***แชร์เรื่องเล่า ประสบการณ์ ญาณบารมีหลวงปู่เทพโลกอุดร***

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พุทธวงค์168, 26 สิงหาคม 2015.

  1. พุทธวงค์168

    พุทธวงค์168 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +968
    อมตะเถราจารย์ผู้ยิ่งใหญ่หลวงปู่ใหญ่(หลวงปู่เทพโลกอุดร) กับ "อ.แม่ ดร.นงนุช สุระเสน"

    ข้อมูลบ่างส่วนของท่านครับจากเวปลานธรรมจักร
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=43182

    รักษาโรคผ่านญาณหลวงปู่เทพโลกอุดร "อาจารย์ ดร.นงนุช" ยอดหมอญาณทิพย์

    นงนุช คนมีญาณที่จะนำเสนอต่อไปนี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นผู้มีญาณที่น่ายกย่องและน่าชื่นชมในปณิธานในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างมุ่งมั่น ด้วยญาณทิพย์จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มอบให้มาช่วยรักษาโรคให้กับผู้เจ็บป่วยจากสารพัดโรค โดยไม่เรียกร้องค่ารักษาเลย

    เรื่องราวของ อ.ท่านนี้หากคุณได้รับรู้แล้ว คุณจะทึ่งและจะรักเธออย่างมากกับชีวิตที่พลิกผันแบบสุดขั้ว

    คุณเชื่อหรือไม่ว่า อ.คนนี้ประสบความสำเร็จทางโลกมากมาย เป็นถึง ดอกเตอร์ จบปริญญาเอก และเธอเคยเป็นนักธุรกิจระดับร้อยล้านมาแล้ว เคยเป็นมหาเศรษฐีที่มีรายได้เดือนละร้อยกว่าล้านบาท มีบ้านหรูหรา ซื้อบ้านให้พี่น้องชองเธอทั้ง 7 คน ให้คนละหลัง เธอมีชีวิตที่ใครต่อใครใฝ่ฝันอยากจะเป็น อยากจะมี แต่ด้วยหลักแห่งอนิจจัง ชีวิตคนเราอยู่ภายใต้ความไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีขึ้นย่อมมีลง จากนักธุรกิจโทรคมนาคมร้อยล้าน ที่ดำเนินธุรกิจติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารจากเมืองนอกให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศมากมาย จะต้องผันชีวิตตัวเองสู่ทางธรรมโดยที่มีหนี้สินต้องชดใช้มหาศาล

    ขอแนะนำให้รู้จัก “อาจารย์ ดร..นงนุช”

    ชีวิตของ อ.นงนุช น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเรื่องราวของแกเป็นทั้งอุทาหรณ์สอนใจให้คนที่คิดว่าหากชีวิตมีทุกอย่างเพียบพร้อมแล้วชีวิตจะมั่นคงตลอดไป และเป็นทั้งแรงบันดาลใจให้คนที่หมดสิ้นทุกอย่างในชีวิตสามารถเริมต้นใหม่ได้เสมออยู่ที่ใจจะสู้หรือเปล่า

    ผมได้รู้จักกับ อ.นงนุช จาก อ.มีญาณ และ เพื่อนสมาชิกในเว็บเรา ได้แนะนำผมให้ได้รู้จักโดยได้เกริ่นนำเรื่องราวของแกมาให้ผมรับรู้ ผมฟังแล้วน่าสนใจอย่างมากและตั้งใจจะเจอ อ.ท่านนี้ให้ได้ เพราะวิถีชีวิตก่อนจะมาเป็นผู้มีญาณทิพย์ช่วยรักษาโรคให้คน ชีวิตของ อ.น่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะ อ.ท่านได้รับญาณมาช่วยคนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลายท่านรู้จักกันดี คือ “หลวงปู่เทพโลกอุดร”

    ก่อนที่คุณจะได้อ่านเรื่องราวของ อ.นงนุช อยากให้ลองอ่านประสบการณ์ต่างๆ ของผู้คนที่ได้รับการรักษาจาก อ.นงนุช ก่อนดีกว่า
    .......................

    1. ลุงวิเชียรเป็นผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งที่หลอดคอและลามลงมาที่ปอดซึ่งได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกำแพงแสนเป็นเวลาหลายปี
    จนกระทั้งทางโรงพยาบาลให้ลุงวิเชียรกลับบ้านซึ่งตอนนั้นอาการหนักมาก ญาติมีความประสงค์จะให้มาเสียชีวิตทีบ้านพักและทุก
    คนต่างทำใจคงเป็นวาระสุดท้ายของลุงวิเชียร แต่เป็นโชคดีของลุงวิเชียรซึ่งมีบ้านพักอยู่ใกล้กับวัดแห่งนั้น จึงไปรักษากับ
    อ.นงนุช ที่รักษาลุงวิเชียรประมาณ 15 วัน อาการดีขึ้นตามลำดับ และอีก 1 เดือนต่อมา ลุงวิเชียรได้ไปโรงพยาบาลและหมอได้
    ตรวจเชื้อมะเร็ง ปรากฏว่าไม่พบเชื้อมะเร็งอยู่ในร่างกาย

    2. คุณโสภา ลอยหา
    รับราชการอยู่ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ป่วยเป็นโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชล
    ประทานมาหลายปีจนกระทั้งแพทย์ที่รับการรักษาแนะนำให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเนื่องจากเกิด
    สภาวะคอพอกเพิ่มขึ้นและเริ่มมีอาการตาโปน ต่อมเริ่มทำงานแปรปรวน เริ่มมีอาการทางจิตเกิดความเครียดและวิตก
    กังวลบางครั้งเคยคิดฆ่าตัวตาย แต่โชคดีได้มีโอกาสให้ อ.นงนุช รักษา ยู่ประมาณ 15 วัน และอีก 1
    เดือนต่อมาได้ไปให้แพทย์ที่โรงพยาบาลตรวจ ผลการตรวจปรากฏว่าสภาวะของเลือดอยู่ในระดับปกติ
    อาการคอพอก ตาโปน เข้าสู่สภาวะเดิม และคุณโสภา ฝากบอกอีกว่า อ.ได้ให้สมุนไพรอันวิเศษรักษาสิวฝ้าและไม่ให้ผมงอก ซึ่งได้ผลอย่างดีเยี่ยม

    3. แม่ชีดา บวชอยู่ที่วัดไร่แตงทอง(หลวงปู่หลิว) เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต แขนและขาด้านซ้ายไม่มีแรงและ
    ได้มาให้หลวงปู่รักษาประมาณ 1 เดือน แขนและขาเริ่มมีแรง และเริ่มใช้งานได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็น ของแขนขาด้านปกติ

    4. เด็กหญิงแอนพิการซ้ำซ้อน พูดไม่ได้ ไม่ได้ยินเสียง จะอยู่ไม่นิ่งอยู่ตลอดเวลา ทำร้ายพ่อแม่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
    ได้มีโอกาสให้ อ.นงนุช รักษาประมาณ 1 สัปดาห์ มีอาการสงบลงกว่าเดิมประมาณ 50 เปอร์เซ็น สามารถเปล่งเสียงได้ชัดเจนขึ้น

    5. ร.ต.ต. อำนาจ ป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโต แพทย์นัดอีก 2 เดือนผ่าตัด และได้ให้ อ.นงนุช รักษาประมาณ 1
    เดือน แล้วไปให้แพทย์คนเดิมตรวจ ผลปรากฏว่า ต่อมลูกหมาก มีอาการปกติ ไม่ต้องผ่าตัด

