การถอดจิตมี3วิธี

การถอดจิตก็ใช่ว่ามนุษย์จะทำไม่ได้นะคะเมื่อคืนก่อนเราเกือบจะถอดจิตได้แล้วแต่ไม่รู้ทำไมเหมือนมีอะไรบางอย่างมาดึงไว้ไม่ให้ออก(นั่งสมาธิในห้องพระ)ไปพอเราออกจากสมาธิก็เห็นลูกประคำที่พันอยู่ที่ข้อมือลัดมือเราแน่นจนเป็นรอยแดงเหมือนถูกกระชากอย่างแรง พ่อแม่เราก็เลยไปถามผู้รู้คนหนึ่งท่านก็บอกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บ้านกลัวว่าเราจะได้รับอันตรายเลยดึงไว้ไม่ให้ออก
คืนวันต่อมาเราก็พยายามถอดจิตอีกเราก็มีความรู้สึกว่ากำลังจะออกไปได้แล้วแต่เหมือนมีอะไรบ้างอย่างมาดึงมือไวไม่ให้ออกพอเราออกจากสมาธิแล้วก็เห็นมีรอยดำเป็นริ้วๆที่มือซ้าย พ่อแม่เราเลยสั่งห้ามพยายามถอดจิต หรือจะถอดจิตเพราะกลัวจะเป็นอันตราย

 

ผมว่าการนำบทความมาลงให้กับผู้สนใจอ่าน บางครั้งผู้นำมาลงก็เห็นว่าน่าสนใจก็เลยนำมาลงให้ผู้อื่นอ่าน ไม่ได้เป็นการชวนหรือชักนำให้หลงเชื่อนะครับ ขึ้นอยู่กับผู้อ่านบทความพิจารณาเองว่าเป็นอย่างไร ผมว่าอ่านบทความแล้วคิดแบบกลาง ๆ ดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องเครียด

 

ตามที่คุณว่า แสดงว่าคุณบรรลุโสดาบันเป็นอย่างน้อยแล้ว ใช่หรือไม่

 

สาธุ

 

สิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตาก็คือสติใช่หรือเปล่าครับ...หากเรารักษาสติของเราได้แล้วก็พิจารณา...หลักในการพิจารณานั้นเราก็คงเอาทั้งทางปฏิบัติและทางตำราแล้วจะเกิดผลตามขึ้นมา...ปัญญาจะเกิดแล้วจะบอกได้ว่าจริงหรือไม่จริงก็ใช้วิจารณ์มาช่วย...บางครั้งจริง...บางครั้งหลอก...สองอย่างนี่ไม่น่ากลัว...บางครั้งหลอนตัวนี้น่ากลัว...ตรงนี้เข้าทำนองสิบปากว่าฯ....ไม่เท่าลงมือทำเองแต่...อย่าไปติดนิยายหรืออุปาทานทั้งหลายแหล่ที่ไปฟังมาเพราะอารมณ์ที่เราต้องรักษาให้มากที่สุดคืออารมณ์ปัจุบันที่เราไม่เคยเจอเคยพบเคยเห็นเคยรู้...ก็รักษาสติด้วยการกำหนดว่ารู้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...หากท่านทั้งหลายมาถึงตรงนี้ได้...กลัวตาย...กลัวบ้า...เสียสติวิปลาส...ผมขอเอาคำท่านผู้มีพระคุณต่อผมมากล่าวเพื่อเป็นประโยชน์ต่อบรรดาเหล่าเพื่อนๆนักปฎิบัติคือขออธิษฐานให้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้คุ้มครองโดยกำหนดให้มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้อยู่บนหัวแล้วให้มีองค์สว่างประดุษแก้วใสเหมือนเพชรแล้วมีตาข่ายคลุมร่างเราที่นั่งอยู่เป็นตาข่ายใสเกราะเพชรคลุมกายหยาบ...กายทิพย์เช่นกันให้มีองค์พระอยู่บนหัวจะทำอะไรก็ต้องคิดถึงท่านตลอดจะพบกับความสุขความเจริญ(ท่านต้องมาเขียนเองแล้วครับนับวันก็จะหายแล้วเพราะตกหล่น)...เพื่อ...หนึ่งสำหรับท่านที่ปฎิบัติได้แล้วจะเลิกเพราะกลัวต่างๆนาๆ...หากมาถูกทางจริง...คนๆนี้ต้องไม่ใช่ย่อยคือเป็นคนที่มีความดี..จิตใจดีอยู่ในศิลในธรรม...ทั้งพรมวิหารสี่...และคงรวมถึงบารมีสิบและอื่นๆอีกหลายด้านทั้งบุญด้วย...เอาอย่างละเอียดคือ...ไม่ทะเลาะเบาะแว้งแน่นอนเพราะพวกเราตั้งมั่นอยู่ในอุเบกขา...และ...วิตก...วิจารณ์พิจารณา...สติเกิด...ปัญญาเกิด...ตามขึ้นมาเองอัตโนมัติเมื่อเรามีสติเป็นปัจจุบัน...เรื่องอย่างนี้ต้องปฏิบัติเองแล้วจะรู้จะได้เองตามท่านกล่าวไว้ทุกประการจากรุ่นสู่รุ่นมาสองพันปีแล้วไม่เชื่อเราก็ต้องลอง...ต้องขอขอบคุณท่านพามวดีที่นำเอากระทู้นี้ขึ้นมาอีกเพราะมันผ่านมาสี่ห้าเดือนแล้ว...ถือว่าแชร์ประสบการณ์นะครับเพราะดูแล้วจะเป็นการขัดแย้งด้วยอัตตามากกว่าการยึดเอาอุเบกขา....หากท่านเอาตัวตนมาเป็นใหญ่ด้วยในเรื่องปฏิบัติคือเอาความคิดเห็นของตัวเองมาเป็นหลักพิจารณาไม่ว่าเรื่องไหนก็ไม่เที่ยงหากไม่ยึดทางสายกลางในการปฏิบัติหมายความว่าหากยังไม่ปฏิบัติก็ยังไม่รู้นะครับ...ลงมือลองทำเองครับ...สิ่งที่ท่านว่ามานั้นมีทั้งหมดหรือไม่ทำเองรู้เองแต่อย่าเอาเรื่องต่างๆมาสร้างอุปปาทานหลอนตัวเองนะครับ...กำหนดแค่ระลึกรู้เท่านั้นได้แน่นอนครับ...ขอให้เจริญยิ่งขึ้นในการปฏิบัติครับ

 

จะถอดได้หรือไม่ จะผิดรึเปล่า ผมไม่ทราบได้ เพราะยังปฏิบัติไม่ถึงน่ะครับ

รู้เพียง ข้อความนี้เปิดอีกโลกนึงให้ศึกษา อ่านแล้ว สนุก สุขใจ
พอสำหรับผมแล้วครับ

โดยส่วนตัวผม คิดว่า ถูกก็ให้รู้ ว่าถูก ผิดก็ให้รู้ว่าผิด สรุปจึงควรรู้ไว้
แต่เรื่องนี้ ถูก หรือ ผิด ยังไม่แน่ใจ แล้วทำไมจึงไม่ควรรู้

คุณ เทวดา อาจมีปราถนาดี แต่บางเรื่องให้รู้ไว้จึงดี ทำได้ไม่ได้
ก็สุดแต่วาสนาแต่ละคน เอาเป็นว่าผมทราบถึงความปราถนาดีนั้นครับ

สุดท้ายขอบคุณ คุณ กระเจียว มากๆ ครับ ที่สละเวลา ให้ความรู้ดีๆ

 

