แบ่งบูชาวัตถุมงคล ราคาเบาๆ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย หนุ่ม36, 21 พฤษภาคม 2015.

  1. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    แบ่งบูชาวัตถุมงคลที่ผมสะสมมาให้ทุกท่าน ราคาเบาๆครับ
    รับประกันพระแท้ทุกองค์
    และรับประกันความพอใจ 7 วันครับ

    ลงชื่อ จองได้และโอนเงินได้ภายใน 5 วัน

    โอนเงินที่บัญชี


    เนตรชนก ศรีอำนวยไชย
    ธนาคาร กสิกรไทย ออมทรัพย์
    เลขบัญชี 773-2-08107-5


    รายได้ 40% แบ่งทำบุญบ้านสายลมหรือวัดท่าซุงครับ

    สนใจหลายรายการ PM มาคุยกันได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2015
  2. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    หลวงปู่ทวดซึ่งเป็นที่เคารพของชาวไทยและชาวต่างประเทศ เปี่ยมด้วยพุทธคุณ บารมีเข้ม ขลัง ควรค่าแก่การสะสม และสักการะบูชาให้ประชาชนชาวไทย มีไว้ประจำตัวคุ้มครองป้องกันภัย เพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ตนเอง และครอบครัว

    เมื่อกล่าวถึงพระยอดนิยมอันดับหนึ่งของทางภาคใต้ เห็นจะได้แก่ พระเครื่องหลวงปู่ทวด ซึ่งตามประวัติ ท่านเป็นพระที่มีอายุพรรษาอยู่ในช่วงสมัยอยุธยา ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นพระโพธิสัตว์ ที่จะช่วยคุ้มครอง ปัดเป่า ภัยร้ายแก่มนุษย์ และสิ่งมีชีวิต และ แม้ท่านจะถึงแก่มรณะกาลไปแล้วเมื่อประมาณ 400 กว่าปีมาแล้ว แต่สังฆบารมีของท่านหาได้หายไปไม่ แต่กลับช่วยคุ้มครองชีวิต ผู้คนที่บูชาและนับถือเคารพในองค์สมเด็จเจ้าพระโค๊ะอย่างไม่เคยได้ขาดตกประการใดเลย ยิ่งนานวันก็ยิ่งพิสูจน์ได้ว่า ท่านเป็นพระของมหาชน ที่คอยช่วยคุ้มครองชาวไทย หรือแม้แต่ชาวต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ก็ยังให้ความเคารพบูชาท่าน มีเรื่องราวอภินิหารเกี่ยวกับหลวงปู่ทวดมากมายที่เกิดแก่ผู้นำพระเครื่องหลวงปู่ทวดไปสักการ หรือ ห้อยบูชา

    คาถาบูชา หลวงปู่ทวด "นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา"

    ขออาราธนา บารมีแห่งองค์พระโพธิสัตว์หลวงปู่ทวด โปรดอภิบาล รักษา คุ้มครอง ช่วยเหลือ ดลใจให้ทุกท่านที่ประพฤติอยู่ในศีลธรรม มีความเคารพในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จงมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ตลอดกาลนานเทอญ.....

    การขอบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด : ด้วยการจุดธูป 16 ดอก บูชาวัตถุมงคลของท่านรุ่นใดก็ได้ หรือ ระลึกถึงท่าน ตั้งจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่และศรัทธา ท่อง " นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา " 16 จบ เท่านี้ท่านก็รับรู้แล้ว
     
  3. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    รายการที่ 1 หลวงปู่ทวด พิมพ์สะดุ้งกลับ แช่น้ำมนต์ วัดบวรนิเวศวิหาร ปี40 เนื้อผง รุ่นแรก


    รายการนี้ไม่ขาย รอแจกฟรีครับ

    หลวงปู่ทวด หลังเตารีด พิมพ์สะดุ้งกลับ เนื้อผง รุ่นแรก สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศ ปี 2540 ในวโรกาสฉลองพระชนมายุ 84 พรรษา วัดบวรนิเวศ โดยใช้ทรงพิมพ์หลวงปู่ทวดเตารีดใหญ่ที่เป็นที่นิยม พระทำออกมาได้สวยงามมาก น่าบูชาเก็บไว้มาก เพราะมีสมเด็จพระสังฆราชพร้อมด้วยพระเกจิดังหลายท่านร่วมปลุกเสก ต้องรีบเก็บครับ พระพิมพ์นี้ยังมีคนตามเก็บกันอยู่เรื่อยๆ ขณะนี้เริ่มหาองด์ที่สวยแบบนี้ยากแล้วครับ

    พระพิมพ์หลวงปู่ทวดสะดุ้งกลับนี้ บูชาติดตัวไว้ดีในด้านกลับจากร้ายให้กลายเป็นดีและถ้าดีอยู่แล้วจะดียิ่งๆขึ้นไป ใครที่ชีวิตเคยเจอแต่สิ่งร้ายๆควรบูชาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2015
  4. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    สมเด็จเกี่ยว วัดสระเกศ

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.9) เป็นพระสงฆ์มหานิกาย ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เคยเป็นผู้รักษาการแทนสมเด็จพระสังฆราช ปัจจุบันเป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นพระเถระที่มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์สูงสุดของมหาเถรสมาคม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏ เมื่อปี พ.ศ.2533 มีนามตามจารึกในสุพรรณบัฏว่า 'สมเด็จพระพุฒาจารย์ ภาวนากิจวิธานปรีชา ญาโณทยวรางกูร วิบูลวิสุทธิจริยา อรัญญิกมหาปริณายก ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

    นามเดิม เกี่ยว โชคชัย เกิดวันที่ 11 มกราคม พ.ศ.2471 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีมะโรง ณ บ้านเฉวง ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวนบุตร 7 คน ของนายอุ้ยเลี้ยน แซ่โหย่ (เลื่อน โชคชัย) และนางยี (ยี โชคชัย) ครอบครัวทำสวนมะพร้าว ปัจจุบันสกุลโชคชัย หรือแซ่โหย่ เปลี่ยนชื่อสกุลเป็นโชคคณาพิทักษ์

    สำเร็จการศึกษาขั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนประจำหมู่บ้าน ในปี 2483 แต่ก่อนจะถึงกำหนดวันเดินทางไปเรียนต่อยังโรงเรียนใน ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี เด็กชายเกี่ยวเกิดมีอาการป่วยไข้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน บิดามารดาจึงบนบานว่าหากหายจากป่วยไข้จะให้บวชเป็นเณร ดังนั้น เมื่อหายป่วยจึงบรรพชาเป็นสามเณร เมื่อ 6 มิถุนายน 2484 ที่วัดสว่างอารมณ์ ต.บ่อผุด โดยมีเจ้าอธิการพัฒน์เป็นพระอุปัชฌาย์

    ความตั้งใจเดิมคือบวชแก้บน 7 วัน แล้วจะสึกไปเรียนต่อ แต่เมื่อบวชแล้วก็ไม่คิดสึก โยมบิดามารดาจึงพาไปฝากหลวงพ่อพริ้ง (พระครูอรุณกิจโกศล) เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย ต่อมาหลวงพ่อพริ้งนำไปฝากอาจารย์เกตุ วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร แต่ไม่นาน กรุงเทพฯ ประสบภัยสงครามโลกครั้งที่สอง หลวงพ่อจึงรับตัวพาไปฝากอาจารย์มหากลั่น ต.พุมเรียง อ.ไชยา กระทั่งสงครามสงบจึงพา กลับไปที่วัดสระเกศ ฝากไว้กับพระครูปลัดเทียบ (ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นพระธรรมเจดีย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ)

