กสิณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มาจากดิน, 19 มิถุนายน 2015.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    นี่คุณจะบังคับให้ผมรักใคร เกลี่ยดใคร นับถือใคร ไม่นับถือใครตามคุณหรือขอรับ

    ข้อความที่ขีดเส้นใต้ ผมชี้แจงไปแล้วว่าไม่ควรนำผู้ซึ่งไม่อยู่ในที่นี้ มาเป็นประเด็นโต้แย้ง เขาหรือท่านไม่รู้ไม่เห็นด้วยกับเรา OK ตามนั้นนะครับ

    คำพูดนั้นแหละแสดงถึงความไม่เข้าใจกสิณแล้ว (deejai)
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493


    อ้อมีผู้มาสอนในนิมิต :d:eek:

    เรียกพลังงานกสิณ 10 กองมาใช้งาน ใช้ทำงานอะไรบ้างครับ
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    ผมเคยอ้างภพภูมิอะไรตอนไหน จำได้ว่าไม่เคยเอ่ยอ้างเลยนะขอรับ

    สัมภเวสี คุณหมายถึงอะไรครับ ยังไงสัมภเวสี :d
     
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ใครปรามาสใครอีกเล่านั่น แผ่นเสียงตกร่อง :d

    วัดยังไงครับ บอกวิธีวัดมาซี่มามา ปัดโท่ ผมของขึ้นแล้วนะ บอกวิธีวัดมาสิ


     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ลุงแมวเห็นว่าคุณนพเขาไม่ได้มีอคติกับใครนะ
    แถมปรารถนาดีอีกต่างหาก

    มจด.ไม่นิยมเขาก็อย่าไปเกรียนกะเขาดีกว่า
    มีแต่จะพาตัวเองเสื่อม เพราะมีแค่คัมภีร์ก็ควร
    สู้กับคัมภีร์ด้วยกันดีกว่า
    ไม่เข้าเนื้อตัวเองมากนะฮะ
     
  6. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    แหมเอ้ย :eek:

    เสกหนังควายเข้าท้องคุณนพสักผืนเถอะมั่ง เอาให้ถ่ายไม่ออก จะได้รู้ฤทธิ์สะมั่ง


    ปั่นกสิณ คุณปั่นยังไงครับ


    เล่าเถอะ เล่าที่นี้แหละ ถือเป็นธรรมทาน การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง

    คุณเคยไปนรกภูมิไหมครับ
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    อ๊าคส!!
    จะเสกหนังกระบือเข้าท้อง 55
    เสกมาทำกระเป๋าดีกว่าฮะ
     
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    กระทู้ฮา....ครับ
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    พูดเหมือนผมไปท้าคุณที่ไหนก่อนยังงั้นแหละ ผมจะไปท้าคุณทำอะไรคุณนพ



    ความสามารถนี่คุณหมายถึงสามารถด้านไหนครับ

    คุณดูตรงไหนว่าผมไม่เคยปฏิบัติ

    คุณเข้าใจคำว่า "ปฏิบัติ" อย่างไรครับ
     
  10. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ทำไปทำไมมีประโยชน์ตรงไหน
    ในปาฏิหาริย์ 3 อย่าง พระพุทธเจ้าทรงโปรดอนุสาสนีปฏิหาริย์กว่าปาฏิหาริย์อื่นอีกสองอย่าง เพราะอะไร ?
    เพราะไม่ใช่ตัวแท้ของพระพุทธศาสนา และไม่จำเป็นสำหรับการเข้าถึงพระพุทธศาสนา
    สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการเกิดของพระพุทธศาสนา และเป็นตัวพระพุทธศาสนาคือความรู้ที่ทำให้ดับกิเลสดับทุกข์ได้
    เรียกชื่ออย่างหนึ่งว่า อาสวักขยญาณ แปลว่า ญาณที่ทำอาสวะให้สิ้นไป
    แต่มนุษย์จะสนใจปาฏิหาริย์ข้อ 1- 2 มากว่า


    ปาฏิหาริย์ 3 อย่างดังนี้

    1. อิทธิปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ คือ การแสดงฤทธิ์ต่างๆ

    2. อาเทศนาปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ คือ การทายใจคนอื่นได้

    3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ คือ คำสอนที่เป็นจริง สอนให้เห็นจริงและนำไปปฏิบัติได้ผลสมจริง

    การปฏิบัติตามหลักการและการเข้าถึงจุดหมายของพระพุทธศาสนา ย่อมเป็นไปได้ โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งเหนือวิสัยและอิทธิปาฏิหาริย์เลย พึงอ้างพุทธพจน์นี้

    พระพุทธเจ้า: นี่แน่ะสุนักขัตต์ เธอเข้าใจว่าอย่างไร ? เมื่อเราทำอิทธิปาฏิหาริย์ซึ่งเป็นธรรมของมนุษย์ยิ่งยวดก็ตาม ไม่ทำก็ตาม ธรรมที่เราแสดงแล้ว เพื่อประโยชน์มุ่งหมายใด จะนำออกไปเพื่อประโยชน์ที่มุ่งหมายนั้น คือ ความหมดสิ้นทุกข์โดยชอบได้หรือไม่ ?

