อีกครั้ง!!ตามรอยลามะปาเดนโดรเจ ผู้นั่งสมาธิยาวนานกว่า 6 ปี

การฟังเรื่องราวยังคงต้องฟังหูไว้หู พระพุทธเจ้าผ่านมาถึง 2 พันปีแล้ว บางอย่างที่มีมาให้เราได้รับรู้ ก็เกินจริงไปบ้าง อย่าลืมว่าพระพุทธองค์ก็เป็นมนุษย์ ไม่ใช่ว่าเกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็เหาะเหินเดินอากาศได้เลย ทุกอย่างยังเป็นไปตามมนุษย์ปกติ จนมีลูกมีเมีย ก็ใช่ว่าจะเสกลูกเอา ยังอยู่ในกามารมณ์ การทรมานร่างกายจนซูบผอม ก็เป็นความจริงที่พระองค์อดข้าวน้ำ แต่ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าพระองค์ทรมานพระวรกายนานเท่าไหร่ ไม่มีอะไรที่พิสูจน์ได้เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว สิ่งที่เป็นจริงก็คือคำสั่งสอนหรือธรรมะของพระองค์เป็นความจริง และยังมีคำสอนที่พระองค์สอนไว้ได้อย่างสนิทใจว่าจงอย่าเชื่ออะไรจนจะพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง แม้แต่คำสอนของพระองค์เอง
ก็ไม่ได้บอกนะ ว่าควรจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เราต้องคิดให้มาก สิ่งที่เกิดเกินธรรมชาติไปหรือเปล่า

 

ปัจเจกพระพุทธเจ้า เมื่อเราได้รับรู้เรื่องราวท่านทีไร ปลื้มปิติใจอย่างบอกไม่ถูก

 

เราเคยเห็นรูปหลวงพ่อสิงห์ องค์ที่ท่านเคยเป็นอาจารย์สอนสมาธิ วีเจซิงค์
แชมป์กอลฟ์ยูเอส ชาวฟิจิเมื่อหลายปีก่อน

เคยเห็นท่านตอนปกตินะ ท่านรูปร่างอ้วน เจ้าเนื้อ

แต่มาเห็นรูปอีกทีตอนท่านละสังขารไปแล้ว ปัจจุบันร่างไม่เน่าอยู่ในโลงแก้ว

รูปที่เราเห็นทีหลังนี้ คือพระผอมๆ หนวดเครายาว ผมยาว
เห็นทีแรกยังนึกว่าฤาษี

ถามแม่ชีที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่วัด เขาบอกว่า
หลวงพ่อเข้านิโรธ 3 เดือน ภาพนี้ถ่ายหลังจากออกนิโรธ

เราคิดว่า อาจเข้านิโรธสมาบัติช่วงเข้าพรรษา
ระหว่างนั้นหลวงพ่อคงไม่ได้ฉันอะไร
ร่่างกายที่อ้วนท้วนสมบูรณ์กลายเป็นผอมไปเลย
ผมเผ้าก็ยาวขึ้น มีหนวดเครา
ก็เป็นเหตุเป็นผลดี

แต่กับรายนี้ ที่อ้างว่าไม่กินอะไรมา 6 ปี ก็ควรพิจารณาให้ดี

 

เคยอ่านเจอ มีนักปฏิบัติสมาธิชาวอินเดีย ที่ไม่ใช่โยคี แต่เป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา
ใช้ชีวิตได้โดยไม่กินอาหารอะไรเลย แต่น้ำนี้จำไม่ได้ว่าดื่มหรือเปล่า
จำไม่ได้ว่าเขาใช้ชีวิตแบบนั้นมานานเท่าไหร่แล้ว
แต่ที่แน่นอนคือนานกว่าปีแน่นอน
ก็เห็นเค้ามีรูปร่างกำลังดี ไม่อ้วน ไม่ผอมเกินไป คือก็ประมาณท่านลามะปาเจนโดรเจนี่ละ
ถามว่า นักปฏิบัติสมาธิชาวอินเดียคนนี้อยู่ได้อย่างไรโดยไม่กินอาหารเลย
เพราะว่าร่างกายเขาสามารถสังเคราะห์ธาตุอาหารต่างๆ ที่จำเป็นจากแสงแดดได้

แต่จะว่าไป เจ้าชายสิตธัทธะ สมัยเป็นโยคีอดอาหาร ท่านก็ผอมหนังติดกระดูก เหมือนกันนะ

แต่เรื่องที่คนธรรมดาไม่อาจรู้ได้ อย่างใบไม้นอกกำมือนี้มันเยอะมากนะ
เรื่องบางอย่างที่อาจจะคิดไปเองว่ามันไม่สมเหตุสมผล แต่นั้นมันอาจจะเป็นความจริงก็ได้

 

นึกถึงพระเตมีย์น่ะครับ

ท่านเข้าสมาธิอย่างยิ่งยวด เมื่อออกจากสมาธิยังยกราชรถได้เลย

ปล.เรื่องบางเรื่อง จริงไม่จริง เรายังไม่รู้
ถึงไม่เชื่อก็ไม่จำเป็นต้องออกตัวแรงครับ

เก็บเงียบๆในใจก็พอแล้ว

 