    ท่านศึกษาธรรมะจนสอบได้นักธรรมชั้นเอก และศึกษาปริยัติธรรม สอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยคตั้งแต่ยังเป็นสามเณร เมื่อมีอายุครบอุปสมบทก็ได้อุปสมบทในวันที่ 1 พฤษภาคม 2492 ที่วัดสระเกศ โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมวโรดม ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นพ.ศ.2497 ท่านสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค อันเป็นประโยคสูงสุด

    เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานแต่งตั้ง เลื่อนและสถาปนาสมณศักดิ์โดยลำดับดังนี้ พ.ศ.2501 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่พระเมธีสุทธิพงศ์ พ.ศ.2505 เป็นพระราชาคณะ ชั้นราช ที่พระราชวิสุทธิเมธี พ.ศ.2507 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพคุณาภรณ์ พ.ศ.2514 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่พระธรรมคุณาภรณ์ พ.ศ.2516 เป็นพระราชาคณะ เจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ (รองสมเด็จ) ที่พระพรหมคุณาภรณ์

    พ.ศ.2533 ได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ เมื่ออายุ 62 ปี นอกจากนี้ เคยได้รับพระบัญชาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 9 และเป็นเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เมื่อปี 2508 ครั้นถึงพ.ศ.2516 เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม และพ.ศ.2540 ได้รับพระบัญชาแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนา มหาเถรสมาคม

    เนื่องจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระอาการประชวร และเสด็จเข้าประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มาตั้งแต่ต้นปีพ.ศ.2545 ทำให้เข้าร่วมงานพระศาสนาไม่สะดวก มหาเถรสมาคมจึงได้แต่งตั้งให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชในต้นปีพ.ศ.2547

    ต่อมาการแต่งตั้งนั้นได้สิ้นสุดลงเพราะครบระยะเวลาที่กำหนด มหาเถรสมาคมจึงมีมติให้แต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อบริหารกิจการคณะสงฆ์แทนสมเด็จพระญาณสังวร โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ในฐานะมีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ที่สามารถปฏิบัติห น้าที่ได้ในขณะนั้นทำหน้าที่เป็นประธาน

    สมเด็จพระพุฒาจารย์มีผลงานเขียนหนังสือหลายเล่ม ประกอบด้วย ธรรมะสำหรับผู้นับถือพระพุทธศาสนา, ดีเพราะมีดี, ทศพิธราชธรรม, วันวิสาขบูชา, การนับถือพระพุทธศาสนา, ปาฐกถาธรรมสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ), โอวาทพระธรรมเทศนาและบทความสมเด็จพระพุฒาจารย์, การดำรงตน และคุณสมบัติ 5 ประการ
     
  5. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    รายการที่ 2 เหรียญ สมเด็จเกี่ยว เนื้อเงินขัดเงา วันที่ 1 เมษายน พศ.2541
    เหรียญนี้ทันสมเด็จเกี่ยวนะครับ เหรียญที่ระลึกครบรอบ 100 ปี โรงเรียนวัดสระเกศ


    "หลวงพ่อฤาษี กล่าวว่า สมเด็จเกี่ยวท่านเป็นพระทองคำ"

    ให้บูชา 1 เหรียญเท่านั้น 2,000 บาท

    จองแล้ว
    เหรียญสวยมากไม่ได้ใช้งานเลย ช้าหมด ท่านจะเสียใจครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2015
  6. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    สมเด็จเกี่ยวและหลวงพ่อฤาษีฯครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      339.3 KB
      เปิดดู:
      100
  7. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    รายการที่ 3 เหรียญหล่อเจ้าสัวสองหน้า กรรมการ มหาเศรษฐี ญสส.๙๐ เนื้อรัตนะขาว สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช

    เปิดให้บูชา 450 บาท
    มีเพียง 1 องค์เท่านั้น

    รายการนี้ลดเหลือ 350 บาท

    เหรียญหล่อเจ้าสัวสองหน้า กรรมการ มหาเศรษฐี ญสส.๙๐ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระเมตตาคุณประทานพระอนุญาตให้จัดสร้าง สิ่งมงคลสักการะในวโรกาสฉลองครบรอบ 90 พรรษา

    พิธีีมหาพุทธาภิเษก-สมโภชน์ ครั้งยิ่งใหญ่ของเมืองพิษณุโลก ในรอบปี 2546 พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ พิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยสมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์ประธานในพิธี

    พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิวิทยาคุณทั่วประเทศ นั่งบริกรรมปลุกเสก พิธีกรรมเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ตามหลักโบราณจารย์

    เหรียญหล่อเจ้าสัวสองหน้า กรรมการ มหาเศรษฐี ญสส.๙๐ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชองค์นี้เป็นเนื้อรัตนะขาวครับ เนื้อนี้มีสีขาวคล้ายเนื้อเงิน หรือกะไหล่เงิน

    มีการตอกโค้ด กรรมการ ที่ด้านใต้เหรียญ

    พระยังไม่ผ่านการใช้งาน สภาพเดิม ๆ สวยงามมาก น่าสะสมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2015
  8. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    พระสุธรรมยานเถร (ครูบาอินทจักรรักษา)

    ประวัติส่วนตัว

    ชาติภูมิ
    พระสุธรรมยานเถร(ครูบาอินทจักรรักษา) มีนามเดิมว่า อินถา นามสกุล พิมสาร เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๓๙ ตรงกับแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีวอก ณ บ้านป่าแพ่ง ตำบลแม่แรง อำเภอปากบ่อง (คืออำเภอป่าซางในปัจจุบัน) จังหวัดลำพูน

    บิดาชื่อ นายเป็ง นามสกุล พิมสาร มารดาชื่อ นางบัวถา นามสกุล พิมสาร มีอาชีพทำนาทำไร่ เป็นครอบครัวที่เป็นสัมมาปฏิบัติที่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เพื่อนบ้านและลูกหลานรุ่นต่อ ๆ มา ท่านมีพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกัน ทั้งหมด ๑๓ คน
    โยมบิดาพ่อเป็ง พิมสาร เมื่อครั้งยังเป็นคฤหัสถ์ท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจใฝ่ในทางพุทธศาสนา มุ่งศึกษาและปฏิบัติตามหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด ดังนั้นครอบครัวพิมสารจึงเป็นพุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตนตามหลักการและอุดมการณ์ของชาวพุทธที่ดีเสมอมา ดังเช่นการไปทำบุญตักบาตรทุกวันพระ รักษาศีล ๕ และรักษาอุโบสถศีลในช่วงเข้าพรรษา เป็นต้น

    ส่วนโยมมารดาคือ แม่บัวถา พิมสาร เมื่อครั้งอยู่ครองเรือนก็ได้ปฏิบัติเฉกเช่นสามี คือ บ้านถูกจัดระเบียบให้มีกิจกรรมภายในไม่ต่างไปจากวัด หลังจากท่านได้สละบ้านเรือนออกบวชเป็นชี ระเบียบนี้ก็คงปฏิบัติกันต่อ ๆ มา มิได้ขาด แม่บัวถา พิมสาร ท่านถึงแก่กรรมในท่านั่งสมาธิ ซึ่งถือได้ว่า เป็นชาวพุทธตัวอย่างที่น่าเลื่อมใสยิ่งนัก จนเป็นที่รู้จักของประชาชนในหมู่บ้าน ป่าแพ่งตราบถึงปัจจุบัน