    สุนักขัตต์: พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพระองค์ทรงกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ ที่เป็นธรรมของมนุษย์ที่ยิ่งยวดก็ตาม ไม่กระทำก็ตาม ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว เพื่อประโยชน์มุ่งหมายใด ก็ย่อมจะนำออกไปเพื่อประโยชน์ที่มุ่งหมายนั้น คือ ความหมดสิ้นทุกข์โดยชอบได้


    1.อิทธิปาฏิหาริย์:“บางท่านประกอบฤทธิ์ต่างๆ ได้มากมายหลายอย่าง คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายก็ได้ ทะลุฝา กำแพง ไปได้ไม่ติดขัด เหมือนไปในที่ว่างก็ได้ ผุดขึ้นดำลงแม้ในแผ่นดินเหมือนในน้ำก็ได้ เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนดินก็ได้ เหาะไปในอากาศเหมือนนกก็ได้ ใช้มือจับต้องลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์ซึ่งมีกำลังฤทธิ์เดชมากมายถึงเพียงนี้ก็ได้ ใช้อำนาจทางกายจนถึงพรหมโลกก็ได้”

    2. อาเทศนาปาฏิหาริย์ “ภิกษุย่อมทายใจ ทายความรู้สึกในใจ ทายความนึกคิด ทายความไตร่ตรองของสัตว์อื่น บุคคลอื่นได้ว่า ใจของท่านเป็นอย่างนี้ ใจของท่านเป็นไปโดยอาการนี้ จิตของท่านเป็นดังนี้ อย่างนี้ว่า ตามเกวัฏฏสูตรในทีฆนิกาย

    แต่ในที.ปา.11/78/112 ฯลฯ ให้ความหมายละเอียดออกไปอีกว่า “บางท่านทายใจได้ด้วยสิ่งที่กำหนดเป็นเครื่องหมาย (นิมิต) ว่า ใจของท่านเป็นอย่างนี้ ใจของท่านเป็นไปโดยอาการอย่างนี้ จิตของท่านเป็นดังนี้ ถึงหากเธอจะทายเป็นอันมาก ก็ตรงอย่างนั้นไม่พลาดเป็นอื่น

    บางท่าน ไม่ทายด้วยสิ่งที่กำหนดเป็นเครื่องหมายเลย แต่พอได้ฟังเสียงของมนุษย์ อมนุษย์ หรือเทวดาแล้ว ก็ทายใจได้ว่า ใจของท่านเป็นอย่างนี้...
    บางท่านไม่ทายด้วยนิมิต ไม่ฟังเสียง...แล้วจึงทาย แต่ฟังเสียงวิตกวิจารของคนที่กำลังตรึกกำลังตรองอยู่ ก็ทายใจได้ว่า ใจของท่านเป็นอย่างนี้...
    บางท่านไม่ทายด้วยนิมิต ไม่ฟังเสียง...แล้วจึงทาย แต่ใช้จิตกำหนดใจของคนที่เข้าสมาธิซึ่งไม่มีวิตกไม่มีวิจารแล้ว ย่อมรู้ชัดว่า ท่านผู้นี้ตั้งมโนสังขารไว้อย่างไร ต่อจากความคิดนี้แล้ว ก็จะคิดความคิดโน้น ถึงหากเธอจะทายมากมาย ก็ตรงอย่างนั้น ไม่พลาดเป็นอื่น”

    (อาเทศนาปาฏิหาริย์นี้ ดูคล้ายเจโตปริยญาณหรือปรจิตตวิชานน์ แต่ไม่ตรงกันทีเดียว เพราะยังอยู่ในขั้นทาย ยังไม่เป็นญาณ)


    3. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ “บางท่านย่อมพร่ำสอนอย่างนี้ว่า จงตรึกอย่างนี้ อย่าตรึกอย่างนี้ จงมนสิการอย่างนี้ อย่ามนสิการอย่างนี้ จงละสิ่งนี้ จงเข้าถึงสิ่งนี้อยู่เถิด”

    (เฉพาะในเกวัฏฏสูตร ในทีฆนิกาย อธิบายเพิ่มเติมโดยยกเอาการที่พระพุทธเจ้าอุบัติในโลกแล้วทรงสั่งสอนธรรม ทำให้คนมีศรัทธาออกบวชบำเพ็ญศีล สำรวมอินทรีย์ มีสติสัมปชัญญะ สันโดษ เจริญฌาน บรรลุอภิญญาทั้ง 6 ซึ่งจบลงด้วยอาสวักขัยเป็นพระอรหันต์ ว่าการสอนได้สำเร็จผลอย่างนั้นๆ ล้วนเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์)



    ในสมัยพุทธกาล เคยมีบุตรคฤหบดีผู้หนึ่ง ทูลให้พระพุทธเจ้าแสดงอิทธิปาฏิหาริย์เขากราบทูลว่า

    “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมืองนาลันทานี้เจริญรุ่งเรือง มีประชาชนมาก มีผู้คนกระจายอยู่ทั่ว ต่างเลื่อมใสนักในองค์พระผู้มีพระภาค ขออัญเชิญพระผู้มีพระภาคเจ้าได้โปรดทรงรับสั่งพระภิกษุไว้สักรูปหนึ่ง ที่จะกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นธรรมเหนือมนุษย์ โดยการกระทำเช่นนี้ ชาวเมืองนาลันทานี้ ก็จักเลื่อมใสยิ่งนักในองค์พระผู้มีพระภาคเจ้าสุดที่จะประมาณ”

    พระพุทธเจ้าได้ตรัสตอบบุตรคฤหบดีผู้นั้นว่า

    “นี่แน่ะเกวัฏฏ์ เรามิได้แสดงธรรม แก่ภิกษุทั้งหลายอย่างนี้ว่า มาเถิดภิกษุทั้งหลายพวกเธอ จงกระทำอิทธิปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นธรรมเหนือมนุษย์แก่คนนุ่งขาวชาวคฤหัสถ์”


    พระองค์ได้ตรัสแสดงเหตุผลต่อไปว่าในบรรดาปาฏิหาริย์ 3 อย่างนั้น
    ทรงรังเกียจ ไม่โปรดไม่โปร่งพระทัยต่ออิทธิปาฏิหาริย์ และอาเทศนาปาฏิหาริย์ เพราะทรงเห็นโทษว่า คนที่เชื่อก็เห็นจริงตามไป