    6. นายศิลป์ สูบบุรี่วันละ 2 ซอง เป็นเวลาหลายสิบปี เจ้าตัวต้องการเลิกสูบบุหรี่ ได้มาหา อ.นงนุช ให้ช่วยรักษา
    อ.ได้รักษาอยู่ 3 สัปดาห์ นายศิลป์เลิกบุหรี่ได้โดยเด็ดขาด

    7. อ.สังวาลย์ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จังหวัดลพบุรี ติดสุรา จะต้องดื่มทุกวัน วันละ 1 กลม มาเป็นเวลา
    หลายสิบปี ได้ให้หลวงปู่รักษา อยู่ประมาณ 1 เดือน และสามารเลิกดื่มสุราได้โดยเด็ดขาด

    และ อ.นงนุชบอกว่า หลวงปู่ให้ช่วยคนที่ติดสิ่งเสพติดทุกประเภท โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ต้องช่วยเหลือเป็นอันดับแรก
    ผู้ปกครองท่านใด ที่มีบุตรหลานติดสารเสพติด ติดเกมส์ ใหรีบพามารักษา

    8.นางสมพงษ์ สอนสันต์ เป็นคนจังหวัดสุรินทร์
    ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ค่าน้ำตาลอยู่ในระดับ 500 กว่า ตาเริ่มมองไม่เห็น นิ้วเท้าเน่าเปื่อย โรงพยาบาลที่รักษาอยู่บอกว่า
    หากไม่ดีขึ้นจะต้องตัดทิ้ง ได้มารับการรักษา 5 ครั้ง อาการทางสายตาปกติ นิ้วเท้าที่เน่าเปื่อยหายปกติ ค่าน้ำตาลลดเหลือ
    150 -200 เศษๆ แต่สิ่งที่ต้องปฏิบัติคือ ในการรักษาทางจิต โดยการสวดมนต์ ไหว้พระ เจริญกรรมฐาน ในการรักษาทางกาย
    โดยเลือกรับประทานอาหารที่เน้นผัก/ผลไม้ ลดอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ และออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย

    9. คุณธนวัต นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ปีที่ 2 มีอาการปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้าอยู่ตลอดเวลา
    ผิวหน้าหยาบกระด้างคล้ายกระดาษทรายเบอร์ 0 รักษาแพทย์แผนปัจจุบัน จากโรงพยาบาลชื่อดัง 3 ปีเศษ อาการดังกล่าวยังไม่หาย
    จนกระทั้งมีโอกาสได้มาพบ อ.นงนุช ท่านเมตตารักษาให้ โดยบริกรรมน้ำมันมะพร้าวแล้วทาไปบนใบหน้า
    พร้อมกับเป่าทั่วบนใบหน้า 3 ครั้ง อาการปวดแสบปวดร้อนหายไปและผิวหน้าที่หยาบกระด้างกลับคืนสู่สภาพผิวปกติเหมือนคนทั่ว ๆ ไป

    10. ดร.ขัตติยา ด้วงสำราญ เป็นผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนนทบุรี และเป็นอาจารย์พิเศษสอนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ท่านอาจารย์เล่าให้ฟังว่า ปกติท่านจะเป็นคนผิวแห้งมาก ๆ โดยเฉพาะใบหน้าจะดำกร้าน มีรอยเหี่ยวย่นมาก ถึงแม้จะใช้ครีมบำรุงยีห้อดัง ๆ ราคาแพง ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต่อมาได้พบกับดร.นงนุช โดยบังเอิญ ซึ่งจะต้องประชุมร่วมกัน (ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน) ได้มีโอกาสพูดคุยกับดร.นงนุช ท่านเห็นใบหน้าดำกร้าน ท่านจึงให้น้ำสมุนไพรมา แต่ลืมถามว่าให้ไปทำอะไร เลยเอาไปล้างหน้าและอาบโดยผสมในอ่างน้ำ (กลิ่นหอมมาก ๆ ค่ะ) 1 เดือนผ่านไป ผิวที่เคยดำกร้านและเหี่ยวย่นกลับสู่ความเรียบเนียนและชุ่มชื่นอย่างอัศจรรย์

    ........

    รวบรวมข้อมูลและถ่ายภาพโดย รศ.ดร.วิทยา ตรีโลเกศ นักวิจัย
    ..........................

    นี่คือ case บางส่วนเท่านั้นครับ

    ประวัติคร่าวๆ อ.นงนุช ปัจจุบัน อายุ 53 ปี รับราชการเป็นผู้อำนวยการใหญ่สถาบันศึกษา จังหวัดนนทบุรี
    ผู้มีอัธยาศัยดีมาก ผมได้พูดคุยกับ อ.นงนุช รับรู้ได้เลยว่าแกเป็นคนที่มีจิตใจประเสริฐ เป็นกันเองและเป็นคนเข้าใจชีวิตอย่างมาก
    และมีปณิธานแรงกล้าที่จะอุทิศตนช่วยรักษาโรคให้คน โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ และ อ.ทานมังสวิรัติตลอดชีวิตด้วย

    ผมได้โทรไปหา อ.นงนุช และเป็น อ.รับสาย หลังจากพูดคุยทักทายกันผมก็ถามเข้าประเด็น

    รักไร้พ่าย : ชีวิตที่ผ่านมาของ อ.เป็นยังบ้างครับ

    อ.นงนุช : เอาตั้งแต่ตอนเด็กๆเลยนะคะ อ.เติบโตมาจากครอบครัวที่ยากจนค่ะ ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองมาตลอด
    คุณพ่อของ อ.ได้ออกบวชรับใช้พระพุทธศาสนา ส่วนคุณแม่ก็ออกบวชชี อ.สนใจปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เด็ก และ อ.
    มีพี่น้อง 7 คน ต้องช่วยกันหาเลี้ยงชีพ

    รักไร้พ่าย : ครับ รู้สึกยังไงบ้างครับกับชีวิตในวัยนั้น

    อ.นงนุช : จริงๆ อ.ต้องขอขอบคุณความยากจนนะคะ เพราะได้สอนให้ อ.รู้จักกับคำว่า อดทน
    และผลักดันให้เรารู้จักการต่อสู้ชีวิต และชนะอุปสรรคที่ขวางกั้น

    รักไร้พ่าย : ครับ น่ายกย่องมากเลยครับกับแนวคิดของ อ.

    อ.นงนุช : แต่ อ.โชคดีตรงที่ อ.คิดจะทำอะไร ก็จะสำเร็จได้ดังใจแทบทุกครั้ง

    รักไร้พ่าย : เพราะอะไรครับ

    อ.นงนุช : ทุกครั้งที่ อ.จะทำสิ่งใด จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้การช่วยเหลือค่ะ ตอนนั้นเราเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน

    รักไร้พ่าย : จากชีวิตที่ยากจนแล้ว อ.เริ่มต้นชีวิตนักธุรกิจยังไง

    อ.นงนุช : อ.รับราชการไปด้วยและทำธุรกิจไปด้วย อ.เริ่มทำงานกับบริษัทเกี่ยวกับติดตั้งอุปกรณ์ให้กับหน่วย
    งานของรัฐและเอกชน ทำมาเรื่อยๆจนได้เปิดบริษัทเป็นของตัวเองและดำเนินธุรกิจติดต่อสั่งซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศมา
    ติดตั้งให้กับหน่วยงานองค์กรต่างๆในประเทศ

