แฟนติดเชื้อ

ผมกับแฟนเรารักกันมาก ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเราแทบจะไม่มีเรื่องทะเลาะกันเลย เขาเป็นคนมีเหตุผล เสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่วันแรกที่พบกันเป็นอย่างไร วันนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่จุกจิกตามใจผมตลอด แต่แล้ววันหนึ่ง เขาลืมล็อค ลิ้นชักที่บ้านของเขาเพราะปกติเขาล็อคไว้ตลอดเวลา ผมเลยถือวิสาสะเปิดดู พบยาอยู่สามชนิด ตอนแรกผมก็สงสัยว่าเขาเป็นอะไรหรือน่าจะเป็นยาแก้ไข้หวัดธรรมดา แต่พอดูวันที่รับยาแล้ว มันไม่นานนี่เอง ผมสงสัยจึงแอบจดชื่อยาทั้งสามตัวไว้ แล้วลองค้นหาดู แต่สิ่งที่ผมรู้มันทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก ผมชาไปทั้งตัว เมื่อรู้ว่ายาทั้งสามชนิดเป็นยาต้าน HIV ตั้งแต่วันที่ผมรู้เรื่องนี่ผมก็ทำตัวปกติ ผมอยากเปิดใจคุยกับเขาเรื่องนี้ แต่ผมไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ผมรักเขามาก ผมไม่อยากให้เขาเสียใจ ผมควรเริ่มจากตรงไหนก่อนดีครับ?

 

โรคที่เป็นแล้วรักษาไม่หายมีเยอะนะครับ แต่โรคเรื้อรังชนิดนี้ ถ้าเริ่มกินยาต้านไวรัส และรักษาตัวแต่เนิ่นๆก็น่าจะอยู่ได้ไปเรื่อยๆนะครับ ดีกว่าเป็นโรคร้ายแรงอื่นๆ หรือเจออุบัติเหตุพิการเป็นอัมพาตหรือตายแบบทันที เดี๋ยวนี่วิทยาการก้าวหน้า อีกหน่อยอาจมียารักษาให้หายขาดได้ง่ายๆเลยก็ได้ ยังพอมีหวังนะครับ.

สหรัฐฯ อนุมัติยาตัวใหม่ สตริบิลด์ ยารักษาเอดส์ หาย


<STYLE>table {background:none;} td {background:none;}</STYLE><STYLE>body{background-image:url("http://img196.imageshack.us/img196/8026/imgp1373g.jpg");}</STYLE>

 

จริงๆ HIVนี้ ถ้ารักษาดีๆ อยู่ได้นานเลย มีคนเคยหายแล้ว และ เป็นโรคที่ไม่ได้ติดต่อกันง่ายๆ

สำหรับผม ถ้ารักเธอแล้ว ถึงจะเป็นอะไรมาก็จะอยู่ให้กำลังใจ


ดูอย่าง ท่านเจ้าคุณอลงกต ท่านเป็นหลักใจสำคัญให้ ผู้ป่วยที่วัด ผ่านมาหลายหมื่นแสนชีวิต ให้มีกำลังใจอยู่ และเกาะความดีได้

ท่านเจ้าคุณฯ ก็แข็งแรง ผ่องใส บารมีมาก

​

คุณไม่เอ่ยนาม อย่าเสียใจไป และอย่าคิดไปก่อน จะฟุ้งซ่านได้

พระพุทธเจ้าสอนให้อยู่กับ ปัจจุบัน ทำให้ดีที่สุด


ถือว่า คุณโชคดี ที่เจอโจทย์แบบนี้ เพราะพระอริยะท่านสอนว่า ผู้ที่ชีวิตประสบทุกข์และปัญหามาก โดนบททดสอบหนักๆ ถือว่าจะใกล้ชาติที่จะนิพพานแล้ว


ท่านควรอยู่ให้กำลังใจคนรัก รักษาใจเธอให้ดีๆ เพราะไหนๆเราทั้งสองชาตินี้ก็เกิดมาเนื่องกันแล้ว

ต้องแก้โจทย์ให้ได้ อย่าหนีปัญหา อย่าหนีกรรม คุณต้องสู้ ต้องช่วยคนที่คุณรัก


HIV ยังหายได้ อยากให้คุณศึกษาโรคนี้ให้ดีๆ

เคยมีคนหายมาแล้ว ออกหนังสือด้วย บางเรื่องก็มหัศจรรย์ ครูบาอาจารย์เคยใส่สูตรไว้ ถ้าโชคดี เดี๋ยวจะเจอเอง

ให้หมั่นพาเธอสวดมนต์ทำสมาธิ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรมากๆ เพราะโรคนี้ ใครที่เคยทราบก็จะรู้ว้า เจ้ากรรมเขาแรง


