ใช้สมาธิช่วยตอนไม่สบายหนักแล้วเกิดอาการแบบนี้คืออะไรครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย taudom, 12 มิถุนายน 2015.

  1. taudom

    taudom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +45
    กราบสวัสดีพี่ๆญาติธรรมทุกท่านครับ ผมเองเป็นสมาชิกใหม่พึ่งสมัครสมาชิกเข้ามาได้วันนี้เองครับ ก่อนหน้านี้ก็เคยเข้ามาอ่านบทความต่างๆอยู่บ้าง
    วันนี้เลยคิดว่าถึงเวลาที่ต้องมาเป็นสมาชิกเว็บบอร์ดแห่งนี้ได้แล้ว
    วันนี้ขอเข้ามาถามคำถามก่อนเลยนะครับ
    คือก่อนหน้านี้ผมเคยเข้าฝึกวิปัสสนากรรมฐาน สติปัฏฐานสี่ ณ วัดแห่งหนึ่งทางใต้ ฝึกได้ 7 วัน ก็ออกมาใช้ชีวิตทำงานตามปกติ จนมีอยู่วันนึงระหว่างทำงานตัวผมมีไข้กะทันหันหนักมากจนทำงานไม่ไหว เลยต้องลากลับมาพักผ่อนที่บ้าน ระหว่างพักอยู่ที่บ้านอาการไข้กลับยิ่งหนักขึ้น ณ ช่วงนั้นผมอยู่ตัวคนเดียว ไม่มียากินไม่มีคนดูแล ก็รู้สึกทรามานกับพิษไข้มาก ตอนนั้นก็นึกถึงสมาธิที่เคยฝึกมา แยกรูปแยกนาม แต่ความจริงแล้วผมไม่รู้ความหมายอะไรมากนัก เป็นนักปฏิบัติหน้าใหม่ที่รู้น้อยมาก อาจารย์บอกแยกรูปแยกนาม ผมก็ตีเอาเองว่า แยกความเจ็บออกมาจากตัวเรา คิดได้ดังนั้นผมก็นอนทำสมาธิ ยุบหนอ พองหนอ พอเริ่มจับได้ละเอียดขึ้นก็หันมาดูอาการเจ็บจากไข้ ก็ดูอยู่สักพักครับ ...พรึ่บบบ
    ณ ตอนนั้น มีกลุ่มน่าจะควันขาวๆจางๆรูปร่างเหมอนกายมนุษย์ลอยอยู่ด้านบนเหนือตัวผมประมาณคืบกว่าๆ ที่สำคัญกว่านั้น อาการ เจ็บปวด ทรมาน จากพิษไข้ทั้งหมดที่ผมเป็นอยู่ เหมือนมันย้ายจากตัวผมไปอยู่ในกลุ่มควันสีขาวรูปกายมนุษย์นั้นหมดเลย ส่วนตัวผมตอนนั้นอีกความรู้สึกนึง รู้สึกเบาสบายมากครับ ไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ เมื่อเป็นอย่างนั้นผมจึงเลิกภวานาแล้วปล่อยให้ตัวเองหลับไป เพราะตอนนั้นอยากหลับพักผ่อนมากๆ นับตั้งแต่วั้นนั้นผมก็ใช้วิธีนี้เสมอเวลาเจ็บป่วยไม่สบาย แต่ไม่มีกลุ่มควันอีกแล้ว เป็นแค่ความรู้สึกที่เจ็บน้อยลงหรือไม่เจ็บเลย ประมาณว่า แยกความเจ็บออกจากตัวไป
    อยากเรียนถามว่าอาการแบบนี้คืออะไรครับ ผมสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการฝึกสมาธิได้ไหมครับ เพราะเด๋วนี้ผมเริ่มสวดมนต์ภวานามากขึ้นแล้วครับ แต่ฝึกอานาปนสตินะครับ จับลมหายใจ
     
  2. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    เค้าเรียกธรรมโอสถครับ
    ไม่มีอะไรไม่ต้องตกใจครับ
     
  3. taudom

    taudom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +45
    ใช่ครับ คำนี้เลยตอนพิมนึกไม่ออก ตอนไปฝึก7 วัน อาจารย์ผู้สอนพูดคำนี้บ่อย ตอนนั้นผมก็นึกถึงคำนี้ครับเลยลองนำมาทำดู ก็ได้ผลจริงๆ
     
