น เป็น ตบะ อย่างยิ่ง

    พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ตรัส พระนิพพาน ว่า เป็นยอด.


    ผู้ทำร้ายผู้อื่น ไม่จัดว่า เป็น บรรพชิต

    ผู้เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ชื่อว่า สมณะ.


    การไม่ทำบาป ทั้งปวง ๑

    การทำกุศลให้ถึงพร้อม ๑

    ความยังจิตให้ผ่องแผ้ว ๑


    ๓ อย่างนี้ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.


    การไม่ว่าร้าย ๑

    การไม่ทำร้าย ๑

    ความสำรวม ในพระปาฏิโมกข์ ๑

    ความเป็นผู้รู้ประมาณ ในโภชนะ ๑

    ที่นั่ง ที่นอน อันสงัด ๑

    การประกอบความเพียร ในอธิจิต ๑


    ๖ อย่างนี้ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.


    ฯลฯ​













    พุทธรักษา

    วันที่ 14 ก.พ. 2554 08:40

    ความคิดเห็นที่ 2

    [​IMG] <INPUT class=noborder type=checkbox align=middle value=2 name=c_sel[2]>



    แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ตรัสพระโอวาทปาฏิโมกข์ แก่พระภิกษุ​

    แต่ คฤหัสถ์ ผู้มุ่งปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก็ควรน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติตาม ตามกำลัง.​


    พระองค์ทรงสอนให้อดทน อดกลั้น ​

    เพราะผู้ที่ขาดความอดทน ขาดความอดกลั้น ย่อมไม่สามารถละ-บาปธรรม​

    ไม่สามารถเข้าถึงพระนิพพาน อันเป็นยอดแห่งธรรมทั้งหลายได้.​


    ทรงสอนให้ละเว้นการกระทำบาป-อกุศล ทั้งปวง ​

    ทรงสอนให้เจริญกุศลทั้งปวง ตั้งแต่กุศลขั้นต่ำสุด​

    ไปจนถึงกุศลขั้นสูงสุด คือ อรหัตมรรค​

    ชำระจิตให้ผ่องแผ้ว ปราศจากกิเลสทั้งปวง ด้วย อรหัตผล.​


    ทั้งหมดนี้ คือ คำสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์.​

    ฯลฯ​

    .​


    พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ในท่ามกลางพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป นั้น​

    ล้วนแต่เป็นธรรมข้อปฏิบัติ...เพื่อให้บรรลุพระนิพพาน ​

    อันเป็นจุดหมายสูงสุด ในพระพุทธศาสนา ทั้งสิ้น.​


    แม้พระพุทธองค์ ทรงแสดงธรรมเหล่านี้แก่พระอรหันต์ ​

    ผู้บรรลุจุดหมายอันสูงสุดในพระพุทธศาสนาแล้ว​

    แต่ พระองค์ทรงประสงค์จะประกาศ "หัวใจของพระพุทธศาสนา"

    คือ

    ศีล สมาธิ ปัญญา

    .​


    ผู้ที่จะถึงพระนิพพานได้นั้น​

    ต้องปฏิบัติตามพระธรรมที่พระองค์ทรงยกขึ้นมาแสดงนี้ เท่านั้น.​


    แม้ท่านจะยังไม่ปรารถนาพระนิพพาน​

    ท่านก็จะประสพกับความสุข ความเจริญ เป็นอย่างมาก​

    เพราะอานิสงส์ของการเจริญกุศล ประพฤติธรรม นั้น มีมากมาย​

    ส่วนท่านที่ประพฤติปฏิบัติธรรมเหล่านี้อยู่แล้ว​

    ก็ควรที่จะน้อมประพฤติปฏิบัติตาม ​

    "พระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า" ​

    ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป...จนกว่าจะบรรลุ "อมตธรรม" ​

    คือ "พระนิพพาน" อันเป็นยอดแห่งธรรมทั้งมวล.​

    .​


    การน้อม-รำลึกถึง พระองค์ท่าน ในวันมาฆบูชา นั้น

    ไม่มีอะไร ดีไปกว่า.....​

    การประพฤติปฏิบัติตาม พระธรรมคำสอนของพระองค์ท่าน.





    วัดเวฬุวันมหาวิหาร หรือ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน

    เป็นอาราม (วัด) แห่งแรกในพระพุทธศาสนา ​

    ตั้งอยู่ใกล้เชิงเขาเวภารบรรพต บนริมฝั่งแม่น้ำสรัสวดี​

    ซึ่งมี ตโปธาราม (บ่อน้ำร้อนโบราณ) คั่นอยู่ระหว่างกลาง​

    นอกเขตกำแพงเมืองเก่าราชคฤห์ (อดีตเมืองหลวงของแคว้นมคธ))​

    รัฐพิหาร ประเทศอินเดียในปัจจุบัน ฯ​


    (ภาพจากสารานุกรมเสรี วิกิพิเดีย)​


    .........................ขออนุโมทนา.......................​

    จาก.....บ้านธัมะ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2011
  13. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810