    ชีวิตก่อนออกบวช

    ท่านครูบาอินทจักรรักษา เมื่อครั้งยังเยาว์วัยเป็นเด็กที่มีอุปนิสัย ขยัน รักสงบ มีความกตัญญูกตเวที ได้ช่วยแบ่งเบาภาระของบิดามารดา เช่น ช่วยทำงานในไร่นาที่พอจะช่วยได้ทุกอย่าง เลิกงานจากทำนาก็จะเข้าสวน พรวนดิน เลี้ยงวัวควาย งานบ้านที่ทำส่วนมากได้แก่การตักน้ำตำข้าวด้วยครกกระเดื่อง ซึ่งเป็นการดำรงชีวิตของชาวชนบทในอดีต หลังจากนั้นก็จะกวาดบ้านถูบ้านดูแลน้อง ๆ เพราะพี่ที่โตกว่าต้องทำงานช่วยพ่อแม่

    ครั้นเมื่อเติบโตถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนก็ได้รับศึกษาเล่าเรียน โดยในระยะแรกได้ศึกษาเล่าเรียนจากพี่ชายของตนเอง ซึ่งเคยบวชเรียนมาก่อนเวลานั้น พี่ชายได้ลาสิกขาออกมาเป็นฆราวาสจึงได้เอาความรู้ในขณะที่บวชเรียนมาอบรมสั่งสอนน้องต่อ

    หลังจากที่มีการเปิดโรงเรียนประชาบาลขึ้น สามเณรอินถาจึงเกิดความคิดที่จะเรียนต่อ ได้เข้าไปเรียนพระอุปัชฌาย์ให้ทราบ พระอุปัชฌาย์เห็นความเจริญก้าวหน้าจึงอนุญาต จึงได้เข้าเรียนเพิ่มเติมจนจบชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๓ ซึ่งเทียบเท่าชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ในปัจจุบัน โดยได้เดินทางมาเรียนที่วัดดอนแคร (วัดจีน) ปัจจุบันเป็นโรงเรียนช่องฟ้าซินเซิง จังหวัดเชียงใหม่ และได้เรียนวิชาสามัญพื้นฐานเพิ่มเติมด้วย เช่น ภาษาอังกฤษ บัญชี ลูกคิด เป็นต้น ในปี พ.ศ.๒๔๕๗ การศึกษาในโรงเรียนขณะนั้น เป็นการศึกษาเล่าเรียนที่ค่อนข้างลำบากยากเข็ญ เพราะขณะนั้นมีครูสอนในโรงเรียนน้อย การสอนจึงไม่ทั่วถึงแก่ทุกคน ประกอบกับอุปกรณ์ในการเรียนการสอนก็มีไม่เพียงพอ ถ้านักเรียนไม่มีความอุตสาหะ เพียกเพียรพยายาม ย่อมไม่สามารถประสบผลสำเร็จได้

    การอุปสมบท

    เมื่อท่านครูบาอายุครบ ๒๐ ปี เกิดความคิดขึ้นว่า “ในบัดนี้อายุกาลของเราครบบวชแล้ว ควรจะเดินทางกลับไปอุปสมบทที่ภูมิลำเนาเดิม ณ วัดป่าเหียง ต.แม่แรง เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๙ ปีมะโรง (พ.ศ.๒๔๕๗ – ๒๔๖๑ เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑) โดยมี พระอธิการแก้ว ขตฺติโย (พระขัตติยะคณะวงษา) เจ้าอาวาสวัดป่าเหียงเป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระฮอม โพธาโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ มีพระสม สุรินฺโท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ทั้งสองรูปนี้อยู่วัดป่าเหียงเช่นกัน ได้ฉายาว่า อินฺทจกฺโก

    หลังจากอุปสมบทเป็นภิกษุแล้ว ท่านครูบาได้ช่วยทำงานและเป็นธุระในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กับพระอุปัชฌาย์หลายประการ ทั้งนี้เพราะท่านครูบามีความรู้ทั้งทางคดีโลกและทางคดีธรรมทั้งปริยัติและปฏิบัติ

    เมื่อท่านครูบาอินทจักรรักษา ปฏิบัติธรรมจนเกิดดำริในการออกเดินธุดงค์แล้วก็บังเกิดความปลื้มปิติขึ้นมา ท่านครูบาจึงน้อมจิตไปในการประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อตนเอง เป็นขณะเดียวที่พระน้องชาย คือ ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก ก็ได้ออกธุดงค์อยู่ในเขตอำเภอป่าซาง และอำเภอจอมทอง ในปี พ.ศ.๒๔๖๒ ซึ่งขณะนั้นท่านมีพรรษาได้ ๓ พรรษา ท่านครูบาได้ขออนุญาตพระอุปัชฌาย์ออกเดินธุดงค์กับพระน้องชาย ซึ่งพระอุปัชฌาย์ได้อนุโมทนาพร้อมทั้งอนุญาตให้ออกเดินธุดงค์

    ออกธุดงค์

    การเดินธุดงค์ในภาคเหนือตอนบนนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่๒ เป็นปีที่ข้าวยากหมากแพง ถึงกระนั้นท่านครูบาก็ยังสู้อดทนตามเจตนาที่ตั้งไว้เพื่อการปฏิบัติธรรม การเดินธุดงค์ไปในถิ่นต่าง ๆ ในขณะนั้นจึงไม่ใช่ของที่กระทำได้ง่าย เพราะมีอุปสรรคมากมาย แต่ต้องกระทำด้วยความตั้งใจจริงและจะต้องใช้ความอดทนอย่างสูงมาก

    ขณะเดินธุดงค์ต้องต่อสู้กับความยากลำบากมากมาย แต่ท่าครูบาก็หาได้ย่อท้อต่อสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากและปัญหา ท่านครูบาจะรำลึกถึงการที่พระพุทธองค์ทรงแสวงหาสัจธรรม ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ท่านประสบในตอนนี้เทียบกันไม่ได้เลย จึงพยายามเตือนสติตนเองเสมอว่า “พระพุทธองค์มิยิ่งไปกว่านี้หรือ พระองค์ต้องสลบไปกี่ครั้ง เพราะต้องทรมานพระวรกายจนดูน่าสมเพช พระวรกายซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ซึ่งเราก็ได้ดูในรูปที่เขาปั้นเอาไว้ เห็นหรือเปล่า เราเองปฏิบัติตามพระองค์บ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

    ขณะที่ท่านครูบาปฏิบัติภาวนาอยู่ในป่าดง ยุงป่า ริ้น ตอมกัดอยู่ตลอดวัน ใบหน้าบวมชาก็ต้องทนเอาบ้าง ส่วนกลางคืนได้ยินเสียงร้องของสัตว์ป่าที่เดินอยู่ใกล้ ๆ บริเวณจุดพักนั้น เป็นจำพวกเสือกำลังออกหากิน สภาพอากาศก็เปลี่ยนแปลงได้ฉับพลัน ถึงฤดูหนาวอากาศหนาวก็หนาวจับหัวใจ ถึงฤดูร้อนก็ร้อนมาก เพราะใบไม้ร่วงหมดจนไม่มีที่หลบแสงแดด มิหนำซ้ำยังมีไฟป่าอีกด้วย ในฤดูฝนก็หาที่พักยาก บางครั้งต้องนั่งภาวนากลางสายฝน เปียกน้ำฝนตลอดทั้งตัว ส่วนจีวรชุ่มน้ำและเปื้อนดินจนเกือบยกไม่ขึ้น

