การกินเจได้บุญมากไหม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย MaximusDeximus, 19 กรกฎาคม 2012.

  1. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ได้บญหรือไม่ได้บุญ ไม่เป็นไร



    การกินเจเป็น การเจริญเมตตากรุณา

    กินผักดีแล้ว ท้องไม่ผูก :cool:


    .
     
  2. MaximusDeximus

    MaximusDeximus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +117
    ผมชอบความเห็นท่านนะครับ

    มีคนถามถ้ากินเจได้บุญ งั้นขอเบิ้ลแล้วกันจะได้บุญมากกว่ากินจานเดียว --' จะตอบยังไงละเนี๊ย
    อีกอย่างหากจะกินเจเพื่อละเว้นชีวิตจริงจะไปหาอะไรกินได้?
    ผัก? >>> ฆ่าไส้เดือนพรวนดิน.ยาฆ่าแมลง ยังไงก็มีการฆ่าอยู่ในกระบวนการผลิตอยู่ดี ให้ปลูกเองก็คงจะทำไม่ได้ทุกคน
    อาหารสังเคราะห์ >>> ?? แล้วที่คนกินๆกันมา ก่อนหน้าจะมีอาหารสังเคราะห์นี่ผิดหมด?

    ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรนะครับ เพียงแต่ในความเห็นผม ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ให้ 'หลัก' ที่ทำให้เราสามารถพิจารณาผิดถูกชั่วดีได้ ผมว่ามันมีความเป็นวิทยาศาสตร์มากถึงแม้บางอย่างวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้แต่ก็ยังยินยันไม่ได้เช่นกันว่าไม่จริง [อย่างกรณีการค้นพบ Higgs-boson อาจจะขยายขอบเขตวิทยาศาสตร์ออกไปอีก]
    หากหลักเหล่านี้มันไม่ชัดเจนมันจะผิดเพี้ยนได้ง่าย เรื่องกินเจนี่ผมเองก็สงสัยมานานแต่ก็ไม่เคยเลยนะครับที่จะเห็นว่าเป็นสิ่งไม่ดี
    ยกตัวอย่าง[/B ]เรื่องศีลมีองค์การพิจารณาชัดเจนมากจะนำไปใช้ในอักกี่ร้อยปีข้างหน้าก็ไม่ล้าสมัย เป็นต้น เรื่องศีลมีองค์การพิจารณาชัดเจนมากจะนำไปใช้ในอักกี่ร้อยปีข้างหน้าก็ไม่ล้าสมัย เป็นต้น

    ตามหลักกฏแห่งกรรมแล้วการกินเจมันได้บุญหรือไม่นี่่คือคำถาม และจะเป็นคำตอบที่จะใช้อธิบายคนธรรมดาให้เข้าใจได้ทั่วถึงกัน

    อนุโมทนากับทุกท่านที่ให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์
     
  3. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    การกินเจมีประวัติยาวนานถ้ามองแค่ช่วงใดช่วงหนึ่งอาจเข้าใจผิดได้
    การกินเจ(ไม่กินเนื้อสัตว์)เริ่มมีมาตั้งแต่สมัยใด.จากบันทึกเริ่มมีตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศก.พระัองค์ออกกฎเลยว่าห้ามฆ่าสัตว์ในวันพระเหมือนที่สมัยนี้ห้ามโรงฆ่าสัตว์เชือดสัตว์.แล้วสมัยก่อนไม่มีตู้เย็นให้ถนอมอาหารเมื่อไม่ฆ่าก็ไม่มีเนื้อให้กินก็เลยกินมังสวิรัติกันแล้วเขาก็ไม่กินมือเย็นกันด้วย.ในเมืองจีนก็ทำนองเดียวกันถ้าถือศัลต้องกินเจแต่พอผ่านไปนานๆเข้าการถือศีลเป็นเรื่องเฉพาะตนไม่มีใครรู้นอกจากตนเองแต่การกินเจมันเห็นได้ง่ายกว่าก็เลยยึดถือกันมาจนถือศีลกินเจเหลือเ้พียงกินเจอย่างเดียวไป
    ถ้าเอาแค่ว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้ก็ไม่ควรสรุปดังนั้นเพราะเรื่องที่ไม่ได้ทรงตรัสไว้มีอีกเยอะแยะแต่ก็มีหลักเทียบเคียงได้คือถ้าการกระทำใดทำให้กุศลเจริญก็เป็นสิ่งที่ควรแต่ถ้่าทำแล้วอกุศลเจริญก็ไม่ควรทำดังนั้นการกินเจใครทำแล้วกุศลเจริญก็ิอย่าไปขัดเขาจะเป็นบาปไปเปล่าๆ
     
