การปฏิบัติสมาธิและวิปัสสนากรรมฐาน เพื่อเข้าถึงความเป็นพุทธะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย พลน้อย, 11 กรกฎาคม 2009.

  1. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    ต้วคุณเองยังไม่รู้เลย ว่า อะไรเป็นปัจจัยเกิดสิ่งใดสิ่งใดเป็นเหตุสิ่งใดเป็น ส่วนประกอป งั้นคุณก้กำลังบอกว่าคุณก้เห็นแบบเดียวกับ ธรรมภูติเห็นก้จบ

    ธรรมที่เค้ายกมานั้นถูกแต่การตีความนั้นผิด ผมทุกครั้งที่โพสก้กล่าวว่าธรรมถูกแต่คนตีความผิด

    เรื่องความเห็นผิดของคุณ ที่มองจิตไม่ออก เอาแต่ ความจำมาบอกว่าวิญญานขัน์ เป็น ตัวรู้แต่เพียง อายตนะ ภายนอก ก้ตามใจ ก้คุณยังดูจิตไม่ลึกพอนี่นาปัญญามันยังไม่เกิด ผมพูดไปคุณจะเข้าใจได้ยังไง

    คุณยังไม่มีปัญญาที่จะเห็น จิต อย่างชัดเจน ก้เลิกเข้ามา แทรก ท่าคุรประกาสาเลยว่าคุนนั้นตัดสักกายทิฐิ ได้แล้ว เห็น ขันธ์ ชัดเจนแล้ว

    ผมจะเชื่อ แต่นี้ไม่ต้องบอกหรอกคุญณยังไม่เห็นมันเลยสักครั้ง ปัญญา ระดับนั้นยังไม่เกิดเลย
     
  2. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    งั้นผมก้จะพูดจาจากอุปทานของตัวเองบ้างนะ
    คุณต้องมองตัวเอง แต่ไม่ควรหลงในตัวเอง
    คุรมองตัวเอง ต้องรู้ว่าตัวเองนี้ ใครเป็นผู้บังคับ
    คุรต้องมองตัวเอง แล้วมองว่ามันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ หรือมันคงทนอยู่อย่างเดิม
    คุรต้องอย่ายึดติดว่า สิ่งนี้ถูก สิ่งนี้ผิด
    คุณต้องหัดมอง ไห้เห็นว่า ความ มีตัวตนนี้ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เป็นการสมมุติขึ้นเท่านั้น ดั่งเช่นภาษาที่คุณอ่าน

    แม้ผมตั้งใจพิมไห้ผิดแต่คุนก้ยังสามารถอ่านมันได้

    มองตน ไห้มากกว่ามองคนอื่น กล้า ให้มากกว่านี่ที่จะละ

    แสดงความตั้งมั่นของ ธรรม ไม่ใช่แสดง ความตั้งมั่นของตน
     
  3. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    มันยังบ้าไม่หยุดนะคุณนี่
    ตัวไม่รู้แต่มาอวดอย่างนั้นอย่างนี้

    เอาล่ะพอแล้วสำหรับคนอย่างคุณ

    แค่นี้คุณก็ขายหน้าขายตา
    กับท่านอื่นที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้มากแล้วนะ
    อยากขายหน้ามากกว่านี้อีกเหรอ

    หรือว่าหยาบมันด้านไปแล้ว

    เอาแค่นี้นะเสียเวลาผมมามากแล้ว

    เสร็จจากนี้กลับไปทบทวนความผิดตัวเองให้ดีนะ
     
  4. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คนที่หยาบน่ะ จิต คุนเองมันละเอียดไม่พอสำหรับธรรมแท้ๆ

    คุนน่าอายยังไม่อายเลย จะกล่าวถึงคนอื่นทำไม
     
  5. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คุร เกส ปัยญาคุนยังไม่เกิดหรอกที่มีอยุ่มันยังไม่ถึง วันนึงจะเข้าใจเอง แล้วก้เลิกมาบ้าใส่ผมได้แล้ว ตั้งแต่แลกผมก้ไม่ได้มาดพสสนทานกับคุณ ผมมาโพสว่า

