การสอนดูจิตตอนนี้ ไม่ต่างไปจากท่านสัญชัยปริพาชกในครั้งพุทธกาล

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 6 พฤศจิกายน 2009.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณจินนี่ฯ ในเมื่อคุณอ่านของครูบาอาจารย์ไม่เข้าใจเอง คุณถึงตีความเอาเอง
    ท่านพระหลวงปู่หล้าท่านกล่าวของท่านถูกแล้วนะ ถึงตรงนั้นจิตที่บริสุทธิ์กลายเป็นธรรมธาตุแล้ว

    ท่านพระหลวงปู่ขาวท่านก็กล่าวไว้เสมอว่า จิตที่บริสุทธิ์ก็คือธรรมธาตุที่บริสุทธิ์
    ไม่ใช่อะไรทั้งสิ้น...แต่มีอยู่จริง

    ผมว่าคุณเองอ่านของครูบาอาจารย์แบบปักธงไว้ก่อน จึงเข้าใจความหมายผิดไปจากความเป็นจริง
    เพราะไม่เคยเข้าถึงสภาวะธรรมอันเป็นภายใน เป็นธรรมอันเอกผุดขึ้นมาณ.ภายใน.....

    ;aa24
     
  2. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    ถามว่า มีไม่มี ไม่มีมี นี้คืออะไร ?

    ทีนี้ติดหมด คิดแก้ไม่ไหว เชิญชี้ให้ชัดทั้งอรรถแปลโปรดแก้เถิด ที่ว่าเกิดมีต่าง ๆ ทั้งเหตุผล แล้วดับไม่มีชัดใช่สัตว์คน นี้ข้อต้นมีไม่มีอย่างนี้ตรง

    ข้อปลายไม่มี มี นี้เป็นธรรม ที่ลึกล้ำ ใครพบ จบประสงค์ ไม่มีสังขาร มีธรรมมีมั่นคง

    นั้นแล องค์ธรรมเอก วิเวกจริง ธรรมเป็น ๑ ไม่แปรผันเลิศภพสงบยิ่ง เป็นอารมณ์ของใจไม่ไหวติง ระงับนิ่งเงียบสงัดชัดกับใจ ใจก็สร่างจากเมาหายเร่าร้อน ความอยากถอน ได้หมดปลดสงสัย เรื่องพัวพันขันธ์ห้าซาสิ้นไป เครื่องหมุนในไตรจักรก็หักลง ความอยากใหญ่ยิ่งก็ทิ้งหลุด ความรักหยุดหายสนิทสิ้นพิษหวง ร้อนทั้งปวงก็หายหมดดังใจจง

    บางส่วนจาก
    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กุมภาพันธ์ 2010
  3. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ธรรมมีหลายวิถี อย่าติดยึดที่รูปแบบ อริยสัจ ๔

    รูปเป็นอนัตตา เวทนาเป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา

    สังขารเป็นอนัตตา วิญญาณเป็นอนัตตา

    ทุกสิ่งที่เป็นรูปนามก็ดี ล้วนอนัตตา ไร้วิถีธรรมใดๆ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456

    ก็ไอ้สิ่งที่สลายหายไป แปลสภาพกลายเป็นสิ่งใหม่ที่เรียกว่า ธรรมธาตุ ไง!!

    เลิกใช้คิดสิ มันถึงจะเข้าถึง

    หากใช้คิด ก็ก่อกรรมทำเข็ญอย่างงมงาย(อาศัยเชื่อ)อยู่แบบนี้แหละ

    เทียวกราบพระแทบเท้าเมื่อวานวันนี้เอ้าเท้าทาบแทน มันจะไปรู้อะไร!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2010
  5. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เจริญสุขๆ ท่านขันธ์ ทำนายกัน
    จิตทรงภูมิอยู่ที่อรหันตมรรค

    ท่านติดอยู่แค่นี้เองส่วน
    ตัวจิต ไม่ต้องฆ่า มันต้องรู้เป็นธรรมชาติ
    ตัวจิตแม้มีเท่าปลายเข็มก็ยังไม่ดับสลาย