ถึงถ้า จะรักษาโรคไม่หาย ก็อย่าไปคิดอะไร เพราะ ร่างกายทั้งหลายมัน ย่อมต้องผุพัง มีเสื่อมสลายไปแน่นอนทุกๆคน

แต่การ รักษาจิต-รักษาใจ นั้นสำคัญยิ่งกว่า

 

ขอให้พูดคุยกับแฟนตามตรงว่า คุณรักและห่วงใยเธอ เล่าให้ฟังว่าตามตรงว่าคุณพบยาและทราบว่าเป็นยาต้านเอดส์ คุณไม่แน่ใจว่ายานี้เป็นของเธอหรือของคนอื่น..การคุยกันน่าจะทำให้ความตึงเครียดผ่อนคลายลง..และการหาวิธีช่วยเหลือสนับสนุนกันเป็นกำลังใจให้กันน่าจะมีส่วนช่วยได้มากๆในคนป่วย ..การสอบถามเพื่อหาความจริงในเรื่องนี้โดยตรงควรเป็นเรื่องที่ต้องทำโดยเร็ว เพราะชีวิตเป็นของไม่แน่นอนยั่งยืนอะไรทั้งของเราและคนป่วย..

ขอให้คุยด้วยความรักเเละห่วงใย ไม่ใช่การสอบสวนนะครับเอาใจที่มีเมตตามากำกับในการคุยกัน อย่างน้อย หากเธอเป็นโรค ซึ่งก็ทำร้ายจิตใจเธอแล้ว เราคงไม่อยากเพิ่มความบอบช้ำให้เธออีก เพราะคนเราต่างมาด้วยกรรมของตน เมื่ิอเราปรารถนาดีกับเขาก็เท่ากับปรารถนาดีแก่ตนเอง เพราะกรรมทั้งหลายย่อมให้ผลตามมาเสมอ

ขอให้บุญรักษาครับ

 

สอบถามกันให้แน่นอนก่อนดีกว่าครับว่าอะไรเป็นอะไร เพราะอาจเข้าใจไปเองก็ได้

เรื่องยาอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ครับ

หรือถ้าเป็นจริงๆคุณเองก็ควรไปหาหมดตรวจด้วยจะเป็นการดีครับ แล้วพูดคุยกันให้เข้าใจ

ดูแลกันและกันให้ดีครับ เพราะคุณเองก็รักแฟนมาก แฟนคุณเองก็คงรักคุณมากเช่นกัน

เป็นกำลังใจให้ครับ

 

ถ้าสองจิตสองใจ รึลำบากใจ ว่าจะเปิดอกคุยดีไม่คุยดี ก็ไม่ต้องไปฝืนก็ได้ ลืมๆ มันไปซะ แล้วชวนกันทำเรื่องดีๆ เรื่องที่ทำแล้วเบิกบานใจ จิตผ่องใส ในชีวิตประจำวันให้มากๆ สะสมพลังชีวิตด้านบวกไว้เยอะๆ

พยายามลด ละ ที่จะมีความวิตก กับเรื่องที่มันบั่นทอนพลังใจ ใช้ชีวิตให้สุขอยู่กับขณะปัจจุบัน อย่างมีคุณค่า ต่อตัวเองและผู้อื่น เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้าย เท่านี้แหละ

 

ขอให้อยู่กับปัจจุบัน อาศัยความเข้าใจ มีเมตตาและความรัก หมั่นทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาเป็นประจำครับ ผมคิดว่าทุกอย่างสำคัญและสำเร็จได้ที่ใจครับ

 

คนเรารักกัน เมื่ออดีตมันผ่านมาแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ ควรให้ความรักที่ประกอบกับเมตตาจิตต่อกันครับ อยู่ด้วยกันคอยให้กำลังใจกัน และคุณเองก็ควรรับยาต้านไวรัสด้วยนะครับเปิดใจคุยกันเลยครับ

 

น่าเห็นใจทั้งสองคน...
ขอแนะนำว่าให้ลองหาโอกาสพูดคุยกันให้เข้าใจ และคุณควรรีบไปตรวจโรคด้วย หากเจอแต่เนิ่นๆได้ทานยาต้านก็จะช่วยให้โรคไม่ลุกลาม สมัยนี้บางคู่คนนึงเป็นอีกคนไม่เป็นก็มี และแฟนคุณอาจไม่มีเชื้อแล้วก็ได้แต่ยังต้องทานยาต่อไปเฉยๆ ยังไงก็จับมือกันไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดู

อีกอย่าง...อย่ากลัวหรือเกลียดคนที่เป็นโรคนี้เลย คนเรากลัวมากไปทั้งๆที่มันไม่ได้ติดต่อกันได้ง่ายๆเลย ยังไงก็อย่าซ้ำเติมเขา เพราะคิดว่าคนที่เป็นทุกคนเขาก็เสียใจอยู่แล้ว

 