    วิญญาณนั้นเป้นส่วนนึงของขันธ์
     
  6. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    แล้วกระทู้นี้ก้ของคุรทดสอบ ผมไม่ได้พูดถึงเค้าเลยแต่เพราะคุรมาแย้งสั่วๆๆ เลยต้องมาคุยกับคุนแทน บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่ามานั่งเถียงกันแบบนี้คุนยังมีหน้ามาบอกว่า ไม่ได้เถียงเอาความจริงมาพูด แล้วก้ยอมรับมาแล้วว่ายังไม่รู้แจ้ง ใน สักกายยะทิฐิ ก้คุนยังหลงใน ขันธ์ยังไม่มีความรู้แจ้งยังจะมาเถียง เห้อๆๆคนเราพูดจาไม่รู้ภาษา
     
  7. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    มันเพี้ยนไปแล้วนะนี่

    เมื่อก่อนหน้า พูดว่า วิญญาณ เป็นส่วนนึงของจิต

    คราวนี้ มาพูดอีกว่า วิญญาณ เป็นส่วนนึงของขันธ์

    วิญญาณ ที่ท่านกล่าว มีกี่แบบ
    เป็นวิญญาณ อะไรบ้างไปศึกษาให้ดี
    แล้วค่อยมาแสดงความคิดเห็นก็ได้

    อย่างนี้ไม่เรียกว่าโง่แล้วอวดฉลาดจะให้เรียกอะไร

    กลับไปศึกษาข้อธรรมให้ดีก่อนก็ได้
    ค่อยมาแสดงความคิดเห็น

    มันน่าสงสารจริง ๆ วะ...
     
  8. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    เอานะคุณ albertalos
    คุณก็เป็นคนดีอยู่นะ
    แต่บางทีคุณอาจจะยังศึกษามาไม่ดีก็ได้

    สำคัญที่ครูอาจารย์ผู้รู้จริงเห็นจริงนะ จะช่วยคุณได้
     
  9. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เมื่อก่อนหน้า พูดว่า วิญญาณ เป็นส่วนนึงของจิต

    คราวนี้ มาพูดอีกว่า วิญญาณ เป็นส่วนนึงของขันธ์

    กรรมของคุณ เกส ไม่รู้จริงๆหรอว่า ขันธ์ นั้นประกอปด้วย 2ส่วน
    รุป กับนาม
    ส่วนของรุปเนี่ย มีตั้งแต่ กายมนุด กายเทวดา กายพรหม และกาย ต่างๆๆนานา อันประกอปกันขึ้นด้วย ธาตุ ทั้ง 4

    ส่วนของนามเนี่ย เป็นส่วนของจิต
    จิต เนี่ยมี 2ส่วน เป็นส่วนของตัวรุ้ วิญญาณ
    และส่วนที่ปรุง เวทนา สันยา สังขาร

    ส่วนของจิตเนี่ยประกอบด้วย เวทนา สันยา สังขาร วิญญาน
    ทั้งหมดเนี่ยเป็นขันธ์หมดแหละ

    กำๆๆแล้วทำเป็นพูดว่าดูจิตแต่ยังไม่รู้จักเลยว่าจิตเป็นอย่างไร แล้วไอ้ที่ดูอยู่อ่ะดุอะไรคับ งูๆปลาๆๆ จริงๆๆ ดูๆๆตามเค้าไปว่างั้นเทอะ เค้าบอกไห้ดูก้ดู

    ผมบอกอีกครั้งปัญญาในการเห็นของคุนยังไม่ถึง จิต ในจิต ยังแต่เพียงแยกกาย กับจิตได้เท่านั้น เห็นเวทนาเป็นก้อนๆๆๆ ปรุงมาแล้ว เป็นอุปทาน ไม่ได้เห้นตัวจิต ที่เป็นนาม แท้ อาการเกิดดับก้ยังไม่เห็น ยังอีกไกล

    แล้วที่เห็นมากกว่าจิต ก้ยังไปไม่ถึงพูดไปคุณยั่งไม่รุ้ไหย่ แล้วมาอวดอ้างว่าเห็นธรรม