    จึงยังไม่ถึงอรหันตผล

    ความยึดติดทั้งปวงเป็นทุกข์
    หากยังชอบสุข ความทุกข์ก็ไม่หนีไปไหน
    ฉะนั้น อย่าเสียเวลา มานั่งดูว่า พระรูปไหนเป็น อรหันต์ เลย แม้แต่ความเป็นการบรรลุอรหันต์เอง ก็ยึดติดไม่ได้ ผลที่ได้คือ ความไม่มีทุกข์ ต่างหาก ที่น่าสรรเสริญ







    คนเราที่มาคาภพคาชาติ ก็ผู้รู้นี่แหละ
    ฆ่าผู้รู้ หมดผู้รู้
    ก็หมดเรื่องเท่านั้นเอง



     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182

    ผม ยังมี ราคะ โทสะ ครับ
    จิตจะเห็นแต่การเกิดดับ ในราคะและโทสะ ที่เป็นตัวกวนหัวใจ เท่าันั้น



     
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ด่านอนุโมทนากุศลท่านขันธ์

    ยังมี ราคะ โทสะ ครับ

    ราคะเกิดดับเป็นสภาวธรรม โทษะเกิดดับเป็นสภาวธรรม โมหะเกิดดับเป็นสภาวธรรม

    ราคะไม่เกิดดับเป็นพระนิพพาน โทษะไม่เกิดดับเป็นพระนิพพาน โมหะไม่เกิดดับเป็นพระนิพพาน

    ท่านขันธ์ผู้เจิญ เกิดดับเป็นสภาวะธรรม

    ท่านขันธ์ผู้เจริญไม่เกิดไม่ดับเป็นฝ่ายพระนิพพาน


    รู้ธรรมแล้วยึดธรรมยังนับว่าไม่หลุดพ้น
    รู้ธรรมเห็นธรรม แล้วละนับว่าหลุดพ้น

    สูงสุดอรหัตผลกลับเป็นคนธรรมดา
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    เรื่อง ธรรมธาตุ นี้ พอหมดสมมติ มันทราบเอง แล้วจะเรียกอะไรก็ช่างมัน

    แต่ ตอนนี้ให้ตั้งจิตไว้ให้ถูกก่อนว่า เราจะเพียรเพื่อละกิเลสในจิตดวงนี้

    จิตจะมีกี่ดวงก็ตามตอนนี้ เป็นเงาของจิตทั้งสิ้่น ดังนั้นอย่าไปจับที่เงา

    ให้หาฐีติจิตให้เจอ คือ จิตแท้จริง

    แม้มีผู้รู้ ตั้งเด่นอยู่ รู้ นิ่งเด่นดวง นี่ก็มีสภาพ เป็นอวิชชา คือ ยังมีภพติด

    พอได้สติตรงนั้น จิตถอนจากการรู้นั้น ไม่มีสัญญาอยู่ จิตจะเป็นอายตนะเท่านั้น

    ทีนี้ สมมตินี้ยังมีนะ ตายังลืม กายยังอยู่ แต่ อายตนะ และความปรุงแต่ง ใน ขันธ์ทั้ง 5 นี้ดับไป แล้วเราจะเข้าใจเอง

    เมื่อเข้าใจตรงนั้นแล้ว เราจะรู้เลยว่า อะไรสมมติ อะไรจริง อะไรปรมัต

    เรียกว่า วิมุตติญาณทัสนะ หรือ อะไรก็แล้วแต่จะเรียก ผมก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่า มันคือทัสนะ
    แต่ก็ยังไม่ได้ละกิเลส

    เพราะว่า แม้มีทัสนะนั้น พอจิตไปกระทบ กับ อะไรก็ตามในชีวิตประจำวัน มันยังก่อตัว มันยังกระเพื่อม ยังหลง ยังสงสัย ยังลังเล นี่แสดงว่า เรายังไม่ได้ละกิเลส ความโง่เลย

    ได้แต่เห็น แต่ยังไม่ได้ไปถึง
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    พูดเรื่องการไปกราบพระ เป็นอาจารย์ ก็พาลนึกถึงข้อเขียนของสตรีนางหนึ่ง
    ที่เขียนออกหน้าหนังสือพิมพ์