    รักไร้พ่าย : โทษนะครับ ตอนนั้น อ.มีรายได้ประมาณเท่าไหร่

    อ.นงนุช : ก็เดือนละหลักร้อยล้านค่ะ

    รักไร้พ่าย : โอ้โห !! นี่เข้าขั้นเศรษฐีเลยนะนี่

    อ.นงนุช : ตอนนั้นเราประสบความสำเร็จมาก อ.ซื้อบ้าน ซื้อรถ และยังซื้อบ้านให้พี่น้องของ อ. 7 คน คนละหลังค่ะ

    รักไร้พ่าย : อึมๆ เป็นอะไรที่น่าทึ่งนะครับ จากชีวิตที่เคยยากจนมาก่อน แต่ อ.ใช้ความยากจน
    มาเป็นแรงผลักดันให้เกิดความความมุ่งมั่น จนมีวันที่หลายๆคนฝันว่าอยากจะมี แล้วยังไงต่อครับ

    อ.นงนุช : ตอนที่ อ.กำลังอยู่ในแวดวงธุรกิจ ก็เหมือนมีเสียงมาเตือน

    รักไร้พ่าย : เตือนว่าอะไรครับ

    อ.นงนุช : ท่านเตือนว่าให้เราเข้าสู่ทางธรรมได้แล้ว

    รักไร้พ่าย : เหรอครับ

    อ.นงนุช : ค่ะ แต่ตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจเรื่องนี้ เพราะ อ.ถูกหล่อหลอมจากกระแสธุรกิจ ให้เราต้องคิด
    ต้องวางแผน ต้องหากำไร วันนี้ต้องประชุมวางแผน พรุ่งนี้ต้องคอยสั่งฝ่ายการตลาดออกหาออเดอร์

    รักไร้พ่าย : คิดว่าชีวิตตอนนั้นสมบูรณ์แบบรึยัง

    อ.นงนุช : แม้ว่า อ.จะทำธุรกิจรุ่งเรือง แต่ ก็ทำบุญช่วยการกุศลมาตลอดเหมือนกันค่ะ

    รักไร้พ่าย : ครับ แล้วชีวิตครอบครัวหละครับ

    อ.นงนุช : อ.เคยมีแฟน มีคนรักแต่เขาอยู่ใกล้ อ.แล้วเขาจะร้อนไปหมดเลย

    รักไร้พ่าย : โอ้ เหรอ ครับ เพราะอะไร

    อ.นงนุช : อ.ก็ไม่รู้เหมือนกันในตอนนั้น มารู้ภายหลังว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์ไม่ต้องการให้ อ.
    ข้องแวะกับชีวิตครอบครัว เพราะวันข้างหน้า อ.มีหน้าที่ทางธรรมต้องทำจึงไม่อยากมีภาระทางโลกมาถ่วง เราคบกันมาได้ 3 ปี สุดท้ายก็แยกทางกัน

    รักไร้พ่าย : อ.มีลูกไหม

    อ.นงนุช : ไม่มีค่ะ

    รักไร้พ่าย : อ.อยู่บนเส้นทางของนักธุรกิจมากี่ปีครับ

    อ.นงนุช : 10 ปี ค่ะ

    รักไร้พ่าย : แล้วจุดเปลี่ยนที่ทำให้ อ. ต้องมาเดินทางสายนี้อย่างทุกวันนี้หละครับ

    อ.นงนุช : ตอนที่ธุรกิจของ อ.กำลังไปได้ด้วยดี หลานชายของ อ.ที่ เกิดปัญหา ถูกพวกมิจฉาชีพ
    พวกอันธพาลหลอกให้ไปเล่นการพนันจนเป็นหนี้สิน และพวกนั้นก็มารีดไถเงินจากเรา เขาเห็นว่าเรามีเงิน
    จากนั้นก็มอมยาหลานชายให้ติดยา แล้วมาเรี่ยไรเงินเราอีก อ.ต้องพาหลานชายออกมาจากวังวนเหล่านั้น
    และพาหลานไปรักษา อ.ใช้เวลาไปกับการช่วยหลายจนไม่มีเวลาไปดูแลธุรกิจ

    รักไร้พ่าย : อึมๆ

    อ.นงนุช : แต่ อ.คิดว่าธุรกิจไปของมันได้ เพราะเรามี MD ( ผู้บริหาร ) ถึง 3 คนมาบริหารงานอยู่แล้ว
    แต่ MD ที่เราจ้างมาทำงานแทนเรานี่แหละค่ะ เขาเล่นไม่ซื่อแอบยักยอกเงินบริษัทไป ตอนเราไม่อยู่

    รักไร้พ่าย : อ้าว เป็นซะงั้น เขายักยอกยังไง

    อ.นงนุช : เขาทำบัญชีให้ติดลบค่ะ เขาบริหารกัน 3 คนและแจ้งเราว่าบริษัทเจอภาวะขาดทุน
    และแจ้งบัญชีที่ติดลบ และเขาก็ยักย้ายเงินเข้าไปเป็นของตัวเอง

    รักไร้พ่าย : ตอนนั้น อ.รู้ไหม

    อ.นงนุช : มารู้ภายหลังค่ะ

    รักไร้พ่าย : แล้ว อ.จัดการกับเขายังไง

    อ.นงนุช : ก็ไม่ได้ทำอะไรค่ะ ก็แค่แยกทางกัน

    รักไร้พ่าย : เขายักยอกเงิน อ.ไป อ.ไม่โกรธเหรอ

    อ.นงนุช : คิดว่า ก็ช่างเขา อ.ก็ปิดบริษัทไป

    รักไร้พ่าย : โห เจอแบบนี้ไป อ.ยังใจดีกับพวกนั้น

    อ.นงนุช : อ.คิดดี ทำดี กับคนอื่นมาตลอดค่ะ อ.ไม่คิดอยากทำร้ายใคร

    รักไร้พ่าย : ครับ แล้วพอเจอแบบนี้ อ.ทุกข์ไหม

    อ.นงนุช : ทุกข์ค่ะ ทุกข์มากเลยค่ะ เพราะเราต้องเป็นหนี้หลายล้าน ต้องขายบ้านที่เราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง
    และย้ายไปอยู่แมนชั่นเดือนละ 4 พัน

    รักไร้พ่าย : แล้ว อ.ไปขอความช่วยเหลือจากพี่น้องไหม เพราะ อ.ก็เคยช่วยเหลือพี่น้องทุกคน

    อ.นงนุช : อ๋อ ไม่ค่ะ อ.ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้พี่น้องรู้ อ.ไม่อยากให้เขาเป็นห่วงค่ะ ไม่อยากให้เขาทุกข์ใจเพราะเรา
    อ.หาทางออกด้วยตัวเอง

    รักไร้พ่าย : จากที่มีรายได้เป็นร้อยล้านกลับมาเจอสภาพแบบนี้

    อ.นงนุช : ค่ะ ตอนนั้นเราหันหน้าเข้าหาธรรมะเป็นที่พึ่ง อ.ไปปฏิบัติธรรมตามวัดต่างๆประมาณ 2 ปี
    จนเราปฏิบัติลงลึกไปเรื่อยๆ จนเห็นสภาวะของรูป นาม ส่วนทางโลกก็หาเงินใช้หนี้ไปเรื่อยๆ