    น่าเวทนา
     
  10. Amoxcycol

    Amoxcycol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +65
    เขามั่วนะคุณ วิญญาญ ก็วิญญาญ
    ดันเอาไปรวมกับจิต แยก ขนาดนี้ยังแยกไม่ได้เลย
    อะไร มีเจตสิก อีก จะบ้าตาย
    ผมเห็นเขาโพสทุกวัน ผมสงสารเขา และผมก็สงสารตัวเอง
    ที่ต้องมาอ่าน ผมบ้ากว่านะเนี่ย เออจริงของเขาเขียนมั่ว ผมทะลึ่งอ่านออกอีก แน๊ะ
     
  11. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    เรียน จขกท. ไม่เป็นพุทธะได้ไหมครับ ^-^
     
  12. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คุณเกสคุณก้เป็นคนดีอยู่ผมจึงสนทนาด้วย


    ผมไม่ได้สนทนาด้วยเหตุจากอกุศลจิต

    ผมต้องการไห้คุณได้เห็นบ้าง อย่างน้อย ก้มีผมท้วงติงขึ้นมาไห้สะกิดใจได้คิด การไม่เห็นนี่เป็นเรื่องปกติ แต่วันนึงมันจะพัตนาขึ้นเอง อย่าร้อนใจไป
     
  13. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    อืม ทะลึ่ง เองโทดใครคับ
     
  14. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    มีคนไม่เห้น จิต เยอะแฮะ แล้วดูไรกันอยู่หว่า รึคิดเอาเองว่าดูอยู่
     
  15. เกสท์

    เกสท์ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +18
    คุณนี่ มันน่าสงสาร จริง ๆ นะ
    เฮ้อ....กรรมของสัตว์
     
  16. Amoxcycol

    Amoxcycol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +65
    ไม่คุยกับคนบ้าล่ะ คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง
    เมนูรสเด็น ยำตำรา
    วิปัสนาก็ไ่ม่เป็น เรื่องใกล้ตัว ยังแปลไม่ออก

    มองตัวเอง ในกระจกเล็กบานใหญ่นะ
     
  17. Amoxcycol

    Amoxcycol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +65
    albertalos มองตัวเอง ในกระจกเล็ก บานใหญ่นะ
    หัดกลับไปอ่านโพสเก่า ๆ ตัวเอง แล้วอาจจะรู้ตัวเองบ้างนะ
     
  18. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    งั้นก้ช่างผมเทอะครับคุรเกส ถึงเวลา อุเบขขาแล้ว
    ผมเป็นสัตว์ ประเสิฐ ผู้ได้ความเป็นมนุษ เป็นสัตว์ ประเสิฐ
    ผู้มีจิตหลงอยู่ในอวิชาย่อมเวียนว่ายตายเกิดอยุ่ไม่รู้จักจบสิ้น
    ผู้ไม่รู้ใน อวิชา นั้นแหละที่เรียกว่าหลง