ขอยืนยันคับ ผมไม่ใช่โสดาบัน เป็นคนธรรมดา แต่ ผมสามารถค้นพบภาวะที่ถอดจิตได้

แล้วเป็นการถอดจิตแบบ พยายามลุกออกจากกาย

ผมว่าเป็นวิธีที่ผิด ทำให้พอทำเสร็จ หน้าซีด เขียวเลยคับ

++ ปรากฎว่า ผมพบปัญหาครับ พอจิตวิญญาณเข้าร่างแล้ว

รู้สึกมีวิญญาณคนอื่น จะพยายามเอาร่างผมไปใช้ครับ

หากเป็นเช่นนี้แล้วยังไม่หาย ...มีวิธีแก้มัยครับ ขอคนที่มีความรู้ช่วยบอกหน่อย

 

ผมก็เชื่อครับกับคุณeakachaiii

และหนังสือนั้นชื่อ สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต

เป็นแนวคำสอนของสมเด็จโต และรวบรวมจากประสบการณ์

โดย แสง อรุณกุศล ครับ

หน้าจะเล่มเดียวกันหรือเปล่าครับ แต่อย่างไรก็ตาม

ผมเชื่อเรื่องจิตวิญญานครับ

 

เหอ เหอ ท้าตีท้าต่อยพอเจอคนที่แน่ ก็หนีหัวซุกหัวซุน

 

เหรียญมี2ด้านคือฃ้ายและขวาแต่พุทธองค์ท่านให้เราเดินสายกลางนะถอดไปทำไมต้องถามตัวเองก่อนถอดเพื่อสนองความอยาก(กิเลส)ก็ไม่สรรเสริญ(ไม่ได้ว่าผิดนะแค่ไม่สรรเสริญ)เราเอาเวลานี้มาถอดกิเลสออกจากตัวจะดีกว่าไม๊เพราะพุทธองค์ท่านสั่งสอนเราให้ละกิเลสทั้งหยาบและละเอียดออกจากสังขารโดยจิตเป็นผู้พิจารณาจนวาระสุดท้ายของจิตคือนิพพานอย่าเถียงกันเลยแพ้ชนะคือตัวตนถ้าตัวเรายิ่งเล็กลงมากเท่าไรธรรมในใจเราจะมากขึ้นเท่านั้น......ของฝากเล็กน้อยทดลองดู...ถ้าท่านโกรธใครขึ้นมาแทนที่จะด่าเสียๆหายๆลองเปลี่ยนใหม่พอโกรธจะด่าเราใช้คำว่าขอให้แกรวยๆๆๆๆๆรูปหล่อๆๆสวยๆๆขอให้แกถูกรางวัลที่1ติดกัน10ครั้งคนถูกด่าก็ไม่โกรธเราฏ้ได้ด่ามันแล้วแถมเรื่องก็ไม่มีคูรว่าแบบนี้ดีไม๊(แฮะๆๆๆๆๆๆๆ)

 

ขอนึดนึงนะท่านเทวดา อ่านข้อความท่านแล้วฮาครับ...อย่าคิดมากนะ แค่ ขำเอง....ธาตุไฟหายแล้ว แวะมาเยี่ยมผมด้วยนะมีเรื่องอยากถามเยอะเลยครับ

 

เท่าที่ทราบ...ในการฝึกสมาธิแบบธิเบตก็มีหลักสูตรการถอดจิตเช่นกัน...
ในพุทธศาสนาก็ไม่ขัดหากฝึกได้ให้ถึงฌาน 4 และมีแบบฝึกหัดในตำราวิสุทธิมรรคทุกแขนงสมาธิ...ขึ้นอยู่กับว่าจะชอบแบบไหน เอาจริงหรือไม่เท่านั้นเอง
ศาสตร์แห่งจิตยังมีอีกมากครับหากจะศึกษา และชอบปฏิบัติ...แต่อย่าลืม "สติ" ก็แล้วกัน...ม่ายงันจะ "ธาตุไฟเข้าแทรก"..ครับ (คำๆนี้คุ้นว่าเคยได้ยินจากหนังกำลังภายใน ไม่มีอยู่จริงในหลักการของสมาธิ)

 

อนุโมทนา กับความรู้ด้วยครับ

เราจะเถียงกันไปทำไม ถ้าต่างกันรู้จักคำว่า "เอาใจเขามาใส่ใจเรา"

ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่มีใครถูกเสมอไปหรอกครับ

สำหรับคนที่ผิดแล้ว ยอมรับผิด บุคคลนั้นเป็นบุคคลประเสริฐ ครับ

 

การถอดจิต เอวัง โหตุ

คริๆๆๆขอเหรียญ 10 นะไว้ค่ารถประจำทาง ฮิฮิฮิ เอ๋ แล้วพระพุทธองค์ท่านถอดจิตทำไมนะในเมื่อมันไม่มีประโยชน์ อันนี้น่าสงสัย ไม่ได้การละเราจะถอดจิตมั่งละ เอ๋ทำไงดีนะไม่รู้จะทำไงดี ช่วงนี้อากาศร้อนซะด้วยถอดเสื้อผ้าก่อนได้ไหมให้มันเย็นๆๆก่อนเดี่ยวมันต้องถอดจิตได้น่า เราว่านะถ้าถอดได้มีรางวัลให้ป่าว

 

แล้วระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าหรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำรึเปล่าครับ ให้ตั้งจิต นิมิตรูปนามของท่านไว้ที่จิต แล้วท่านจะคุ้มครองครับ

 

เวรกรร้ม เวรกรรม

 

ก็ปล่อยให้มันเอาร่างผมไปสิ...กลัวทำไม!

อย่างมากก็แค่หัวล้าน ก็เท่านั้น คริๆๆ

เข้าใจไหมเนี่ย .....( วิธีแก้ของผม )

 

คนพูดไม่รู้ คนรุ้ไม่พูด

 

การถอดจิตไม่จริงทั้งนั้นครับ เป็นเพียงการส่งจิตไปในสิ่งที่ต้องการ จิตฝึกได้ดีแล้วสามารถส่งจิตไปไช้งานได้ จิตที่ส่งไปนั้นจะมีสายทิพของจิดเชื่อมไว้ตลอดเวลา พระอรหันจะเห็นได้ว่าจิตเราส่งเป็ฯเส้นออกไปทางไหนและส่งไปที่ไหนจิตเราจะถอดออกจากกันคือ ขัน 5 แตกดับเท่านั้น ตราบไดที่เราไม่วางขัน 5 ยังถอดจากกันไม่ได้ครับเป็นเพียงการส่งจิตไปเท่านั้นแต่จิดเรายังควบคุมร่างการตลอด แต่จะไม่นึกถึงและไม่รู้สึกถึงร่างเพราะจิดก้าวไปอีกห้วงของภาวะหนึ่งแล้ว

 

ตอบคุณ makoto12

คุณ makoto12 นี่คุณก็เป็นอัจฉริยะนะหาวิธีแปลกๆมาฝึกนะ
ที่เราบอกว่าจะไปกลัวทำไมก็ปล่อยให้มันเอาร่างผมไปสิ...
กลัวทำไม!อย่างมากก็แค่หัวล้าน ก็เท่านั้น คริๆๆ
เข้าใจไหมเนี่ย .....( วิธีแก้ของผม )....เราก็ไม่รู้นะว่า
คุณฝึกยังไงที่บอกว่า หัวล้าน หมายถึงให้คุณไปบวชสะ
เพราะว่า คุณเล่นฝึกแบบ พิศดาร ทางจิตแบบรวบรัด
เพราะฉนั้น คุณ แก้แบบ คนหัวล้าน แก้แบบพิเศษนะ
เพื่ออบรมนิสัยทางจิตใหม่ ทำอย่างคนหัวล้านทำ ดีนะ
เพื้อฝึกจิตให้ถูกวิธี และอีกอย่างหนึ่ง บุญกุศลที่ได้ก็อุทิศ
ให้เจ้ากรรมนายเวรเขาไปสะ บอกเข้าไปเรามาสร้างบุญ
สร้างกุศลนะขอให้ มาช่วยกันบำรุงพระศาสนากันอโหสิกรรม
กันนะ ออ ผ้ากาสาวพัตร์ครองนะ วิญญานอื่นเขาไม่ยาก
แตะต้องหลอก เข้าถือ บาปมากนะ