โบสถ์หินอ่อนงดงามที่ "วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม"

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 11 ตุลาคม 2007.

แท็ก: แก้ไข
  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    โบสถ์หินอ่อนงดงามที่ "วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม"
    http://www.nairobroo.com/76/modules.php?name=News&file=article&sid=1062


    สะพายกล้องท่องรอบกรุง:

    โบสถ์หินอ่อนงดงามที่ "วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม"


    ติดประกาศ Monday 24 Sep 07@ 00:00:00 ICT โดย admin


    ทันที่ก้าวเข้าไปในบริเวณ "วัดเบญจมบพิตร" ก็เห็นนักท่อเที่ยวชาวต่างชาติกำลังกุลีกุจอถ่ายภาพคู่กับโบสถ์หินอ่อนที่มีความงดงามน่าชม พร้อมๆ ไปกับฟังบรรยายเรรื่องราวของวัดจากไกด์นำเที่ยว


    "วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม" เดิมเป็นวัดราษฎร์ชื่อ "วัดแหลม" เนื่องจากอยู่ปลายแหลมส่วนที่ต่อกับทุ่งนา และมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "วัดไทรทอง" ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่าสร้างมาตั้งแต่เมื่อใด ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ในปี พ.ศ. 2372 จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพิพิธโภคภูเบนทร์ พระนามเดิมพระองค์เจ้าพนาวัน พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้สนภาลัย และเจ้าจอมมารดาศิลา ทรงเป็นแม่ทัพในการรักษาพระนคร ได้ทรงตั้งกองบัญชาการทัพที่วัดแหลม

    หลังจากปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์แล้ว กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์มีพระประสงค์จะปฏิสังขรณ์วัดแหลม พร้อมพระอนุชา และพระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันอีก 4 พระองค์ ได้แก่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพิทักษ์เทเวศร์ (พระองค์เจ้าชายกุญชร ต้นราชสกุลกุญชร), พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ (พระองค์เจ้าชายทินกร ต้นราชกุล ทินกร), พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทนิล และพระองค์เจ้าหญิงวงศื ทรงกร่วมกันปฏิสังขรณ์วัดแหลม ซึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า "วัดเบญจมบพิตร" ซึ่งหมายถึง "วัดของเจ้านาย 5 พระองค์"

    ใน พ.ศ. 2441 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสวนดุสิต โดยใช้วัดดุสิตเป็นที่สร้างพลับพลา และใช้สถานที่วัดสร้างตัดถนน ซึ่งต้องสร้างวัดขึ้นทดแทนตามประเพณี ได้ทรงเลือกวัดเบญจมบพิตรเป็นวัดที่ทรงสถาปนาตามพระราชดำริว่า "การสร้างวัดใหม่หลายวัดยากต่อการบำรุงรักษา ถ้ารวมเงินสร้างวัดเดียวให้เป็นวัดใหญ่ และทำโดยฝีมือประณีตจะดีกว่า จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ เป็นผู้ทรงออกแบบก่อสร้างพระอุโบสถ และถาวรวัตถุอื่นๆ และมีพระยาราชสงคราม (กรมกงสกุล) เป็นนายช่างก่อสร้าง และเริ่มสปาปนาวัดในปี พ.ศ. 2442 และโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนามราม" เพื่อให้คล้องกับพระราชวังดุสิตที่ทรงสร้างขึ้นใหม่

    ภายในวัดเบญจมบบพิตรมีสิ่งน่าชมมากมาย อาทิ

    @ โบสถ์ เป็นโบสถ์ที่มีความงดงามน่าชมมาก เพราะสร้างจากหินอ่อนบริสุทธิ์ที่สั่งตรงมาจาประเทศอิตาลี โดยในการออกแบบประดับหินก่อนนี้มีวิศวกร และสถาปนิกชาวอิตาเลียน จากกรมโยธาธิการร่วมดำเนินการด้วย

    [​IMG]
    @ พระพุทธชินราช ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระประสิทธิปฏิมา จางวางช่างหล่อขวา ซึ่งเป็นช่างหล่อฝีมือดีที่สุด ขึ้นไปปั่นหุ่นถ่ายแบบจากพระพุทธชินราชองค์เดิม ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ. พิษณุโลก แล้วเชิญลงมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถที่วักเบญจมบพิตร เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2444

    [​IMG]
    @ พระระเบียง สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ทรงออกแบบพระระเบียงให้เชื่อมต่อมุขกระสันของโบสถ์ ทั้งด้านทิศเหนือและทิศใต้ โอบล้อมไปบรรจบด้านหลังโบสถ์ โดยเว้นเนื้อที่เป็นลานกว้าง มีประตูทางด้านทิศตะวันตก ตรงกับมุขตะวันตกของโบสถ์ ด้านใต้และด้านเหนือ มีด้านละ 2 ประตู บานประตูด้านนอกติดแผ่นโลหะนูนภาพเสี่ยวกาง้านในเขียนลายรดน้ำภาพเหมือนกับด้านนอก

    [​IMG]

