ขอคำแนะนำเรื่องกสิณลมหน่อยนะครับ

ขอบคุณครับผมก็พึ่งทราบเหมือนกันครับว่าที่ทำอยู่คือกสินลม แต่ลมที่โดนตัวเรามันไม่ได้กระทบที่เดิมตลอดอ่ะครับ หมายความว่าเวลาที่จับความรู้สึกนี่ต้องโยกไปจับตรงที่ลมมากระทบตัวใช่ หรือป่าวครับ ขอคำเเนะนำด้วยครับ

 

กรรมฐาน การกระทำที่เป็นฐาน

การถือเอาด้วยการถูกต้อง ท่านให้ถือเอาการที่ลมพัดมากระทบตัวเป็นอารมณ์

ไม่ใช่ว่ากระทบ อวัยวะส่วนใด แล้วเราไปโยกตาม นะครับ -.-

ลมจะกระทบตรงไหน อวัยวะส่วนใด เราไม่ได้ไปตาม ไปโยกตามลมที่โดนกายตามส่วนต่างๆนะครับ

ลมจะกระทบตรงไหนก็แล้วแต่ ลมจะเปลี่ยนไปกระทบตรงอื่นก็แล้วแต่ ไม่ต้องไปโยกตามลม ครับ

ถ้ายังไม่เข้าใจก็ให้ดู กสิณกองอื่นๆ นะครับ

เพ่งดิน เพ่งน้ำ อื่นๆ เราไม่ต้องไปโยกตามอะไรใดๆ ที่ไหน ครับ


ลม ก็เหมือนครับ ใช้หลักการเดียวกันครับ ไม่แตกต่าง จากกสิณกองอื่นๆ

 

ต้องเข้าใจหรือจัยของโรคหรือโลกก่อน
ว่าท่านกล่าวว่าอย่างไร

โรคดีกับโลกลม...โรครม...โรคลม
ลมไหนขอรับ
ท่านเอาลมไหนมาพิจารณาขอรับ

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

ท่านซาเบอร์กล่าวเรื่องผัสสะหรือไม่อย่างไรขอรับ
สิ่งที่อยู่ในอากาศ
อะไรเป็นเหตุให้พิจารณาขอรับ

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ๔๐ กอง

โดย พระราชพหรมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)



วาโยกสิณ

วาโยกสิณ แปลว่า เพ่งลม การถือเอาลมเป็นนิมิตนั้น ท่านกล่าวว่าจะถือเอาด้วยการ
เห็นหรือจะถือเอาด้วยการกระทบก็ได้
การกำหนดถือเอาด้วยการเห็น ท่านให้ถือเอาการที่ลมพัดถูกต้องปลายหญ้าหรือปลายไม้
เป็นอารมณ์เพ่งพิจารณา
การถือเอาด้วยการถูกต้อง ท่านให้ถือเอาการที่ลมพัดมากระทบตัวเป็นอารมณ์ สมัยนี้
การถือเอาลมกระทบจะใช้พัดลมเป่าแทนพัดลม หรือถือเอาการเห็นต้นหญ้าต้นไม้ที่ไหวเพราะ
ลมพัด จะใช้พัดลมเป่าให้ไหวแทนลมธรรมชาติก็ได้ เมื่อเพ่งพิจารณาอยู่ ให้ภาวนาว่า
วาโยกสิณัง ๆๆๆ
อุคคหนิมิตของวาโยกสิณนี้ ปรากฏว่ามีการไหวๆ คล้ายกับกระไอแห่งการหุงต้มที่มี
ไอปรากฏมากระทบจักษุ พูดให้ชัดเข้าก็คือ มีปรากฏการณ์คล้ายตามองเห็นไอน้ำที่ต้มเดือดแล้ว
นั่นเอง มีอาการปรากฏขึ้นอย่างนั้น
สำหรับปฏิภาคนิมิต มีอาการปรากฏภาพเหมือนไอน้ำที่ลอยขึ้น แต่ไม่เคลื่อนไหวหรือ
คล้ายกับก้อนเมฆบาง ที่ลอยอยู่คงที่นั่นเอง อาการอื่นนอกจากนี้เหมือนในปฐวีกสิณ