เคยศึกษาคนนี้มา และตามข่าวมา เรื่องจริงผ่านจอ ใช้กล้องจับ จะปรากฏว่า ในช่วงราวๆตี2 จนถึงตี 5 เขาจะหายไป แล้วกลับมาใหม่ ทุกวัน และช่วงบ่ายอีกรอบ เป็นงี้ทุกวัน

 

1.เหตุ-ปัจจัย ที่ว่าคนล่ะยุค คนล่ะสมัยนี่มันคืออะไรครับ อธิบายได้ไหม
ผมจำได้ว่าธรรมะคืออกาลิโก ไม่มีกาลเวลาคั่นนี่ครับนี่ครับ ถึงจะทำเมื่ออสงไขยที่แล้ว กัลป์ที่แล้ว อีก 10 กัลป์ข้างหน้า อสงไขยข้างหน้า ถ้าทำได้ถูกต้องตามแนวทางที่องค์สมเด็จฯและพระอริยเจ้ากล่าวเอาไว้ ท่านก็รับรองผลนี่ครับ ว่าสำเร็จแน่ไม่ว่าจะเป็นเตวิโช หรืออภิญญา

2.ที่ผมเงียบเอาไว้ เพราะประโยชน์ตัวผมเองก็ถูกแล้ว เพราะปัญญาผมยังไม่พอ ญาณที่จะวินิจฉัยในเรื่องเหนือโลกแบบมีปัญญาแบบพระอริยเจ้าทั้งหลายนั้นผมก็ไม่มี ถ้ากล่าวผิดไปโทษผมมีแน่ครับ แล้วกล่าวไปแล้วเกิดมีคนเชื่อตามผม ความซวยยิ่งหนักกว่าเดิมครับ เงียบไว้มีประโยชน์กว่า เพื่อตัวเองล้วนๆครับ

3.จะวินิจฉัยอะไรให้ถูกต้องผมกล่าวไว้แล้วว่าปัญญาผมไม่พอ หากท่านสับสนมีปัญญาพอแล้ว ผมจะว่าอะไรท่านได้เล่า ผมย่อมหลีกทางให้ท่านครับ

ปล.แต่ท่านสับสนแน่ใจแล้วหรือครับ ว่าท่านมีความรู้ทางพระพุทธศาสนาครอบคลุมแล้วจนมั่นใจว่าท่านวินิจฉัยด้วยสามัญสำนึกของท่านไม่ผิดพลาด

เพราะถ้าท่านไม่เชื่อแล้วเก็บไว้ในใจ ถึงมันจะผิดโทษมันยังไม่มี แต่เมื่อใดที่ท่านกล่าวหรือเขียนไป แล้วมีคนเชื่อตามท่าน ท่านย่อมได้ชื่อว่าพาผู้อื่นให้รู้ให้เข้าใจผิดนะครับ

ผมเป็นคนโง่ และไม่กล้าที่จะออกตัวแรง เก็บเงียบไว้ก่อน เพราะผมยังไม่รู้ ปัญญายังไม่ถึง ความรู้รอบยังไม่มี แค่พยายามปฏิบัติดูก่อนตามธรรมะที่สนใจเพื่อประโยชน์ของผมคนเดียวล้วนๆเลยครับคือไม่ลงอบายภูมิ และไม่พยายามลากหรือชี้ให้คนอื่นลงด้วย ด้วยความโง่แต่อยากอวดฉลาดของผมครับ

 

จากประสบการณ์จริง

พระเมืองไทย พระป่า บางรูป อดอาหาร 7 14 วันไปถึง เดือน+ เพื่อปฏิบัติ นั้น

บอกตรงๆ ผอมทุกรูป ครับ ^^

 

อ่อ ลืมบอกอีกอย่าง อดอย่างเดียวไม่พอ ทำกิจของสงฆ์ ทำวัด ตามปรกติด้วย ไม่ได้นั่งเฉยๆ 24 ช.ม.

 

สาธุ

 

ในเมื่อท่านทำได้แล้วไม่เป็นอะไรก็ไม่ใช่เรื่องผิดธรรมชาติ ท่านมีความสามารถที่จะทำได้แล้วไปว่าเขาทำไม การเป็นพระโพธิสัตว์จะต้องสร้างสมบารีมเพื่อให้ในที่สุดจะต้องเก่งทุกเรื่อง เรื่องสมาธิก็เหมือนกันจะต้องผ่านการฝึกที่ยากกว่า ลำบากกว่า ทำมากกว่า มีกำลังที่เข้มแข็งมากกว่าใครๆทั้งหมด นี้อยู่ในช่วงของการสร้างบารมี ก็เป็นเรื่องธรรมดา แล้วเรื่องอะไรถึงไปว่าท่านแบบนั้น ไม่มีอะไรจะติแล้วใช่มั้ย หรืออิจฉาที่ทำแบบท่านไม่ได้เลยโมโห

 

สัจธรรมคือความเป็นจริงในธรรมชาติ หาก เหนือจริงเหนือธรรมชาติแล้ว ย่อมไม่ใช่สัจธรรมที่ควรแก่การเชื่อถือ และย่อมไร้ซึ่งสาระที่ควรแก่การรับรู้ ..... ^__^

 

หนึ่งครั้งในชีวิต
ข้าพเจ้าจะหอบชุดผ้าไตรจีวรไปถวายท่านคะ
สาธุ สาธุ สาธุคะ
เหตุแค่สงสัยและได้สัมผัส
ไปกันเย๊ๆ