    ส่วนคนที่ไม่เชื่อได้ฟังแล้ว ก็หาช่องขัดแย้งคัดค้านเอาได้ว่า ภิกษุที่ทำปาฏิหาริย์นั้นคงใช้คันธารีวิทยา และมณิกาวิทยา ทำให้คนมัวทุ่มเถียงทะเลาะกันและได้ทรงชี้แจงความหมายและคุณค่าของอนุสาสนีปาฏิหาริย์ได้เห็นว่า เอามาใช้ปฏิบัติเป็นประโยชน์ประจักษ์ได้ภายในตนเองจนบรรลุถึงอาสวักขัยอันเป็นจุดหมายของพระพุทธศาสนา

    นอกจากนั้น ยังได้ทรงยกตัวอย่าง ภิกษุรูปหนึ่งมีฤทธิ์มาก อยากจะรู้ความจริงเกี่ยวกับจุดดับสิ้นของโลกวัตถุธาตุ จึงเหาะเที่ยวไปในสวรรค์ ดั้นด้นไปแสวงหาคำตอบจนถึงพระพรหม ก็หาคำเฉลยที่ถูกต้องไม่ได้
    ในที่สุดต้องเหาะกลับลงมาแล้วเดินดินไปทูลถามพระองค์เพื่อความรู้จักโลกตามความเป็นจริง และถึงความที่อิทธิปาฏิหาริย์มีขอบเขตจำกัด อับจนและมิใช่แก่นธรรม


    พระพุทธเจ้าได้ตรัสปาฏิหาริย์ 3 อย่าง คือ อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทศนาปาฏิหาริย์ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ในที่สุดได้ตรัสถามพราหมณ์ว่า ชอบใจปาฏิหาริย์อย่างไหน ปาฏิหาริย์ใดดีกว่า ประณีตกว่า

    พราหมณ์ได้ทูลตอบว่า อิทธิปาฏิหาริย์และอาเทศนาปาฏิหาริย์ คนใดทำ คนนั้นจึงรู้เรื่อง คนทำได้ก็เป็นของคนนั้นเท่านั้น มองดูเหมือนเป็นมายากล อนุสาสนีปาฏิหาริย์จึงจะดีกว่า ประณีตกว่า* คนอื่นพิจารณารู้เข้าใจ มองเห็นความจริงด้วยและนำไปปฏิบัติได้ แก้ทุกข์แก้ปัญหาได้
    ........
    * ดู องฺ.ติก.20/500/217-220
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2015
  11. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    ลุงแมว อ่านเฉยๆก่อนนะครับ :d
     
  12. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    ปรามาสอีกแระ คิกๆๆ คุณนพ

    ทำไปทำมาคุณนั่นแหละจะจำบ้านเลขที่ไม่ได้ :d
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,019
    เห้อ!!! มาอีกแระ ไม่ยอมจบ พอกระบือกสิณัง...
    ไร้สาระ เพ้อเจ้อ นิสัยโครตตู๊ดๆเลยครับ..
    ไปหาผ้าถุงมานุ่งซะไป
    ผมเขียนเป็นร้อยๆคำ เขียนผิดคำเดียว
    เล็กๆน้อยๆก็เอามาแย้ง เรียกว่า ความ ร.ย. ไม่เป็นรองใครจริงๆ
    แถมมาแสดงภูมิธรรมทับถมอีก..อย่างนี้หรือพ่อคนดี
    ไม่อยากเด่น ไม่อยากดัง ไม่อยากมีอำนาจ ไม่อยากใหญ่
    ไม่อยากให้คนนับหน้าถือตา ตั้งกระทู้แสดงแต่ภูมิธรรมสูงที่ไม่มีในตน
    ที่อ้างตำรามาแล้วเสริมความคิดตัวเองแทรกไว้อย่างนี้นะครับ
    ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
    เอาอวัยวะส่วนไหนคิดออกมาครับ ถามจริงๆ..

    มากล่าวหาว่าผมอยากดี อยากเด่น อยากใหญ่ อยากมีอำนาจ
    อยากให้คนนับหน้าถือตา นั่นมันตัว มาจากดิน ร้อยห้าสิบเปอร์เซนต์
    ขนาดคำว่า กรรมฐานพิเศษ ยังไม่รู้จัก หาว่าไปเอามาจากไหน
    ก็เพราะ กระบือกสิณัง อย่างคุณมันไม่เคารพ ในตัว พระราชพรหมยานไงครับ
    กระบือกสิณัง มันเลยไม่รู้จักคำว่า กรรมฐานพิเศษ
    ขนาดบอกว่า ใช้พลังงานกสิณได้ ๑๐ กองบอกนัยๆว่าใครสอน
    มันยัง กล่าวเท็จว่า ผมไม่รู้ เรื่อง กสิณ ถามจริงๆคนที่ใช้งาน
    กสิณได้เนี่ย คือคนไม่รู้เรื่องกสิณหรือครับ คนที่รู้จริงๆคือคนที่อ่าน
    ตำรามาตอบ ทำอะไรไม่ได้ สอนไม่ได้จากการปฏิบัติ อ้างตำรามาสอน
    และสำเร็จ กระบือกสิณังแบบคุณ หรือ ครับ ที่เป็นผู้รู้จริงเรื่องกสิณ ๕๕