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ให้เพิกส่วนที่เป็น นิมิตออก เอาแต่ " รสแห่งธรรม "

    สำคัญนะ

    การที่เราภาวนา จะสมถะ หรือ วิปัสสนา สิ่งที่เราต้องหาให้เจอ สำหรับมือใหม่ คือ "รสแห่งธรรม"


    รสแห่งธรรม ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีความแตกต่างระหว่างสัญญา ไม่มีนิมิต ไม่มีที่ตั้ง

    รสแห่งธรรม เป็นเพียง ใจที่อบรมดีแล้ว จะเข้าไปสัมผัสได้ถึง
    ความสงัดจากกาม(ไม่เข้าหาโลกธรรม) จิตปราศจากวิตกวิจาร

    ดีกว่านั้น จะปราศจาก พยาบาทวิตก และ วิหิงสาวิตก

    สังเกต จิตใจของคุณ ที่เห็นกลุ่มควัน หาก จิตคุณขณะนั้น มี พยาบาทวิตก มีวิหิงสาวิตก
    กลัวการเบียดเบียน ไม่อยากให้ใครทำร้าย จิตจะผลิกเห็น กลุ่มควันไปอีกเรื่องหนึ่ง หาก
    ผลิกไปทางนั้น จะไปสาระวนอยู่กับ การแก้กรรม ไปเข้าใจว่า วิบากกรรมเป็นเรื่องของการบันดาล
    ของผู้มีฤทธิ์(ดีและชั่ว) จะผลิกเป็น มิจฉาทิฏฐิ ไปนั่งภาวนา เพื่อเชื่อม จิต กับครูบาอาจารย์
    เทวดา อินพรหม ยมยักษ์ เข้าหาความโง่ดักดาน คือ ไม่รอดพ้นสังสารวัฏ เอาตัวเองไปติดตาข่าย
    แห่งทิฏฐิชนิดต่างๆ

    จิตใจที่ปราศจาก พยายบาทวิตก วิหิงสาวิตก เนี่ยะ อันเนี่ยะ เขาเรียก จิตรวม ...อัปปนาสมาธิ

    สมาธินอกศาสนา เขาจะพูดกันว่า ฌาณ4 คือ อัปปนาสมาธิ หลังจากนั้น ก็จะ โง่เรือหาย จะ
    กล่าวเพิ่มด้วยว่า อัปปนาสมาธิ คิดไม่ได้ !!!

    อัปปนาสมาธิ ของนักภาวนา หากเจริญวิปัสสนาถูกต้อง จิตใจมันจะสัมผัสรับรู้ได้ถึง
    " รสแห่งธรรม " ที่เป็น รสชนะรสอื่นทั้งปวง ต่อให้เวทนากล้าแค่ไหน จิตขณะนั้น
    มันจะเคลื่อนไปสู่ ปฏิสนธิวิญญาณไหน มันจะมี ศรัทธาความเลื่อมใสในรสแห่งธรรม
    นั้น จนจิตใจ หนาแน่นมั่นคง .........

    ขาดแต่เพียง การนมสิการธรรม ที่จะทำให้ ข้ามไปอีกฝาก ตรงนี้ หากฟังธรรมไม่มาก
    พอมันจะ " ปล่อยผ่าน " คล้าย หญ้าปากคอก คือ เดินผ่านของดี แต่ไม่ได้นมสิการ
    มาลิ้มรสที่เลิศกว่า " รสแห่งธรรม " .......กล่าวคือ ธรรม หรือ นิพพาน หรือ ธรรมโอสถ
    ที่ยิ่งกว่า การแยกโน้นแยกนี้แล้วไปแลอยู่อย่าง ซื่อบื้อ มันมีอยู่

    นิพพาน นั้นเป็น " ธรรมที่ไม่ได้เกิดจากเหตุใดๆ " ....ตรงเนี่ยะ หากขาดการสดับธรรม
    หากการอบรมกาย อบรมจิตให้มากๆ มันจะนึกไม่ออก ว่า ต้อง นมสิการธรรม อย่างไร

    หากไปทำเหตุ ขยับเหตุนิดเดียว ไปเข้าใจว่า นิพพาน จะต้องเกิดจาก ปัจจัยการ ละก้อ
    ตกจากวิปัสสนา ผลิกเป็น ศาสนาอื่นทันที



    เนี่ยะ พึ่งฝึกใหม่ แต่ อย่าดูถูก จิตตัวเองว่า เป็นเพียงผู้มาใหม่

    จิตใจของ คนฝึกใหม่ๆ เนี่ยะ ดี มันมีความ ซื่อตรงต่อธรรม อยู่

    แต่พออีกสักพัก พอเรา เสวนาธรรมมากๆ ธรรมทีดีอยู่ มันจะ ถูก ควายโง่ๆ ที่
    โง่แล้วไม่เจียม มาทำตัวเป็น โคนำฝูง มันจะชักนำให้ เข้าใจ สมาธิ หรือ รสแห่งธรรม
    ไปเป็นอย่างอื่น ไปเป็น " นิพพานเกิดจากปัจจัย จงทำดี จงทำดี ชนิดต่างๆ "
    ฉิหายกันไปนักต่อนัก

    ดังนั้น

    มาใหม่เนี่ยะ ให้สังวรณ์ระวัง สำรวมอินทรีย์เอาไว้ด้วย อย่าใช้ อยาตนะ6 รับธรรมเด็ดขาด

    ขอให้ ยกอยาตนะนิพพาน ที่คุณพึ่งทำมัน หลุดจากมือ ไว้เนืองๆ


    ********************


    กล่าวแบบสั้นๆ ก็จะกล่าวว่า

    " อย่าฝึกเข้าหานิพพาน เพื่อเอาไป แก้ไข้ แก้โรค "

    แต่ จงเฝ้นหา นิพพาน เพื่อเผ้นหา "สภาวะ"การดับสนิท สิ้นไปของอาพาธ อุปายาส อุปทาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2015
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    นักภาวนา บางคน ไม่รอดพ้นนิมิต

    ไปนั่งทำสมาธิ วิปัสสนา แล้วเกิดอาการเห็น คอเจ็บ คอหัก แทนที่จะแยกจิต
    ออกไป แล้ว เฝ้นหา รสแห่งธรรม ดันไป ติดนิมิต จิตเกิด พยาบาทวิตก
    เกิด วิหิงสาวิตก จึงทำให้ นิมิตแทนที่จะหยุด มันเลย ฉายเป็นภาพ เวรกรรม
    เจ้ากรรมนายเวร หลังจากนั้น ก็สำคัญไปว่า " กรรมฐานมีไว้แก้กรรม "

    ไปสอนใคร ก็ไปสอน เน้นแต่การ แก้กรรม ทำบุญ ชนิดต่างๆ ไปโน้น ไปมักกลีผล
    ไปป่ามะม่วง ไปหลวงเฮียเมพขิงๆโลกอุดร

    ตกจาก นิพพาน ไปกันไม่ใช่น้อย เพราะไป ภาวนาเพื่อเพิ่ม พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก

    นักสมาธิจำนวนมาก จึงถูกพาไปทำสมาธิ กำหนดเวทนา จนเกิด สภาวะ ดำมืดสนิท
    สลบเหมือดไปเป็นจำนวนชั่วโมง แล้ว นับจำนวนชั่วโมงที่ ขาดสติ เป็น ขั้นบรรลุธรรม

    อะไรแบบนี้ มีอยู่

    ขอให้พิจารณาให้แยบคาย


    รสแห่งธรรม ธรรมโอสถ ไม่ใช่ ฝึกสมาธิ เอานิพพาน ไปรองหมาเยียว เอาไปสนอง
    การแก้ไขโลก โภคทรัพย์ สายสลึงบาน
     
  6. taudom

    taudom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +45
    กราบขอบคุณพี่เอกวีร์มากๆครับ สำหรับคำแนะนำ ถึงแม้ว่าอ่านแล้วจะเข้าใจน้อยมากๆ ด้วยผมด้อยปัญญาจริงๆ ที่ผ่านมาอาจารย์ท่านสอนอะไรมาก็ปฏิบัติตามท่านสอนทุกอย่าง เคยนึกสงสัยอะไรก็จะเลิกสงสัย เพราะยิ่งสงสัยก็ดูเหมือนตัวเองยิ่งโง่ขึ้นไปอีก ทุกวันนี้ผมก็ยังด้อยปัญญาเหมือนเดิมครับ เคยลองหาอ่านข้อมูลการฝึกสมาธิต่างๆ สุดท้ายก็มักจะเลิกตามหาแล้วกลับมาฝึกแบบเดิมตามที่ครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือท่านสอนสั่งมา ไม่กล้าหกคะเมนตีลังกาไปไหนด้วยรู้ตัวเองว่าด้อยปัญญาในการปฏิบัติและข้อธรรมต่างๆมาก ทุกวันนี้จำได้อย่างเดียว คือคำสอนอาจารย์ของอาจารย์ที่บอกให้พกติดตัวไว้ตลอดคือ ศีล สังโยชน์ และนิวรณ์ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วครับ
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็ฝึกแบบเดิมนั่นแหละ

    กรรมฐาน หรือ นิสัย เนี่ยะ จะต้อง ขอจากครู

    แต่ รสแห่งธรรม เนี่ยะ วิญญูชนจะต้องทราบด้วยตัวเอง
    ไม่ใช่ ติต่างเอาไว้ก่อน แล้ว วิ่งไปถามพระ

    ต่อให้พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร ก็ไม่มี สิทธิชี้ หรือ วินิจฉัยว่า
    คุณรู้ รสแห่งธรรมถูกหรือไม่ถูก

    คนที่ไม่ประมาท มีกัลยาณธรรมที่ดี(ที่ไม่ปฏิภาณตนเก่งกว่าศาสดา พาสาระวนแก้กรรม พยากรณ์มรรคผล)
    และ ความแยบคายในการพิจารณา โยนิโสมนสิการ เฉพาะตน เท่านั้น ที่เป็น ปุพภาคแห่งนิพพาน
    ที่ชอบตามธรรม
     
  8. GipBall

    GipBall เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +182
    ชอบจังคำๆๆนี้....ประมาณว่าก็ทำดีไปไม่เห็นมีอะไรมากเดี๋ยวก็เป็นโสดาบันเอง ..... กูเลิกคุยเลย เยอะไอ้คนพวกเนี้ย
     
  9. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    อาการนี้เรียกว่า "แยกเวทนา" ซึ่งก็คือการที่ทุกข์เวทนาแยกตัวออกมา ทำให้รู้ว่าเวทนาไม่ใช่เรา (เวทนาอนัตตา)
    เวลาปวดหัวก็ทำบ่อย ๆ อยู่
    วิธีทำต่างกัน เมิลเริ่มจากทำความรู้สึกตัว แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกันอยู่ คือ เวทนาอยู่ส่วน เราอยู่อีกส่วน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2015
  10. taudom

    taudom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +45
    เห็นชัดเจนก็ตอนนี้แหล่ะครับ ก่อนหน้านั้นไม่รู้อะไรมากเลย แยกรูป แยกนาม ทุกวันนี้ก็เพียรทำต่อไป ไร้ครูบาอาจารย์ที่จะแนะนำสอบถาม อาศัยเอาตำหรับตำราคำสอนที่พอจะอ่านๆและเข้าใจได้บ้าง
     
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เหมือนตอน พระอนุรุธะ ปรารภ

    ธรรมของพระพุทธองค์ เป็นของบุคคลผู้รู้เร็ว ไม่ใช่รู้ช้า
    ธรรมของพระพุทธองค์ เป็นของบุคคลผู้มีปัญญาดี ไม่ใช่ของบุคคลปัญญาทราม
    ฯลฯ





    ***********************

    [ ขอดัดแปลง นิหน่อย ]

    ธรรมของพระพุทธองค์ เป็นของบุคคลผู้ไม่เนิ่นช้า เอาแต่ พลัดวันประกันพรุ่ง ตบตากันว่า อินทรีย์อ่อน ดังนั้น จงทำดี จงทำดี คือ มรรคผลนิพพาน !!????

    พวกกล่าวตู่ธรรม มีนรกเป็นที่ไป มันอ้างว่า ก็มัน ทำดีๆ นะช้ง นะแช๊ก สนสิบ !!
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อันนี้ ธรรมะ"โนนิ"


    บุคคลบางบุคคลในโลก เกิดมาพร้อม " ปัญญาเป็นเหตุเกิด "

    พูดตามภาษาแปลอภิธรรมว่า เป็น บุคคลที่ เกิดมาพร้อมด้วยปัญญาเพื่อการบรรลุในชาตินี้ !!


    บุคคลประเภทนี้ จะไม่อาศัย ฟังธรรมตามตัวหนังสือ ไม่ฟังจากสัตว์หน้าไหน ไม่ว่าจะโยม หรือ พระ

    จะอาศัย การปรากฏของ บุคคลาธิษฐานในเชิง สัญญาลักษณ์ เสียงสังข์ เสียงกลอง ของการ รบ!!!

    เป็นการ ลงสนามรบ สู้กับ กิเลส ตัณหา อาศัยเพียง สิ่งละอันพันละน้อย เพียงพอแก่การ
    ระลึกถึงการมีอยู่ของ ศาสนา

    ถึงการมีอยู่ของ สิกขา ที่มีอยู่ที่จิต ไม่ใช่ต้องไปฟังเอาจากใคร หน้าไหน ทั้งนั้น !!!





    ปล. โนนิ เป็นชื่อ ผลไม้ชนิดหนึ่ง ใบมีรสขม แต่อร่อยหากเอามาหมกให้ได้ที่




    อนึ่ง : สุขอันเกิดจากการได้ระลึก ถึงการมีอยู่ของ ธรรม ของศาสนา ของสิกขา จงกำหนดรู้ สุขตัวนั้น ก็ไม่เที่ยง เสีย !! ให้ไว แล้วอยู่กับ ปัจจุบัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2015
  13. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    อาการปกตินะครับ

    แต่ทราบรายละเอียดมาว่า ร่างกายและจิตใจคนเราเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยหนักๆ เค้าจะซ่อมแซมตัวเองครับ ในส่วนร่างกายเราทราบกันดี แต่ส่วนจิตใจนั้น จิตใจจะมีกลไกหนีความทุกข์นะครับ ในกรณีที่ท่านฝึกฝนสมาธิมาจิตจะมีกำลัง แต่พฤติของจิตก็เหมือนเดิมครับ กลไกของจิตย่อมหนีทุกข์ที่บีบคั้นกายใจ มันเลยดับการรับรู้เวทนานั้นไปชั่วขณะ แต่ว่าเผอิญจิตมีสมาธิด้วยผลมันเลยไปดับเวทนานั่น ผลเหมือนจะได้ฌาณ 4 แต่ไม่ใช่นะครับ สำหรับรูปร่างควันคล้ายมนุษย์ลอยอยู่เหนือร่างกาย เป็นเพราะธาตุเรามันปั่นป่วนและจิตเราก็ตั้งจิตจะแยกรูปแยกนาม แต่ว่ายังพิจารณาไม่ถึงเพราะความเจ็บปวดของร่างกาย กำลังของจิตที่ตั้งเจตนาจะแยกรูปแยกนาม เลยทำการแยกกาย ในลักษณะมโนมยิทธิทางอ้อม คือจิตสร้างกายอื่นขึ้นมา ลักษณะน่าจะเป็นกำลังของจิตในช่วงอุปจารครับ

    เพราะว่าเวทนามันไหลเข้าไหลออกไม่ได้ครับ มันมีแต่เกิดดับ ตามเหตุตามปัจจัย ในที่นี้ตามธาตุในร่างกายเราซึ่งเป็นเพราะ ธาตุอื่นมากระทบ ร่างกายที่เป็นดินน้ำลมไฟที่เป็นร่างกาย มันก่อให้เกิดเจ็บปวด เหมือนเสี้ยนไม้ทิ่มเข้าซอกเล็บมันจะเจ็บอย่างนั้น จนกว่าจะดึงออก แต่การเจ็บ มันจะเกิดดับไปเรื่อยครับ ไม่คงทนถาวร แต่ที่เราโอดโอยตลอดเพราะเราไปจับเวทนามายึดมั่นแล้วครับ เลยเห็นเวทนาว่ามันเจ็บตลอด ซึ่งไม่จริงครับ

    ร่างกายเราถ้าไม่เอาเสี้ยนไม้ออกร่างกายจะสร้างเนื้อเยื่อมาหุ้มครับเพื่อไม่ให้กระทบให้เจ็บปวด นี่เรียกว่า การซ่อมแซมตัวเอง

    ดังนั้น กรณีของท่าน ท่านอาศัยสมาธิ ซึ่งในกรณีที่ร่างกายเจ็บป่วย จิตจะง่ายต่อการตกภวังค์ คือสิ่งที่ท่านเรียกว่า พรึ่บ ท่านฝึกสมาธิบ่อย ลองนอนดึกเลยเวลานอนตามปกติ ลองสังเกตจะพบว่า ตอนนอนท่านจะตกภวังค์บ่อย การตกภวังค์นี่เคยอ่านมาว่าการตกภวังค์ในฌาณ นักปฏิบัติปรารถนากันเพราะจะก่อฤทธิ์ จัดว่าจะไปติดอุปาทานละเอียด อันนี้ ค่อยไปศึกษาเองนะครับ ถ้าไปติดสมถะขั้นสูง ก็ไปแก้ไขกันครับ

    การแยกรูปแยกนาม เป็นการที่จิตรู้ อยู่ในสภาพจิตรู้ต่อเนื่อง มีสติ ไม่ให้เจตนา ลงไปในเวทนา สัญญา สังขาร ไปเสวยอารมณ์ที่เกิดจากเวทนา ดังนั้น ผัสสะที่เกิดจะสักว่าผัสสะ วิณญาณที่เกิดพร้อมกับผัสสะ ก็สักว่ารู้ เห็นมันเกิด เห็นมันดับ การที่จิตรู้ระวังไม่ลงไปเสวยอารมณ์ จัดเป็นการ แยกรูปแยกนาม ซึ่งที่ว่าแยก คือ จิตรู้บริสุทธิ์ เห็นเป็นเพียงรูป นาม ต่างๆ ไม่เห็นเป็น สัตว์ บุคคล คือไม่เห็นว่าเป็นตัวเรา การที่ไปเสวยอารมณ์นั้นจัดเป็น การเห็นขันธ์ 5 เป็น ตัวตนของเรา

    การที่แยกกายออกไปจากกาย จัดว่าต้องระวัง เพราะเป็นการลงไปยึดในกายอยู่ดี จัดว่าลงเสวยอารมณ์ครับ แต่เป็นผลจากสมาธิ สมเหตุสมผลครับที่เวทนาดับ(หมายถึง ดับเฉพาะเวทนานั่นๆ)

    อย่างไรก็ตาม ก็ขออนุโมทนา ถือว่า การที่เวทนาดับลง ก็มาจากการฝึกฝนสมาธิ ท่านจะได้เห็นว่า กำลังของจิตที่ฝึกฝนมาดี เราสามารถพัฒนาตัวเราได้นะครับ เป็นสิ่งที่นักปฏิบัติจะเห็นได้เองว่า การฝึกจิตนั้น ดีเพียงใด

    สุดท้ายขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ

    ปล. หวัดเกิดจากไวรัส ร่างกายเราจะต่อสู้กับไวรัส เรียกว่าภูมิคุ้มกัน จิตท่านมีกำลัง กายท่านก็มีกำลัง คือภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น จนไวรัสถูกบีบไม่ให้ขยายตัว เวทนาของท่านจึงดับด้วยเหตุปัจจัยนี้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2015
  14. taudom

    taudom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +45
    ขอบพระคุณ คุณ ณฉัตร ที่อธิบายรายละเอียดให้ฟังครับผม
    อยากจะถามเกี่ยวกับการปฏิบัติเยอะๆก็ไม่รู้จะถาม ยังไงแบบไหน ตั้งแต่เริ่มกลับมาปฏิบัติ ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายในทางจิตและในการปฏิบัติ หลายครั้งไม่กล้าที่จะสอบถามใคร จะอ่านตำหรับตำรา ก็เคยได้ยินมาว่าอ่านมากก็จะฟุ้งซ่าน ไขว้เขว ทุกวันนี้การปฏิบัติของผมก็เหมือนเข้าพกเข้าพง หกคะเมนตีลังกา เคยอ่านผลการปฏิบัติหลายๆท่านในบอร์ดนี้ ผมเองก็ผ่านมาแทบทุกอาการ แต่!!! ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แก้ไขยังไง และไปต่อยังไง
    ทุกวันนี้สิ่งที่ผมปฏิบัติอยู่ทุกวันคือ
    - สวดมนต์ประจำวัน
    - นั่งสมาธิ อานาปานสติ มีอาการอย่างนุ้นอย่างนี้เกิดไม่ซ้ำในแต่ละวัน
    - ตอนนอนถ้าไม่เหนื่อยมาก เพลียมากก็นอนทำสมาธิต่อ ตอนนอนจะทำอานาปานสติ พอเริ่มสงบก็จะภวานาคาถาควบคู่ จนหลับ
    - กลางวัน จะชอบดูอารมณ์จิตเวลามีอะไรเข้ามากระทบ
    สิ่งที่ผมทำมีแค่นี้ครับในแต่ละวัน
    จุดมุ่งหมายของผมคือ ฝึกจิตและปฏิบัติบูชา
    เคยนึกอยากได้นุ่นนี่นั่นเหมือนคนอื่นเหมือนกันครับ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกลับทำให้จิตใจมันฟุ้งซ่าน มันกระสับกระส่ายมากกว่าเก่า เลยฝึกปล่อยวางความอยาก ก็วางไปได้เยอะครับ ไม่นึกอยากแล้วเด๋วนี้พอนี้อยากขึ้นมาทีไร ใจมันเต้นโครมครามทุกที
    พี่ๆท่านใดพอจะแนะนำอะไรได้บ้าง ผมก็ขอจักขอบพระคุณอย่างสูงครับผม และขอบคุณทุกความคิดเห็นที่คอมเม้นมามากๆครับ
     
  15. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    สิ่งที่เรารับรู้จากการนั่งสมาธิมันเป็นการรับรู้ทางใจนะ เรามักจะคุ้นชินกับการรับรู้ ทางตา กับทางหู ทีนี้พอรับรู้ทางใจมันเป็นภาษาของความรู้สึก ถ้าเราใช้ความคิดไปตีความมันอีกชั้นมันจะเกิดความผิดพลาด คลาดเคลื่อนไปได้ ถ้าเราพิจารณาแล้วว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปตีความมันก็ไม่ต้องหาความหมายมันหรอกสังเกตุไปเรื่อยๆ
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    จิตยังไม่เป็นอิสระอย่างแท้จริง คือ ยังมีภาพนั่นนี่มารองรับความรู้สึกอยู่ เฉพาะกรณีนี้ไม่ถึงกับเสียหาย แต่ต่อไปเห็นอะไรๆ ควรกำหนดภาพทางใจ นั่นเสียด้วย "เห็นหนอๆๆ" หลังจากการกำหนดรู้ตามสภาพแล้ว ดึงจิตให้เกาะอาการพอง กับ อาการยุบ คือ ตามอาการพอง-ยุบให้ทันทุกๆขณะ
     
  17. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ตรงตัวแดงนะหลอกด่าใครหรือป่าว
     
  18. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    การศึกษาพุทธธรรม ควรศึกษาให้ชัด แล้วจะเกิดปัญญา ถ้าฟังไม่สับจับไปกระเดียด ก็กลายเป็นเพ้อเจ้อฟุ่งซ่านธรรมไป :d

    เท่าที่สังเกตคำศัพท์ที่เอกวีร์พูดบ่อยๆ ตย. "อุปาทาน" ไม่ใช่ "อุปทาน" มิใช่เฉพาะตัวนี้นะ ทุกๆตัวที่เอกวีร์พูด ทีแรกก็คิดว่าเขียนผิด แต่มันทุกตัวนี่จงใจแล้ว นั่นก็แสดงว่า เอกวีร์ฟังผู้ที่ตนนับถือพูดแล้วฟังไม่สับจับไปคุย คิกๆๆ

    ศึกษาของเขาให้ชัด ก่อนที่จะนำของเขามาพูด ไม่ยังงั้นอายเขาขอรับ (deejai)
     
  19. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    taudom
    สมาชิก ระหว่างพักอยู่ที่บ้านอาการไข้กลับยิ่งหนักขึ้น ณ ช่วงนั้นผมอยู่ตัวคนเดียว ไม่มียากินไม่มีคนดูแล ก็รู้สึกทรามานกับพิษไข้มาก ตอนนั้นก็นึกถึงสมาธิที่เคยฝึกมา แยกรูปแยกนาม แต่ความจริงแล้วผมไม่รู้ความหมายอะไรมากนัก เป็นนักปฏิบัติหน้าใหม่ที่รู้น้อยมาก อาจารย์บอกแยกรูปแยกนาม ผมก็ตีเอาเองว่า แยกความเจ็บออกมาจากตัวเรา คิดได้ดังนั้นผมก็นอนทำสมาธิ ยุบหนอ พองหนอ พอเริ่มจับได้ละเอียดขึ้นก็หันมาดูอาการเจ็บจากไข้ ก็ดูอยู่สักพักครับ ...พรึ่บบบ
    ณ ตอนนั้น มีกลุ่มน่าจะควันขาวๆจางๆรูปร่างเหมอนกายมนุษย์ลอยอยู่ด้านบนเหนือตัวผมประมาณคืบกว่าๆ ที่สำคัญกว่านั้น อาการ เจ็บปวด ทรมาน จากพิษไข้ทั้งหมดที่ผมเป็นอยู่ เหมือนมันย้ายจากตัวผมไปอยู่ในกลุ่มควันสีขาวรูปกายมนุษย์นั้นหมดเลย ส่วนตัวผมตอนนั้นอีกความรู้สึกนึง รู้สึกเบาสบายมากครับ ไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ เมื่อเป็นอย่างนั้นผมจึงเลิกภวานาแล้วปล่อยให้ตัวเองหลับไป



    สวัสดีครับคุณเจ้าของกระทู้ แหม ทำไปเถอะครับ เดี๋ยวมันเกิดปัญญาของมันเอง กินเองรู้เอง ตนทำไม่ได้ เขาไม่รู้ด้วยหรอก ผมว่า คนที่ปฏิบัติมานาน นับ ๑๐ ปี ๒๐ปี ไม่แน่นะ ยังทำไม่ได้ เหมือนคุณเลย เวลาป่วย น่ะครับ ผมพอจะเข้าใจแบบลางๆนะ หนำซ้ำ คนบางคนพูด เหมือนจะรู้ดี นะ


    นึกว่าการเกิดเป็นเทวดา กับพรหม จะเกิดกันได้ง่ายๆงั้นแหละ แค่คนเราการเกิดเป็นเทวดา อย่างน้อย ก็มี หิริ โอตตับปะ ละอาย เกรง กลัว ความชั่ว ละอายต่อบาป ที่ตนทำ พูดบ้างนะ คนที่เกิดเป็นเทวดา นางฟ้าได้ ต้องมี ๒ ข้อนี้ เป็นอย่างน้อย มีทาน ศิล ภาวนา อย่าลืมนะ เทวดา ชั้น จตุมหาราช ท้าวมหาราช ทั้ง ๔ เป็นพระอริยเจ้า ในสมัย พระพุทธเจ้า ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ เทวดาชั้นต่ำสุด จตุมหาราชิกา มีพระอริยเจ้า ตั้งแต่ พระโสดาบัน จนถึง พระอนาคามี และทุกชั้น ตลอดจนถึงพรหม และพรหม อีก ๔ ชั้น ๑๓-๑๔-๑๕-๑๖ เป็นพรหมของพระอนาคามี พรหม ที่มีคุณธรรม พระโสดา กับพระสกิทาคามี และพรหมที่ได้ ฌาณโลกีย ๑-๒-๓-๔ มาอยู่ไม่ได้ แต่พระอนาคามี มีสิทธิ์ ต้องการจะไปอยู่ชั้นไหนก็ได้ เพราะยังไม่จบกิจ ยังไม่ถึงพระนิพพาน


    ไม่อยากพูดมากกว่านี้ เพราะยังเป็นผู้ศึกษาอยู่ครับ แต่พอจะเข้าใจ ท่านเจ้าของกระทู้ ผมเอง ยังแยกไม่ได้แบบคุณเลย เวลาป่วยน่ะครับ ติดแต่เวทนา
     
  20. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,084
    อย่าลืม สติปัฏฐานสี่ ครับ ควรปฎิบัติไปทั้งชีวิต

    เหมือนกับการภาวนา ที่ควรปฎิบัติไปทั้งชีวิต
     

แชร์หน้านี้

Loading...