    เนื้อเรื่องก็ว่ากันไป แต่ใจความหนึ่งที่สำคัญคือ กำลังกราบพระท่านหนึ่งขึ้น
    เป็นอาจารย์

    เรื่องวัดอะไรโดนคุณไสย(ดำ) อันนั้นมันก็แล้วแต่การแปลความหมาย แต่ที่แน่ๆ
    ผู้เขียนคนนี้ที่ชื่อออกไปทางอะไรดำๆ (จริงๆไม่ใช่แค่ชื่อ คือกายเขาดำด้วย)
    ก็เคยไปวัดนั้นมาก่อนหละ

    วันนี้ก็ไม่รู้นะว่ายังเข้าออกวัดนั้นวัดนี้ได้หรือไม่ แต่คงมีอีกวัดหนึ่งแหละที่
    กำลังจะได้ต้อนรับ

    ที่น่าสนใจ เขาว่ากันว่า โดยธาตุแท้แล้ว คนที่มีธาตุแท้เดียวกันมันจะไป
    รวมตัวที่เดียวกัน แหมๆ จะว่าไปแล้ว ก็รู้สึกว่าจะมีธาตุแท้แบบเดียวกันกับ
    คุณพ่อมดOz นะ ...มิน่าหละ มันถึงไปรวมตัวกันได้ ณ ที่นั้น

    คอยดูไปเถอะ เดี๋ยวก็รู้หมู่หรือจ่า คำว่า "ไสย(ดำ)"พวกนักเลงเน็ทเขา
    สนุกกับความหมายไหนกันแน่ คนรับสารแปลความด้วยพื้นฐานความรู้
    ตนไปทางไหนกันแน่ แล้วพวกชอบใช่เชื่อนี่นะ อย่าไปถามเลย ได้ยิน
    เข้าก็พาลคิดว่าสิ่งที่ตนเชื่อถือโดนต่อว่า ว่าไปนั่น

    ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า "โดยธาตุ" Kark Tui!!
    [ อย่าตกใจนะ นี่คือธรรมะ จรณะสุปฏิปันโณ อินทรีย์เล็งไม่เห็น อย่าเดือดดาลทีเดียว
    เพราะมันจะเป็นใจคุณ ที่เกิดความสงสัย ไม่ใช่ผ้ม !!! ]


    ปล. โดยธาตุ หมายถึง ธาตุของคนที่เข้าไปห้อมล้อมนาคร้าบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2010
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    สำหรับ นิพพาน ของพระอรหันต์ อันนี้กระผมก็ไม่สามารถตอบได้

    แต่ ที่น่าสนใจคือ สอุปาทิเสสนิพพาน น่าจะเป็นพระนิพพานของ พระเสขะ ไม่ใช่เฉพาะของพระอรหันต์ ลองพิจารณาดู
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    นี่จะอธิบายให้ฟัง ในเรื่องอวิชชา

    อวิชชาคือ หลงผิด เข้าไปดูผิด พูดง่ายๆ ว่าโง่

    หลวงตาอุปมาไว้น่าฟังว่า เปรียบเหมือนคนเข้าไปอยู่ในห้องว่าง เห็นห้องว่างไปหมด

    ก็มองแต่ความว่างนั้น จนลืมไปว่า นี่ตัวเองก็ดันมาอยู่ในห้องว่างนั้นด้วย แล้วมันจะว่างทั้งหมดอย่างไร

    นี่ก็จะตื่นอีกระดับหนึ่ง ( ในทัสนะของข้าพเจ้าเท่านั้น) เรียกว่า ธรรมเกิด ขั้นสุดท้าย ทำอย่างไร ก็ถอนการมองทั้งปวงทิ้งไป ก็จะหมดสมมติสิ้นเชิง ห้องก็ไม่มี คนก็ไม่มี

    ทีนี้ ในส่วนของ การเห็นของ พระเสขะ ก็ในทำนองเดียวกัน แต่ว่าต่างกันตรงชำระกิเลส และ อวิชชาตัวใหญ่ แต่การประหารตัวเล็กๆ นี้ก็ตื่นแบบเดียวกันนั้นแหละ