    เคยมีผู้แย้งข้อปฏิบัติกรรมฐานแบบท่านครูบาว่า “ทำไมจะต้องไปทรมานตัวเองถึงขนาดนั้น วัดก็มีอยู่ อู่ก็มีนอน อาหารการกินก็อุดมสมบูรณ์ ไม่น่าออกธุดงค์ทรมานตนเองเช่นนั้น ป่าดงพงไพรมันเป็นที่อยู่ของสัตว์ ทำไปแล้วเหมือนกระรอกกระแต”

    ท่านครูบาได้กล่าวตอบว่า “ขอเป็นกระรอกกระแตอยู่ป่าดงพงไพรมุ่งแสวงหาความสงบ ดีกว่าไปเป็นตุ๊ดตู่อุดอู้ไม่รู้ภัยจะมาถึงตัวเมื่อไหร่ การกระทำเช่นนั้นก็เพื่อความรู้เห็นสัจธรรมเท่านั้น”

    ตลอดเส้นทางที่เดินธุดงค์ ท่านครูบาอาศัยชาวป่าชาวเขาถวายอาหาร บิณฑบาตเพื่อประทังชีวิตไปวัน ๆ บางครั้งก็ไม่ได้อาหารใด ๆ เลย จนทำให้บางคราวไม่ได้ฉันอาหารหลายวัน บางทีได้ข้าวไม่ได้กับข้าว ได้แต่พริกก็ต้องฉันข้าวกับพริก แม้แต่ได้กล้วยผลเดียวก็สามารถประทังชีวิตไปได้วันหนึ่ง อาหารบิณฑบาตประทังชีวิตจึงไม่แน่นอน

    ท่านครูบาเป็นผู้มีคุณธรรมสูง ท่านธุดงค์ถึงที่ไหนก็ตาม จะระลึกถึงคุณของโยมที่ให้อาหาร น้ำดื่ม และความห่วงใยแก่ท่าน ดังนั้นสิ่งที่จะตอบแทนแก่โยมเหล่านั้นก็คือ การแสดงคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นการตอบแทนที่บริสุทธิ์กว่าวัตถุอื่นใดในโลก ท่านจะทำอย่างนี้อยู่เสมอมิได้ขาด


    วิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของ พระสุธรรมยานเถร (ครูบาอินทจักรรักษา)

    ท่านครูบาเผยแผ่พระพุทธศาสนายึดหลักปฏิบัติแบบสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งการปฏิบัติแบบนี้ก่อให้เกิดข้อเคลือบแคลงสงสัยในหมู่พุทธบริษัทบางกลุ่มในล้านนาในยุคนั้น เพราะในยุคของท่านครูบาคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจหลักดังกล่าวจนนำไปสู่การโต้แย้งและกลายเป็นความขัดแย้งในเวลาต่อมา โดยเริ่มแรกเป็นความขัดแย้งระหว่าง พระสงฆ์ที่ไม่เห็นด้วยกับหลักปฏิบัติและวิธีการสอนแบบใหม่นี้ ต่างฝ่ายได้เขียนหนังสือขึ้นอธิบายหลักธรรมเพื่อสนับสนุนวิธีการของตนจนทำให้เกิดข้อเคลือบแคลงในการปฏิบัติตามหลักธรรมของทั้งสองฝ่าย จนนำไปสู่ความขัดแย้งของพุทธบริษัทที่เชื่อตามหลักคำสอนของแต่ละฝ่ายมีการขัดแย้งกันอย่างรุนแรง จนในที่สุดคณะสงฆ์เชียงใหม่และลำพูน ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสอบสวนและวินิจฉัยกรณีที่ขัดแย้งกัน คณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน จึงได้ออกแถลงการณ์เป็นหนังสือเรื่ององค์ศาสนา ๒ ห้อง เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๔ ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่าครูบาอินทจักรรักษา เป็นภิกษุที่มีหลักการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง ความขัดแย้งที่เกิดจากความเห็นในคำสอนและหลักปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาที่แตกต่างกัน ประเด็นนี้มีประเด็นขัดแย้งกันพอจำแนกได้ ดังนี้

    ๑ เรื่องการรับศีล ๕ ศีล ๘ ของคฤหัสถ์
    ๒ เรื่องการรับไตรสรณคมน์ และ อาม ภรเต
    ๓ เรื่องการอาราธนาศีลและสวดมนต์หมู่ด้วยภาษาบาลี
    ๔ เรื่องกรรมฐาน การกรวดน้ำหมู่

    ในหัวข้อที่ยกมานี้เป็นเรื่องหลักเรื่องหนึ่งที่ท่านครูบาอินทจักรรักษาได้แนะนำประชาชนให้ปฏิบัติถูกต้องตามธรรมวินัย โดยท่านครูบายึดถือเอาหลักการทางพระพุทธศาสนาที่ว่า “เพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข” ท่านครูจึงได้สั่งสอนและเขียนหนังสือขึ้นชี้แจง การปฏิบัติตามแบบประเพณีเก่า ๆ บางอย่างที่สืบทอดกันมาว่า ผิดไปจากหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤษภาคม 2015
  9. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    รายการที่ 4 เหรียญครูบาอินทรจักรรักษา ปี พศ. 2524 พร้อมกล่องเดิม

    บูชาเหรียญละ 250 บาท

    มีเพียง 4 เหรียญ สวยทุกเหรียญ เหลือ 3 เหรียญ

    รายการนี้เหมา 3 องค์ 650 บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  10. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    พระสมเด็จแหวกม่านหลังแม่ธรณี เนื้อผงพุทธคุณ 350 คณาจารย์ หลวงปู่หมุน ออกวัดซับลำใย ปี พศ.2543


    สร้างจาก ชนวนผงพุทธคุณเกจิอาจารย์ต่างๆ กว่า ๓๕๐ คณาจารย์และผงชมพูนุช ที่พระอาจารย์ตั้วได้รวบรวมไว้พุทธคุณโดดเด่นด้านโชคลาภ,เงินทอง,แคล้วคลาดปลอดภัย...หลวงปู่หมุนอธิฐานจิตปลุกเสกให้แก่วัดซับลำใยเพื่อนำรายได้มาสร้างศาลาและหล่อรูปเหมือนของท่านหลวงปู่

    จัดสร้างโดย พระอาจาย์สมห์ภาสน์ มงฺคลสงฺโฆ (อาจารย์ตั้ว) ท่านกล่าวว่า กว่าจะเก็บสะสมผงทั้ง ๓๕๐ อาจาย์นี้ได้ ครบตามจำนวนทีว่าต้องใช้เวลาหลายปีทีเดียว เมื่อได้นำผงมาผสมสร้างพระผงปิดตาลูกประคำเพื่อเข้าพิธีปลุกเสกใหญ่เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๔๒