    ๑๐. อวิชชา ความไม่รู้ไม่เข้าใจตามความเป็นจริงของธรรม ตลอดจนการปฏิบัติให้สติรู้เท่าทัน และรู้ตามความเป็นจริงในสภาวธรรม(ธรรมชาติ)ของการเกิดขึ้นของทุกข์และการดับไปของทุกข์ อันคือ ปัญญาญาณ
    [​IMG]
    อวิชชา๘ อันมี
    ๑. ความไม่รู้ใน"ทุกข์" ี่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้รู้ และให้ดับสนิทหมายถึงอุปาทานทุกข์หรืออุปาทานขันธ์๕, และมีสติรู้เท่าทันอุปาทานทุกข์ที่เกิดขึ้นเหล่านั้น ที่ล้วนเกิดขึ้นมาจากเหล่าทุกขอริยสัจและทุกขเวทนาที่เป็นสภาวธรรม(ธรรมชาติ)หนึ่งของชีวิต ที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว แล้วต้องปฏิบัติอย่างไรจึงไม่เป็นเวทนูปาทานขันธ์ อันเป็นอุปาทานทุกข์ที่แสนเร่าร้อนเผาลน คงเป็นเพียงทุกข์ธรรมชาติ, และทุกข์นี้ มีกิจจญาณหรือกิจอันควรกระทำที่ประกอบปัญญายิ่ง คือ เป็นสิ่งที่ควร " รู้ "
    ๒. ความไม่รู้ใน"สมุทัย" เหตุให้เกิดทุกข์มาจากตัณหา ๓ (กามตัณหา-อยากในกามหรือในทางโลกๆ, ภวตัณหา-ความอยาก, วิภวตัณหา-ความไม่อยาก, อยากดับสูญ) อันจักเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดอุปาทานขันธ์ ๕ อันเป็นอุปาทานทุกข์, สมุทัย มีกิจจญาณหรือกิจอันควรกระทำที่ประกอบปัญญา คือ เป็นสิ่งที่ควร " ละ "
    ๓. ความไม่รู้ใน"นิโรธ" เป็นเช่นใด ไม่เคยสัมผัส หรือไม่เข้าใจสภาวะนิโรธอันว่างจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน อันล้วนเป็นเหตุปัจจัยที่ต่อเนื่องสัมพันธ์กันอันยังให้เกิดอุปาทานทุกข์ ทําให้ไม่ทราบว่าดับทุกข์ได้แล้ว จักเป็นสุขสงบ หรือดับร้อน เยี่ยงใด? คุ้มค่าให้ปฏิบัติไหม? มีจริงหรือเปล่า? หรือเข้าใจผิดไปจับสภาวะผลอันสงบเย็นของสมาธิหรือฌานเป็นสภาวะนิโรธ! ทําให้จริงๆแล้วยังคงมีความสงสัยอยู่ลึกๆในจิต(วิจิกิจฉา), นิโรธ มีกิจจญาณหรือกิจอันควรกระทำที่ประกอบปัญญา คือ เป็นสิ่งที่ควร " ทำให้แแจ้ง "
    ๔. ความไม่รู้ใน"มรรค" การปฎิบัติในการดับทุกข์ ควรปฏิบัติอย่างไร? ศึกษาแล้วยังไม่เข้าใจ ปฏิบัติไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน? วิธีใด? ของใครถูกแน่? (อ่านรายละเอียดในอริยสัจ ๔), มรรค มีกิจจญาณหรือกิจอันควรกระทำที่ประกอบปัญญา คือ เป็นสิ่งที่ควร " ปฏิบัติ "
    ๕. ความไม่รู้ใน"ความไม่รู้อดีต" การไม่รู้ระลึกชาติ หรือภพที่เคยเกิดเคยเป็นในภพชาติต่างๆในปัจจุบันชาติ หมายถึงการ ย้อนระลึกขันธ์๕หรืออุปาทานขันธ์๕ที่เคยเกิดเคยเป็น กล่าวคือไม่รู้ไม่เข้าใจขันธ์ ๕ ที่เคยเกิดๆดับๆ อันก่อให้เกิดอุปาทานทุกข์นั้นเกิดแต่เหตุปัจจัย และเหตุปัจจัยอะไร? เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ เครื่องรู้ เครื่องระลึก อันก่อให้เกิดปัญญาญาณ และนิพพิทาญาณ อันยังให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในการดับทุกข์ (โยนิโสมนสิการปฏิจจสมุปบาทเรื่องภพ เรื่องชาติ จบแล้ว ลองย้อนมาพิจารณาอีกครั้ง)
    ๖. ความไม่รู้ใน"ความไม่รู้อนาคต" การไม่รู้อนาคต คือไม่รู้ไม่เข้าใจในการอุบัติ(เกิด) การจุติ(ดับ) ของขันธ์ทั้ง๕ว่าล้วนเกิดแต่เหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้นและเป็นไปตามเหตุปัจจัยนั้น เช่น กรรมคือตามการกระทําที่มีเจตนาทั้งสิ้น และอนาคตนั้นก็จักเป็นไปตามเหตุปัจจัยอันคือกรรมการกระทํานั่นเอง ดังนั้นความทุกข์ในภายหน้าหรือชาติหน้าก็ล้วนเกิดดับอันเกิดแต่กรรมการกระทํา อันจักยังให้เกิดอุปาทานขันธ์๕เช่นเดิมหรือเกิดความทุกข์ขึ้นเฉกเช่นเดียวกับอดีต ดังนั้นเพราะความไม่รู้ จึงประมาท จึงมิได้แก้ไขเยี่ยงไร เพื่อไม่ให้ทุกข์จะเกิดขึ้นมาได้อีก กล่าวคือการรู้อนาคตเพราะรู้การเป็นไปตามเหตุปัจจัยนั่นเอง คือเมื่อเหตุเป็นเช่นนี้ ผลเยี่ยงนี้จึงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อันเกิดขึ้นจากความเข้าใจในสภาวะธรรมอย่างถ่องแท้
    ๗. ความไม่รู้ในทั้ง"อดีตและอนาคต" จึงไม่เกิดการยอมรับและเข้าใจในเหตุปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง จึงไม่มีทั้งเครื่องระลึก เครื่องเตือนสติจากการระลึกอดีต, และเกิดความประมาท ขาดการป้องกันจากการไม่รู้ทั้งอดีตและอนาคต
    ๘. ความไม่รู้ใน"ปฏิจจสมุปบาท" ไม่ทราบ,ไม่รู้ กระบวนการเกิดขึ้นของทุกข์ และกระบวนการดับไปของทุกข์ จึงไม่รู้จักอาสวะกิเลส ตลอดจนตัณหาและอุปาทานที่แอบซ่อนนอนเนื่องอยู่ในจิตหรือในอวิชชา เมื่อไม่รู้ไม่เข้าใจจึงไม่สามารถดับทุกข์ ที่เหตุปัจจัยด้อย่างเข้าใจและถูกต้องตามจริง อันอุปมาได้ดั่งช่างยนต์ที่ไม่รู้ไม่ศึกษาเรื่องเครื่องยนต์ แล้วจักซ่อมเครื่องยนต์ให้ดีเยี่ยงใด?
     