    รักไร้พ่าย : แล้ว MD 3 คนนั้น เขาเป็นไงบ้าง

    อ.นงนุช : ต่อมา คนนึงโดนยิงตาย คนต่อมาบ้านแตก อีกคนเส้นเลือดสมองแตก

    รักไร้พ่าย : โอ้โห เป็นผลกรรมที่ตอบสนอง ใครทำอะไรก็ได้ยังงั้น

    อ.นงนุช : อ.ไมได้โกรธพวกเขาเลย อ.อโหสิกรรมให้

    รักไร้พ่าย : น้ำใจ อ.ประเสริฐมากครับ

    อ.นงนุช : อ.คิดว่าเงินทองที่เสียไป เป็นแค่ของนอกกาย ยังไงเราก็หาใหม่ได้ เพราะชีวิตเราเกิดมายากจนมาก่อน
    เราแค่กลับไปอยู่ในสถานภาพที่เราเคยเป็นมาแต่เดิม

    รักไร้พ่าย : จากการปฏิบัติธรรม จนเชื่อมโยงมาถึงเรื่องครูบาอาจารย์และทางสายนี้ได้ยังไงครับ

    อ.นงนุช : วันนึง อ.ปฏิบัติธรรมอยู่ ก็ได้เห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งมาปรากฏต่อหน้าค่ะ

    รักไร้พ่าย : โอ้

    อ.นงนุช : ท่านได้โยนจีวรทั้งผืนพุ่งมาที่ตัว อ.ค่ะ แล้วจีวรใหม่ก็มาปรากฏคลุมตัวท่าน

    รักไร้พ่าย : แล้วไงต่อครับ

    อ.นงนุช : ท่านพูดกับ อ.ว่า

    เราคือ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” เจ้าต้องช่วยเหลือคน !!

    รักไร้พ่าย : แล้ว อ.รู้จักหรือเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนไหม

    อ.นงนุช : ไม่เคยเลยค่ะ อ.จำชื่อท่านไว้ และไป search หาชื่อนี้ใน google ก็รู้ว่าท่านคือพระสงฆ์ในตำนาน
    และเห็นรูปในเว็บ เหมือนกับที่เจอตัวจริงท่านเลย

    รักไร้พ่าย : รูปร่าง หน้าตาท่านเป็นยังไง

    อ.นงนุช : หน้าตาท่านเหมือนรูปในเว็บ และรูปร่างท่านคล้าย อ.นี่แหละ เท้าโต ลำตัว ไหปลาร้า ของ อ. กับองค์ท่านเหมือนกันเลย

    รักไร้พ่าย : โอ้ อัศจรรย์จริงๆ

    อ.นงนุช : พอคืนที่สองท่านก็มาอีก ท่านมาแสดงปาฏิหาริย์ พอคืนที่สาม ท่านพา อ.ไปดู สามโลก ท่านพากายทิพย์ของ
    อ.ออกไปยังโลกทิพย์ ท่านพามาห้องนึงที่มีสมบัติ เพชรนิลจินดา แก้วแหวนเงินทองมากมาย ท่านบอกให้
    อ.เลือกสมบัติเหล่านี้ตามใจชอบเอาไปให้ได้มากที่สุด

    รักไร้พ่าย : แล้ว อ.เลือกชิ้นไหน

    อ.นงนุช : อ.ไม่เลือกของเหล่านั้น อ.เดินออกมานอกห้อง เห็นกล่องไม้ห่อด้วยผ้าเก่าๆ อ.จึงเลือกห่อผ้านั้น

    รักไร้พ่าย : ทำไมไม่เลือกของมีค่าหละ

    อ.นงนุช : เพราะ อ.เห็นว่าของมีค่า เพชรนิลจินดานี่เองเป็นเพียงก้อนหินที่ร้อยรัดใจเราให้ต้องทุกข์ไปกันมัน
    ซึ่ง อ.เคยผ่านช่วงที่มีเงินทองของมีค่ามากมาย แต่ทำให้เราต้องทนทุกข์กับมัน อ.จึงเลือกเอาห่อผ้าและขอลาท่าน
    กลับมาโลกมนุษย์ พอกลับมาแกะห่อผ้าออกเป็นห่อสมุนไพร ท่านตามมาและบอกว่านี่คือสิ่งที่เจ้าเลือก เจ้าต้องรักษาคน
    หากเจ้าเลือกเพชรนิลจินดาในห้องนั้น มันจะสลายไปเป็นอากาศ เพราะท่านต้องการทดสอบใจของ อ.ว่า อยู่เหนือเงินทองหรือไม่
    ท่านจะทดสอบคุณสมบัติของเราว่าพร้อมจะเดินทางสายนี้หรือไม่

    รักไร้พ่าย : โอ้ ยังงี้นี่เอง

    อ.นงนุช : ปู่จะเชิญ เทวดาองค์อื่นมาช่วยสอน อ.ในการรักษาด้วย ทั้งฤาษี ทั้งเทวดาสายพระมากมาย

    รักไร้พ่าย : อ.ช่วยรักษาคนมานานรึยัง

    อ.นงนุช : ก็ 3 ปีแล้วค่ะ

    รักไร้พ่าย : แล้ววิธีรักษาของ อ.เป็นยังไง

    อ.นงนุข : เมื่อคนป่วยมาให้ อ.รักษาจะสัมผัสมือคนป่วยและหลับตา แล้วท่านจะมาช่วยรักษา

    รักไร้พ่าย : ท่านลงมาเลยเหรอ

    อ.นงนุช : ค่ะ ท่านจะมาคอยรักษาเอง อ.จะสัมผัสมือผู้ป่วยจะรู้เลยว่าเขาเป็นโรคอะไร

    รักไร้พ่าย : เขาไม่ต้องบอก อ.ก็รู้เหรอ

    อ.นงนุช : รู้ค่ะ รู้ว่าเขาเป็นโรคอะไร เกิดจากกรรมอะไร และทางแก้ ต้องแก้ยังไง

    รักไร้พ่าย : แล้วรักษาโรคอะไรได้บ้าง

    อ.นงนุช : ต้องบอกว่าทุกโรคเลยค่ะ

    รักไร้พ่าย : โอ้โห !! แล้วถ้าคนมาให้ อ.รักษากันเยอะมากๆ อ.จะรับไหวเหรอ

    อ.นงนุช : จะดูด้วยค่ะว่า คนที่จะรับการรักษาเขาเปิดใจไหม

    รักไร้พ่าย : เปิดใจยังไงครับ

    อ.นงนุช : ต้องไม่คิดลบหลู่วิชาครูอาจารย์ ดูว่าเขาสวดมนต์ไหว้พระมาก่อนไหม บางทีปู่จะเลือกเองค่ะว่า
    ควรจะรักษาคนไหนก่อน ปู่จะอยู่กับ อ.ตลอดเวลาค่ะ

    รักไร้พ่าย : อยู่ตลอดเลยเหรอ ไปไหน ท่านก็ไปด้วย

    อ.นงนุช : ใช่ค่ะ อย่างตอนนี้ที่เราคุยกัน ท่านก็รับฟังอยู่ด้วย

    รักไร้พ่าย : โอ้ !! ผมตื่นเต้นเลย

    อ.นงนุช : ท่านอยู่กับ อ.ตลอดค่ะ

    รักไร้พ่าย : รักษาแล้วหายทุกคนไหม

    อ.นงนุช : ปู่จะรักษา 70 ส่วนอีก 30 ผู้ป่วยต้องดูแลตัวเองด้วย

    รักไร้พ่าย : เหรอครับ 30 คือเขาต้องทำยังไง

    อ.นงนุช : เช่นเขาดูแลตัวเอง ไม่ทานอาหารตามที่ปู่บอก

    รักไร้พ่าย : อ่อ ครับ รักษาโรควิธีการเดียวกันหมดไหม

    อ.นงนุช : แล้วแต่โรคค่ะ บางโรคมาจากกรรม ต้องเจรจากับเจ้ากรรมนายเวรก่อน เค้าจะยอมไหม
    ถ้าเค้ายอม การรักษาก็ง่ายขึ้น แต่ไม่ยอม ก็ต้องคอยเจรจาเกลี้ยกล่อม ปู่จะมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ นำน้ำมาแก้วนึงแล้ว
    อธิษฐานจิตไปในน้ำ ขอให้น้ำเป็นโอสถทิพย์ ให้คนดื่มน้ำหายจากโรค