    นี้ขนาดผมไม่เคยตั้งกระทู้เลยแม้แต่กระทู้เดียว ตั้งแต่เข้ามาเวบนี้..
    ไม่เคยหรอกครับ ที่ไปตั้งกระทู้ประเภทแสดงคุณธรรมสูงๆ
    แล้วเพื่อให้คนอื่นๆมาอ่านว่า ตรูนี่คุณธรรมสูง มีภูมิปัญญาสูงส่ง
    แล้วก็เที่ยววิเคราะห์กะว่าจะแสดงความฉลาดซักหน่อย
    แต่หารู้ไหม คนเค้าอ่าน เค้ารู้ว่า กระบือกสิณังเป็นพวกหนอนหนังสือ
    เป็นพวกลูบคำธรรมคำสั่งสอน สมาชิกท่านอื่นๆเค้าถึงมาเตือน
    แต่ว่า ไปขัดคอกับ กระบือกสิณัง เพราะว่า กระบือกสิณังคิดเอง
    ว่าต้องเป็นอย่างนี้ ทั้งๆที่ตนเองทำไม่ได้ซักอย่าง ย้ำว่าทำไม่ได้ซักอย่าง
    มันเลยพาลไม่ฟังเหตุผลที่คนอื่นๆเค้าแนะนำ เพราะมันกะว่ามันจะเท่ห์
    มันอยากเด่น อยากดัง อยากใหญ่ อยากให้คนนับหน้าถือตา..
    พอคนเค้ารู้ทาง เลยเป็นที่มา ที่มากล่าวเท็จ กล่าวหาคนอื่นๆ
    อย่างที่สันดานแท้จริงๆจะค่อยๆปรากฏขึ้นมา ณ เวลานี้
    นึกแล้วขำๆฟันจะร่วง ๕๕๕๕๕๕๕

    ตัวเองช่างไม่ดูตัวเอง แบบผมมีความสามารถทำให้คนอื่นๆรับรู้ได้
    แค่โทรศัพท์มาก็รับรู้ได้และก็ทำมาหลายคนแล้ว แต่ไม่อยากพูดมาก
    กระบือกสิณังมันก็มั่วไปเรื่อย ๕๕๕๕ ขอขำก่อนที่จะเขียนต่อ
    ไปแสดงก้าม อยากโชว์ว่าตัวเองรู้ ทั้งๆที่เป็นกรรมฐานพิเศษ
    พอแนะนำเสร็จ ก็ความแตก สมองกระบือเปิด คนเลยรู้ว่ามันมั่วและ
    มันก็ทำไม่เป็น เค้าก็เลยลากข้อความมาแย้ง เพราะตัวเองไม่รู้จริง
    ไม่มีความสามารถจริง
    ไปสอนคนอื่นๆที่เค้าไม่ได้ถามตัวเอง ที่เค้าไม่ใช่คนตั้งกระทู้
    พอเค้าแย้งคืน ว่าคืนว่าตัวเองไม่รู้จริง ทำไม่ได้ ก็ไม่รู้ตัวเองอีก
    ยังมาทำเป็นเนียน ไปถามเค้าคืนอีก แถมมาว่า ผมสอนผิด
    ทั้งๆที่ผมมีความสามาถใช้งานได้ บอกไปแล้วว่าผมเรียนมาจากไหน
    ทำเป็นไม่เห็น ก็ยังกล่าวความเท็จกล่าวหาไปเรื่อยๆ ๕๕๕๕
    ผมถึงบอกว่า คุณเอาอวัยวะส่วนไหนคิด
    และที่ผมบอกว่า คุณทะลุถุงยางอนามัยมาเกิด
    คงยืนยันได้ว่าจริงแท้แน่นอนนะครับ
    ดูจากการกล่าวหาของคุณก็จะทราบได้ครับ
    ยอมรับ คุณมันเกรียน จริงๆ



    กล่าวความเท็จจะมาว่าผมมโมยิทธิเก่ง
    เรื่องนี้ส่วนตัวไม่อยากพูดมาก
    พูดไปคุณก็ไม่รู้เรื่องอีก..แต่เก่งนะที่
    เอามาพูดแดกดันคนอื่นๆ
    ช่างไม่ดูตอนที่ตัวเองไปแนะนำ
    คนอื่นๆบ้างเลยเนาะ อยู่ใน #Rep 4 ตัวหนังสือสีเขียว ตัวเท่าบ้าน
    ที่ผมขยายให้ดู หัดอ่านบ้างนะครับ ก่อนจะว่าคนอื่น ๕๕๕
    ที่ตัวเองไปโชว์ความโง่แนะนำคนอื่นๆ
    แล้วเค้าอ้างอิงมาว่าคุณคืนนะ อ่านแล้วยังโชว์โง่อีก
    คนที่มาทางมโนยิทธิเค้าอ่านที่คุณแนะนำ คงขำกลิ้งครับ..
    ..
    ก็เพราะมันไม่เคารพใน ตัวพระราชพรหมยาน นั่นหละครับ
    มันเลยไปสอน ว่ามโนมยิทธิเป็นอย่างนั้น แล้วมันก็เอาลิงค์
    มาแป๊ะเพื่อ ให้คนอื่นๆไปยังเวบของมัน....

    และก็เที่ยวปรามาสกล่าวหาคนไปทั่ว
    อย่างคุณมันต้องเจอกสิณดินเข้าที่เส้นเลือดในสมอง
    มันถึงจะรู้ว่า คนที่เค้าทำได้จริงๆเป็นอย่างไร..
    แต่ก็อย่างว่าหละครับ ถ้าพอมีความสามารถทางจิตบ้าง
    เอาด้านไหนก็ได้ซักอย่าง กสิณซักกองก็ได้ ด้านพลังงานก็ได้
    หรือจะมีคาถาอาคม เป็นหมอผี หรือหมอธรรมก็ได้
    ค่อยมาเจอกันนะครับ กับคุณตอนนี้ก็เหมือน
    ดูสุนัข ชิวาว่า เห่าอีกหลายรอบนั้นหละครับ ๕๕๕๕๕๕๕๕


    เอาข้อความกิริยาที่สาวกตัวเองสัมผัสได้เอามาลง
    มันกะว่า จะเอามาเสริมที่มันเคยแนะนำมา ที่ไหนได้
    เป็นกิริยาทางจิต ระดับปัญญาอ่อน เลยมีคนไปบอก ไปเตือน
    แต่มันก็ยังเอามาลงย้ำแล้วย้ำอีก ตั้ง ๔ ถึง ๕ Rep แต่ก็ยังไม่ยอมรับ..
    ยังมีหน้ามาแก้ตัวหน้าด้านๆ..เค้าเรียก ว่าแถ ระดับชาติ..๕๕๕๕๕๕