    คือ จะมัวไปมองมันหาอะไรอยู่ ในเมื่อมันไม่มีอะไรแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2010
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ทีนี้ ถามว่า การมีทัสนะหรือที่จะ ละกิเลสได้ หรือ ฆ่ากิเลสได้

    ตอบว่า ไม่ใช่

    แล้ว อะไรที่จะฆ่ากิเลสได้ ตอบว่า ปัญญาเท่าทัน เมื่อกิเลสจะเกิด

    แล้ว ปัญญาเท่าทันได้อย่างไร ตอบว่า ต้องมีสติ ทัน ในทุกกาล ไม่หลงลืม เลื่อนลอย

    ถามว่า มีสติทันทุกกาล ไม่หลงลืมแล้วจะมีปัญญาเท่าทันได้อย่างไร

    ตอบว่า จะเห็นกระบวนการหลงไปของ จิต ทุกขั้นตอน แล้วจะเห็นความไร้สาระความไม่จริง ในทุกลำดับ

    ถามว่า แล้วเห็นจริงแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

    ตอบว่า ก็ไม่โง่ตามไป

    จบ
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ถามต่อว่า แล้ว สติจะเกิดได้อย่างไร

    ตอบว่า ต้องฝึก ฝึกตั้งแต่ กาย เวทนา จิต ธรรม อย่างเป็นประจำ

    ถามว่า แล้ว สมาธิเกี่ยวกับสติไหม

    ตอบว่า ต้องเกี่ยวกัน เพราะสมาธิทำให้ มีกำลังจิตที่จะตาม ดู กาย เวทนา จิตธรรม อย่างมีเป้าหมาย ไม่เคลื่อนไป กับ นิวรณ์ แยก เหตุแห่งทุกข์ได้ชัดเจน

    ถามว่า ต้องฝึกนานไหม

    ตอบว่า แล้วแต่ อินทรีย์ และ ความตั้งใจมา อย่างเร็ว 7 วัน
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    ถามว่า แล้ว ไตรลักษณ์ เข้ามาเกี่ยวอะไรด้วย กับการดับทุกข์

    ตอบ ว่า จิตทุกๆอย่าง สมุทัย ทุกๆตัว มีลักษณะเป็นไตรลักษณ์ ที่เร็วจี๋

    ถ้าเราไม่หลงไปยึดเอาไว้ มันจะดับไป ทุกข์จะดับไปในทันใด
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,182
    พูดเอง เออเอง

    ขอตัวก่อนนะครับ
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    คุณเกิด คุณนี่ประหลาดคนดีนะ

    คุณเองไม่ใช่หรือ ที่เที่ยวตั้งกระทู้หาคนช่วย ร้อนลุ่มอยู่ ก็ตัวเองนั่นแหละ

    แล้วที่ประหลาดเข้าไปอีก อุปมาคุณเกิดเหมือนคนจมน้ำช่วยตัวเองไม่ได้
    แต่พอคนเข้าไปช่วย คุณก็ชกคนที่ว่ายเข้าไปหา

    มากระทู้นี้ แปลความหมายไม่ออก มืดแปดด้าน แทนที่จะรู้ตัวว่า ไม่รู้เรื่อง
    กลับแสดงอาการ ย้อนชี้คนอื่นว่ากำลังแย่ เอ้า!!!
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ๋อ คุณกำลังคิดว่า เราพยาบาท หรือ เศร้าสร้อย อะไรสักอย่าง
    ที่คุณชอบคิด คนที่เข้ามาโต้กระทู้ หรือ ไปพูดเรื่องประเด็นนั้น เขาจะมี เขาจะเป็น ใช่ไหม

    เอ่อ อันนั้น ก็แล้วแต่จะคิด

    แต่เมื่อวานทักไปแล้วนี่ว่า ไอ้อาการนี้ของคุณหนะ มันเหมือนอาการของเปรตที่คอย
    เสพอารมณ์อกุศลชนิดหนึ่งอยู่