    พุทธาภิเษก วัตถุมงคลใหญ่ ณ วัดซับลำใย เมื่อวันที่ ๕ ธ.ค. ๒๕๔๒โดยมีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากมายเข้าร่วมพิธี อาทิ หลวงปู่ละมัย, หลวงปู่หงษ์, หลวงพ่อรวย, หลวงพ่อเพี้ยน, หลวงปู่ธีร์, หลวงพ่อไสว เป็นต้น โดยหลวงปู่หมุน ฐิตสีโลเป็นประธานในพิธี

    หลวงปู่หมุนเสก เพื่อให้เป็นเมตตามหานิยม และโชคลาภโดยพระอาจารย์ตั๋ว ศิษย์เอกของหลวงพ่อกวย ได้ถวายผงชมพูนุชในการจัดสร้างของดีของขลังรุ่นนี้ด้วยผงชมพูนุชเป็นผงด้านเสน่ห์พระเณรใครอยากลองของ เป็นอันสึกแทบทุกรายจนต้องเอาผงนี้ถวายหลวงปู่หมุนจนหมดเพื่อใช้ทำเครื่องรางด้านเมตตามหาเสน่ห์แก่ผู้คนทั่วไป

    ตัวอย่าง มวลสารสำคัญต่างๆ

    ผงสมเด็จที่ชำรุดของหลวงปุ่นาค (พระเทพสิทธินายก) วัดระฆัง
    ผงพุทธคุณ ๑๐๘ จากอาจาย์ทั่วประเทศ ได้ทำพิธีที่วัดเบญจมบพิตร เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙
    ผงจินดามณีของหลวงพ่อเพิ่ม (พระพุทธวิธีนายก) วัดกลางบางแก้ว
    ผงมหาราช ผงอิทธิเจ หลวงพ่อเนตร วัดตุ๊กตา จ.นครปฐม
    ผงตรีนิสิงเห ผงปถมัง ของอดีตเจ้าอาวาสวัดปริยายก กทม.
    ผงอิทธิเจ ของหลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง ได้มาจากอาจารย์ดุลย์ วัดไทยน้อย จ.นนทบุรี
    ผงของหลวงปุ่ใจ วัดเสด็จ จ.สมุทรสงคราม
    ผงโลกธาตุ พลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ได้มาเมื่อปี ๒๕๓๑
    ผงรัตนมาลาของหลวงพ่อสละ เถรปญโญ วัดประดูทรงธรรม
    ผงอิจธิเจ ของหลวงพ่อผล วัดคลองจันทร์ จ.อุทัยธานี ได้มาเมื่อปี ๒๕๒๔
    ผงตรีนิสิงเห ของหลวงพ่อพรหม แห่งวัดขนอนเหนือ จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙
    ผงพุทธคุณ หลวงพ่อเชิญ วัดโคกทอง จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙
    ผงปถมัง หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔
    ผงไตรรัตน์ กับพงอาการ ๓๒ ของหลวงพ่อชื่น วัดญาณเสน จ.อยุธยา ได้มาเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓
    ผงพุทธคุณหลวงพ่อสัมฤทธิ์ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
    ผงโสฬสมงคล ของหลวงพ่อถก จ.กาญจนบุรี ได้มาจากท่านอาจารย์นิวัฒน์ (พระมหานิวัฒน์ ญาณสมปนโน) ได้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๐
    ผงพรายกุมาร หลวงพ่อทิม อิสรโก วัดระหารไร่ ได้เมื่อปี ๒๕๑๙
    ผงพุทธคุณของหลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท ที่ได้เก็บสะสมไว้โดยท่านพระอาจารย์สมุห์ภาสน์เองครั้งยังเป็นสามเณรรับใช้หลวงพ่อกวย อยู่ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ – พ.ศ. ๒๕๒๐
    ผงนางดาราฯ จ.นครศรีธรรมราช ได้จากท่านอาจารย์วัชรินทร์
    แร่ปรอททองคำ ได้จากผู้เฒ่าที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๘
    ผงดินกากยายักษ์และผงว่าน ๑๐๘ จากจังหวัด นครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๒๘
    ผงพุทธคุณของหลวงพ่อคง ธมมโชโต วัดบางกระพ้อม
    ผงงากำจักกำจาย ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ณ ที่เขาใหญ่
    ผงมหาราชของหลวงพ่อหยิบ วัดหน้าพระเมรุ จ.อยุธยา ได้จากพระอาจารย์หนู วัดเชิงท่า ลพบุรี
    ผงพราวดี มีอายุเป็นพันปี ได้มาจากพระคำ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑
    ผงจากกรุวัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ
    ผงของหลวงพ่อบุญสิน วัดปลายคลองพลิ้ว จ.จันทรบุรี ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑
    ผงพุทธคุณของหลวงพ่อชม วัดอินทาราม จ.ชัยนาท
    ผงเมาลี ของหลวงพ่อโต วัดอินทรารามมหาวิหาร กรุงเทพฯ
    ผงของหลวงพ่อเปี่ยว วัดเกาะหลัก ได้มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๓
    ผงพุทธคุณหลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์ จ.ชัยนาท
    ผงของหลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี
    ผงของหลวงพ่อมี วัดเขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
    แป้งเสกของหลวงปู่บุดดา วัดกลางเจริญศรี จ.สิงห์บุรี และผงยาเส้นของหลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ รวมทั้งผงจากวัดอื่นๆ เกจิอาจารย์ทั้งหลายจนครบ ๓๕๐ อาจารย์
    พระอาจารย์ สมุห์ภาสน์ มงคลสงโฆ ศิษย์เอกของหลวงพ่อกวย ชุตินธโร ผู้บุกเบิกสร้าง วัดซับลำไย จนมีที่ดินของวัดเกือบร้อยไร่ สร้างวิหารถวายหลวงพ่อกวย ผู้เป็นอาจารย์ จนใกล้เสร็จ และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล จนได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หมุนหลาย ๆ อย่าง และด้วยความกตัญญูในครูบาอาจารย์ หลวงปู่หมุน ที่พระอาจารย์ให้ความเคารพมาก ในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๔๓ ที่วัดซับลำใยจะได้ทำพิธีเททอง เบิกฤกษ์ สร้างรูปหล่อหลวงปู่หมุน เท่าองค์จริงขึ้น พร้อมสร้างพระกริ่ง วัตถุมงคลอื่น ๆ ในเอกลักษณ์ของหลวงปู่หมุน ตามที่หลวงปู่หมุน ท่านได้กล่าวกับพระอาจารย์สมุห์ภาสน์ ผู้เป็นศิษย์ก่อนสร้างวัตถุมงคล รุ่น มหาสมปรารถนาว่า……

    “ นี่คุณสมุห์ภาสน์ ฉันจะอนุญาตให้คุณ ได้สร้างวัตถุมงคลของฉัน เพราะฉันเห็นแก่คุณสมุห์ฯ ที่สร้างวิหารเทิดพระเกียรติยังไม่เสร็จ อีกอย่างคุณสมุห์ฯ อยู่เบื้องหลังสร้างพระให้คนอื่นเขาสำเร็จมามากแล้ว ถึงตัวเองบ้างก็ยังไม่ทำอะไรขึ้น ”