    จะดีหรือลุง แล้วใช้หัวข้อกระทู้อะไรดีล่ะคะ
    แล้วต้องไปอยู่ห้องไหนหรือลุง

    (เอะไม่ได้หลอกลวงเอาตังส์ของท่านมานะ ฟังยังงัยอยู่แฮะ)

    ใช่ลุงเขามีบอกว่าเราไม่ได้หลอกลวงเงินท่านมานะท่านให้
    มาด้วยความเต็มใจ ถ้าเราหลอกขอให้ .... จำไม่ได้ประมาณว่า
    เขาจะตกนรกหรือไงนี่แหละค่ะ มีสาบานด้วยนะลุง
     
  14. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    พวกนี้ไม่กลัวนรกหรอกนังนู๋

    เตือนภัยใกล้ตัว....เจอมาแล้วกับตัวเองจึงบอกต่อ....ใครเคยโดนหลอกย่างนี้บ้าง
    คุณอาจจะเจอแบบนี้บ้างก็ได้........เล่าไป........เล่าไป
    กระทู้น่าจะเป็นจักรวาลนั่นแหละ เหมือนเป็นการบอกกล่าว
     
  15. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    ได้เลยเจ้าค่ะ เจ้าคุณลุง เดี๋ยวหลานจัดให้
    แบบกิ๊บเก๋สเตชั่นเลยนะคะ คุณลุงเจ้าขา อิ อิ....
     
  16. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    [​IMG]
    วันแห่งความรัก





    เดือนนี้มีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันมาฆบูชา ซึ่งเป็นวันที่พระผู้มีพระภาค
    อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศโอวาทปาติโมกข์ หลักคำสอนในพระพุทธศาสนา
    หลังจากทรงตรัสรู้และทรงแสดงธรรมแล้ว ๙ เดือน เพื่อเป็นหลักในการเผยแพร่พระ-
    พุทธศาสนา และวันนี้มักจะใกล้กับวันวาเลนไทน์ซึ่งเป็นวันที่ชาวโลกนิยมกันว่า เป็นวัน
    แห่งความรัก เป็นวันแสดงออกซึ่งความรักที่มีต่อกัน ด้วยการมอบดอกกุหลาบสีแดง
    หรือช็อตโกแล็ตรูปหัวใจให้แก่กัน ซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบของคนทั่วโลก บางท่านก็เลย
    นำวันมาฆบูชากับวันแห่งความรักมาเชื่อมโยงกัน แต่ที่จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย
    วันนี้ (เสาร์ที่ ๑๙ ก.พ. ๕๓) ทางมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้นำพระ-
    สูตรเรื่อง ปิยสูตร (ว่าด้วยผู้ไม่รักตนและผู้รักตน) มาสนทนา (คือ มาสาธยาย หมายถึง
    ทบทวนด้วยการอ่านและซักถาม เพื่อให้เกิดความเข้าใจยิ่งขึ้นด้วยภาษาไทย เพราะถ้า
    กล่าวเป็นภาษาบาลี ที่มักเข้าใจว่า เป็นการสวดมนต์นั้น ไม่เป็นที่เข้าใจโดยทั่วกัน บาง
    ท่านก็เลยเข้าใจว่า ที่มูลนิธิฯ ไม่มีการสวดมนต์ แต่ที่จริงแล้ว มีการสาธยาย คือ
    ทบทวนคำสอนที่เป็นพระสูตรต่างๆนั้นเป็นภาษาไทย เพื่อให้ถึงจุดประสงค์ที่สำคัญใน
    การศึกษาพระธรรม คือ เข้าใจคำสอนมากยิ่งขึ้น)

    ท่านอาจารย์สรุปว่า ผู้รักตน ย่อมไม่ทำอกุศลกรรม เพราะจะได้รับผลเป็นอกุศลวิบาก
    ในภายหน้า ขณะที่ทำร้ายผู้อื่น คือ ทำร้ายตัวเอง ผู้ที่ยังเห็นว่าเป็นตัวตนอยู่ ยังชื่อว่า
    ไม่รักตน และที่สำคัญที่สุด คือ
    ทุกวันควรเป็นวันที่เข้าใจพระธรรม ถ้าเป็นอย่างนั้น
    จึงจะชื่อว่า รักตน อย่างแท้จริง



    จาก บ้านธัมมะ



     
  17. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +16,491
    [​IMG]

    ปี๋..ยางไม่หลอก หรอกจ้า ๆ ๆ มากระทุ้งกระทู้แย๊วววว

    ถาม- คุณลุงหมานยังสบายดีอยู่หรือเปล่า
    ตอบ- ม่ะรู้จ้า ๆ ๆ ทักทายปายก็บอกว่าไม่อยู่น่ะ แจ้งข่าวลูกหลานหน่อยเน้อ ๆ
     
  18. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG] เข้ามาอ่านทุกๆบทความค่ะ

    คุณลุงเงียบไป...สงสัยคอม...คุณลุงป่วย อีกแระ?
     