    ไร้ความสามารถทางจิต ยังสะเออะไม่เจียมตัวมาวิเคราะห์ทางจิต
    ที่คุณวิเคราะห์มา เป็นตัวคุณทั้งนั้นหละครับ...มั่วตำรา คิดเอาเอง
    กล่าวปรามาสไปเรื่อยเปื่อยแบบคุณ เรื่องความเป็นทิพย์พื้นฐาน
    อธิบายตั้ง ๓ ถึง ๔ Rep ทำเป็นโชว์ความสามารถในการวิเคราะห์จิตคนอื่นๆ
    บอกตรงๆเอาให้มีซักอย่างก่อนเถอะครับ..๕๕๕๕
    บอกตรงๆ ว่า อุบาทว์มากครับ ๕๕๕๕
    นี่หรือคนที่มากล่าวหาคนอื่นๆว่า อยากเด่น อยากดัง ๕๕


    ไม่ต้องทำเป็นเนียน มาถามมาเสวนาอะไรกับผมอีกหรอกครับ...
    ไม่ต้องมาถาม ว่าผมเอามาทำอะไรบ้าง เพราะคุณมันพวกน่ารังเกียจ
    เอาแค่นิมิตร เอาพื้นฐานให้มันได้ก่อน ไม่ต้องถึงพลังงานกสิณหรอกครับ
    ไม่ต้องมาทำเป็นถาม ผมจะบอกเฉพาะคนที่ คุณสมบัติถึงพร้อม
    และจะสอนเฉพาะคนที่สอนได้ ตามแบบของผม จะคุยจะรับสายจะแสดง
    ให้ดูเฉพาะคนที่เค้าวาระมาถึง และไม่ใช่หน้าที่ และไม่ใช่เรื่องของผม
    ที่จะต้องอธิบายให้พวกผู้สำเร็จกระบือกสิณังอย่างคุณที่ชาตินี้
    ก็ไม่วันเข้าถึงได้แม้แต่กองเดียว..ไม่ต้องถึงคุยโทรศัพท์กับคุณหรอกนะครับ
    แค่คุณอธิบายเค้าก็รู้แล้วว่าคุณมันมั่ว พวกอยากเด่น อยากดัง
    แล้วไม่ดูความสามรถตนเอง แถมยังกล่าวหาผมอีก..
    เพราะฉนั้นประเด็นเรื่องจะไปทำอะไร เป็นอย่างไร
    ผมจึงของดการสนทนากับ คุณมาจากดิน หรือ
    เจ้าของ ฉายากระบือกสิณังคนนี้ทุกกรณีครับ...

    ปล.ระวังที่ผมเตือนคุณ ให้ดีๆนะครับ
    ทำเป็นเล่นไปเถอะ ย้ำว่าอย่าลืมก๊อบข้อความไว้นะครับ..
    ปากดีอย่างนี้ เด่วคอยดูผลแล้วกันนะครับ เพราะเรื่องอย่างนี้
    ..ผมพูดได้ไม่เกิน ๓ ครั้งนะครับ


    โอ้ๆๆๆ มีทีเด็ดรอมานานแระ...๕๕๕๕
    ถ้าคุณ คิดว่าคุณจะทำอะไรผมนะครับ หรือแค่พูดเอามันนะครับ
    ผมเรียนเชิญเลยครับ ไปจ้างหมอผี หมอธรรมที่คุณคิดว่าเก่ง
    ในประเทศนี้มาเลยก็ได้ครับ.. บอกเค้าว่าเอาให้ถึงที่สุดเลยนะครับ
    ผมจะยิ้มรอคุณเลยครับสโลแกนผม
    ''ใครมาดีก็ยิ้มรับ ใครมาไม่ดีก็ยิ้มรับครับ''
    ว่าแต่มีปัญญาทำได้หรือเปล่าครับ
    ขอให้คุณได้ลองทำอย่างที่พูดเอามันที่ปากจริงๆเหอะ
    ลองทำดูได้ อย่างที่พูดแหย่ๆผมดูนะครับ
    จะได้รู้ว่าอะไรเป็นไรด้วยตัวคุณเองซักที
    เรียนเชิญนะครับ..ผมเนี่ยยิ้มรอเลยครับ
    ที่คุณพูดแบบนี้ครับ
    ..:cool:
    ตัวหนังสือใหญ่ๆ มีสีนี่หละครับ อ่านง่ายดี
    คุณ ตาบอดสีหรือกับสายตายาวหรือไงครับ
    ถึงไม่ชอบอ่านแบบมีสีกับตัวหนังสือใหญ่ๆครับ
     
  14. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    ทำเป็นพูดกลบเกลื่อนว่าไม่ควรนำผู้ที่ไม่อยู่ในนี้มาเป็นประเด็น แถมยังให้ความ
    หมายสื่อถึงหลวงพ่อเรา เป็น"เขา" อีก เจริญลงแล้วพ่อคุณเอ๋ย นี่ไม่ใช่ว่าไม่
    เคารพแค่ในใจนะเนี่ยะ มันแผ่ความร..ยำออกมาถึงข้อความเลย แกล้งทำเป็น
    ไม่รู้จักที่สูงที่ควร อุจาดตาเหลือเกินข้อความนี้ แค่อ่านก็มองออกไปถึงใจแล้ว
    หมอนี่เป็นคนเสแสร้งจัด ไม่เคารพในใจไม่ว่า นี่ยังหาวิธีทำลายต่างๆนาๆอีก
    โธ่เอ๋ยน่าสงสาร หลวงพ่อบอกใครไม่เคารพคอยกลั่นแกล้งทำลายวิชาที่
    พระพุทธเจ้าให้ท่านไว้ ได้สิทธิพิเศษตั๋วพร้อมเดินทางแถมบ้านอเวจีจัดสรร
    อยู่ฟรีไม่มีกำหนดทุกราย ฮือๆ! มาจากดิน