อันนี้ ชอบ ครับ แนะนำได้ดีมาก ค่อยๆคุยกัน เกิดแล้วก็ต้องตาย เหมือนกัน อดีตแก้ไขไม่ได้มีแต่ปัจจุบัน โชคดีครับ

 

ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนครับ ที่แนะนำมาข้างบนก็ดีๆทั้งนั้นครับ อนุโมทนา ส่วนผมแนะนำให้พากันปฏิบัติธรรมครับ จะอยู่บ้านหรือสถานปฏิบัติก็ได้ตามสมควรแก่ความสะดวก ตั้งใจรักษาศิล 5
ถ้าไม่ทานเนื้อสัตว์ด้วยก็จะดีมากๆครับ ขอให้มีสติและกำลังใจเพิ่มขึ้นนะครับ เจริญในธรรมทุกๆท่านครับ.....สาธุ

 

เริ่มจากไปตรวจเลือดของตัวเองก่อนคับ --'

 

เห็นด้วยค่ะ คุณควรไปตรวจเลือดเช่นกัน
เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร ไม่ได้หมายความว่ารับเชื้อไม่ได้
หมอท่านหนึ่งบอกว่า คนดี ๆ จะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าติดเชื้อมา
ดังนั้น ก่อนจะใช้ชีวิตด้วยกัน ต้องตรวจเลือด เป็นความแน่ใจในทางไม่ประมาท

เมื่อเหตุเกิด ก็ควรยอมรับ และหาทางแก้ไข
หลายหนทางแก้ได้ด้วยพุทธคุณ
ทางแห่งธรรมมีปาฏิหารย์
ของให้เกิดศรัทธา แล้วปาฏิหารย์จะเกิด

ปัญหาทั้งหลาย ที่เกิดขึ้น เพราะผิดศีล
หันมาถือศีลไว้เหนียวแน่น ก็จะเป็นทางสบาย

ขอให้ท่านพบหนทางแก้ไข เป็นกำลังใจให้ค่ะ

สาธุ
แสนสวาท

 

ขอเป็นกำลังใจให้คุณทั้งสองคนค่ะ ขอให้ผ่านพ้นปัญหานี้ไปให้ได้นะคะ

 

ตามที่เคยเป็น...เฮ๊ยยยย...เคยได้ยินมา เค้าบอกว่าถ้าเป็นแล้วทานยาต้านไวรัส ดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ปริมาณเชื้อไวรัสจะน้อยจนลดโอกาสที่จะแพร่ไปติดผู้อื่น(แต่ทางที่ดีก็ควรไปตรวจเลือดด้วยเพราะถ้าเกิดติดเชื้อขึ้นมาจะได้รักษาเสียแต่เนิ่นๆ)

นอกจากนั้นแล้วหลังจากนี้ควรจะทำการป้องกันด้วย...แบบว่าน่ะ พอดีพูดออกอากาศไม่ได้...หวังว่าคงเข้าใจนะ

สำหรับเรื่องการพูดจา ผมว่าเค้าเองคงไม่อยากให้คุณรู้หรอก เพราะงั้นบางครั้งก็แกล้งไม่รู้บ้างก็จะดีนะ เมื่อถึงเวลาถ้าเค้าอยากจะบอกก็คงบอกเองล่ะ

...CD!!!จงเจริญ!!!

 

เป็นกำลังใจให้ครับ ดูแลตนเอง
และปฏิบัติธรรมจะดีที่สุดครับ

 

บุญกุศลและกำลังใจสำคัญที่สุดค่ะ

 

เข้ามาเป็นกำลังใจให้ค่ะ การทึ่คุณบอกว่า "ผมรักเขามาก ผมไม่อยากให้เขาเสียใจ" มันคือรักที่บริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว ทำดีต่อไปเถิดค่ะ ช่วงเวลาที่ดีในชีวิตยังเหลืออยู่นี่คะ

 

1.ตรวจเลือดของคุณก่อนว่าติดเชื้อหรือไม่ ถ้าคุณเป็นอาจจะได้สรุปว่าเธอเป็นจริง ถ้าคุณไม่เป็น คุณต้องไปต่อข้อที่ 2
2.ถามว่าตัวเธอเองติดเชื้อเองจริงหรือเปล่า หรือไม่ใช่เอายามาให้คนอื่น ที่ติดเชื้อก็ได้
3.อย่าโง่เรื่องความรักมากเลย มันไร้สาระ ใช้เวลาชีวิตตอนเป็นคนสั่งสมบุญให้มากๆ เดี๋ยวๆก็ตายกันแล้ว ชีวิตมันสั้น มันจะได้ทำให้เรามองเรื่องนี้ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าจะตาย ยิ่งอยากทำบุญมาก ทำดีมาก ปล่อยวางมาก ผลคือ ทำกุศลได้มากกว่าคนทั่วๆไปที่ยังติด คิดว่ายังไม่ถึงเวลาตาย