    [​IMG]
    ภายในพระระเบียง ขื่อลงรักปิดทองลายรดน้ำ เพดานล่องชาด ประดับดาวทอง 610 ดวง ประดิษฐานพระพุทธรูปต่างๆ จำนวน 52 องค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ มีทั้งพระพุทธรูปโบราณ และหล่อขยายหรือย่อส่วนจากพระพุทธรูปโบราณ โดยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเสาะหามาทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมือง ตลอดจนต่างประเทศ เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น พม่า ลังกา เป็นต้น โดยมีพระพุทธรูปที่สำคัญและน่าสนใจ เช่น

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    - พระพุทธรูปปางทุกรกิริยา (ลำดับที่ 7) เป็นพุทธจริยาตอนที่พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญเพียรทุกรกิริยา จนพระวรกายซูบผอม แสดงถึงจินตนาการและสุนทรีย์ทางศิลปะอย่างเอกของช่าง พระพุทธรูปองค์นี้หล่อขยายจากพระพุทธรูปปูนพลาสเตอร์ ที่เจ้านห้าที่พิพิธภัณฑ์เมืองละฮอร์ ประเทศอินเดีย จำลองมาจากพระพุทธรูปศิลาโบราณ สมัยคันธาระ โดยช่างชาวโยนก ประมาณพุทธศตวรรษที่ 7-8 ส่งเข้ามาถวายสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

    [​IMG]

    - พระพุทธรูปปางลีลา (ลำดับที่ 26) แสดงถึงพุทธจริยาหรือพุทธลีลาตอนที่พระพุทธองค์เสด็จลงจากดาวดึงส์ หรือเสด็จโปรดเวไนยสัตว์ เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะลีลางามเป็นเลิศ เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของผู้ชม

    [​IMG]

    @ คลอง โดยเริ่มขุดตั้งแต่เริ่มการสถาปนาวัด เพื่อแบ่งเขตเป็นส่วนพุทธาวาสและสังฆาวาส ใช้ดินที่ขุดขึ้นถมพื้นที่วัด เนื่องจากบริเวณวัดเดิม และที่ถวายเพิ่มเติมสำหรับสร้างวัด เป็นที่ต่ำ เพราะเป็นที่สวนและนา กับเป็นแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคในสมัยนั้น โดยให้ขุดคลองเชื่อมต่อจากสวนดุสิต คลองเปรมประชากร และคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อให้น้ำถ่ายเทได้ แล้วโปรดเกล้าให้พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจันทรสุเทพ ก่อเขื่อนขึ้น 2 ข้าง สองฝั่งคลองโปรดเกล้าฯ ให้ปลูกต้นไม่ และฝังเสาศิลายอดบัวตูม สอดเหล็กหล่อลายดอกไม้เป็นรั้วตลอดแนวทั้ง 2 ข้าว เชิงสะพานตั้งตุ๊กตาจีนประดับ 12 ตัว

    @ สะพาน เป็นสะพานเหล็กหล่อ มีเสาสะพานละ 4 ต้น สั่งทำจาประเทศอิตาลี พื้นคอนกรีต โค้งข้ามคลอง ราวสะพานเป็นเหล้กหล่อลายไทยทั้ง 2 ด้าน บนราวสะพานมีป้ายจารึกสะพานละ 2 ป้าย โปรดเกล้าฯ ให้กรมโยธาธิการดำเนินการสร้างขึ้นทั้งหมด 3 แห่ง ได้แก่

    [​IMG]

    [​IMG]
    - สะพานพระรูป อยู่ทางทิศตะวันออก สร้างขึ้นด้วยทุนทรัพย์ค่าจำหน่ายพระรูปจำหลักแผ่นทองแดงกาไหล่ทอง ที่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพศาสตรศุภกิจ ถวายช่วยในการสถาปนาวัดเบญจมบพิตร พ.ศ. 2443
    - สะพานถ้วย อยู่กลางระหว่างสะพานพระรูปกับสะพานงา สร้างขึ้น้ดวยเงินที่พระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานถ้วยชาลายทองที่หายาก ให้จำหน่ายในการออกร้านงานประจำปีวัดเบญจมบพิตร พ.ศ. 2443
    - สะพานงา อยู่ด้านทิศตะวันตก สร้างขึ้นด้วยเงินจำหน่ายงาช้างที่ "พระเจ้าน้องยาเธอ กรมกลวงดำรงราชานุภาพ" ถวายเพื่อจำหน่ายในงานออกร้านประจำปีวัดเบญจมบพิตร พ.ศ. 2443


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น พระที่นั่งทรงผนวช, หอระะฆังบวรวงศ์, ศาสลาสี่สมเด็จ, ศาลาตรีมุขสะพานน้ำ, ศาลาร้อยปีปิยมหาราชอนุสรณ์ ฯลฯ

    [​IMG]

    [​IMG]

    <TABLE bgColor=#ccff66><TBODY><TR><TD>ข้อมูลทั่วไป
    - เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. (โบสถ์เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น.)
    - รถประจำทางสาย 72, 201 และ ปอ. 503
    แหล่งข้อมูล
    -
    www.watbenja.com
    - www.wikipedia.org </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เรื่องและภาพ : ทีมงาน "นายรอบรู้" (น้อย)
    Wat Benjamaborpit, Bangkok, Thailand.
     

แชร์หน้านี้

Loading...