    รักไร้พ่าย : สมมติว่าคนเป็นโรคมะเร็ง อ.จะรักษายังไง

    อ.นงนุช : มะเร็ง เป็นโรคกรรมค่ะ ถ้าคนเป็นมะเร็งมาหา อ. ก็จะรักษาด้วยการสัมผัสสตรงที่เขาเป็น
    และส่งพลังสลายเซลมะเร็งให้ออกมาทางปลายเท้า และทางรูขุมขน จากนั้นก็จะให้เขาดื่มยาสมุนไพรที่
    อ.ทำขึ้นเอง และเจรจากับเจ้ากรรมนายเวรเขาว่าเขาต้องการให้คนป่วยทำบุญอะไรไปให้ เพื่อหยุดไม่ให้เขาเล่นงานคนป่วยให้มะเร็งกำเริบอีก

    รักไร้พ่าย : อ.ครับ ไหนๆก็พูดถึงมะเร็งแล้ว คือว่าพ่อผมแกเป็นมะเร็งตับครับ อ.จะพอช่วยรักษาให้พ่อผมได้ไหม

    อ.นงนุช : อ่อ ได้ค่ะ

    รักไร้พ่าย : แต่ตอนนี้พ่อผมแกอยู่ต่างจังหวัด อยู่ยะลาครับ

    อ.นงนุช : ถ้ากรณีที่ผู้ป่วยอยู่ไกล ในเบื้องต้น อยากให้คุณส่งรูปถ่ายของคุณพ่อคุณมาทางอีเมลของ อ.
    ( อ.บอกอีเมล ) และบอกชื่อจริง นามสกุล วันเดือน ปีเกิดของพ่อคุณมานะ แล้ว อ.จะสแกนดูว่าเกิดจากกรรมอะไร
    เจ้ากรรมนายเวรเป็นใคร และจะเจรจากับเจ้ากรรมนายเวรก่อน จากนั้น ให้คุณพ่อคุณหมั่นสวดมนต์
    และทางที่ดี หารูปปู่เทพโลกอุดร วางไว้บนหัวเตียง นี่คือรักษาในเบื้องต้นสำหรับคนอยู่ไกล
    อ.จะมียาสมุนไพรจะส่งไปให้คุณพ่อคุณดื่ม ต้องรักษาควบคู่กันไปทั้งทางกาย
    และทางสร้างบุญให้เจ้ากรรมนายเวร ถ้ามีโอกาสก็มารักษาเจอตัวกับ อ.

    รักไร้พ่าย : ครับๆ ผมพาคุณพ่อมาหา อ.ที่กรุงเทพได้ไหม

    อ.นงนุช : ได้ค่ะ สะดวกเมื่อไหร่ก็พาท่านมาได้เลย

    รักไร้พ่าย : ขอบคุณมากครับ

    อ.นงนุช : รู้สึกว่า คุณพ่อคุณเป็นมะเร็ง เหมือนเคยฆ่าสัตว์น้ำเป็นๆ มาย่างกิน

    รักไร้พ่าย : โอ้ !! ใช่ครับ !! อ.มีญาณเคยบอกแบบนี้เลยครับ

    อ.นงนุช : ค่ะ อย่าให้ท่านกินเนื้อไก่ และของดองนะ และดื่มน้ำกระชายต่างน้ำเลยนะ

    รักไร้พ่าย : ครับๆ แล้ว อ. จะคิดค่ารักษาเท่าไหร่ครับ

    อ.นงนุช : อ.ไม่เรียกร้องค่ารักษาค่ะ อ.ช่วยคนด้วยใจค่ะ บางคนที่ อ.รักษาหายแล้ว แกก็ช่วยเหลือปัจจัยเป็นค่ายา
    ค่าสมุนไพรเพื่อ อ.จะได้นำไปซื้อสมุนไพรมาทำยาช่วยคนอื่นต่อไป

    รักไร้พ่าย : แล้วแต่ละโรคต้องรักษาบ่อยไหม

    อ.นงนุช : บางคนมาครั้งแรกก็รักษาหายเลยค่ะ บางคนก็อาจต้องมาสองครั้ง หรือหลายครั้ง

    รักไร้พ่าย : ปกติ อ.รักษาที่ไหนครับ

    อ.นงนุช : แล้วแต่จะนัดเจอกันค่ะ อ.ไม่ได้มีบ้านหรือสถานที่สำหรับรักษาโดยตรง แต่จะใช้สถานที่เป็นวัด หรือ
    บ้านผู้ป่วย เพราะบางทีเขาเดินทางมาไม่สะดวก นอนป่วยบนเตียงเราต้องไปหาเอง หรือแล้วแต่ผู้ป่วยจะนัดไปเจอกันค่ะ
    หรือ แล้วแต่ปู่จะให้ไปช่วยใคร ที่ไหน ท่านจะบอกมาค่ะ

    รักไร้พ่าย : ปู่บอกให้ไปช่วยเหรอ

    อ.นงนุช : ใช่ บางทีก็ไปต่างจังหวัด

    รักไร้พ่าย : วันๆมีคนเป็นโรคอะไรบ้างที่มาให้ อ.รักษาโรค

    อ.นงนุช : เป็นสารพัดโรคเลย ทั้งโรคทางกาย โรคทางจิต จิตวิปลาสก็มี

    รักไร้พ่าย : อ.ช่วยคนทุกวันไหน

    อ.นงนุช : ก็ทุกวันค่ะ อ.ทำงานรับราชการ จันทร์ถึงศุกร์ พอหลังเลิกงานช่วงเย็น ก็เริ่มช่วยคน

    รักไร้พ่าย : จนถึงกี่โมงครับ

    อ.นงนุช : ก็แล้วแต่ค่ะ บางทีจนถึงดึกๆ

    รักไร้พ่าย : ช่วยเสร็จ อ.ก็เข้านอน

    อ.นงนุช : เปล่าค่ะ อ.จะสวดมนต์ตอนเที่ยงคืนและหลังเที่ยงคืนไปแล้ว ปู่จะมาพา อ.ไปช่วยโลกวิญญาณต่อ

    รักไร้พ่าย : หา !! ปู่เทพโลกอุดร พา อ.ไปช่วยวิญญาณเหรอ

    อ.นงนุช : ใช่ค่ะ จะพาไปรักษาเหล่าวิญญาณ

    รักไร้พ่าย : โอ้ วิญญาณเขาเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยเหรอ

    อ.นงนุช : ใช่ค่ะ วิญญาณก็เหมือนโลกมนุษย์ ที่ยังมีเจ็บมีป่วย แต่ปกติปู่จะคอยช่วยรักษาให้เหล่าวิญญาณอยู่แล้ว
    แต่ที่ท่านพา อ.ไปรักษาเพราะต้องการฝึกฝน อ.ให้ก้าวหน้าเร็วขึ้น