    หลวงปู่หมุน กล่าวเมื่องานยกช่อฟ้า วิหารที่วัดซับลำใย ซึ่งในตอนนั้น พระอาจารย์สมุห์ภาสน์ ก็ได้กราบเรียนหลวงปู่หมุน ไปว่า “หลวงปู่ขอรับ กระผมไม่มีเงินทุนพอที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลต่าง ๆ ตามที่หลวงปู่เมตตาแนะนำให้เลยขอรับ “มีซิฉันจะให้เธอสมปรารถนาทุกอย่างนั่นแหละ” < หลวงปู่หมุนกล่าวอย่างมั่นใจ> และนี่คือเป็นที่มาของการจัดสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล พระผู้มีประกาศิตต่าง ๆ ในตัวท่านซึ่งก่อนจะถึงวันในพิธีทุกอย่างก็ราบเรียบทุกประการ สมดั่งคำกล่าวของหลวงปู่หมุนทุกประการท่านเป็นพระอริยะสงฆ์ผู้มีวาจาสิทธิ์จริงๆ ครับผม

    วาจาสิทธิ์อีกประการของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขาร ซึ่งลูกศิษย์และชาวบ้านต่างจดจำได้ติดหู คือ…” ของๆ ฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะ หมุนโชค หมุนลาภ ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมาอาชีพใดก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายๆ เท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณที่ประจุลงไป ด้วยพลังจิตอันเข้มขลังของฉัน ย่อมเป็น หนึ่งบ่เป็นสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระ ที่ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อ ลือนาม ลือเรื่องถึงเมืองแมน ”

    หลวงปู่หมุน ท่านกำเนิดเมื่อ พศ. ๒๔๓๗– ๒๕๔๖ อายุยืนถึง ๑๐๙ ปี พระเครื่องของท่านออกมา ช่วงบั้นปลายชีวิต ในปี พศ. ๒๕๔๒ – ๒๕๔๕ จึงดูเหมือนเป็นพระเครื่องใหม่ อายุพระไม่เกิน ๑๐ ปี ความนิยมในท้องตลาดพระเครื่อง ยังมีไม่มาก มีเฉพาะกลุ่มลูกศิษย์ที่เคารพศรัทธา แต่ก็มีแนวโน้มกลุ่มลูกศิษย์มากขึ้น จากปากต่อปากของผู้บูชาพระเครื่องหลวงปู่ ที่พบประสบการณ์เหนือธรรมชาติ

    สาเหตุที่ท่านอนุญาติให้สร้างพระเครื่อง ในช่วงบั้นปลายชีวิตนั้น เพราะยุคแรก ๆ นั้น ท่านใช้เวลาส่วนใหญ่ ในการออกธุดงค์ไปในป่าดงดิบ และธุดงค์ไปแดนพุทธภูมิ ในต่างประเทศ หลายสิบๆ ปี จึงไม่ได้ทำวัตถุมงคลออกมาเพื่อให้ชาวบ้านบูชาไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้เป็นคนดีมีศีล และรวมถึงหารายได้มาสร้างวัดซ่อมอุโบสถ บำรุงเสนาสนะให้ดำรงคงอยู่ สืบสานวัฒนธรรมประเพณี อันดีงามในแผ่นดินสยาม วัดวาอาราม เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้คนรุ่นหลัง ได้กระทำแต่ความดี ละความชั่ว และขัดเกลาจิตใจคนรุ่นใหม่ ให้อ่อนโยน มีเมตตาธรรม สร้างสรรค์สังคม หลีกเลี่ยงพฤติกรรม สร้างเสื่อมสังคม.. หากไม่มีวัด ก็ไม่มีพระ หากไม่มีพระ คนรุ่นใหม่ก็ย้าย ศาสนาไปเป็นคริสต์จักรกันหมด แล้วพุทธศาสนาก็จางหายไปตามกาลเวลา..

    หลวงปู่หมุน ท่านไม่ยึดติดลาภยศสมณศักดิ์ ท่านเป็นพระสงฆ์ สายพระป่าที่เคร่งกรรมฐานอย่างแท้จริง ท่านใดที่มองหา พุทธคุณทางด้านอิทธิปาฎิหาริย์, แคล้วคลาด อายุยืน, โชคลาภเสริมดวง และเมตตาบารมี ที่สามารถสัมผัสพุทธคุณในพระเครื่องได้ เป็นความเชื้อส่วนบุคคล จนกว่าท่านจะได้..

    คำอาราธนา บูชาหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล
    ท่องนะโม ๓ จบ แล้วภาวนาว่า
    หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล มะ อะ อุ
    หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล อุ อะ มะ
     
  11. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    รายการที่ 5 พระสมเด็จแหวกม่านหลังแม่ธรณี เนื้อผงพุทธคุณ 350 คณาจารย์ หลวงปู่หมุน ออกวัดซับลำใย ปี พศ.2543

    บูชาองค์ละ 2,000 บาท
    มีจำนวน 3 องค์เท่านั้น

    รุ่นเดียวกับที่ผมเคยแจกผู้ร่วมทำบุญ ช่วยชาวเนปาล ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวครับ

    องค์ที่ 1
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2015
  12. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    องค์ที่ 2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    องค์ที่ 3
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. basket

    basket เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +136
    พระสมเด็จแหวกม่านหลังแม่ธรณี เนื้อผงพุทธคุณ 350 คณาจารย์ หลวงปู่หมุน ออกวัดซับลำใย ปี พศ.2543
    จององค์ที่ 1 ครับ
     
  15. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    พระสมเด็จแหวกม่านหลังพระแม่ธรณี หลวงปู่หมุน
    เหลืออีก 2 องค์ครับ องค์ที่ 2 และองค์ที่ 3 ครับ
     
  16. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    รายการที่ 6 เหรียญหล่อโบราณ รุ่น สมปรารถนา หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ เนื้อเงิน หมายเลข 327 สร้าง 444 เหรียญสวยมีเสน่ห์ หายากครับ

    เปิดราคาจอง 2,999 บาทครับ แบ่งกันไปบูชา

    รายการนี้ลดเหลือ 2,500 บาทครับ

    เหรียญหล่อโบราณ หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา


    -"รุ่นสมปราถนา ปี2557"
    -เนื้อเงิน
    -จำนวนสร้าง 444 เหรียญ
    -ตอกโค๊ด, ตอกเลข...๓๒๗


    -เหรียญ " รุ่นสมปราถนา "จัดสร้าง 2แบบคือแบบเหรียญหล่อและเหรียญปั๊มมังกรคู่ โดยเหรียญหล่อออกแบบได้สวยงามมาก จำนวนการจัดสร้างรุ่นนี้ถือว่าน้อยมาก ต่อไปจะหายากยิ่ง
    ***รายละเอียดในการจัดสร้างเหรียญหล่อโบราณ”รุ่นสมปรารถนา”ผลงานการแกะบล็อกโดย ช่างภิ***
    1.เหรียญหล่อโบราณ เนื้อทองคำ จำนวนจัดสร้าง 59 เหรียญ
    2.เหรียญหล่อโบราณ เนื้อเงิน จำนวนจัดสร้าง 444 เหรียญ
    3.เหรียญหล่อโบราณ เนื้อเหล็กน้ำพี้ จำนวนจัดสร้าง 666 เหรียญ
    4.เหรียญหล่อโบราณ เนื้อนวะโลหะจำนวนจัดสร้าง 1,111 เหรียญ
    5.เหรียญหล่อโบราณ เนื้อทองระฆังแช่น้ำมนต์ จำนวนจัดสร้าง 1,499 เหรียญ
    6.เหรียญหล่อโบราณ เนื้อทองแดงเถื่อนแช่น้ำมนต์จำนวนจัดสร้าง 2,599 เหรียญ