    แถไปเรื่อยๆแค่อยากเอาชนะคนอื่นไปวันๆ นี่ถ้าไม่พาดพิงถึงหลวงพ่อจะไม่ยุ่ง
    เลยพวกใจต่ำกว่าคนประเภทนี้ ขอพูดสั้นๆและได้ใจความอีกนิดนะ "ถุย"
     
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,019
    คุณ Neoworld ถือว่าอ่านเอาฮาไปก่อนก็ได้ครับ...
    ไม่ต้องห่วงนะครับ มีความสามารถทำได้จริงๆในอดีตส่วนตัวผม
    ก็เจอมาพอสมควรแล้วครับ..และขอบคุณที่พอเข้าใจนะครับ..
    ปล.ใครมาดีก็ยิ้มรับ ใครมาไม่ดีก็ยิ้มรับครับ..
    พวกเก่งแต่ปาก มีแต่ตำรา นิสัยอย่างนี้..
    ผมยิ้มรออยู่นะครับ ทำให้ได้อย่างที่ผมเขียน
    ใน # 33 นะครับ ย้ำว่าผมยิ้มรออยู่นะครับ..
     
  16. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ระวังธาตุไฟแตกเด้อ
     
  17. พรตพเนจร

    พรตพเนจร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +77
    ช้าก่อนทุกท่าน คุณ มาจากดิน และคุณ nopphakan

    ที่ข้าพเจ้ามาในวันนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้ทุกคนทะเลาะกันเองเอาละผมจะตอบคำถามให้พวกคุณเองผมจะตอบครั้งเดียวและจะไม่ตอบอีก

    คุณ มาจากดิน คุณเองเป็นคนที่นับถือและยกย่องพระศาสดาตถาคตเป็นอย่างมาก ถึงต้องคงไว้ซึ่งคำสอนทั้งเรื่องกสิณและเรื่องต่างๆได้ดีน่ายกย่องเป็นอย่างมากหาน้อยมากที่จะหาคนแบบคุณที่ไม่ลืมคำสั่งสอนของพระตถาคตเจ้าไว้อาจารย์ของคุณที่นับถือมากๆคือหลวงปู่ดู่และสายธารธรรมหลวงปู่ดู่คุณรู้หรือไม่อาจารย์ของคุณนั้นนะมีวิชาเล้นลับซึ่งเป็นสุดยอดอยู่ตอนนี้ผู้สืบทอดคือหลวงตาม้าแห่งวัดถ้ำเมืองนะ วิชานั้นๆคือวิชาควบคุมมวลพลังงาน พูดง่ายๆอาจารย์ของคุณให้ท่องสวดคาถามหาจักรพัฒน์ ไม่รู้พิมพ์ถูกใหมคาถานี้จะเป็นการสวดเพื่อให้เกิดมวลพลังงานอย่างใหญ่และผู้ควบคุมพลังงานเหล่านี้คือหลวงตาม้าพลังงานเหล่านี้สามารถคุ้มครองนักปฏิบัติที่ปฏิบัติไม่ให้หลงกลมารได้เพราะง่ายๆถ้าคุณสวดแล้วท่องคาถานี้จะเสมอเหมือนมีเกาะพลังงานรายลอบตัวอยู่พลังงานเป็นทั้งร้อนและเย็นสามารถทำให้สงเคารห์โลกทิพย์อุทิศส่วนบุญหรือคุ้มครองหรือทำร้ายได้อย่าลืมนะพลังงานเหล่านี้มีขึ้นได้แต่ก็สามารถถูกทำลายได้เช่นกันหากเจอผู้ที่ควบคุมมวลสารพลังงานได้มากกว่าเพราะฉะนั้นวิชานี้จึงเก็บเป็นความลับเงียบๆและไม่เผยแพร่และบอกแก่ลูกศิษย์นี้คือความสามารถของอาจารย์หลวงปู่ดู่และหลวงตาม้าส่วนมากนักปฏิบัติแบบหลวงตาม้าย่อมรู้ดีว่าวันใดวันหนึ่งพลังงานนี้ถูกทำลายลงหลวงตาจะอยู่ไม่ได้เพราะที่ผ่านมาถูกอสูรกายคอยเล่นงานที่รอดผ่านมาได้ตลอดเวลาก็เพราะพลังงานมวลสารเหล่านี้นี้เอง อันนี้ คุณมาจากดินคงไม่ทราบแต่ถ้ามีญานวิเศษแล้วจะทราบได้เอง