    รักไร้พ่าย : ไปรักษาเทวดาด้วยไหม

    อ.นงนุช : ไปด้วยค่ะ ไปบ่อยค่ะ เทวดาที่เจ็บป่วยรอการมาโปรดของปู่เทพโลกอุดร อ.เลยได้เรียนรู้วิชาการรักษาไปด้วย

    รักไร้พ่าย : เจอเทวดาองค์ใดบ้าง

    อ.นงนุช : หลายองค์เลยค่ะ ท้าวเวสสุวรรณ พญายมราช

    รักไร้พ่าย : อ.เจอ ท่านด้วยเหรอ

    อ.นงนุช : ใช่ค่ะ นี่ !! ท่านก็ได้ยินที่เราคุยกันแล้ว

    รักไร้พ่าย : โอ้

    อ.นงนุช : ถ้า อ.เอ่ยนามท่าน ท่านจะรับรู้และแบ่งจิตมาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น

    รักไร้พ่าย : โห ขนลุกเลย มีไหมที่รักษาไม่หาย

    อ.นงนุช : มีค่ะ เพราะกรรมเขาตัดรอนจนไม่อาจรักษาได้ เขาถึงวาระที่ต้องจากไป

    รักไร้พ่าย : อ.จะรู้เหรอว่าคนไหนรอดหรือไม่รอด

    อ.นงนุช : รู้ค่ะ อ.จะถามปู่ว่าคนนี้รอดไหม ถ้าบอกว่าไม่รอด อ.จะช่วยให้เขาไปสุขคติภูมิก่อน

    รักไร้พ่าย : ช่วยยังไงครับ

    อ.นงนุช : อ.จะให้จิตเขาน้อมนำบุญกุศลให้เขาระลึกบุญที่เคยทำก่อนตาย จิตสุดท้ายก่อนตายสำคัญมากนะคะ

    รักไร้พ่าย : ครับ เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง สุขคติย่อมเป็นอันหวังได้ อ.รู้ได้ไงว่าเขาจะตายเมื่อไหร่

    อ.นงนุช : เอ๊า อ.ก็มีท้าวเวสสุวรรณ และ พญายมราช คอยบอกค่ะ เมื่อรู้เขาจะสิ้นเมื่อไหร่
    อ.จะไปบอกเขาใกล้ๆ ไม่งั้นญาติๆเขาจะไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่

    รักไร้พ่าย : อ่อ

    อ.นงนุช : อย่างน้อยก็ได้ช่วยให้เขาไปเสวยสุขก่อน แล้วค่อยมาฟังคำพิพากษาจากพญายมราช

    รักไร้พ่าย : อ.ถอดจิตไปแล้วกลับมาตอนกี่โมง

    อ.นงนุช : ก็ประมาณ ตี 4 ค่ะ แต่ระหว่างถอดจิตไป ห้ามใครมาแตะตัว อ.เลย ไม่งั้นจะเข้าร่างไม่ได้

    รักไร้พ่าย : โอ้ เหมือนที่ดูในหนังเลย

    อ.นงนุช : ใช่ค่ะ ถ้ากายสังขารเคลื่อนกายทิพย์จะเข้ามาลำบาก เวลา อ.ต้องถอดกายทิพย์
    ก็จะบอกให้คนใกล้ตัวให้ช่วยดูแลกายสังขารค่ะ

    รักไร้พ่าย : แล้วกลับมาตอนกี่โมง

    อ.นงนุช : ประมาณ ตี 4 ค่ะ จากนั้นก็สวดมนต์ และเช้าก็ออกไปทำงานทางโลกต่อ

    รักไร้พ่าย : โอ้ ชีวิตของ อ.มีค่าสำหรับคนอื่นจริงๆ

    อ.นงนุช : เราช่วยคนเพียงได้รับคำขอบคุณก็เป็นรางวัลทำให้เรามีกำลังใจแล้วค่ะ เราไม่ได้หวังอะไรจากเขาทั้งสิ้น

    รักไร้พ่าย : ครับๆ

    อ.นงนุช : แต่บางทีวิญญาณมาขอบคุณก็สะดุ้งเหมือนกัน

    รักไร้พ่าย : เหรอ ครับ

    อ.นงนุช : ใช่ค่ะ วิญญาณเขาซาบซึ้งที่เราไปช่วยเขา เขาโผล่ออกมาและเดินมาใกล้ๆ และบอกว่า ขอบคุณ

    อ.หัวเราะ

    อ.นงนุช : อ.บอกว่า คราวหลังไม่ต้องมาขอบคุณก็ได้ค่ะ แค่ส่งจิตมาก็พอ ไม่ต้องปรากฏกายให้เห็นก็ได้ค่ะ
    อ.เจอแบบนี้บ่อยเลยค่ะ จนต้องบอกปู่ช่วยกันให้หน่อย

    รักไร้พ่าย : ผมว่า พวกเขาแค่อยากแสดงออกถึงความจริงใจที่มีต่อ อ. จึงต้องมาขอบคุณด้วยตัวเอง

    อ.กับผม ก็หัวเราะขำขัน

    รักไร้พ่าย : ผมรู้สึกประทับใจในแนวทางการช่วยเหลือคนของ อ.อย่างมากเลยครับ ผมอยากจะเผยแพร่เรื่องงราวของ
    อ.ให้ผู้คนได้รับรู้ เพื่อเป็นแสงสว่างให้กับผู้ป่วย เป็นโรค ยังหาทางรักษาไม่ได้ อ.รู้จักผมมาก่อนรึป่าวครับ

    อ.นงนุช : ไม่ทราบค่ะ

    รักไร้พ่าย : ผมคือคนที่ตามหาคนมีญาณมาเผยแพร่ครับ ผมก็คือ รักไร้พ่ายเอง ครับ

    อ.นงนุช : อ.ต้องขอโทษด้วยนะคะ อ.ไม่รู้จักค่ะ

    แปํววว !!!
    โอ่ รักไร้พ่ายเอ๋ย เราคงดังแต่ในโลกไซเบอร์ แต่โลกความเป็นจริงเราก็อีแค่อากาศธาตุ

    รักไร้พ่าย : แล้ว อ.รู้จักเว็บญาณทิพย์ไหม

    อ.นงนุช : คุ้นๆนะ เคยได้ยินผ่านๆมาบ้างค่ะ แล้วคืออะไรคะ

    โถ่ รัก เอ๋ย รัก ไม่น่าไปถาม อ.ให้เสีย self เร๊ย

    รักไร้พ่าย : อ่อ เป็นเว็บรวมคนคล้ายๆ อ.นี่แหละ

    อ.นงนุช : อ.ไม่รู้ว่าคุณคือใครนะและทำอะไร แต่รู้ว่าที่คุณโทรมาหา อ.วันนี้ ปู่เทพโลกอุดร ดลใจให้คุณโทรมา

    รักไร้พ่าย : โอ้โห !! เหรอครับ

    อ.นงนุช : ใช่ค่ะ เพราะคุณคือคนที่ต้องเป็นกระบอกเสียงให้งานของปู่สัมฤทธิ์ผล

    รักไร้พ่าย : คือการเผยแพร่เรื่องราวของ อ.