  4. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ยัยหนูพิมพ์ใจ ยังยึดมั่นเป็น หนอนตำราอยู่นะ
    ส่วนความเห็นของคุณธรรมานุภาพนั้น ถูกต้องตามธรรมแล้ว
     
  5. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    พิมก็ยึดตามหลักที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมญาณวัดท่าซุงท่านสอนไว้ค่ะ ก็คิดอยู่เสมอว่าเรายังไม่จบกิจ ยังรู้ไม่ครบ ยังงัยก็เอาคำสอนของครูบาอาจารย์ไว้ก่อน ไม่เอาความคิดเห็นส่วนตัวมาอธิบายในเรื่องบุญบาป ใครจะว่าอย่างไร ไม่สนใจหรอกค่ะ เรารู้ตัวเองดีว่าเราเป้นอย่างไร จะเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของพวกคุณค่ะ การโพสต์ธรรมะยังงัยก็ได้บุญอยู่แล้ว โดยเฉพาะการโพสต์ธรรมะของพระสุปฏิปันโนค่ะ
     
  6. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    คนกินเจแล้วมีเมตตากับสัตว์ก็ได้บุญจากการเจริญพรหมวิหารสี่ค่ะ อยู่ในกรรมฐาน40 ก็คือได้บุญจากการเจริญเมตตาไม่ใช่ได้บุญจากการกินเจ ส่วนกินเจแล้วเกิดมานะทิฏฐิคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นก็คือได้บาป คนกินเจแล้วขาดเมตตากับผู้อื่น ชอบเบียดเบียนผุ้อื่นก็ได้บาป สรุปว่าได้บาปหรือได้บุญไม่ได้เกิดจากการกินเจ แต่เกิดจากความเมตตาหรือพรหมวิหารสี่ พระสุปฏิปันโนหลายๆรูปเช่นหลวงปู่มั่น หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านก็ไม่ได้กินเจ แต่ท่านก็มีเมตตากับสัตว์ ก่อนฉันอาหารก็พิจารณาเป็นอาหาเรปฏิกูลสัญญาซึ่งอยู่ในกรรมฐาน40 ท่านก็ได้บุญค่ะ คนกินเจ..แต่กินแบบขาดสติไม่ได้พิจารณาอาหารก็ไม่เกิดบุญ สรุปว่าบุญบาปอยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่การกินเจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2012
  7. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    ใช่ค่ะก็ยึดตำรา ยึดคำสอนของหลวงพ่อ ผิดตรงไหน ถ้าคำสอนของหลวงพ่อฤาษีไม่ดี แล้วคำสอนของใครจะดีคะ
     
  8. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    หลวงปู่แหวนท่านบอก

    "ไอ้วัวควายกินหญู้าตั้งนาน ไม่เห็นเป็นพระอรหันต์ซักตัว"


    ตอบนำสมัย ไม่ไช่ทันสมัย ถ้าเรื่องเป็นความจริงตามนั้น แต่การกินไม่มีความหมายในการปฎิบัติ แต่ปฎิบัติจริง ๆ มันขึ้นอยู่กับ