    วัตถุประสงค์: เพื่อนำรายได้ถวายหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เพื่อสมทบบูรณะวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
    เพื่อสมทบทุน การก่อสร้างหลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ณ วัดบุไผ่(วัดบ้านไร่ 2) จ.นครราชสีมา
    เพื่อนำรายได้สมทบทุนการก่อสร้างห้องสมุดดรงเรียนวัดหนองโพธิ์ จ.นครนายก

    วัตถุมงคล" รุ่นสมปราถนา "พิธีพุทธาภิเษก ณ.อุโบสถ วัดบ้านไร่ วันพฤหัสที่ 24 เมษายน2557 เวลา 13:09 น. ประธานฝ่ายสงฆ์...พระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่
    ประธานฝ่ายฆราวาส...พ.อ.พิเศษ ประยุทธ์ สุขวัฒน์ จุดเทียนชัย...โดย พระครูอนุวัฒน์ ชินวงศ์ (หลวงพ่อจอย) วัดโนนไทย จ.นครราชสีมา
    พระเกจิ ร่วมอฐิฐานจิต
    พระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
    พระครูอนุวัฒน์ ชินวงศ์ (หลวงพ่อจอย) วัดโนนไทย จ.นครราชสีมา
    พระสมาจารวิมล (หลวงพ่อชา) วัดมิตรภาพวราราม จ.นครราชสีมา
    พระครูวิภัชธรรมสาร (หลวงพ่อแช่ม ) วัดสำนักตะคร้อ จ.นครราชสีมา
    หลวงพ่อคูณ วัดบัลลังล์ จ.นครราชสีมา
    พระอาจารย์แดง สำนักสงฆ์บ้านไร่ จ.นครราชสีมา
    หลวงพ่อทวี วัดระกาย จ.นครราชสีมา
    หลวงพ่อทอง สุทธฺสีโล วัดพระพุทธบาทเขายายหอม จ.ชัยภูมิ
    พระครูสาทรสันติวัฒน์ (หลวงพ่อเขียว) วัดอุดรธานี จ.นครนายก
    หลวงพ่อเสงี่ยม วัดสุวรรณเจดีย์ จ.อยุธยา
    -พุทธคุณทุกด้าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2015
  17. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    รายการที่ 7 สมเด็จโต ด้านหลังยันต์พุทธเกษตร ลพ.กัสสปมุนี

    วัดปิบผลิวนาราม อ.บ้านค่าย ระยอง


    ราคา 6,400 บาท

    รายการนี้ลดเหลือ 6,000 บาทครับ

    พระสวยและหายากมากครับ

    วันเสาร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๗ คณะของหลวงพ่อกัสสป ฉันอาหารเช้าแล้ว ได้เวลา ๙.๐๐ น. จึงพาพวกอุบาสกและอุบาสิกาออกเดินทาง ไปยังสถานีเนาก้า เพื่อไปยังสวนป่าลุมพินีวันในแคว้นเนปาล อันเป็นสถานที่พระบรมศาสดาทรง ประสูติ ถึงสถานีเนาก้าเวลา ๑๑.๐๐ น. แต่เจ้ากรรมแท้ๆ ... ที่พนักงานรถไฟแขกอินเดียมันมักง่าย ตัดรถตู้คณะของหลวงพ่อกัสสปมุนีออกปล่อยทิ้งไว้ อยู่ห่างจากตัวสถานีเกือบสามร้อยเมตร ตรงที่รถตู้ถูกตัดออกนี้เป็นที่ลาดต่ำกว่าที่ตั้งสถานี และห่างจากที่รถบัสจอดเกือบครึ่งกิโลเมตร


    ในคณะแสวงบุญของหลวงพ่อ มีอุบาสิกาอยู่ในวัยชราหลายคนจะต้องเดินไกล ทั้งตัวรถตู้ก็สูง บันไดก็ยิ่งลอยสูงขึ้นไปด้วย เพราะรถถูกตัดทิ้งไว้ในที่ลาดต่ำ แม้แต่ผู้ชายที่แข็งแรงอย่างนายเอื้อ บัวสรวง ก็ยังต้องเกร็งข้อโหนตัวลอยขึ้นไป ยิ่งเป็นพระ เป็นผู้หญิงยิ่งทุลักทุเลใหญ่ ทำให้นายสุวรรณ เจามหาสุข ผู้อำนวยการเดินทางในครั้งนี้ และนายเอื้อ บัวสรวงโมโหมาก ปัญหาจึงมีอยู่ว่า จะทำอย่างไรจึงจะให้ตู้รถแล่นขึ้นไปจอดบนชานชาลาเหนือสถานีได้

    ในที่สุดปรึกษาตกลงกันได้ว่า ให้คณะแสวงบุญที่ขึ้นไปก่อนลงมาจากรถเพื่อให้รถเบาขึ้น แล้วจ้างพวกแขกสองสามคน และเด็กแถวนั้นให้ช่วยกันดันรถ แต่เมื่อทำดูแล้วรถไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย เพราะตู้รถไฟใหญ่กว่าตู้รถไฟในบ้านเมืองเรามาก มีน้ำหนักเป็นตันๆ และจะต้องดันให้เคลื่อนขึ้นที่สูงเสียด้วย มันต้องใช้ช้างสารฉุดถึงจะเขยื้อนขึ้นไปได้
    ตอนนี้นายเอื้อ บัวสรวงเห็นหมดหนทางที่จะพึ่งแรงคน จึงคิดจะพึ่งแรงบารมีของพระเสียแล้ว จึงได้หันมาอาราธนาขอร้อง อาจารย์วิริยังค์ (ท่านเจ้าคุณญาณวิริยาจารย์) ช่วยให้รถเคลื่อนด้วยอานุภาพที่ท่านมีอยู่ เพราะมองไม่เห็นใครที่จะช่วยได้ ก็ต้องพึ่งพระกันบ้าง
    ท่านพระอาจารย์วิริยังค์ ได้เข้าไปยืนข้างตู้รถไฟภาวนาอยู่สักครู่ก็ทำท่าดัน แล้วบอกให้ทุกๆ คนช่วยกันดันรถ แต่ดันเท่าไหร่ๆ รถก็ไม่มีทีท่าจะเขยื้อน

    นายเอื้อจึงได้หันมาอาราธนาท่านเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัด ยะลา ท่านเจ้าคุณเจ้าคณะอำเภอยะลาและหลวงพ่อทิมวัดช่างไห้ ขอให้ช่วยแสดงอานุภาพทำให้ตู้รถไฟเคลื่อนที่ แต่ท่านทั้งสามองค์ก็ตอบตรงๆ ว่าไม่ได้ฝึกมาทางนี้ คือไม่ได้ฝึกทางอภิญญา สุดท้ายนายเอื้อ บัวสรวงหมดหนทางอับจนปัญญา จึงได้ขอร้องให้ หลวงพ่อกัสสปมุนี ช่วยด้วย

