การเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นไปได้หรือไม่หลังปรินิพพาน

บดินทร์จ้า · 10 มิถุนายน 2011

ฅนรักควาย said: ↑

อยากทราบความเห็นของ้พื่อนๆการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นไปได้หรือไม่หลังปรินิพพานแล้ว แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวผมขออุบไว้ก่อน
Click to expand...

สมมุติ ว่าผมมีกระท่อมอยู่หลังหนึ่งไว้คอยอาศัย แล้วอยู่มาวันหนึ่งกระท่อมนี้เกิดชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา จนกระท่อมนี้ไม่อาจจะตั้งอยู่ได้ผุพังไปแล้ว ผมไม่ปราถนาที่จะสร้างกระท่อมหลังใหม่อีก แล้วคุณต้องการมาหาผม
คุณจะได้พบแต่ตัวผม อยู่ แต่กระท่อมที่ผมเคยอาศัยอยู่ก่อนที่ท่านจะมาพบผม ท่านจะเห็นหรือไม่ ท่านจะสามารถคาดเดาได้หรือไม่ว่ากระท่อมผมมีลักษณะเช่นไร แต่เพราะผมมีรูปถ่ายให้ท่านดูท่านจึงสามารถรู้ได้ แต่ทีนี้ถ้าหากตัวผมเกิดตายไปแล้ว กระท่อมที่อยู่ก็พังไปแล้ว คุณจะพบเห็นผมได้หรือไม่
ท่านก็ต้องตอบว่า ไม่
นั่นแล กระท่อมคือ กายนี้ คุณก็จะไม่เห็นอีกต่อไป
ตัวผมที่สมมุติ คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้ คุณก็จะไม่เห็นอีกต่อไป

แต่ใช่ว่าไม่เห็นแล้วจะไม่นับถือนะ
เพราะมีพระธรรม ๘๔๐๐๐ เป็นศาสดาหรือเป็นตัวแทนของพุทธองค์

“ภิกษุทั้งหลายกายของตถาคตยังดำรงอยู่ตราบใดเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมยังสามารถเห็นตถาคตได้อยู่ตราบนั้นแต่เมื่อตถาคตดับขันธ์แล้วเทวดาและมนุษย์ก็ไม่อาจเห็นตถาคตได้อีก”
<O.............................................................
"พระมหาโพธิสัตว์ศรีอารย์เมตไตรยและ เทพเจ้าผู้มีฤทธิ์ มีอยู่ ท่านมีฤทธิ์มากพอที่จะเนรมิตร่างกายได้ต่างๆ ให้บุคคลที่มีความศรัทธาในพุทธองค์ให้ได้เห็น ให้ได้ยิน และช่วยอบรมสั่งสอนผู้คนให้อยู่ในกุศลธรรมอันดี เพื่อความตั้งมั่นอยู่ได้นาน ตลอด 5000 ปี ตามที่พุทธองค์ได้บอกไว้"
...........................................................
<Oพระทัพพมัลลบุตรเหาะขึ้นสู่เวหาสนั่งขัดสมาธิมีเตโชธาตุเป็นอารมณ์อยู่ในอากาศกลางหาว<O></O>
ออกแล้วปรินิพพานสริระถูกไฟเผาไหม้อยู่เถ้าถ่านไม่ปรากฎเขม่าก็ไม่ปรากฎ<O></O>
พระพุทธเจ้าทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า<O></O>
รูปกายได้สลายแล้วสัญญาดับแล้วเวทนาทั้งปวงเป็นธรรมชาติเย็นแล้ว<O></O>
สังขารทั้งหลายสงบแล้ววิญญาณถึงความตั้งอยู่ไม่ได้<O></O>

</O></O>.................................................