    อ.นงนุช : ใช่ค่ะ

    รักไร้พ่าย : ผมยินดีอย่างยิ่งเลยครับ เพราะนี่คือหน้าที่ผมอยู่แล้ว การได้เผยแพร่เรื่องราวของ อ. รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ

    อ.นงนุช : อ.ขอบคุณคุณมากค่ะ คุณก็เป็นเหมือน อ.ที่ถูกเลือกมา แต่คนละหน้าที่

    รักไร้พ่าย : ครับๆ แล้ว อ.มีปณิธานยังไงต่อครับ

    อ.นงนุช : ท่านให้ อ.สร้างสถานที่รักษาคนค่ะ ตอนนี้ อ.ไม่มีสถานที่รักษาคนประจำ ต้องตระเวนช่วยคนตามที่ต่างๆ

    รักไร้พ่าย : อ่อ ครับ ผมเชื่อว่าไม่นานคนรู้จัก อ.มากขึ้น จะร่วมกันสร้างให้เองครับ คนดีๆพร้อมใจกันช่วยมีเยอะ

    อ.นงนุช : ค่ะ แต่สถานที่รักษาที่ว่า ปู่ท่านกำหนดมาแล้วค่ะ

    รักไร้พ่าย : เหรอครับ ทีไหน

    อ.นงนุช : ที่ทับลาน อ.นาดี

    รักไร้พ่าย : แถวๆวังน้ำเขียว โคราช

    อ.นงนุช : ใช่ค่ะ สถานที่นั้น ปู่ท่านทำเครื่องหมายไว้แล้ว

    รักไร้พ่าย : ทำเครื่องหมายเหรอ หมายถึงเอาสีไปป้ายเหรอ

    อ.นงนุช : ป่าวค่ะ คือกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นที่นี่

    รักไร้พ่าย : อ่อ แล้วทำไมต้องไปสร้างที่นั่น คนป่วยเดินทางไปคงไม่สะดวก น่าจะสร้างที่กรุงเทพฯ นะ

    อ.นงนุช : เพราะต่อไป กรุงเทพฯ จะ xxxxxxx

    รักไร้พ่าย : หา !! โอ้ จะxxxxxxxx

    ( เรื่องนี้อย่ามาถามผมนะครับ ไม่ขอตอบ ให้ถาม อ.เองนะครับ )

    อ.นงนุช : ที่นั่นจะปลอดภัยค่ะ ที่นั่นอากาศดี ทำเลดีด้วย เหมาะกับการจะเป็นที่รักษา

    รักไร้พ่าย : แล้วที่ดินแพงไหมครับ

    อ.นงนุช : ที่ดินไม่ต้องซื้อเลยค่ะ มีอยู่แล้ว เพราะบารมีปู่ท่าน จึงได้มาค่ะ เจ้าของที่เขาศรัทธาและยกให้เป็นการกุศล

    รักไร้พ่าย : อ่อ

    อ.นงนุช : เหลือแต่สร้างอาคารสถานที่ จริงๆ อ.จะเรี่ยไรจากผู้หลักใหญ่ หรือ จากเพื่อนนักธุรกิจไม่กี่คนก็สร้างได้แล้วค่ะ
    แต่ปู่ไม่อยากให้ทำยังงั้น ท่านอยากให้ผู้คนหมู่มากได้ร่วมบุญช่วยกันสร้างขึ้น แค่คนละ 5 บาท 10 บาท ก็ได้ค่ะ

    รักไร้พ่าย : ผมเข้าใจละ เพราะท่านอยากให้สถานที่นั้นศักดิ์สิทธิ์เพราะเกิดจากแรงบุญของมหาชนร่วมกันสร้างขึ้น

    อ.นงนุช : ใช่ค่ะ

    รักไร้พ่าย : นอกจากจะเป็นสถานที่รักษาคนแล้วยังเป็นที่หลบภัยด้วย

    อ.นงนุช : อ.ไม่อยากใช้คำว่าเรี่ยไรเงินจากใคร เพราะเราไม่ได้บอกให้เสียเงินจำนวนมากๆ แค่คนละเล็กละน้อยที่เขา
    ไม่เดือดร้อนก็พอค่ะ อ.อยากบอกบุญสำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับการทำบุญด้านนี้ค่ะ

    รักไร้พ่าย : เป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มากในอนาคต ผมเชื่อว่าจะต้องสำเร็จแน่นอนครับ ขอโมทนากับ อ.ด้วยครับ

    อ.นงนุช : อ.ก็ขอโมทนากับคุณด้วยเช่นกัน

    รักไร้พ่าย : ครับ

    อ.นงนุช : ปู่ท่านฝากบอกว่า คุณเดินมาถูกทางแล้ว ขอให้ทำด้านนี้ต่อไป คุณจะตกน้ำไม่ไหว ตกไฟไม่ไหม้
    และปณิธานที่คุณตั้งใจไว้ เมื่อถึงเวลา ปู่จะเปิดทิศ เปิดทางให้ค่ะ

    รักไร้พ่าย : โอ้ ขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ

    อ.นงนุช : อ.เองก็ไม่มีอะไรจะให้คุณ นอกจากช่วยรักษาคุณพ่อของคุณแล้ว อ.ขออวยพรให้คุณประสบ
    ความสำเร็จในสิ่งที่คิดหมายนะค่ะ หากมีอะไรให้ช่วยเหลือ อ.ยินดีค่ะ

    รักไร้พ่าย : ขอบคุมากครับกับการเสียสละเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ อ.อุทิศตนช่วยทั้งคน
    และยังไปช่วยวิญญาณ เหมือนชีวิตส่วนตัวหายไปไหม

    อ.นงนุช : ชีวิตส่วนตัวของ อ.จบไปแล้วค่ะ อ.มีชีวิตเพื่อทำคุณประโยชน์ให้กับส่วนรวมค่ะ
    อ.ผ่านช่วงเวลาชีวิตมาทุกรูปแบบ เคยร่ำรวย มีความสุข และเคยผ่านช่วงเวลาทนทุกข์แสนสาหัส
    ชีวิตส่วนตัวที่เราอยู่กับมันที่ผ่านมา หมดไปอย่างไร้ค่า แม้มีเงินทองมากมาย แต่มันไม่ยั่งยืน
    เป็นคุณค่าทางวัตถุที่อยู่ได้แค่ชั่วคราว สุขและทุกข์ทางโลกของ อ.ไม่ได้มีความหมายอีกต่อไป
    เพราะวันนี้ อ.เจอความสุขล้นยิ่งกว่าที่เคยเจอมา คือสุขจากการเป็นผู้ให้ ตามภูมิธรรมที่เรามี
    เราคิดเสมอว่า ลมหายใจของเราที่เหลือนี้ เพื่อจะต่อยอดลมหายใจคนอื่น
    เวลาที่หมดไปกับการช่วยเพื่อมนุษย์คือเวลาที่มีคุณค่ายิ่งกว่าได้กำไรพันล้าน เพราะเป็นคุณค่าทางจิตใจที่
    ไม่มีใครขโมยไปได้ และจะเป็นกำไรบุญที่จะอยู่กับเราตลอดไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2015
  2. พุทธวงค์168

    พุทธวงค์168 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +968
    ผมขอเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร ประสบการณ์ ญาณบารมีของ หลวงปู่ใหญ่หรือหลวงปู่เทพโลกอุดร ครับ ขออนุญาตนำเอาประสบการณ์ของพี่ๆมาลงก่อนนะครับ
    รักษาบำบัดสารพัดโรคกรรม หายขาดเป็นปลิดทิ้งมาแล้วนักต่อนัก ด้วยศาสตร์ลึกลับเหนือธรรมชาติ จากทิพยอำนาจอมตะเถราจารย์ ปู่เทพโลกอุดร และนี่คือตัวอย่างหนึ่งจากเมตตาบารมีของปู่ใหญ่ค่ะ