    ๑. เข้าถึงสะเก็ดพระศาสนาแล้วหรือยัง

    ๒. เข้าถึงเปลือก เข้าถึงกระพี้ เข้าถึงแก่นแล้วหรือยัง

    เข้าถึงแก่นนี่ยังใช้ไม่ได้นะ ยังเป็นเหยื่อของอบายภูมิ จะต้องเข้าถึงพระโสดาบันเป็นอย่างต่ำ เขาวัดกันตรงนี้ อย่าไปวัตกันแค่กิน "
     
  9. MaximusDeximus

    MaximusDeximus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +117
    สิ่งที่น่ากลัวกว่าสิ่งไร้สาระคือ สิ่งที่สำคัญแต่ไม่สำคัญที่สุด..... เพราะทำให้เราลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไป
     
  10. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    =====
    ตามพุทธดำรัส ควายเป็นสัตว์เดียรฉาน ไม่สามารถบรรลุพระอรหันต์ได้ ไม่ได้เกี่ยวว่าควายจะทานเฉพาะหญ้า หรือถ้าควายทานเนื้อสัตว์ด้วยได้ แม้แต่พญาคชสารและพญาราชสีห์ ผู้เป็นใหญ่ แห่งสรรพสัตว์ทานทั้งพืชและเนื้อก็ไม่สามารถสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ในชาตินี้

    ลูกขอกราบขอขมาต่อหลวงปู่แหวน ลูกขออธิบายเรื่องนี้ก็มิได้จะลบหลู่คำครู
    แต่ลูกย่อมรู้และเข้าใจในเจตนาที่หลวงปู่พยายามจะสอนและเปรียบเทียบให้มนุษย์ทั้งหลายเข้าใจในหลักปฏิบัติ
    ทั้งนี้ด้วยเพราะลูกมีเจตนาที่ดีที่อยากให้พวกเราเข้าใจธรรมะที่ถูกต้อง และรู้จักแยกแยะพิจารณา โดยเหตุและผลให้มากที่สุด ตามที่พระองค์พยายามให้เราทั้งหลายใช้ปัญญาให้มาก หรือที่เรียกว่าปัญญาศรัทธา พระพุทธเจ้าข้า สาธุ
     
  11. ธรรมานุภาพ

    ธรรมานุภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +122
    ถ้าให้หนู pim_jai ไปกินเจนี่ หนูรู้แล้วใช่ใหมว่ากินอย่างไรถึงจะได้บุญ (ประโยชน์ใหญ่อยู่ตรงนี้) ขึ้นว่ากิน เป็นอาการ ไม่ว่าเราจะกินอะไรก็ตาม กินน้ำ กินขนม กินผลไม้ กินเนื้อสัตว์ ถ้าเรากินเป็น เราจะได้บุญ ผมคิดว่าน้องนับถือหลวงพ่อฤาษี น้องเคยได้ยินท่านสอนมั๊ยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ถ้าทำเป็น สามารถทำเป็นกรรรมฐาน(บุญ)ได้หมด เพราะฉะนั้นไม่มีข้อยกเว้นแม้เรื่องกินเจ การยกครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือไปข่มคนอื่นเขา เป็นสิ่งที่พึงใช้ปัญญาพิจารณาให้มาก เพราะมันเป็นมานะกิเลสของตัวเราเอง(ขาดทุน) คนอื่นเขาก็มีครูบาอาจารย์ของเขาเหมือนกัน เขาก็เคารพของเขา ดีไม่ดีเขาไม่ศรัทธาครูบาอาจารย์เราแล้วปรามาส ซึ่งมันเป็นผลเสียแก่เขาอย่างมาก เหมือนเราเอาไฟไปยื่นให้เขา แต่เขาจุดไฟเผาตัวเขาเอง ถามว่าตกลงนี่เราจะช่วยเขาให้พ้นทุกข์หรือเราเป็นเหตุให้เขาลงนรกกันแน่ เรื่อง วัวควายกินหญ้า แล้วไม่เป็นพระอรหันต์ ท่านพูดไว้ถูกต้อง แต่เขาถามแค่ว่ากินแล้วได้บุญหรือเปล่า ไม่ได้ถามเรื่องการบรรลุมรรคผล มันคนละเรื่องกัน แต่จะให้การบ้านกลับไปคิด ว่าวัวควายกินหญ้านี่มันได้บุญหรือเปล่า (ที่พูดมาทั้งหมดนี่ ไม่ได้โกรธนะ..^_^)
     