    “ยังเหลือแต่หลวงพ่อกัสสป องค์เดียวเท่านั้น ผมเชื่อว่าคงจะไม่สิ้นหวังเสียทั้งหมด”
    นายเอื้อ บัวสรวง พูดค่อนข้างเสียงดังเปิดเผย พลางพนมมือนอบน้อม หลวงพ่อกัสสป จึงเอ่ยว่า
    “ทำไมมาเจาะจงอาตมา ก็ท่านเหล่านั้นยังรับไม่ไหว แล้วอาตมาภาพจะรับได้ยังไง”
    นายเอื้อ บังสรวง ได้ยืนกรานว่า
    “ถึงอย่างนั้น ก็ขอให้หลวงพ่อเห็นแก่ญาติโยมผู้หญิง และคนแก่ เถอะครับ ที่จะต้องโหนตัวขึ้นรถ”ว่าแล้วก็ไหว้อีก หลวงพ่อกัสสปเห็นนายเอื้อมีความมั่นใจเช่นนั้น จึงจำเป็นต้องช่วยสงเคราะห์ จึงบอกเบาๆ ว่า
    “โยมบอกพวกนั้นให้ดันรถพร้อมๆ กัน พอเห็นอาตมาเดินขึ้นหน้ารถก็ดันเลย”

    นายเอื้อก็รับคำเตรียมอยู่ข้างตู้รถไฟ จากนั้นหลวงพ่อกัสสป ก็เดินขึ้นไปทางริมรั้วสถานี ครั้นพอถึงหน้ารถตู้ นายเอื้อก็ร้องบอกให้พวกนั้นดันรถ เสียงรถเคลื่อนดังครืด แล่นตามหลังหลวงพ่อกัสสปมาได้หน่อยหนึ่ง หลวงพ่อกัสสปจึงยื่นไม้เท้าให้นายเอื้อจับปลายไว้ นายเอื้อเอื้อมมือขวามาคว้าปลายไม้เท้าไว้ ส่วนมือซ้ายจับอยู่ที่ราวบันไดรถ หลวงพ่อจับหัวไม้เท้าไว้ข้างแล้วจูงนำหน้า เท่านั้นเอง ตู้รถไฟอันใหญ่โตหนักอึ้ง ก็แล่นปราดๆ ขึ้นไปตามรางสู่สถานีอย่างง่ายดายน่ามหัศจรรย์ สร้างความตะลึงงันให้แก่ญาติโยมอุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายที่ได้เห็นเหตุการณ์ ดังกล่าวต่อหน้าต่อตา สุดที่จะกล่าวพรรณาเป็นอักษรภาษาใดๆได้

    นับว่าหลวงพ่อกัสสปได้ฝังรากความมั่นใจให้แก่นายเอื้อ และญาติโยมในที่นั้นว่า อานุภาพของพุทธศาสนานั้น เป็นของมีจริง ที่พระสาวกของพระพุทธองค์ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ เมื่อถึงคราวจำเป็น หรือวาระอันสมควรจะพึงแสดงคณะแสวงบุญทัศนาจร ได้ท่องเที่ยวไปชมสถานที่ สำคัญๆ นอกเหนือจากสังเวชนียสถานทั้งสี่แห่ง แล้วอีกหลายแห่ง จนฉ่ำชื่นใจสมปรารถนาทั่วหน้ากัน จากนั้นก็ได้ถึงวันเวลาที่จะต้องแยกทางจากกัน โดยหลวงพ่อกัสสปได้แยกทาง ลงที่เมืองปัตนะ (เมืองปาตลีบุตร ครั้งพุทธกาล) เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๗ เพื่อจะได้จาริกท่องเที่ยวไปตามลำพัง สององค์กับพระวิเวกนันทะ

    มีบันทึกเก่า ระบุว่า เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2524 มีศิษย์ท่านหนึ่งกราบเรียนถามหลวงพ่อกัสสปมุนีว่า ตอนที่หลวงพ่อใช้พลังจิต
    "ลากรถไฟขึ้นเขาที่อินเดีย"นั้น หลวงพ่อทำอย่างไร.Huh?

    หลวงพ่อกัสสปมุนีตอบว่า
    "ใช้การรวมพลังเข้ามาเป็นหนึ่ง และออกเดินนำหน้าทันที ไม่เหลียวหลัง ไม่ใช่อิทธิวิธี หากเป็นการใช้"อาโลกสิน"(แสงสว่าง,ความว่าง)
    ดึงรถไฟขึ้นไป"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2015
  18. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    รายการที่ 8 ตะกรุดหนังควายตายพราย ครูบาชุ่ม วัดวังมุ่ย จ.ลำพูน

    ราคา 1,900 บาท มี 1 องค์

    ขายแล้วครับ

    ตะกรุด หนังควายเผือกตายพราย ครูบาชุ่ม โพธิโก เข้มขลัง (ยาว 4 ซม.)

    สวยสมบูรณ์น่าใช้เป็นที่สุด ตามตำรากล่าวว่า การที่ทำตะกรุดหนังควายนั้น หนังควายต้องได้มาจากลูกควายเผือกตายทั้งกลม แต่เขาของลูกควายต้องไม่ทะลุท้องแม่ควาย และครั่งที่นำมาพอกต้องครั่งพุทราที่ได้มาจากกิ่งของต้นพุทราที่ชี้ไปทางทิศ ตะวันออกครับ

    ดอกนี้หนังควายม้วนพันรอบแผ่นทองแดงชัดๆครับ จึงหมดข้อกังขาหนังหรือไม่หนัง ที่สำคัญดูง่ายครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2015
  19. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    รายการที่ 9 พระภควัมบดี (ปิดตา-ป่าตึง) หลวงปู่หล้า วัดป่าตึง


    ที่ระลึกร่วมทำบุญกับคณะศิษย์พรหมรัศมีโพธิโก
    มวลสารเยอะมาก ถ้าเป็นศิษย์คณะนี้จัดสร้าง

    ราคา 650 บาท

    จองแล้ว


    หลวงปู่หล้า หรือ พระครูจันทสมานคุณ วัดป่าตึง จ.เชียงใหม่ ในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่กล่าวกันว่า.......หลวงปู่ท่านมีญาณวิเศษสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ทำให้ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า.....หลวงปู่หล้า ตาทิพย์

    ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ย.2441 ที่บ้านปง ต.ออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ตอนเมื่อหลวงปู่อายุได้ 8 ขวบ โยมมารดาก็นำไปฝากไว้กับครูบาปินตา เจ้าอาวาสวัดป่าตึง ให้เป็นเด็กวัด ท่านจึงได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนหนังสือเป็นครั้งแรกกับครูบาอินตา พออายุได้ 11 ขวบ ก็ได้บวชเป็นสามเณร จนกระทั่งอายุ 18 ปี จึงเดินทางไปจำพรรษาอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อเรียนนักธรรมที่วัดเชตุพน อยู่เพียง 1 ปียังไม่ทันสำเร็จ ก็ต้องเดินทางกลับวัดป่าตึง เพื่อไปปรนนิบัติครูบาปินตาที่ชราภาพ

    จนกระทั่งล่วงเข้าปี พ.ศ.2467 ครูบาปินตาก็มรณภาพด้วยวัย 74 ปี ซึ่งในขณะนั้นหลวงปู่หล้าอายุได้ 27 ปี จึงต้องเข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าตึง ต่อจากครูบาปินตา เมื่อá
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2015
  20. หนุ่ม36

    หนุ่ม36 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +3,463
    รายการที่ 10 พระปิดตา มหามงคล
    หลวงพ่อเปิ่น หลวงพ่อแช่ม วัดธรรมศาลา นครปฐม


    กล่องเดิม มี 1 องค์

    ราคา 450 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...