“เสรีพิศุทธ์”กับความเชื่อ”สมเด็จวัดระฆัง”เขาว่ากันว่า มูลค่า 50 ล้าน

หากเอ่ยชื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตนายตำรวจท่านนี้ หลังอภิปรายนโยบายรัฐบาล ที่ผ่านมา ดังเป็นพลุแตกชั่วข้ามคืน เพราะเป็นผู้เปิดศึกถล่มปมคุณสมบัติดำรงตำแหน่ง “บิ๊กตู่” จนนายกรัฐมนตรี ถึงขั้น ประกาศ “ตัดพี่ตัดน้อง” กลางสภากันเลยทีเดียว ก่อนที่มือปราบวีรบุรุษนาแก จะโดนปรมาจารย์ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกปัด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กลางสภากันนิ่มๆ อีกวันว่า “เรื่องจบแล้วครับ” ไม่สามารถอภิปรายต่ออีกได้ เป็นอันว่าการอภิปรายของวีรบุรุษนาแก จบลงไปอย่างรวดเร็ว


หากพูดถึงเรื่องความเชื่อ ระดับอดีต ผบ.ตร. แน่นอนหลายคนก็ต้องเดาออกว่า ขึ้นชื่อเป็นนายตำรวจ ก็คงต้องมีพระเครื่องที่นับถือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมีผู้ใหญ่ที่เคารพรักมอบพระเครื่องให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ 1 องค์ เพื่อไว้บูชา ตั้งแต่นั้นเขาก็สวมใส่สร้อยพระสลับกับถอดเก็บไว้มาตลอดหลายสิบปี นั่นคือ “พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม” ซึ่งเคยมีเซียนพระเสนอให้ราคาขอเช่าซื้อถึง 50 ล้านบาท แต่เขาตอบปฏิเสธไป



“ตั้งแต่แขวนพระองค์นี้มาไม่เคยมีใครมาทำอะไรพี่ได้สักที อาจจะมีปัญหา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้” นอกจากนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกเหตุผลที่ต้องถอดสร้อยพระเก็บ ไม่ใส่ตลอดเวลา ว่า “เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าพระคุ้มครองเรา หรือเราคุ้มครองพระ แต่คนไทยกับศาสนาพุทธเป็นเรื่องตัดกันไม่ขาด จะบอกว่าไม่เชื่อเลยเดี๋ยวจะมองไม่ใช่คนไทย ผมยอมรับดูพระไม่เป็น ใครให้มาบอกว่าดีก็เลือกใส่เอา ส่วนตัวไม่ได้ยึดถือเรื่องนี้มากนัก”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ยืนยัน ถึงวันนี้ตนก็ยังสวมใส่สร้อย “พระสมเด็จวัดระฆัง” องค์นี้ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังเชื่อมั่นว่า ห้อยแล้วทำให้อยู่รอดปลอดภัย แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง ไม่มีเรื่องอะไรที่จะเข้ามากล้ำกรายได้เลยทุกเรื่อง รวมไปถึงเรื่องคดีความที่ผ่านมาก็หลุดคดีตลอด



“ก็อย่างที่เคยบอก มีเซียนพระคนหนึ่งเข้ามาขอเช่าซื้อให้ราคาถึง 50 ล้าน แต่ขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่า ไม่มีความคิดจะให้เช่าแต่อย่างใดทั้งสิ้น” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว…

เรื่องความเชื่อในสังคมไทย ครอบคลุมไปทุกวงการ อย่าว่าแต่ชาวบ้านธรรมดา ไปจนถึงคนระดับเศรษฐีมีเงิน แม้แต่บุคคลสำคัญ คนใหญ่คนโต ก็ไม่เว้น ขึ้นอยู่ที่ว่าจะเชื่อกันไปในแบบไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หากเชื่อแล้วสร้างความสบายใจ ไม่เดือดร้อนคนอื่น ก็คงไม่มีปัญหาหรอก จริงไหม??..




อ่านเพิ่มเติม…

ขอขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/news/politic/1626318