๛อาภากร๛ · 9 มิถุนายน 2011

มีพุทธพจน์ลองรับอยู่ ดูกรอานนท์หลังจากตถาคต ปรินิพพาน จะไม่มีผู้ใดเห็นพระตถาคตอีก ลองสืบค้นดูจาก พุทธวจน์จากพระโอษฐ์เอานะครับ ในส่วนของชั้นอรรถกถา ฎีกา และครูบาอาจารย์อื่นๆ ก็อีกเรื่องหนึ่งครับ มันอยู่ที่ว่าใครจะเอาข้อมูลฝ่ายไหนเป็นที่ยุติ

ส่วนตัวผมเองนั่งดูอรรถ ของอนัตตลักขณสูตร และ อาทิตปริยายสูตร มีความเห็นและความเข้าใจในส่วนอรรถ ซึ่งเกี่ยวโยงกับกระทู้นี้ได้พอเข้าใจในแบบปริยัติส่วนนึง ลองศึกษาดูนะครับ เรื่องบางอย่างแม้จะไม่ถึงธรรมจริงๆ แต่ถ้าขบอรรถได้ขยายอรรถไปเรื่อยๆจากหลายๆพระสูตรในส่วนของพุทธวจนะ มีข้อสรุปทางธรรม

ในส่วนที่ว่าพระพุทธศาสนาจะมีอายุ 5000 ปี พอครบกาลพระพุทธเจ้าจะเสด็จขึ้นไปแสดงธรรมในครั้งสุดท้าย ก่อนที่พระธาตุทั้งหลายจะอันตรธานหายไป อันนี้เป็นอรรถกถา ทั้งสิ้น ไม่ใช่พุทธพจน์ คือผม

เข้าใจว่าหลายคน จับ พุทธวจน์ อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และอื่นๆ มาปนกัน และรวมทั้งหมดเป็นชั้น พุทธพจน์ ซึ่งยังไม่ถูกต้อง

เบญจพยัค · 9 มิถุนายน 2011

ผมว่าได้นะครับเคยไ้ด้ยินไหมครับผู้ไดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต

Tiger Dear's · 15 มิถุนายน 2011

เคยสนธนากับพระวิปัสนาจารย์ท่านนึง ท่านกล่าวว่า "บวชใหม่ๆจะไปนิพพาน บวชนานๆไม่รู้นิพพานอยู่ไหน บวชมาบวชไปไม่รู้อะไรเป็นนิพพาน" เพราะอะไรคงไม่ต้องอธิบายนะครับ อ่านกระทู้นี้ดูก็คงพอจะเข้าใจ

naron · 5 กรกฎาคม 2011

คนทำได้ก็บอกว่า เฝ้าได้ครับ ส่วนคนที่ยังทำไม่ได้ก็ จับอกว่า มันเป็นไปไม่ได้ครับ

ไม่ต้องคิดมากครับ จิถึงเมื่อไร ก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะผู้ปฏิบัติย่อมได้รับผล สมควรแก่การปฏิบัติครับ

ก็แต่ว่า ถ้าท่านถึงพระธรรมของพระองค์อยู่ กลัวอะไรกับการไม่เห็นพระองค์ท่านครับ

ถิ่นธรรม · 9 กรกฎาคม 2011

ถามเรื่องนิพพาน เ็นเรืองพ้นวิสัยสำหรับผู้ไม่เห็น เอาอย่างนี้คุณคนรักควาย ผมขอตั้งตำถามสัก 2 ข้อให้คุณตอบ ถ้าตอบได้ก็จะเข้าใจเรื่องที่คุณถามเอง
1. ความเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ที่ขันธ์ 5 หรือ
2. คุณเชื่อหรือไม่ว่าแม้ทรงปรินิพพานแล้ว แต่ถ้าใครบูชาพระองค์ก็จะได้บุญเป็นอันมาก ทำไมละ่ในเมื่อขันธ์ 5 ของพระองค์ดับสิ้นไปแล้ว

Freedom Soul · 20 พฤศจิกายน 2011

ฅนรักควาย said: ↑

ผมเป็นชาวพุทธครับแต่เชื่อว่าการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจะมีอ้างไว้ในพระไตรปิฏกก็ตาม ผมเคยบวชมา 7 พรรษาครับ เป็นความคิดเห็นส่วนตัว อยากทราบว่ามีใครคิดเหมือนผมบ้าง
Click to expand...