    ซึ่งเปรตชนิดนี้นะ มันจะตามเกาะ หรือ ไปอยู่ในสถาณการณ์ที่คาดว่า น่าจะมีอารมณ์
    เช่นนี้ปรากฏในผู้คน เพื่อที่คุณจะได้เสพ สนุกใจกับการเลวลงของคนอื่น คล้ายๆ
    พวกสนุกบนกองทุกข์ของผู้อื่น

    ก็เข้าใจนะ ว่ามันหาเสพกันได้ และ ยังสนุกกับการอยู่ในภพชนิดนี้

    นี่เชื่อไหมว่า นอกจาเรื่องเงินที่มักจะทำให้พระภิกษุตายแล้วกลายเป็นเปรต มัน
    ก็มีอารมณ์ชนิดนี้เหมือนกัน ที่พระมักจะกลายไปเป็นเปรต คือ สำคัญตนว่ามี
    ฐานะเหนือผู้อื่นเสร็จแล้วก็คอยแลคนที่ทุกข์ร้อนเพื่อ...สมน้ำหน้าเขา..อะไร
    ประมาณนั้น

    คุณเชื่อไหมว่า คนแบบนี้นะ ภาวนา พุท-โธ ได้นะ ภาวนาได้ถี่ยิบเลยแหละ แต่
    สักแต่ว่าเปล่งเสียงเป็นทิฏฐิ แต่อารมณ์ที่ว่า มีพุทธานุสติ หนะไม่มีเจืออยู่เลย
    แม้สักหยด

    เพราะ พุทธานุสติ จริงๆแล้ว มันไม่ใช่คำบริกรรม ถือเอาคำบริกรรมอุปโลคขึ้น
    เป็นพุทธานสุติ แต่การระลึกถึงจรณะ คุณูประการณ์ของพระพุทธองค์ต่างหาก
    ที่จะเป็นพุทธานุสติ หากระลึกแค่ท่านเป็นบุคคลที่ควรเคารพ อันนี้มันวิ่งไปเป็น
    เทวตานุสติไปแล้ว

    และถ้า พุทธานสติ มันเกิดขึ้นที่จิตจริงๆนะ การจะแสดงจริยาอาการข่มพระที่บวช
    เข้ามาในพุทธศาสนานี่มันจะไม่มี

    เอาง่ายๆ ในวาระสุดท้ายก่อนปรินิพพาน จะเสด็จดับขันธ์อยู่แล้ว มีพราหมร์ท่าน
    หนึ่งเข้ามาขอโอกาส ท่านยังตรัสว่า

    "อานนท์ เธอจงอย่าตัดโอกาสเขา เราจะเปิดโอกาสให้คนเข้าถึงธรรม แม้ในขณะ
    ลมหายสุดท้าย เราก็จะให้โอกาสเขา"

    จะเห็นว่า จริยาพุทธนุสติ หากมีจริงแล้วการที่จะไปทำอะไรที่ขัดกับ พุทธคุณ นั้น
    ไม่มีทางหลอก

    ว่าแต่ว่า ชวนผมไปเว็บกบฏธรรมภูตินั้น เพื่ออะไรเหรอ ถ้าจะหาคู่ชกให้นี่ไม่ต้องแล้ว

    ผม กะ คุณลุงกบฏธรรมภูติ นี่ไม่ต้องคุยกันแล้ว คือ ไม่มีเรื่องจะเสวนาเพิ่มเติม นี่ก็รอ
    ว่า หากพระไตรปิฏกถูกตัดทอนลงเหลือ 42000 พระธรรมขันธ์เมื่อไหร่ ก็คงต้องไป
    ยินดีกับคุณลุงกบฏธรรมภูติเขา นี่ก็รออยู่แค่นี้ ไม่มีธุระอื่น
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    มีอีกกรณีหนึ่งนะ เป็นเรื่องเนื่องกับ การกตัญญูกตเวที นี่พระพุทธองค์
    ท่านเล็งเห็นแทงตลอด ว่าเมื่อไหร่คนจะพร่องเรือง กตัญญู แล้วคนที่จะ
    รื้อฝื้นเรื่องกตัญญูนั้นควรเห็นอย่างไร