  12. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,883
    คุณ pim_jai พิมพ์ไว้หน้า 2 อันแรกถูกต้องแล้ว

    นี่ไม่ใช่ห้องอภิญญา ไม่ขอตอบมากละกัน
     
  13. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    =====
    อนุโมทนาครับ ท่าน ท่านกล่าวได้หลักแหลมและถูกต้อง ดีบริบูรณ์แล้วครับ สาธุ
     
  14. Ricky

    Ricky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +682
    การกินเจที่ประกอบด้วยจิตแห่งพรหมวิหาร 4 ย่อมได้อานิสงฆ์แห่งพรหมวิหาร 4 จิตของเราจะเป็นตัวกำหนดเองว่าเป็นกุศลหรือไม่ เป็นเมตตาบารมีหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าโยมท่านใดอยากกินเจเพื่อลดการฆ่า อาตมาก็ขอโมทนาในจิตอันเป็นกุศลนั้นด้วย
     
  15. มหาอธิษฐาน

    มหาอธิษฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +418
    เป็นกระทู้ที่ตั้งเมื่อไรที่ไหนก็ทะเลาะกันแน่นอน ประวัติศาสตร์เขาก็ทะเลาะกันมานานแล้วนะไม่ไช่แค่ยุคนี้ เรายังยินดีจะถกเถียงกันต่อ
    ตั้งแต่ผีเปรตจนถึงพรหมโลกเราต่างก็กิเลสเท่ากันต่างแค่การเสวยผล แต่ความรู้สึกว่าอย่างไหนดีกว่าหรือไม่ดีกว่าอย่างไหนนี่เรียกว่ามานะทิฏฐิหรือการเทียบเขาเทียบเรา คนที่จะเรียกว่ากิเลสน้อยกว่ากันได้คือพระอริยะตั้งแต่โสดาบันขึ้นไปจนถึงพระอรหันต์คือไม่มีเหลือ
    มีอีกหลายหัวข้อที่ตั้งแล้วจะทะเลาะกันซึ่งเราทุกคนก็ทราบกันดี ท้ายนี้พยายามสามัคคีกันไว้นะเพื่อประโยชน์สุขกับเหล่าเวไนยสัตว์ เราจะเป็นสุขกันได้ด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 กรกฎาคม 2012
  16. SunnySoCute

    SunnySoCute เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +1,563
    ยุคนี้ก็ต้องเป็นไปตาม วัฏจักรของมันแหละ ...

    เลือด และเนื้อ และ ชีวิต ของเขา ที่เอามา

    คิดดูล่ะกันครับ .....

    ธรรมย่อมรักษา ผู้ประพฤติธรรม
    ปัจจัตตัง รู้ด้วยตัวเอง ...
    ใครหนออยากถูกเบียดเบียน ...
    สรรพสัตว์ทั้งหลาย ล้วนปราถนาแต่ความสุขกันทั้งนั้น... :)
    เมตตตาธรรม ค่ำจุนโลก ไม่เบียดเบียนกันและดีแล้วหนอ..
     