ผมเห็นด้วยว่าเป็นไปไม่ได้ ผู้ที่เห็นนั่นมารแน่แท้ แม้เป็นครูบาอาจารย์หลายท่านที่อ้างว่าเห็น ก็น่าจะพลาดต่อมาร เพราะสภาวะธรรมแห่งนิพพานน่าจะเป็นการดับสนิท ดังที่พระนาคเสน อธิบายต่อพระเจ้ามิลินดังนี้

 [FONT=&quot]ราชาสมเด็จพระเจ้ามิลินมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภันเต นากะเสนะ ข้าแต่พระนากเสนผู้เจริญ พุทโธอันว่าพระพุทธเจ้านี้ มีอยู่หรือ พระนากเสนจึงถวายพระพระว่า มหาราชะ ดูก่อนมหาบพิตร อันว่าพระพุทธเจ้านั้นมีอยู่จริง พระเจ้ามิลินจึงรับสั่งถามต่อไปว่า ถ้าเช่นนั้นพระผู้เป็นเจ้า อาจจะชี้ให้โยมเห้นได้หรือไม่ว่า ในขณะนี้ พระพุทธเจ้าเสด็จอยู่ตรงนั้น หรือว่าตรงนี้พระนากเสนก็เลยถวายพระพร ตอบไปว่า ดูก่อนมหาบพิตร สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปนานแล้ว จะหาเนื้อตัวก็มีได้แล้ว เพราะว่าถวายพระเพลิงไปแล้ว เพราะฉะนั้นจะให้อาตมาไปชี้ว่า ขณะนี้พระพุทธเจ้าประดับอยู่ตรงนั้นตรงนี้ อาตมาภาพก็จนใจ ไม่รู้จะชี้ยังไง ขอถวายพระพร พระเจ้ามิลินก็เลยรับสั่ง ถามว่าถ้าอย่างนี้นขอพระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดอุปมาเปรียบเทียบให้โยมฟังได้หรือไม่ พระนากเสนก็เลยถวายพระพรว่า ตังจิง มังนะสิ มหาราชะ ดูก่อนมหาราชะ พระองค์จะสำคัญ ซึ่งข้อความนั้นอย่างไร เปรียบเหมือนกับเปลวเพลิง ไฟที่มันรุ่งโรจน์โชคะนาการแล้วอยู่ๆเปลวเพลิงมันดับลงไป เหลืออยู่แต่ถ่าน ขี้เถา มหาบพิตรจะบอกอาตมาได้หรือไม่ว่า เมื่อไฟมันดับเหลือแต่ถ่าน แล้วตัวเปลวเพลิงมันไปอยู่ซะที่ไหน ตอบได้หรือไม่[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]พระเจ้ามิลินก็บอกว่า “ถ้าเช่นนั้นโยมจะบอกว่าอย่างไร ถ้าไฟมันดับไปแล้ว แล้วจะให้โยมมาอธิบายว่า เปลวเพลิงที่ดับไปแล้วอยุ่ตรงนั้นอยู่ตรงนี้ โยมจะทำอย่างไร”[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]พระนาคเสนก็เลยถวายพระพรว่า ฉันใดก็ฉันนั้นมหาบพิตร พระผู้มีพระภาคเจ้าก็เหมือนกัน พระองค์ดับขันธ์ ปรินิพานไปแล้ว ก็เหมือนกับเปลวไฟที่ดับ อาตมาภาพก็จึงจนใจ ไม่รู้ว่าจะชี้ให้มหาบพิตร เห็นได้อย่างไรว่าในขณะนี้พระพุทธจ้าอยู่ที่ไหน[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]พระเจ้ามิลินก็ ชื่มชมโสมนัส บอกว่าพระผู้เป็นเจ้าวิสัชนาได้เหมาะสมแล้ว[/FONT]