 

กระผมขอเรียนถามท่านซาเบอร์ขอรับ
ลมเขาพัดมาอย่างไร

เขาไหลมาเหมือนน้ำ
พัดมาเหมือนคลื่น
หรือหมุนมาเหมือนเกลียวขอรับ

แล้วการพิจารณาลมนี้เราพิจารณาอะไร

การเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปหรือไม่อย่างไร

เขาสลาย อันตราโย หรือนิโรคันตรายไปทางได้
หรือสวาหายะหรือไม่อย่างไร

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

วิธีฝึกของผม
1.วิธีแรก ใช้มือสองข้างทำท่าพนมมือ แล้วเอาออกจากกัน แล้วเข้าหากัน ภาวนา วาโยกสิณัง ให้สังเกตุพลังของมือสองข้าง ถ้ามองไม่ออก ให้นึกเหมือนมีไอน้ำวิ่งเข้าหากันวิ่งเข้าออกจากกัน มองไปเรื่องๆ ก็เกินความชิน สามารถนึกขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ นึกแล้วใจสบาย เบาใจ สบายใจ เกิดปิติ เมื่อคำภาวนาหายจะเงียบ มือจะวางแล้วก็ไม่ต้องสนใจมัน (สมาธิใช้งาน) แล้วต่อด้วยพิจารณากาย สังเกตุกายตั้งอยู่ดับ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มันทนสภาพเดิมไม่ได้ ทำเรื่อยๆนะครับบ่อยๆจนเกิดความชิน รักษาศีลเป็นปกติ

ขอให้เจริญให้ธรรม ผมก็กำลังฝึกอยู่ครับ


ขอบคุณครับ

 

จินตนาการภาพกิ่งไม้เคลื่อนเวลาโดนลมไหว และให้ภาพเป็นทรงกลม
แค่นั้นแหละไม่ได้ยากอะไร พออ่านกระทู้นี้ดิฉันยังเห็นภาพเลย
แต่การจะคงภาพให้นิ่งนาน ชัดจนเข้าฌาณสี่ อันนี้ยาก

 

วิธีที่ 2
สำหรับบางคนที่ถนัดอานาปานุสติ อยากฝึกบ้าง ใช้คำภาวนาว่า พุทโธ ตรงนี้ถ้าจิตชินแล้วนะครับ แล้วสังเกตุลมเข้าออก เอาแค่เพียงปลายจมูกก็พอ ให้ดูลมเข้าออก ว่าเป็นดังเหมือนไอน้ำ เข้าออกรู้สึกสดชื่น แล้วก็ต่อด้วยพิจารณากาย เกิดตั้งดับ เหมือนกัน
สมาธิที่ใช้งานได้ต้องรู้สึกโปร่งโล่งเบาสบายนะครับ

สำหรับผู้ที่คล่องแล้วก็จะสามารถเหาะได้นะครับ ผู้ที่จริตทางด้านนี้มักจะฝันว่าตนลอยได้นะครับ ผมยังไม่ได้ สู้ๆอยู่เหมือนกัน ขอให้เจริญให้ธรรมของสมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยิ่งขึ้นไป ครับ

ไม่ต้องไปอยู่ห้องที่เงียบหรอกครับ ถ้าทำจนบ่อยๆ ทำบ่อยๆ จะเกิดความชินครับ ความชินก็คือ การเข้าณาณ
จะต้องตั้งท่านานอันนั้นไม่ได้เรื่อง ต้องนึกแล้วมาครับ ถึงจะได้เรื่องครับ ไม่ต้องไปอยากได้อะไร ไม่อยากเป็นอะไร ทำใจเบาๆ วางกายวางใจ
ปล.ลืมบอกไป ก่อนธรรมต้องกราบพระก่อนนะครับ แล้ว มอบกายให้แด่พระรัตนตรัย
อิมาหัง ภควา อัตตภาวัง ตุมหากัง ปริจจะฉามิ

ประสบการณ์ทางกายลอย ไว้เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง สำหรับเป็นกำลังใจสำหรับผู้ปฏิบัตินะครับ

