"โรคใจขาดออกจากโรคกาย" : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 21 พฤษภาคม 2023.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    284163773_5441756032510293_6089671888756264639_n.jpg

    "โรคใจขาดออกจากโรคกาย"

    “...ใครที่สามารถจะนำยาที่วิเศษของพระพุทธเจ้าก็คือศีล สมาธิ ปัญญา ไปทำลายโรคใจได้ โฮ...ทั้งกามภพ รูปภพ และอรูปภพนี่แสวงหาที่ไหนล่ะใช่ไหมล่ะ หนึ่งในล้าน หนึ่งในล้าน เอ้า...นี่หนึ่งในล้าน หนึ่งในล้าน ทั่วโลกมีกี่ล้านล่ะ เอ้า...หนึ่งในล้านซะแยกออกมา นั่นแหละผู้ที่ดีสามารถที่จะเดินทางเข้าไปจุดนั้นได้ จุดไหน? จุดที่จะใช้ธรรมะโอสถทำลายเชื้อโรคภายในใจ เนี่ยมหัศจรรรย์ไหมล่ะ อันนี้พูดถึงเชื้อโรคภายนอกและเชื้อโรคภายใน อันนี้ไม่ได้ไปสนใจเชื้อโรคภายนอก ถ้าเชื้อโรคภายในใจมันไม่ยอมรับมายาไม่ส่งผลทุกอย่างก็จบ

    เหมือนสมัยที่หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ไปเจอเสือ พูดถึงในชีวประวัติขององค์ท่านเราอ่านตั้งแต่นานแล้วล่ะ โรคใจมันขาดจากโรคกาย เสืออยู่ข้างหน้า ๒, ๓ วา เสืออยู่ข้างหลัง ๒, ๓ วา ไม่สามารถที่จะหลีกลี้หนีกันไปได้จึงสละตาย หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พอสละตายปั๊บจิตมันไม่ยึดโรคภายนอกไม่มีคำว่าสะทกสะท้านหวั่นไหวใดๆ รวมลงสู่ที่ใจเพื่อทำลายเชื้อโรคใจ เมื่อมันรวมลงสู่ที่ใจปึ๊บ สติกำลังปัญญารวมลงสู่ที่ใจปั๊บ มันจึงตัดสินปัญหาภายนอกเลย ไม่มีมายาจะที่จะมารับเชื้อกายที่สะท้านหวั่นไหวด้วยความกลัวตัดสินปัญหาเลย วกเข้ามาที่ใจตรงนั้น โดยใช้ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นตัวกั้น

    อย่างงั้นเวลาที่เสือคำรามทั้งสองข้างระหว่างข้างหน้าข้างหลัง หลวงปู่ชอบ ฐานสโม จึงไม่ได้สนใจกับเสืออีก วกมาที่ใจรวมลงที่ใจ จิตก็รวมลงๆหายเงียบ โรคภายนอกไม่มี...หายเงียบ ไม่สัมผัสด้วยเชื้อโรคภายนอก โดดเด่นในขณะนั้นเดี๋ยวนั้น เห็นใจที่มันโดดเด่นไง ใจมันสว่างไสว ถ้าว่าสุขถ้าว่าทุกข์มันไม่มีในจุดนั้นอีก มันจะเป็นใจที่สว่างไสวครอบไปหมด ครอบไปหมด อันนี้ผู้ที่ผ่านจิตรวมมาเท่านั้นจึงจะทราบได้ ว่ามันเป็นยังไงเมื่อความกลัวสุดขีดมันเกิด เราก็เป็นเหมือนกันตั้งแต่ครองฆราวาสโน่น นี่ก็เรื่องนี้แหละที่ต้นหว้าต้นนั้น เราฝึกฝนอบรมบ่มนิสัยตัวเองเวลาที่มันกลัวสุดขีด มันก็ทิ้งกายตัวนี้ตัดสินไม่มีมายาที่เข้าไปเชื่อมต่อ มันตัดสินปัญหากันเลย สละร่างเลย พอจิตมันสละร่างใจมันสละร่างปั๊บ มันก็จะวกเข้ามาดูตัวเองที่เรียกว่า...ใจๆๆ ตัวนั้น นี่มหัศจรรย์ไหม...”

    ที่ต้นหว้าต้นนั้นเราเห็นมันทิ้ง มันทิ้งร่างทิ้งความกลัวทุกสิ่งอย่าง สละตายคือสละร่างนั่นแหละ ตัวนี้ก็คือเชื้อโรคภายนอกไม่เข้าไปยุ่งแล้ว พอสละร่างปั๊บเหมือนที่เราไม่ยุ่งกับเชื้อโรคภายนอกคือกายนี้อีก มันจะวกเข้ามาสู่ภายใน สติปัญญามันก็รวมลงสู่ที่ใจตัวนั้น ที่จิตที่ใจตัวนั้น เมื่อมันเข้าหน้าสิ่วหน้าขวานใช่ไหมล่ะ เอ้ามันก็จะตายอยู่แล้วนี่ เมื่อมันจะตายอยู่แล้วมันจึงหาวิธีการออกของมัน มันจึงไม่วอกแวกสะทกสะท้านหวั่นไหวใดๆ รวมพลั๊บลงตรงนั้น โฮ...นี่สามแดนโลกธาตุกระเทือนเลื่อนลั่นนะ เหมือนกับถล่มทลายไปหมดนี้รวมครั้งแรก แม่น้ำ พื้นดิน โฮ...โลกธาตุต่างๆนี้ กระเทือนเลื่อนลั่นไปหมดนะ นี่เรารวมครั้งแรกที่ต้นหว้าต้นนั้น ที่อยู่แม่น้ำชีหลงที่บ้านบุ่งหวาย เนี่ยถ้าจิตมันสลัดเชื้อโรคภายนอกคือโรคความกลัวได้ มันก็รวมลงสู่ภายในได้ นี่พูดถึงเรื่องเชื้อโรคภายนอกและเชื้อโรคภายใน นี่เราไม่สนใจกับสิ่งนั้นแล้วใจก็เลยเป็นปกติโดยที่ไม่มีกายเข้าไปยุ่งนี่แหละปภสสร จิตเดิมแท้เป็นจิตผ่องใส แล้วมันมาใหม่ไหมล่ะ โฮ...มหัศจรรย์นะธรรมะของพระพุทธเจ้า...”

    พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ (ตอนเย็น)
     

แชร์หน้านี้

Loading...