    คุณ นพ คุณเองเป็นนักปฏิบัติมีความสามารถพิเศษหลายอย่างพบเจอสิ่งต่างๆมาหลายๆอย่างคุณ นพ เป็นนักปฏิบัติน่าจะสำรวมมีความใจเย็นเบ่าๆลงบ้างหากละไม่ได้คุณวิเศษจะผิดเพี้ยนไปอย่าให้กิเลสมาควบคุมตัวคุณ นพ นะ คุณ นพ เป็นคนดีคอยสอนพวกที่ไม่มีญานให้เข้าใจเพราะคณคุณก็เป็นคนหนึ่งที่เครพรักอาจารย์ของคุณ นั่งคือหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เท่าที่พรตพเนจรรู้ พระราชพรหมยาน ท่านเชียวชาญวิชา มโนมยิทธิ ส่วนการที่จะเข้าถึงมโนมยิทธินั้นพรตพเนจรเชื่อว่าคุณ นพ ก็รู้แล้ว วิชานี้อาจารย์ของคุณสามารถที่จะให้สิ่งต่างๆปรากฏด้วยฤทธิ์มโนมยิทธิได้ในภาพทิพย์ซึ่งวิชานี้ก็นับว่าหลวงพ่อพระราชพรหมยานเชียวชาญมากที่สุดแต่วิชานี้ไม่ใช่เป็นของหลวงพ่อท่านมันมีมานานแล้วหลวงพ่อท่านคงเมตตาสั่งสอนให้ศิษย์มโนเห็นนิพพานเพื่อคงเป็นกุสโลบายให้มีกำลังในการปฏิบัติเท่านั้นวิชานี้มีตั้งแต่ในอดีตที่พระพุทธเจ้ายังไม่ได้ตรัสรู้ถ้าผู้ที่เข้าใจมันรู้เคร็จวิชาลับบางอย่างของวิชานี้จะสามารถเอาภาพนิมิตรหรือกายทิพย์ไปแทนตัวเองยังที่ต่างๆได้โดยปรากฏให้คนตาเนื้อเห็นได้และสามารถแสดงฤทธิ์ได้ยังจับสิ่งของต่างๆได้และที่สำคัญวิชานี้ไม่มีผู้รู้ความลับหากความลับวิชานี้เปิดเผยออกไปเกรงว่าจะเป็นอันตรายมากเพราะสามารถฆ่าคนได้เป็นฤทธิ์อีกแบบหนึ่งฤทธิ์นี้น่าจะเคยได้ยินในพระไตรปิฏกเพราะพระพุทธเจ้าท่านทรงใช้ในการโปรดสัตว์และผู้เชียว์ชาญและเข้าใจดีคือพระสาวกพระโมคคัลลาวิชานี้จึงไม่มีใครรู้ถึงรู้ก็เก็บไว้เป็นความลับส่วนมากแล้วคนที่รู้จะสอนศิษย์แค่ให้เล่นในนิมิตรก็เพียงพอแล้ว เชื่อว่าคุณ นพ เองมีความสามารถพิเศษอยู่ บางครั้งคุณ นพ ต้องเข้าใจนะความสามารถพิเศษบางอย่างมันเกิดขึ้นได้เฉพราะในโลกทิพย์มิติทิพย์เท่านั้นบางครั้งเป็นอะจินไตร รับรู้ได้ด้วยตัวเองเท่านั้นดังเช่นรพระตถาคตบอกไว้ว่าโสดาบันบ้าง อรหัตน์บาง สกิทาคามีบ้าง รู้ได้เฉพราะตนและไม่สามารถบอกแก่ผู้อื่นๆได้ถ้าบอกไปเป็นการอวดอุตลิตหาลาญยศสรรเสิรญมาใส่ตนเพื่อความสุขสบายคนที่รู้จริงสำเร็จจริงไม่มีใครมาบอกหรือมาเล่า ไม่สามารถที่จะให้ผู้อื่นๆเห็นได้แต่สามารถที่จะฝึกผู้คนอื่นๆให้ปฏิบัติตามและเห็นได้ด้วยตนเองผู้ที่ไม่ฝึกพูดยังไงเค้าก้ไม่รู้ไม่เห็นไม่ทราบ

    ทั้งคุณ นพ และคุณ มาจากดิน ทั้งสองก็ต่างสร้างคุณประโยชน์มากมายเพราะฉะนั้นบ่างสิ่งบางอย่างถ้าทะเลาะกันแล้วก็หันหน้าเข้าหากันปรึกษากันดีกว่า คนเรานั้นเกิดมาไม่รู้ว่าวันนี้ต้องเป็นยังไงมีชีวิตอยู่นานๆใหมในเมื่อเราเกิดมาเป็นคนแล้วในร่างกายนี้จะหญิงหรือชายเราควรใช้ร่างกายนี้บำเพ็ญเพื่อที่จะเป็น อริยะ บุคคลได้ในอนาคต มหายานของเราคือ ยาน อันยิ่งใหญ่ ไม่ว่าใครผู้ใหนยากดีมีจน รูปสวยหรือไม่งาม ชาติตระกูลดีหรือไม่ดีชายหรือหญิง ก็ต่างที่จะสามารถบำเพ็ญเพื่อสำเร็จเป็น ยูไล ได้ทั้งสิ้นหากแต่บุญวาสนามีแต่การเป็นยูไลนั้นยากยิ่งนักต้องผ่านอุปสรรค์และด่านต่างๆมากมายจนถึงขึ้นสละชีวิตเพื่อสรรพสัตว์และยังถูกทดสอบกับมารมากมายดังเช่นพระตถาคตของเรา


    อัตตาคือกงล้อแห่งกายยึดติด

    ที่ยึดโยงธาตุและอธาตุมาประกอบกัน

    หมุนไปตามการปรุงแต่งแห่งความคิดและปราถนา

    อันคนเขลาเพลิดเพลินยิ่งนัก

    ปัญญาชนย่อมเห็นความไร้สาระแห่งอัตตาทั้งภายในและภายนอก

    แล้วสลายอัตตาในภายในเสีย

    แล้วไม่หยิบฉวยอัตตาภายนอกใดๆมาเป็นสรณะ

    จึงเป็นอิสระ สงบ โล่งยิ่งนัก

    ความพอใจเป็นเหตุให้เพลิดเพลินไปในโลกทุกข์

    อันคนเขลาเผ้าสรรแต่งความพอใจนานาวิธี

    เพื่อล่อตัวเองและล่อกันและกันให้ทนอยู่ในห่วงแห่งทุกข์

    ความไม่พอใจเป็นเหตุให้มีปฏิฆะกับทุกข์

    ทำให้อึดอัดขัดขืนในตนและสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา

    ซึ่งเป็นเหตุแห่งทุกข์อีกแบบหนึ่ง

    ที่คนฉลาดมีปัญญาเล็กน้อยมักค้างอยู่ในสภาวะนี้

    ส่วนญาณชนย่อมถอนตัวทั้งความพอใจและความไม่พอใจออกไปเสีย

    ทรงอยู่ในความอิสระ เป็นกลาง ปราศจากความยินดีหรือยินร้าย

    จึงสงบจริง และดิ่งสู่ วิมุติ





    พรตพเนจร
     
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    คุณนพตอบคำถามผมทีละประเด็นๆสิครับ
     