 

1.เวลาเราเพ่งลม และหลับตาจำ มันมีลักษณะเป็นอย่างไรเหรอครับภาพในหัวอ่ะครับ
ตอบ...จินตนาการเป็นวงกลมสิครับ (มาตราฐาน)

2.เวลาเราเริ่มเข้าฌาน2 (ละวิตก วิจาร) แล้ว ภาพจะเป็นอย่างไรเหรอครับ
ตอบ...ควรจะเป็นวงกลมนั่นแหละครับ แต่บางคนยังไม่เป็น ต้องกำหนดจิตพยามบีบให้เป็นวงกลมให้ได้
ลมเป็นธาตุไร้รูป การจะนำมาฝึกโท่งๆ จะกลายเป็นอรุปฌานไปเสีย
กสิณลมนั้น ต้องฝึกคู่กับวัตถุทรงกลม คือจ้องรูปวงกลมใดๆ ให้ติดตา
ทำบ่อยๆเข้าจนมีความคุ้นชินกับวงกลม แล้วจึงเริ่มเข้าสมาธิ
แล้วเกิดนิมิตเป็นหมอกหรือควันหรือจะเป็นถ้ำก็ดี
พยามกำหนดให้เป็นวงกลม ให้วงกลมโผล่มาให้ได้
เมื่อวงกลมโผล่มา ให้สนใจแต่วงกลม ไม่ต้องไปสนนิมิตหมอกควันหรือถ้ำ หรือนิมิตอื่นๆ

3.วิตก วิจาร ในกสิณลมมันคืออะไร ลักษณะอย่างไรครับ
ตอบ... วิตก คือ การกำหนดให้นิมิตยังทรงสภาพเป็นวงกลมอยู่
วิจาร คือ กำหนดความรู้สึกที่มีต่อนิมิตวงกลมนั้นว่า คืออากาศ
ถ้าละวิตกวิจารไปแล้ว วงกลมนิมิตจะยังอยู่ หรือไม่อยู่ก็ได้
แต่ความรู้สึกว่าเราจดจ่ออยู่ที่วงกลมนิมิตนั้นและ
ความรู้สึกว่าวงกลมนั้นเป็นอากาศ อารมณ์ทั้งสองนี้ จะถูกเพิกไป

4.ใครมีเคล็จลับเพิ่มเติมช่วยแนะนำหน่อยนะครับ
ตอบ...กสิณเขาว่ามีมากมาย พุทธองค์ยกมาแสดงสิบอย่าง
แต่พื้นฐานกสิณมันก็มีแค่อย่างเดียง คือกำหนดนิมิตวงกลมเพื่อเข้าฌาน
จะเป็นสี เป็นแสง เป็นวัตถุ หรือจะเป็นอะไรก็ตาม
กสิณก็คือการกำหนดให้เห็นรูปทรงหรือวัตถุเป็นนิมิตในสมาธิเพื่อเข้าฌาน
ไม่ต้องไปใส่ใจว่าตนจะถูกจริตกับกสิณใดๆ เพราะมันเหมือนกัน
ได้หนึ่ง ก็เท่ากับได้ทั้งหมด เบื่อลม ไปเล่นไฟ เบื่อไฟ ไปเล่นแสง ไปเล่นสี
ทำได้ทั้งหมด สามารถสลับกันฝึก และสามารถต่อยอดกันได้ทั้งหมด
การไปยึดติดกับกสิณเดียว จะทำให้อึดอัดหงุดหงิดได้

 

ถ้ายังทำภาพวงกลมไม่ได้นะ ไปฝึกสิณสี ก่อนดีไหม
เอากระดาษสีอะไรก็ได้ตัดเป็นวงกลมใช้กระป๋องอะไรก็ได้วาด
ตามก้นกระป๋องและตัดกระดาษ เอาไปแปะ ให้มองตรงจุดศูนย์กลาง
ถ้าเคร่งจริงๆ สามวัน สี่วัน ก็ติดตาแล้ว แตสีมันจะยังไม่ตรงตามที่เราเพ่ง