  17. มหาอธิษฐาน

    มหาอธิษฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +418

    พระอริยะเขาไม่มาวัดมาทะเลาะกันแค่เรื่องกินหรอกหนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 กรกฎาคม 2012
  18. TPC

    TPC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +2,435
    เห็นด้วยครับ พระอริยะ ท่านไม่ทะเลาะกันเรื่องกิน ท่านเน้นการปฏิบัติ ท่านละเอียดอ่อนกับทุกๆจริยะวัตร ศีล227ข้อนี้ ปฏิบัติได้ยากมากๆจะให้ได้บริบูรณ์ เพราะศีลที่ว่าด้วยเสขิยะวัตร์นี่ เป็นเรื่องกริยามารยาทของพระสงฆ์ละเอียดอ่อนมาก แบบผู้ดีสำรวมระวังตลอด ทุกลมหายใจเข้าออกสติต้องคุมอยู่ตลอดไม่งั้นศีลขาดแน่นอน หลวงปู่มั่นท๋านเป็นแบบอย่าง ท่านกล่าวไว้นานแล้วว่า พร่องศีลเล็กน้อยแค่หนึ่งข้อ มันก็อาจจะก่อเชื้อให้กิเลสพอกหนาขึ้นจนสุดท้ายแกะไม่ออกคือติดแน่นฝังเป็นสันดานจริต

    เรื่องการกิน พระอริยะเขาเข้าใจดีแต่จะไม่พูดอะไรออกไปเกินวิสัยของความเป็นอริยะสงฆ์
    สุดท้าย ให้เรายึดหลักธรรมที่ว่า เราทำกรรมอย่างไรไว้ ย่อมได้รับผลอย่างนั้น ตั้งเจตนาให้ถูกต้อง ยึดหลักธรรม ย่อมนำความสุขโดยแท้จริงมาให้แก่ผู้ปฏิบัติ
     
  19. makcloud

    makcloud เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    424
    ค่าพลัง:
    +535
    การได้บุญหรือไม่ได้บุญนั้น ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญ คือ เราทำแล้วสบายใจหรือเปล่า ถ้าสบายใจ ก็ทำไปเถอะครับ
    ผมอยากถามแค่ว่า "เราทำได้เหมือนพระสงฆ์ท่านหรือเปล่าที่กินแล้วไม่ยึดติดกับความอร่อย กินเพียงแค่ให้ร่างกายคงอยู่ได้เท่านั้น"
    กินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่เพื่อกินนี่คือกลอนสำหรับ เรา ๆ ท่าน ๆ ผู้ที่มีทัศนคติต่างกัน
    สำหรับผม ผมขอกินมังสะวิรัต ดีกว่า สบายใจดี ไม่ได้บุญก็ไม่เห็นจะเป็นไร ทำทาน สวดมนต์ นั่งสมาธิ ก็ได้
     
  20. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    โอย.. เครียดเลย
    คือว่าคงต้องสร้างทิฏฐิสามัญญตาก่อน

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ไม่ให้พระเลือกฉันแต่ผัก เพราะ "ต้องการให้เป็นผู้เลี้ยงง่าย" สมัยนั้นอาหารการกินถ้าเลือกกินแต่ผัก จะลำบากในการหุงหาเพื่อถวายพระ ท่านจึงไม่ได้สั่งให้พระงดเว้นเนื้อสัตว์ทุกชนิด เพราะมันเป็นเรื่องสุดโต่งในยุคสมัย ทำให้เกิดความลำบากยุ่งยากขึ้นเพราะพระภิกษุบิณฑบาตรเลี้ยงชีพหาของป่าเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนี้จะสุดโต่งในการปฏิบัติหรือเป็นเป็นวัตรที่ไม่ควร
    ซึ่งหากเป็นคฤหัสใครพอใจจะงดเว้นก็ถือเป็นสิ่งที่ดี หรือยุคสมัยนี้พระจะเลือกฉันแต่พืชก็นับว่าไม่ลำบากในยุคในสมัย เพราะกาลมันเปลี่ยนไปแล้ว หลายสิ่งสะดวกขึ้นและไม่ขัดพระธรรมวินัย
    อีกนัยหนึ่ง(ความคิดเห็นนะครับ) คือมันอาจจะเป็นกระแสกรรมบางอย่างที่ไม่อาจจะไปขัดกั้นได้ พระพุทธเจ้าท่านจึงไม่สอนเอาไว้ ทุกอย่างต้องให้เป็นไปตามวิถีของมัน แต่หากใครจะเห็นคุณประโยชน์ของการงดเว้น แล้วพึงจะกระทำก็ได้ ก็ไม่ผิด และมีคุณแน่นอน (ผมจำไม่ได้แต่น่าจะมีในเรื่อง คุณของการบริโภคแต่ผลไม้ป่าตามที่พระเตมีย์เคยกล่าวไว้ แต่ผมหาอ่านไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง)
    เรื่องครูบาอาจารย์ ท่านว่าไปตามความเป็นจริง คือ ไม่เกี่ยวกับการบรรลุธรรม ก็เป็นตามนั้นครับไม่มีอะไรที่คลาดเคลื่อน

    แต่ถ้าเป็นเรื่องเจตนาในการงดเว้น และเหตุที่ต้องงดเว้น ซึ่งอาจจะมีอยู่ว่า
    งดเว้นเพราะเป็นวิถีทางในการดำรงจิตเมตตา กรุณา ทางหนึ่ง
    งดเว้นเพราะเห็นคุณประโยชน์ในการงดเว้นเพื่อเป็นทานแก่ชีวิตสัตว์ จึงงดเว้น
    งดเว้นเพราะเห็นโทษของเหตุในการเบียดเบียนสัตว์ จึงงดเว้น
    งดเว้นเพราะเล็งเห็นแล้วว่าสัตว์ทุกตัวก็เป็นญาติ เป็นต้นตระกูลเดียวกัน จีงสลดใจและงดเว้น
    ฯลฯ
    อย่างนี้ใครจะกระทำก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสมควรตำหนิหรือมีอคติด้วยแม้แต่น้อย และมีคุณมีอานิสงส์แน่นอน อย่างน้อยก็น่าจะเป็น
    ทานบารมี ศีลบารมี วีริยะบารมี ขันติบารมี อธิษฐานบารมี สัจจะบารมี เมตตาบารมี ซึ่งอาจจะรวมในเนกขัมมะด้วยถ้ามีเจตนาจะงดเว้นในกามประเภทรส

    คุณในการปฏิบัติมีครับ แต่เราต้องมีทิฏฐิสามัญญตา ทำความเข้าใจในเหตุและผลแล้วยอมรับ ก็ต้องแยกแยะและเลือกจะปฏิบัติกันซึ่งไม่เลือกที่จะทำก็ได้ ไม่ใช่ว่าถืออคติเอา ความเห็นส่วนตัวชนกันเละ
    ครูบาอาจารย์พระอริยะเจ้าหลายรูปท่านก็ยังฉันแต่มังสวิรัติ ผมจึงไม่สงสัยเลยในการปฏิบัติเพื่อสร้างบารมีธรรม แม้ในวัตรของบางศาสนาผมก็แยกแยะทำความเข้าใจ มีตุณโทษอย่างไร ควรไม่ควรอย่างไร ขัดต่อยุคสมัยอย่างไร
    ซึ่งมันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะขัดแย้งในความคิดเห็น นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องทางธรรมเป็นเรื่องของการยกระดับจิตวิญญาณของพวกเรา

    ผู้ที่ไม่เห็นคุณในการงดเว้นเนื้อสัตว์ก็ไม่ควรยืนยันอย่างสุดโต่งด้วยความที่ยังไม่เข้าใจเหตุผล
    ผู้ที่เห็นคุณในการงดเว้นเนื้อสัตว์ก็ไม่ควรยกเหตุผลขึ้นมาโดยกล่าวกระทบจิตใจ และต้องชี้เหตุ อธิบายผล ให้ชัดเจนเสมอ
    และสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายต้องกระทำคือการแยกแยะและการยอมรับครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...