  19. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    อยากเห็นวิญญาณทำงานก็ดูให้ทัน ยกไว้เทียบสองกรณี ไม่รู้ว่าจะเป็นวิญญาณเดียวกันกับของพวกท่านทั้งหลายไหม

    1 ตามองไปรอบ ๆ เห็นอะไร เห็นตู้ ก็การที่ตากระทบรูป แล้วก่อนที่สัญญาจะจำได้ว่าบัญญัติว่าตู้ ตรงนั้นวิญญาณทำงานไปแล้ว

    2 ไม่ระวังไปกระแทกโดนกาย แขน ขา แล้วเวทนารู้สึกเจ็บ ตรงนั้นวิญญาณก็ทำงานไปเรียบร้อยแล้ว

    หากอยากเห็นกระบวนการทำงานของขันธ์ห้า ก็ต้องฝึกสติให้ไว นอกจากนั้นสมาธิก็ควรได้ให้เกินระดับขณิกด้วย ในกรณีนั่งปิดทวารดู ^-^
     
  20. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    กระทู้เก่าผมโพส คนที่มาตอบยังตอบมั่วส่งเดชเลย ผมถามอย่างนึกตอบอย่างนึงไปคนละเรื่องเลย ผมบอกให้ก้ได้ เราไม่สามารถตัดสินคนอื่นได้หากยังไม่เห้นความคิดของคนๆนั้น ผมก้แค่โพสไห้แสดงความคิดออกมาก้รู้ภูมิแล้ว

    แล้วก้ยำตำราอ่ะ ผมชอบนะ ผมชอบศึกษา คุณก้น่าจะอ่านมันบ้างนะ

    แล้วก้อย่าใช้คำว่าสนทนาเลยนะ ใช้คำว่า คุน มามั่วจะดีกว่า ผมไม่ได้สนทนากับคุณ แต่คุนมั่วมาผมก้ถามไปว่าแปลว่าอะไร

    แล้วทีหลังจะใช้คำอะไรคนเดียวก้ อย่าคาดหวังว่าคนอื่นจะเข้าใจนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...