  19. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
    [​IMG]ครือ....เมื่อหลายวันก่อน ....ลุงอ่านหนังสือ วันนี้ลุงเลยอ่านหนังสือ พรุ่งนี้ลุงก็คงอ่านหนังสือ
     
  20. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    กษัตริย์ขึ้นครองราชย์ทำปิตุฆาตถึง ๖ สมัยติดต่อกัน<O:p</O:p
    แคว้นมคธกลายเป็นเวทีสำคัญทางประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาอยู่นานถึง ๑๕๐๐ ปี ความเสื่อมความเจริญของพระพุทธศาสนาในยุคหลัง ขึ้นอยู่กับ สถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น อาณาจักรมคธในตอนหลังๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในด้านต่างๆ จักรวรรดิของมคธขยายออกไป เมื่อพระเจ้าอชาตสัตรูยกกองทัพเข้าย่ำยีวัชชี หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานผ่านไป ๓ ปี สามารถยึดครองวัชชีได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันพระเจ้าวิทูฑภะ ซึ่งยกกองทัพไปตีกบิลพัสดุ์ก่อนพุทธปรินิพพาน กลับมายังไม่ทันเข้าเมืองสาวัตตถี ก็ถูกแม่น้ำอจิรวดีหลากท่วมกองทัพ พระเจ้าวิทูฑภะสวรรคต พร้อมด้วยทหารตายเป็นอันมาก กาสีและโกศลจึงเข้าอยู่ในความปกครองของพระเจ้าอชาตสัตรู ในฐานะราชบุตรเขย และพระปนัดดาของพระเจ้าปเสนทิโกศล ต่อมาพระเจ้าอชาตสัตรูได้ย้ายเมืองหลวงมาตั้งที่ปาฏลิคาม เรียกว่าเมืองปาตาลีบุตร ได้เสวยราชสมบัติต่อมาหลังพุทธปรินิพพานได้ ๑๗ ปี

    ก็ถูกพระเจ้าอุทัยภัทรราชโอรสแย่งสมบัติ ปลงพระชนราชบิดา เพราะแค้นที่พระเจ้าอชาตสัตรูกักขังพระเจ้าพิมพิสารพระอัยกาของพระองค์จนสวรรคต<O:p</O:p
    พระเจ้าอุทัยภัทรย้ายราชธานีมาตั้งที่กุสุมปุระ หรือบุบผาบุรีห่างจากปาตลีบุตรประมาณ ๒-๓ ไมล์ พระอุบาลีเถระนิพพานในรัชสมัยของพระเจ้าอุทัยภัทร ๆ ได้เสวยราชสมบัตินาน ๑๖ ปี

    ก็ถูกพระเจ้าอนุรุทธราชโอรสปลงพระชนม์ แย่งราชสมบัติด้วยเหตุผลอันเดียวกันคือพระราชบิดาฆ่าพระอัยกา พระเจ้าอนุรุทธราชเสวยราชสมบัติ ๔ ปี


    ก็ถูก พระเจ้ามุณฑกราชโอรสปลงพระชนอีก แล้วเสวยราชสมบัติมาได้ ๔ ปี ก็ถูกพระเจ้านาคสกะราชโอรสปลงพระชนม์อีก โดยอ้างเหตุผลเช่นเดียวกันกับองค์ก่อน พระเจ้านาคทาสกะ เสวยราชได้นานถึง ๒๔ ปี<O:p</O:p

    ประชาชนเห็นว่าราชวงศ์นี้เป็นราชวงศ์ปิตุฆาต อำมาตย์เชื้อสายกษัตริย์ลิจฉวีแห่งแคว้นวัชชีชื่อสุสูนาค ได้จับพระเจ้านาคทาสกะปลงพระชนม์เสีย แล้วปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ครองราชย์สมบัติแทน และย้ายราชธานีมาอยู่เมืองเวสาลี อันเคยเป็นราชธานีของแคว้นวัชชีมาก่อน พระเจ้าสุสูนาคเสวยราชสมบัติอยู่นาน ๑๘ ปีก็สวรรคต

    ราชโอรสของพระองค์ทรงพระนามว่า กาฬาโศกราช ได้เสวยราชสมบัติสืบต่อมา พระเจ้ากาฬาโศกราชเสวยราชเสวยราชสมบัติตกประมาณ พ.ศ. ๙๐ เหตุการณ์ทางพระพุทธศาสนาในช่วง ๙๐ ปีไม่ปรากฏหลักฐาณอย่างแน่ชัดว่าเป็นอย่างไรบ้าง <O:p</O:p

    คัดลอกมาจากหนังสือประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ พระเทพดิลก ( ระแบบฐิตญาโณ )<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กุมภาพันธ์ 2011

แชร์หน้านี้

Loading...