    รู้สึกจะเป็นเรื่อง ยาจกท่านหนึ่งเดินเข้ามาหาพระพุทธเจ้า เพื่อมาขอบวช
    เป็นภิกษุ ไม่แน่ใจว่า ตอนนั้นบรรลุแล้วหรือยัง แต่การน่าจะบรรลุแล้วหละ
    ถึงได้อนุญาติให้บวชได้

    ทีนี้เดิมที พระพุทธองค์ก็บวชให้ได้ด้วยพระองค์เองอยู่แล้ว แต่เพื่อต้องการ
    ยกเรื่อง คุณธรรมของความกตัญญูขึ้นมา เลยถามแก่ที่ประชุมสงฆ์ว่า หาก
    ยาจกผู้นี้เคยมีบุญคุณกับท่านใด ก็จะให้ท่านนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์

    ก็ไม่มีท่านใดระลึกได้เลยว่า ยาจกคนนี้มีบุญคุณแก่ตน จะมีก็แต่พระสารีบุตร
    ที่ระลึกได้ว่า ได้เมล็ดข้าวจากยาจกผู้นี้ประมาณหนึ่งไม่มาก แต่ก็ถือว่าได้
    ใช้ประโยชน์จากเขา

    การณ์นั้น พระสารีบุตรจึงได้เป็นพระอุปปัชฌา นี่ก็จะเห็นว่า แม้ข้าวเพียงไม่กี่
    เมล็ดที่เคยรับจากเขามา ก็ต้องระลึกถึงบุญคุณ

    แต่มาดูคนสมัยนี้ ไปกราบก็แล้ว ไปขอโอกาสก็แล้ว ไปใช้น้ำท่า กินข้าวปลาอาหาร
    จากเขาก็แล้ว เรื่องจะมาลำเลิกหาบุญคุณนี่ ปฏิเสธหน้าตาเฉยแหละ อ้างเหตุผล
    สารพัดเพื่อปัดการเกี่ยวโยงให้พ้นตัว

    ก็เหมือนเพื่อนคุณ ที่ตอนนี้อ้างไปเป็นเรื่องอื่นแล้ว ดูไปดูมา ก็คล้ายเคสของคุณ
    เกิดนะ คือ ตนกำลังจะจมน้ำแต่อ้างว่ากำลังช่วยคนที่เข้ามาช่วย

    คนกึ่งพุทธกาลนี้ ธาตุอกตัญญู มันเยอะ ...โดยธาตุเนาะ

    * * * * *

    เพลงหนะ เขาเอาไว้เปิดตอนที่มันมีประโยชน์ ไม่ได้เอาไว้เปิดสนองกิเลส

    เนี่ยะน๊า ถ้าหากแปลกลอนของผมออกนะ เรื่องพล่อยเผลอขอเพลงนี่ ไม่เกิดหล๊อก!!
     
  19. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    [​IMG]


    อสังขตธาตุ ธาตุที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง

    อสังขตธรรม ธรรมที่ไม่มีอะไรปรุงแต่งได้อีก

























    คนเราที่มาคาภพคาชาติ ก็ผู้รู้หลงนี่แหละ
    ฆ่าผู้รู้หลง หมดผู้รู้หลง ก็หมดเรื่องเท่านั้นเอง
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เวรกรรม ร่ำกลอนมา คิดว่าจะถอดความกลอนเป็น

    ใครเขาถามกันหละครับ ว่าแต่ละตัวอักษร นั้นมันแปลว่าอะไร

    นักกลอน เขาถือ คำศัพท์เป็นเพียงตัวแปร คุณอ่านแล้วได้ความหมายใด
    ก็ขึ้นกับ ภูมิรู้ของคุณคร้าบ

    จิตมันต่ำ ไม่สูงเกรียติจริง มันก็ไหลไปเท่าที่ได้ จะน้อมไปสูง แต่ใจไม่รับ
    มันก็กลับมาแกว่งมาคุยทางต่ำอย่างเดิม ส่วนที่น้อมไปไม่ได้ หรือน้อม
    ได้แต่ไม่ยอมไปก็ซ่อนไว้เป็นเลห์ลวงไปวันๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...