ลมไหว · 21 พฤศจิกายน 2011

การพบจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายหนึ่งยังครองสมมติอยู่แต่ก็สำหรับบางรูปที่มีอำนาจวาสนา แต่ต่างฝ่ายต่างไม่มีสมมติอยู่การแสดงสมมติต่อกัน ย่อมเป็นอฐานะ

thaijin · 21 พฤศจิกายน 2011

ปัญหาโลกแตกอย่างว่าฝ่ายไหนสอนแบบไหน ฝ่ายไหนถูกฝ่ายไหนผิด ถามหน่อยทุกวันนี้ยังหาข้อยุติไม่ได้หรือไงครับ ศาสนาประจำชาติแท้ ๆ เวรกรรม

tOR_automotive · 21 พฤศจิกายน 2011

ปรมัตถธรรม
สังขตธรรม จิต เจตสิก ต้องมีอารมณ์ วัตถุ มนสิการ ปรุงแต่ง
รูป ต้องมีกรรม จิต อุตุ อาหาร ปรุงแต่ง
-----------------------------------------------------
อสังขตธรรม นิพพาน ไม่ต้องมีอะไรปรุงแต่ง
-----------------------------------------------------
ก็ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ยังมีการเสวนากันได้อยู่หรือไม่?

ก็อย่างนี้
วิเสสลักษณะ ของนิพพาน มีเพียง ๓ ประการ คือ ลักษณะ รสะ ปัจจุปัฏฐาน เท่านั้น ไม่มีปทัฏฐาน

(แสดงความเห็นตามหลักการปรมัตถธรรม)

ความคิดเห็นส่วนตัว พลังที่จะสร้างโลกสมมุติขึ้นแล้วเข้าไปอยู่ในโลกสมมุตินั้น ๆ มีหรือไม่ เช่น นิพานเมืองแก้ว เป็นต้น?

ประวัติศาสตร์ที่น่าคิด คือ เรื่องราวของพระอุปคุตมหาเถระ ที่หลังจากปราบพญามารได้แล้ว และพญารมารได้เนรมิตรตนเป็นองค์สมเด็จพระสมณโคดม ตามคำขอของพระเถระ และเหล่าพุทธบริษัทได้พากันกราบไหว้บูชา ด้วยเหตุที่เกิดไม่ทันองค์สมเด็จนั้น เป็นข้อที่น่าคิดว่า ท่านบรรลุอรหันต์ระดับ ปฏิสัมภิทาญาณแล้ว แต่ทำไมยังกล่าวเช่นนั้น ทำไมไม่ไปเข้าเฝ้าท่านด้วยตนเองทั้งที่ก็มีฤทธิ์มากขนาดนั้น

สำหรับข้าพเจ้า ยังไม่ฟันธงว่าเป็นไปได้หรือไม่ แต่ยังไม่เชื่อครับ

พิชญากร · 22 พฤศจิกายน 2011

ตอนแรกอ่านกระทู้แล้ว รู้สึกว่า ไม่น่าเสียเวลาเลย แต่สุดท้ายแล้วอดตอบไม่ได้เพราะ....

..อ่านแล้วทำให้นึกถึงคุณพ่อที่เสียไปแล้ว ท่านบวชเรียนมาแต่เด็ก ท่านเล่าให้ฟังสมัยที่บวชเรียน การเป็นพระของท่านไม่ต่างจากฆราวาสเลย สิ่งแวดล้อมต่างๆในวัด บางทีท่านก็บอกว่า สมภารก็สั่งให้ฆ่าไก่มากิน บางทีฝนตกก็จับกบจับเขียดกิน เพราะสมัยก่อนชาวบ้านใส่บาตรน้อยอาหารการกินไม่ดี ไม่เพียงแต่คุณพ่อเท่านั้นที่เล่า แต่ก็มีไม่น้อยที่บวช แล้วพบเห็นว่า การเป็นพระไม่ได้แตกต่างจากคนปกติ เมื่อก่อนพระที่วัดในหมู่บ้าน ตอนเย็นๆก็ออกมานั่งมองสาวๆขับรถมอเตอร์ไซด์ผ่านไปผ่านมา..ใครสวยก็ผิวปากแซว คุณพ่อ,คุณตา หรือคนรู้จัก ส่วนใหญ่บวชแล้วเมื่อสึกออกมา ก็ไม่ค่อยเข้าวัดทำบุญ เพราะรู้และฝังใจว่าทำไปก็เท่านั้น...