    ****************************

    " เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ต.ค. 13 ได้เข้าไปรับการรักษาจาก อาจารย์ ดร. นงนุช ผ่านญาณเทพโลกอุดรมา อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบหายไปเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกปลาบปลื้มใจมาก เพราะลูกเองก็มีประสบการณ์รักษาโรคตัวเองผ่านเทพหลวงพ่อเสือมาก่อน
    ก่อนหน้านี้ได้โทร.คุยกับ ดร.นงนุช มาก่อนแล้วบอกว่าไปทับกบตายและยังรู้สึกประทับใจที่ได้รับคำแนะนำทางธรรมะแม้เพียงไม่กี่นาทีก็ตามเลยตัดสินใจตามไปรักษาค่ะ ตัวเองก็ไม่ทราบว่าตัวเองมีเทพอะไรมาคุ้มครองทราบแต่ว่ารู้สึกร้อนเมื่อเข้าไปยังสถานศักดิ์สิทธิ์ มีแต่ครูบาอาจารย์ทัก แต่ท่านจะปิดไม่ให้ใครเห็นค่ะ
    ลูกได้มอง ดร. นงนุช รักษาและรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเพราะท่านสละแล้วเพื่อโลกมนุษย์และโลกวิญญาณอย่างแท้จริง เดินทางตรงสู่ธรรมะ วันนั้นลูกได้ยิน ดร.นงนุช ทักหนูว่า จุดธูป 16 ดอกขอขมากรรมหรือยังก็เลยไม่ทราบว่าลูกต้องทำอย่างไรบ้างคะจะได้ปฏิบัติค่ะหาก ดร.มีบุญอะไรที่ลูกสามารถร่วมบุญกุศลได้ก็บอกบุญมาได้นะคะ ลูกขอกราบท่านเทพโลกอุดรและ ดร.นงนุช มาด้วยความเคารพและศรัทธายิ่งหากลูกมีโอกาสจะเข้าไปรับการรักษาเข่าเสื่อมอีกค่ะ หากอยู่ในกรุงเทพฯ พยายามจะติดตามข่าวตลอดค่ะ

    พรศิริ "อ้อย"

    *******************

    ผม(นายสราวุธ ขันทอง) ขอเล่าประสบการณ์ที่ได้รับจากกระแสความเมตตาของ อ.นงนุช และบารมีหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งผมและภรรยาได้พบด้วยตนเองเมื่อครั้ง อ.นงนุช ไปช่วยรักษาผู้ป่วยที่วัดแจ้ง อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ในวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2556 พบประสบการณ์ 2 เรื่อง ดังนี้
    เรื่องแรก ครั้งนี้ผมมีอาการเจ็บป่วยบริเวณปาก ตรงขากรรไกรข้างซ้าย ทำให้ขยับปากรับประทานอาหารยากลำบาก จึงใช้วิธีสอดอาหารเข้าปากทางด้านขวาแทน แต่ก็ไม่สะดวกนัก ขาดความอร่อยไปเลย อาการเช่นนี้เป็นมาแล้วร่วม 1 เดือน ผมให้หมอนวดแผนไทยนวดขากรรไกรที่ขยับไม่ได้นวดเสร็จก็ขยับปากได้ดีขึ้น พอผ่านไป 1 คืน อาการก็กลับมาเหมือนเดิมอีก ผมไปหาหมอดูบ้าง พระบ้าง ก็บอกว่ามีเคราะห์ มีวิญญานตามบ้าง สุดท้ายผมตัดสินใจจะไปหาแพทย์แผนปัจจุบัน
    แต่เผอิญพี่เขยของผมบอกว่า อ.นงนุช และทีมงานจะมาช่วยรักษาผู้ป่วยที่วัดแจ้ง ชึ่งผมอยู่ไม่ไกล จึงอยากไปลองดู อย่างน้อยก็ได้ตรวจกรรม(ไม่ได้เสียหายอะไร) พอไปถึงวัดแจ้ง ก็รอคิวก่อน(คงมีคนรู้ข่าวเหมือนผม) เมื่อถึงคิวได้พบ อ.นงนุช ซึ่ง อ.นงนุช ยิ้มแย้มทักทายให้การต้อนรับดีครับ รู้สึกถึงความเมตตาที่ท่านมีต่อผู้ป่วยทุกคนครับ ครั้น อ.นงนุชพิจารณาอาการของผมแล้ว ก็ส่งต่อให้ อ.ที่อยู่ในทีมงานท่านหนึ่ง(ทราบภายหลังว่าชื่อ อ.หมวย) ได้บอกถึงกรรมต่างๆ ที่เราได้ทำไว้ และนายเวรที่ตามมา โดยเฉพาะกรรมในชาติปัจจุบัน

    เมื่อส่องกรรมเสร็จ อ.นงนุชก็เริ่มรักษาฯ โดยใช้น้ำมันสมุนไพรทาบริเวณหน้า และใช้ณานบารมีหลวงปู่เทพโลกอุดรเป่าที่ศีรษะของผม 2 รอบ ผมมีอาการเย็นลงไปทั้งตัว แล้ว อ.นงนุชให้ผมลองขยับปากดู มันทำให้ผมอัศจรรย์ใจมาก เพราะผมสามารถขยับปากได้สะดวกทั้งสองข้างแบบเป็นปกติ...
    แปลกมากครับ(แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผม) อ.นงนุชได้แจ้งผมว่าถูกของมา และแนะนำให้ผมมั่นสร้างกรรมดี ด้วยการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา...สาธุ

    เรื่องที่ 2 ตอนมาครั้งแรกผมและภรรยาต่างก็มีความทุกข์ทั้งกายและใจ ผมเองเจ็บป่วย ภรรยาถูกโกงเงินเกือบ 2,000,000 บาท ภรรยาผมกินไม่ได้นอนไม่หลับคิดฆ่าตัวตายทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส พอมาถึงอาจารย์ท่านได้ยกตัวอย่างเรื่องราวของท่านพร้อมทั้งให้พิจารณาในเรื่องของความไม่เที่ยงและได้ปรับสภาวะจิตของภรรยาจากอาการที่มีความทกุข์ 100%

    แต่เมื่ออาจารย์ปรับสภาวะจิตให้แล้วความทุกข์ ความอัดอั้นตันใจมันมลายหายไปไหนก็ไม่รู้ สิ่งที่ได้กลับมาคือการมีสติ และมีปัญญาให้การแก้ปัญหาอย่างมีเหตุมีผล พร้อมกับมีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่จะต้องเดินหน้าต่อไป... ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับผมและครอบครัว และขอขอบคุณ อ.นงนุช และทีมงานที่ได้มาสร้างกุศลในครั้งนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2015
  3. พุทธวงค์168

    พุทธวงค์168 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +968
  4. พุทธวงค์168

    พุทธวงค์168 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +968
    ภาพโรงทานที่กำลังก่อสร้าง ที่สถานปฏิบัติธรรมถวายหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร โดย อ.ดร.นงนุช สุระเสน

    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงบันดาลให้ท่านและครอบครัวจงเจริญด้วย จตุรพิธพรชัยทั้งสี่ประการมี อายุ วรรณะสุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ปรารถนาสิ่งใดขอให้ได้สมปรารถนานั้นทุกประการเทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. พุทธวงค์168

    พุทธวงค์168 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +968
    สถานปฏิบัติธรรมหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร โดย อ.ดร.นงนุช สุระเสน
    ทำการช่วยเหลือผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และไม่เคยคิดค่ารักษาใดๆ เพื่อเป็นการสงเคราะห์เพื่อน มนุษย์ โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ หรือเชื้อชาติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...