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    นี่คคห.ผม

    คุณเกาะนิพพาน นำมาไม่หมด ขากถุย

    มีเขา, มีท่าน

    ผมมุ่งหมายยังงี้ครับ เขาหมายถึงบุคคล จะเป็นใครก็แล้วแต่ซึ่งไม่อยู่ที่นี้ ท่าน หมายถึงพระสงฆ์องค์เจ้า ซึ่งไม่อยู่ที่นี้
     
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    กรรมฐานมี 40 อย่าง (แต่ที่นี้นำมาเท่าที่เห็นได้ง่าย คือ กสิณ ๑๐ อย่าง อนุสติ ๑๐ อย่าง อัปปมัญญา ๔ อย่าง....สังเกต กสิณ ๑๐ อย่าง มีอะไรบ้าง คุณนพพูดว่า ปั่นกสิณ ๑๐ ให้มารวมกัน ภายในไม่กี่วิ. อนุสติ ๑๐ สังเกตข้อ ๙ อานาปานะ (= อัสสาสะ ปัสสาสะ = ลมหายใจเข้า ลมหมายใจออก) พูดถึงกันบ่อย ซึ่งอยู่คนละหมวดกับกสิณ ๑๐ อย่าง)

    กสิณ 10 แปลกันว่า วัตถุอันจูงใจ หรือวัตถุสำหรับเพ่ง เพื่อจูงจิตให้เป็นสมาธิ เป็นวิธีใช้วัตถุภายนอกเข้าช่วย โดยวิธีเพ่ง เพื่อรวมจิตให้เป็นหนึ่งมี 10 อย่าง คือ

    ก) ภูตกสิณ (กสิณคือ มหาภูตรูป) 4 คือ ปฐวี (ดิน) อาโป (น้ำ) เตโช (ไฟ) วาโย (ลม)

    ข) วรรณกสิณ (กสิณ คือ สี) 4 คือ นีล (เขียว) ปีต (เหลือง) โลหิต (แดง) โอทาต (ขาว)

    ค) กสิณอื่น ๆ คือ อาโลก (แสงสว่าง) ปริจฉินนากาส เรียกสั้นว่า อากาศ (ช่องว่าง)

    อนุสติ 10 คือ อารมณ์ที่ดีงามที่ควรระลึกถึงเนื่องๆ ได้แก่ *

    1. พุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า และพิจารณาคุณของพระองค์

    2. ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม และพิจารณาคุณของพระธรรม

    3. สังฆานุสติ ระลึกถึงพระสงฆ์ และพิจารณาคุณของพระสงฆ์

    4. สีลานุสติ ระลึกถึงศีล พิจารณาศีลของตนที่ได้ประพฤติบริสุทธิ์ ไม่ด่าง
    พร้อย

    5. จาคานุสติ ระลึกถึงจาคะ ทานที่ตนได้บริจาคแล้ว และพิจารณาเห็นคุณธรรม คือ ความเผื่อแผ่เสียสละที่มีในตน

    6. เทวตานุสติ ระลึกถึงเทวดา หมายถึงเทวดาที่ตนเคยได้รู้ได้ยินมา และพิจารณาเห็นคุณธรรมซึ่งทำคนให้เป็นเทวดา ตามที่มีในตน

    7. มรณสติ ระลึกถึงความตายอันจะต้องมีถึงตนเป็นธรรมดา พิจารณาให้เกิดความไม่ ประมาท

    8. กายคตาสติ สติอันไปในกาย หรือระลึกถึงเกี่ยวกับร่างกาย คือ กำหนดพิจารณากายนี้ ให้เห็นว่าประกอบด้วยส่วนต่างๆ คืออาการ 32 อันไม่สะอาด ไม่งาม น่าเกลียด เป็นทางรู้เท่าทันสภาวะของกายนี้ มิ ให้หลงใหลมัวเมา

    9. อานาปานสติ สติกำหนดลมหายใจเข้า หายใจออก

    10. อุปสมานุติ ระลึกถึงธรรมเป็นที่สงบคือนิพพาน และพิจารณาคุณของนิพพาน อันเป็นที่หาย ร้อนดับกิเลสและไร้ทุกข์

    อัปปมัญญา 4 คือ ธรรมที่พึงแผ่ออกไปในสัตว์มนุษย์ทั้งหลาย อย่างมีจิตใจสม่ำเสมอทั่วกัน ไม่มีประมาณ ไม่จำกัดขอบเขต โดยมากเรียกกัน ว่า พรหมวิหาร 4 (ธรรมเครื่องอยู่อย่างประเสริฐ ธรรมประจำใจที่ประเสริฐ บริสุทธิ์ หรือคุณธรรมประจำใจ ของท่านผู้มีจิตใจกว้างขวางยิ่งใหญ่) คือ

    1. เมตตา ความรัก คือ ปรารถนาดี มีไมตรี อยากให้มนุษย์สัตว์มีสุขทั่วหน้า

    2. กรุณา ความสงสาร คือ อยากช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์

    3. มุทิตา ความพลอยยินดี คือ พลอยมีใจแช่มชื่นเบิกบาน เมื่อผู้อื่นอยู่ดีมี สุข และเจริญงอกงามประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไป

    4. อุเบกขา ความมีใจเป็นกลาง คือ วางจิตเรียบสงบ สม่ำเสมอเที่ยงตรงดุจตรา ชั่ง มองเห็นมนุษย์สัตว์ทั้งหลายได้รับผลดีร้ายตามเหตุปัจจัยที่ ประกอบ ไม่เอนเอียงไปด้วยชอบหรือชัง

    อาหาเร ปฏิกูลสัญญา กำหนดหมายความเป็นปฏิกูลในอาหาร

    จตุธาตุววัฏฐาน กำหนดพิจารณาธาตุ 4 คือ พิจารณาเห็นร่างกายของตน โดยสักว่าเป็นธาตุ 4 แต่ละอย่างๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...