..ดังนั้นจึงเข้าใจ เจ้าของกระทู้ค่ะ ที่คิดแบบนี้ พ่อของดิฉันบวชเรียนมามากกว่าคุณ บวชเป็นเณร แล้วก็มาเป็นพระ ท่านมักจะดุด่าว่ากล่าว คุณแม่เสมอเวลาที่คุณแม่ไปวัด ด่าพระด่าเจ้า จะไปไหว้พระทำไม ไหว้แล้วไม่ได้เงิน ไห้วท่านดีกว่าอีก...
..ทำให้คิดว่า มีหลายปัจจัยค่ะ เรื่องความเชื่อความศรัทธา อยู่ที่ำกำลังใจของแต่ละบุคคลด้วย แต่ถ้า่ถามดิฉัน ว่าดิฉันเชื่อหรือไม่ เมื่อก่อนอาจจะเฉยๆ แต่ตอนนี้พ้นจากความอวิชชามาแล้วค่ะ แต่ยังไม่ถึงกระพี้ แค่เปลือกก็ยังดีแล้ว อีกอย่าง ทั้งคุณแม่และดิฉันมีบุญอยู่บ้างที่ได้พบครูบาอาจารย์ที่ดี เรียกว่า เป็นพระสุปฏิบันโน คำสอนของท่านไม่ได้บิดเบือน คำสอนของท่านเข้าใจง่ายๆอยู่ที่การพิจารณาให้เห็นเท่านั้นเอง

..นิพพานไม่สูญ ที่สูญคือ กิเลส..ธรรม คือ ธรรมชาติ คือการมองง่ายๆ ขั้นเบสิคคือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

...ดังนั้น เมื่อนิพพานไม่สูญ พระอรหันต์หลายรูป ทั้งที่มรณะภาพไปแล้ว และยังไม่มรณะภาพ ท่านก็ยืนยันว่า นิพพานไม่สูญ ..

การจะไปนิพพานนั้น ต้องทำให้สูญจากกิเลส ถึงจะพบกับนิพพาน และพระพุทธองค์ได้ คนธรรมดาที่ยังกินเหล้า โกหกหลองลวง จะไปเจอพระพุทธองค์ท่านได้ไงค่ะ ...อ่านคำอ้างอิงจาก คุณพรานทะเล ก็น่าจะเข้าใจ และถ้าอยากรู้ ต้องลองปฏิบัติเอง ทำเอง รู้เอง

พุทธศาสนา ไม่ได้บอกให้เชื่อในสิ่งที่คนเค้าพูด หรือแม้แต่พระพุทธองค์ ท่านให้ฟัง และลองนำไปพิจารณา นำไปปฏิบัติเมื่อเห็นจริงจึงเชื่อ...โชคดีค่ะ

พรานทะเล said: ↑

พระพุทธองค์เป็นผู้ปราศจากกิเลส จิตใจใสสะอาดบริสุทธิ์

เราจะพบคนที่ไม่มีกิเลส ก็ต้องทำใจ ทำตัวเราไห้ไม่มีกิเลส

ด้วยความจริงใจ ทำได้ 1 นาที + ทิพย์จักขุญาณ ก็เจอพระองค์ได้ แค่ 1 นาที

แล้วเราก็จะคลาดกับพระพุทธเจ้า พระองค์อยู่เหมือนเดิม แต่ใจเรามันตก

ใจปุถุชน วันวัน กระแสกิเลส เข้าสิงใจ นับครั้งไม่ถ้วน แม้กระทั่งยามหลับ

นึกถึงเรากดสปริง เรากดไปจนมิดเปรียบได้กับ กิเลสหายไปสนิท พอเราผ่อน กิเลสก็

ค่อยๆกลับขึ้นมาท่วมท้นใจเรา

ถ้มีกิเลส แม้แต่เพียงธุลี เกิดขึ้นในใจ การพบพระพุทธเจ้าคลาดเคลื่อนแน่นอน

กำลังฌาณฝึกไห้ตั้งมั่น พอฌาณตั้งมั่น สติจะไพบูลย์ ตอนนี้ ไห้ไช้วิปัสสนาญาณ

อย่างเต็มที่ เต็มกำลัง เอาปํญญา ประหารกิเลสไห้ขาดสบั้นลงไป

ถ้าทำได้อย่างนี้แล้ว

ก็จะเข้าใจซึ้ง กับคำว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราคถาคต"

