โลกเก่า โลกใหม่ (สาระ,แก่นสาร,วิถีทาง,...ฯลฯ)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย brushed, 15 สิงหาคม 2008.

  1. brushed

    brushed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    497
    ค่าพลัง:
    +648
    <img src="http://img502.imageshack.us/img502/829/op4xl6.jpg"

    สาระของคนโลกเก่า...
    โลกเก่า เป็นโลกของทุนนิยมและบริโภคนิยม
    ซึ่งผู้คนจะมองหาจุดหมายสูงสุดของชีวิตที่ศักยภาพในการบริโภค
    และนิยมจัดลำดับชั้นในสังคมด้วยขีดความสามารถในการบริโภค
    กล่าวคือถ้าใครมีตำแหน่ง อำนาจ หรือ ทรัพย์สินเงินทองมากกว่า
    อันจะทำให้มีขีดความสามารถในการแก่งแย่งคนอื่นริโภคได้มากว่า
    ก็มักจะถูกจัดลำดับชั้นสังคมให้อยู่ในตำแหน่งแห่งที่ทางสังคม
    ซึ่งเหนือกว่าบุคคลอื่นๆ

    แก่นสารสาระหรือจุดหมายในมิติทางสังคมของ"คนโลกเก่า"
    จึงอยู่ที่การเสริมสร้างให้ผู้คนจำนวนมากที่สุด ได้มีชีวิตกินดีอยู่ดี
    หรือได้บริโภคมากๆวิธีการของคนโลกเก่า ในการช่วยให้ผู้คนกินดีอยู่ดี
    จะอาศัยความโลภของมนุษย์หรือกำไรเป็นกลไกสำคัญในการผลักดัน
    ให้ผู้คนแข็งขันกันทำงานตลอดจน พัฒนาศักยภาพในการผลิตของตนเอง

    เพราะหวังจะได้ กำไร สูงสุด เพื่อจะได้มีเงินทองสะสมไว้สำหรับซื้อหา
    สิ่งต่างๆมาบริโภคได้อย่างสะใจที่สุด ทุกคนจึงต้องแข่งขันกันขายสินค้า
    หรือบริการของตนให้ได้มากที่สุดการจะให้คนอื่นซื้อ
    สินค้าหรือบริการของตนมากๆก็ต้องพยายามแข่งขันกันหาวิธีพัฒนาประสิทธิภาพ
    ในการผลิต เพื่อให้ได้สินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพสูงแต่ต้นทุนต่ำ ราคาถูก
    เมื่อเป็นเช่นนี้ผลที่สุดคือการแข่งขันก็จะช่วยให้ประชาชนได้มีโอกาสบริโภคสินค้า
    หรือบริการที่มีคุณภาพดีและราคาถูก ทำให้ผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
    อยู่ดีกินดีกันยิ่งๆขึ้นแต่ละครอบครัวก็จะได้มีรถยนต์ใช้ มีทีวีดู
    มีเตาไมโครเวฟ มีแอร์ มีตู้เย็น ดังเช่นชีวิตของคนญี่ปุ่นหรืออเมริกัน เป็นต้น

    วิถีทางสู่จุดหมายของคนโลกเก่า.....
    ในโลกเก่า การทำงานของระบบกลไกแห่งราคาซึ่งมีตัว กำไร
    เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญจะเป็นวิถีทางที่นำ คนโลกเก่า
    ไปสู่จุดมุ่งหมายในมิติทางสังคมของตน ภายใต้ระบบกลไกแห่งราคาจะมีตัว
    อุปสงค์ซึ่งหมายถึงความต้องการ และศักยภาพในการบริโภค
    กับตัวอุปทานซึ่งหมายถึงศักยภาพของสิ่งตอบสนองความต้องบริโภค
    ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญ
    ของกลไกการทำงานเมื่ออุปสงค์ของสินค้าหรือบริการชนิดใด
    มีมากแต่อุปทานของสินค้าหรือบริการดังกล่าว
    มีน้อยสินค้านั้นจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้น กลไกปห่งราคาหรือกลไกของตลาด
    จะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้คนแข่งขันกันผลิตสินค้าหรือบริการชนิดนั้น
    เพิ่มขึ้นเพื่อจะรียตักตวงกำไรมากๆเพราะมีราคาดี
    ครั้นอุปทานของสินค้าหรือบริการดังกล่าวมีเพิ่มมากขึ้น
    ถึงจุดหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับอุปสงค์ ราคาสินค้าจะเริ่มต่ำลง
    กลไกของตลาดจะส่งสัญญาณ ป้อนกลับ
    เตือนให้ลดผลิตสินค้าหรือบริการชนิดนั้นให้น้อยลง
    เพื่อจะได้ไม่ประสบกับภาวะการขาดทัน

    ภายใต้การจัดสรรของกลไกแห่งราคาที่เปรียบเทียบเสมือน สิ่งที่มองไม่เห็น
    โดยมีกำไรเป็นพลังขับเคลือนสำคัญเช่นนี้ จะช่วยควบคุมให้เกิดการผลิตสินค้าหรือ
    บริการในประเภทในจำนวน
    และคุณภาพที่พอเหมาะกับการตอบสนองความต้องการบริโภค
    ของคนในสังคม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สุขที่มากที่สุดต่อสังคม

    ปัญหาของคนโลกเก่า
    อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นกับ คนโลกเก่า
    ในการเลือกใช้กลไกแห่งราคาและ กำไร เป็นแรง
    ขับเคลือนที่นำสังคมมนุษย์ไปสู่จุดมุ่งหมายแห่งการกินดีอยู่ดี
    ม่อยู่หลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก็คือปัญหาพื้นฐานที่เกิดขึ้นจากตัวกำไร
    หรือ ความโลภ ของมนุษย์ อันเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของระบบนั้นเอง
    เพราะถ้าจะให้กลไกของระบบ โลกเก่า ทำงานก็ต้องกระตุ้นให้มี
    ความโลภ และอยากได้กำไร เพื่อเป็นแรงจูงใจในการทำงาน
    แต่ขณะเดียวกัน ความโลภ หรือ ความอยากได้กำไร มากๆ
    ก็ได้สร้างปัญหาต่างๆมากมายที่ทำลายหนทางไปสู่จุดหมายมิติ
    ทางสังคมดังที่ คนโลกเก่า ได้วาดฝันไว้ ดังเช่น

    ๑.ความต้องการแสวงหากำไร มากๆ ด้วยความโลภ จะทำให้ผู้พยายามหา
    วิธีการต่างๆเพื่อ ลวงให้กลไกของตลาดส่งสัญญาณเตือนบงอย่างผิดๆอยู่เสมอ
    อาทิ การปั่นราคา ...

    ๒.การขายสินค้าหรือบริการเพื่อให้ได้ กำไร มากๆนั้นจำเป็นต้องกระตุ้นความต้องการ
    บริโภคของผู้คนด้วยวิธีต่างๆ ในการโฆษณาปลุกเร้า จะเป็นต้นทุนที่สูญเปล่า
    ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์สุข ต่อสังคมเลยนอกจากปลุกเร้าเสริมสร้าง
    ให้ผู้คนมีกิเลสตัณหาอุปาทานเพิ่มขึ้น ต้องการบริโภคเพิ่มากขึ้นเรื่อยๆ
    ส่งผลให้ผู้คนเกิดภาวะ ความบีบคั้น เป็นทุกข์ และมี ปัญหาเพิ่มมากขึ้นตามมา
    อันเนื่องมาจากมีความอยากบริโภคมากขึ้นในขณะที่มีเงินเท่าเดิม.

    ๓.สินค้าประเภทที่ให้ กำไร สูงๆหลายจ่อหลายชนิดเป็นพิษเป็นภัยต่อสังคมในระยะยาว

    ๔.การแสวงหากำไรอีกวิธีซึ่งมักจะเป็นปัญหาที่มองเข้าก็คือ การเพิ่ม กำไร
    ด้วยการผลักดันภาวะการกระตุ้นการผลิตบางส่วนไปให้กับสังคม เช่นโรงงานปล่อยน้ำเสีย..



    ในขณะที่แก่นสารชีวิต คนโลกเก่า อยู่ที่ กำไร ซึ่งเดิมจากการ
    เอาเข้ามามากๆแต่จ่ายออกไปน้อยๆ

    ถ้ามีผู้คนอีกประเภทหนึ่งมองหาจุดหมายของชีวิตในทิศทางตรงกันข้าม
    ด้วยการอยากได้ บุญ ซึ่งเกิดจากการ "เอาเข้ามาน้อยๆ แต่จ่ายออกไปมากๆ "
    แทนเราก็อาจจะเรียกคนประเภทนี้ว่า " คนโลกเก่าใหม่ "

    ถ้ามี คนโลกใหม่ เกิดขึ้นเป็นจำนวนหนึ่งและมีการปฏิสัมพันธ์กันในสังคม
    จะก่อให้เกิดระบบสังคมอะไรขึ้นมาบ้าง
    ประการแรก ระบบสังคมของคนโลกใหม่ ก็คงมีบุญ เป็นแรงจูงใจ
    ให้เกิดความขยันขันแข็งในการทำงาน อยากทำงานมากๆเพื่อบุญ ไม่ใช่ เพื่อกำไร
    ผู้คนเหล่านี้คงจะมีคุณลักษณะ
    เป็นคนกินน้อย ใช้น้อย ขยันทำงานมาก ส่วนที่เหลือจุนเจือสังคม
    อันอาจเรียกระบบสังคมเช่นนี้ว่าเป็น ระบบบุญนิยม
    ประการต่อมา ระบบสังคมของ "คนโลกใหม่"คงจะมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
    โดยไม่ถือเอา "เงิน"เป็นเรื่องใหญ่ในการติดต่อสัมพันธ์กันเหมือน"คนโลกเก่า"
    ที่มุ่งหวัง กำไร เป็นชีวิตจิตใจ คนมั่งมีก็จะ ทำบุญ
    ด้วยการสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ต่างๆ
    เช่น การสร้างศาลา โบสถ์วิหาร เพื่อเป็นสมบัติส่วนกลางให้คนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์
    ร่วมกันในสังคมสมัยก่อน เป็นต้น ในระบบสังคมเช่นนี้ผู้คนคงไม่มีฐานะทางเศรษฐกิจ
    เหลื่อมล้ำแตกต่างกันมากนัก เพราะแต่ละคนจะไม่คอยได้กักตุนไว้เท่าไร
    ถ้ามีมากก็ ทำบุญ มาก ทรัพย์สมบัติต่างๆจึงมักจะเป็นของสังคมส่วนรวมมากกว่าสมบัติส่วนตัวทำให้ระบบเช่นนี้มีลักษณะเป็น สังคมนิยม แบบหนึ่ง
    ประการสุดท้าย ในสังคมของ"คนโลกใหม่"ที่ผู้คนมีความเสียสละเพื่อส่วนรวม
    เพราะเห็นว่าเป็น บุญ ไม่ใช่เพราะถูกใช้กำลังอำนาจบังคับให้จำใจ
    ต้องเสียสละ ผู้คนก็คงจะมีชีวิตอยู่อย่างมีอิสรเสรีภาพหรือเป็น เสรีนิยม
    ระบบสังคมของ"คนโลกใหม่"ที่มีคุณลักษณะของ
    บุญนิยม สังคมนิยม เสรีนิยม
    อยู่ในตัวเช่นนี้ จึงอาจตั้งชื่อว่าเป็น ระบบสหสังคม เสรีนิยม
    และภายใต้ระบบสังคมของ"คนโลกใหม่"เช่นนี้
    ปัญหาต่างๆของ "คนโลกเก่า" ดังที่กล่าวถึงตอนแรกก็คงจะไม่เกิดขึ้น
    เพราะมีรากบานของระบบสังคมที่แตกต่างกัน.


    ถ้าถามว่า "คนโลกใหม่"เช่นนี้อยู่จริงหรือไม่ก็คงตอบได้ว่ามีอยู่จริง
    ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างสังคมกลุ่มต่างๆทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    ที่ได้รับการอบรมกล่อมเกลาจากปรัชญาหรือหลักธรรมทางศาสนาต่างๆ
    ที่ทำให้ผู้คนมองจุดหมายของชีวิตที่ บุญ ไม่ใช่ที่ กำไร
    เพียงแต่"คนโลกใหม่"เหล่านี้ อาจมีจำนวนไม่มากนักในโลกปัจจุบัน.
    ถ้าถามว่าทำไม คนโลกใหม่ มีจำนวนไม่มากก็ตอบว่าเพราคนส่วนใหญ่หลงไหลในรสอร่อย
    ของ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ต่างๆ เมื่อติดในรสอร่อยก็อยากซื้อหามาบริโภคมากๆ
    เมื่ออยากบริโภคมากๆก็ต้องมากักตุน สะสม และตักตวงเพื่อแสวงหากำไร
    มากๆเลยกลายเป็น "คนโลกเก่า"
    ในเมื่อชีวิตปัจเจกบุคคลของ"คนโลกใหม่"โดยส่วนตัวก็มีความสุขมากกว่า
    ชีวิตของ"คนโลกเก่า"และในแง่ของสังคมส่วนรวม"คนโลกใหม่"
    ก็มีแต่จะช่วยสรรสร้างให้เกิดสันติสุขในสังคมเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะอยู่กับคนกลุ่มไหนก็ตาม
    ดังที่ได้พิสูจน์ให้เห็นข้างต้น.
     

แชร์หน้านี้

Loading...