Click to expand...

thaijin · 22 พฤศจิกายน 2011

คุณพิชญากร ขอบคุณที่เล่าเรื่องพ่อของคุณให้ฟังครับ อยากจะบอกว่าพ่อคุณเป็นพระแต่กายใจไม่ได้เป็นสักนิด อย่าโทษสังคมยุคนั้นสิครับโทษที่ตัวบุคคลดีกว่า หรือแม้นกระทั่งสมภารคนนั้น แต่ตรงจุดนี้เป็นแค่บุคคลที่ได้กล่าวมาเท่านั้นจะเหมารวมไม่ได้หรอกครับ พ่อคุณได้สร้างกรรมหนักมาก คุณควรปฏิบัติเยอะ ๆแล้วแผ่เมตตราให้ท่านเพื่อเป็นการทดแทนคุณพ่อแม่ครับ อนิจจัง

พิชญากร · 22 พฤศจิกายน 2011

thaijin said: ↑

คุณพิชญากร ขอบคุณที่เล่าเรื่องพ่อของคุณให้ฟังครับ อยากจะบอกว่าพ่อคุณเป็นพระแต่กายใจไม่ได้เป็นสักนิด อย่าโทษสังคมยุคนั้นสิครับโทษที่ตัวบุคคลดีกว่า หรือแม้นกระทั่งสมภารคนนั้น แต่ตรงจุดนี้เป็นแค่บุคคลที่ได้กล่าวมาเท่านั้นจะเหมารวมไม่ได้หรอกครับ พ่อคุณได้สร้างกรรมหนักมาก คุณควรปฏิบัติเยอะ ๆแล้วแผ่เมตตราให้ท่านเพื่อเป็นการทดแทนคุณพ่อแม่ครับ อนิจจัง
Click to expand...

ต้องขอขอบคุณในคำชี้แนะนะคะ..แต่ขอให้คุณเข้าใจว่า ดิฉันไม่ได้กล่าวหาใครหรือเหมาใคร เพียงแต่อ่านกระทู้นี้แล้วนึกถึงคุณพ่อ และบุคคลอีกหลายๆคนที่มีความคิดแบบนี้...และดิฉันก็ได้บอกแล้วว่า เรื่องความเชื่อความศรัทธา อยู่ที่ำกำลังใจของแต่ละบุคคลด้วย ดิฉันเข้าใจดี เพราะถ้าดิฉันเหมารวมจริงๆ ดิฉันคงจะไม่เชื่อในนิพพานว่ามีอยู่จริง และพิสูจน์จนได้พบกับพระพุทธองค์จริงๆ
และดิฉันก็แค่อยากจะบอกว่า..คนที่มีความคิดอย่างคุณพ่อดิฉันน่ะ มีอีกมาก ไม่ได้มีแค่คุณพ่อของดิฉัน และมันเป็นความจริงในหลายๆความจริงในสังคมค่ะ อยู่ที่ว่า เราจะยอมรับมันบ้างหรือเปล่า?

jamwattana · 23 พฤศจิกายน 2011

คิดเหมือน จขกท คับ
ไม่เหมือนเพียงแค่ไม่ต้องการคำตอบ

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

การเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นไปได้หรือไม่หลังปรินิพพาน

บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

เบญจพยัค สมาชิกใหม่

Tiger Dear's MY HOMEWORK

naron เป็นที่รู้จักกันดี

ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

Freedom Soul สมาชิกใหม่

ลมไหว สมาชิก

thaijin สมาชิก

tOR_automotive เป็นที่รู้จักกันดี

พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

thaijin สมาชิก

พิชญากร เป็นที่รู้จักกันดี

jamwattana สมาชิกใหม่

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

การเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นไปได้หรือไม่หลังปรินิพพาน

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา