แจกพระขุนแผนมหาสเนห์ของ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ

ในห้อง 'แจกฟรี' ตั้งกระทู้โดย winonenang, 31 ธันวาคม 2008.

  1. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    [​IMG] ร่วมบริจาคมวลสารศักดิ์สิทธิ์สร้างพระบรรจุกรุพระ ๘๔,๐๐๐องค์


    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1><!-- / icon and title --><HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->แจกฟรีพระขุนแผนเนื้อผง ซึ่งจะอธิฐานจิตโดย พระครูปราสาทพรหมคุณ หรือหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งอีสานใต้ แด่ทุกท่านที่ร่วมบริจาค มวลสารศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ระลึกในการสร้างพระบรรจุกรุ
    [​IMG] ขอเชิญร่วมบริจาคมวลสารศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิด เพื่อสร้างพระพิมพ์ขุนแผนเนื้อผง บรรจุกรุพระ จำนวน๘๔,๐๐๐องค์ ณ อนุสรณ์สถานหลวงพ่อทวด
    วัดดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
    ในกาลครั้งนี้มิได้มีการรับบริจาคปัจจัยใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่ว่ามีความประสงค์ ที่จะให้พี่น้องชาวพุทธได้ร่วมบุญกันในกาลครั้งนี้

    [​IMG] หลวงปู่ฤาษีลิงดำท่านเคยกล่าวไว้ว่า '' การสร้างพระ ๑ องค์ จะได้อานิสงฆ์ ๕ กัปป์ "
    [​IMG] ผมได้รวบรวมมวลสารที่มีตอนนี้ได้แก่ ๑)ชานหมากที่หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ได้เมตตาปลุกเสกให้ ๒) ผงธูปวัดพระแก้วมรกต ๓) ผงธูปวัดระฆัง ๔) ดินท้องถ้ำ ถ้ำเพชร ถ้ำทอง จ.นครสวรรค์ ๕)คดหอยหิน ๖)ผงว่านจากหลวงปู่พรหมา เขมจาโร ๗)ชานหมากหลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง เจ้าคณะตำบลหนองหมากหญ้า จ.อุดรธานี ๘) แร่เขาอึมครึม จ.กาญจนบุรี ๙)ผมแร่เหล็กน้ำพี้ จากบ่อพระแสง บ่อพระขรรค์ ๑0) ผงหยกเขียว จากประเทศจีน ๑๑)ผงแร่เกาะล้าน ๑๒)ผงธูปวัดโพธิ์ ๑๓)ผงธูปศาลเจ้าพ่อหลักเมือง[​IMG]
    แต่กระผมยังขาดดิน ๗นคร ๙บุรี (คือดินจากจังหวัดที่มีคำลงท้ายด้วยนคร ๗ จังหวัด และดินจากจังหวัดที่มีคำลงท้ายด้วยบุรี ๙จังหวัด และต้องเป็นดินจากยอดจอมปลวก) หากพี่น้องชาวพุทธท่านใดมีกระผมก็ขอกราบเรียน ให้ท่านช่วยเมตตากรุณา ส่งมาร่วมทำบุญกับผมในครั้งนี้ด้วยนะครับ
    มวลสารตามสูตรยังไม่ครบมีดังนี้
    ๑ ) ดิน ๗ นคร ๙ บุรี
    ๒ ) ดินโป่ง ๗ โป่ง
    ๓ ) ดิน ๗ ท่าน้ำ
    ๔ ) ดิน ๙ ใจกลางนา
    ๕ ) ดินขุยปากรูปู ๙ รู
    ๖ ) ตะไคร่โบสถ์ (ตะไคร่ที่เกาะผนังกำแพงโบสถ์) ตะไคร่เสมา(ตะไคร่ที่เกาะใบเสมา) ตะไคร่เสาสลุงช้าง(คือ ตะไคร่ที่เกาะเสาล่ามช้าง)
    ๗ ) ดินสังเวชนียสถานทั้ง๔ จากประเทศอินเดีย
    ๘ ) ๑ ) ผงพุทธคุณ ๒) ผงอิธิเจ ๓) ผงอิติติปิโส ๔) ผงมหาราช ๕) ผงตรีนสิงเห ๖) ผงปัทหมัง
    ๙ ) ผงว่าน ๑๐๘
    ๑๐) น้ำจากบ่อ หรือสระที่ไม่เคยแห้ง
    ขอขอบคุณกับทุกท่านที่สละเวลา และเป็นกำลังใจให้ผมนะครับ และก็ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
    โครงการนี้ก็จะดำเนินการรวบรวมมวลสารไปเรื่อยๆครับ จัดหามวลสารให้ครบตามสูตรครับที่ครูบาอาจารย์ได้รจนาไว้ครับ จะได้ไม่ผิดครู ข้ามครู เมื่อตั้งใจแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ
    จะช้าหรือเร็วก็สุดแท้แต่โอกาสและเวลาจะเอื้ออำนวยครับ
    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ให้ความสนใจในครั้งนี้ครับ
    โครงการนี้ จะมอบพระให้แด่เฉพาะทุกท่านที่ปรารถนาทำบุญร่วมกัน โดยการส่งมวลสารมาร่วมบุญเท่านั้นครับ


    [​IMG] ท้ายนี้ข้อให้ท่านผู้เจริญ และท่านที่มีความรู้ในศาสตร์ด้านนี้ ที่ได้อ่านประกาศนี้ได้โปรดให้ความอนุเคราะห์ในงานบุญครั้งนี้ >>
    และขอให้ท่านทั้งหลายมีแต่ความสุขความเจริญด้วยเทอญ>>
    >>
    [​IMG] กรุณาส่งมวลสารศักดิ์สิทธิ์มาที่ >>

    กรุณาส่งมวลสารมาที่ ตู้ปณ๒๓๑ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น รหัส๔๐๐๐๐



    <FIELDSET class=fieldset style="WIDTH: 875px; HEIGHT: 221px"><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]</FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2009
  2. q_kwan

    q_kwan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +2
    คืออยู่ นครศรีธรรมราชค่ะ หาดินที่ว่าได้จากไหนเหรอค่ะ
    ส่วน ๑๐) น้ำจากบ่อ หรือสระที่ไม่เคยแห้ง เอาน้ำจากบ่อศักดิ์สิทธิ์ของนครได้รึปล่าวค่ะ มี 7 บ่อ
    ถ้าช่วยอะไรได้ก็บอกนะค่ะ
    คือไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับการสร้างพระเลยค่ะ
    จะเข้ามาดูอีกครั้งนะค่ะ
     
  3. nop_2550

    nop_2550 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    239
    ค่าพลัง:
    +341
    ครอบครัว พชรโพธิ์เจริญ ขอร่วมอนุโมทนายุญด้วยครับ สาธุ สาธุสาธุ
     
  4. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    อานิสงส์การสร้างพระ

    ;aa36อานิสงส์การจัดสร้างพระพุทธรูปหรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนเป็นกุศลดังนี้

    1. อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อนจะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบาจากเบาเป็นสูญ
    2.
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองสรรพภยันตรายสลายปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ
    3.
    เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อนเมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้วก็จะเลิกจองเวรจองกรรม
    4.
    เหล่ายักษ์ผีรากษสงูพิษเสือร้ายไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
    5.
    จิตใจสงบราศีผ่องใสสุขภาพแข็งแรงกิจการงานเป็นมงคลรุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ
    6.
    มั่นคงในคุณธรรมความอุดมสมบูรณ์ปรากฏครอบครัวสุขสันต์วาสนายั่งยืน
    7.
    คำกล่าวเป็นสัจจะฟ้าดินปราณีทวยเทพยินดีมิตรสหายปรีดาหนี้สินจะหมดไป
    8.
    คนโง่สิ้นเขลาคนเจ็บหายได้คนป่วยหายดีความทุกข์หายเข็ญสตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช
    9. พ้นจากมวลอกุศลเกิดใหม่บุญเกื้อหนุนมีปัญญาล้ำเลิศบุญกุศลเรืองรอง
    10.
    สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นเป็นเนื้อนาบุญอย่างเอนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าปัญญาในธรรมแก่กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    อานิสงส์การสร้างพระ

    อานิสงส์ของการสร้างพระ
    ถาม : การสร้างพระพุทธรูป กับ การถวายปัจจัย อย่างไหนมีอานิสงค์ดีกว่ากัน
    ตอบ : การสร้างพระพุทธรูปจัดว่าเป็น พุทธบูชา ถ้าในเรื่องกรรมฐานจัดเป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน ถ้าตายจากคนไปเกิดเป็นเทวดา มีรัศมีการสว่างไสวมาก ถ้าถวายปัจจัยถวายเป็นของสงฆ์ จัดว่าเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา จัดเป็น จาคานุสสติกรรมฐาน เกิดมาชาติหน้าก็รวย
    การสร้างพระถวาย ด้วยอำนาจพุทธบูชาทำให้มีรัศมีกายมาก เป็นคนสวย ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
     
  6. kamsajja

    kamsajja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +199
    ขออนุโมทนาครับ ขอให้สำเร็จลุล่วง สมความปรารถนา นะครับ
    เสียดายครับเพิ่งกลับจากสกลนครและเพิ่งทราบข่าว
     
  7. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    อานิสงส์การสร้างพระ

    อานิสงส์การสร้างพระ
    1.ได้ชื่อว่าเจริญกรรมฐาน ข้อพุทธานุสสติ และเป็นการบูชาพระรัตนตรัย
    2.ได้สร้างกุศลที่มั่นคงถาวรชั่งนิรันตร์กาล ทั้งแก่ตนเองและบุคคลผู่ร่วมอนุโมทนา
    3.ได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แผ่ไพศาลไปได้ไกล
    4.ได้ร่วมกิจกรรมอันจักนำประโยชน์สู่ตนเองและสังคม
    5.ได้สร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ อันจะเป็นปัจจัยเพื่อมรรคผลนิพานในอนาคตกาลที่ไม่ไกลเกินรอ
    6.ได้สร้างบุญอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงเจริญพระชนม์มายุครบ 82 พรรษา ในปีพุทธศักราช 2552
    7.สร้างพระพิมพ์ดินเผา เพื่อให้อยู่คู่พระศาสนาชั่วกาลนาน จะได้อานิสงส์ คือ สัมฤทธิ์ผลในทรัพย์สมบัติในโลกนี้และมีสุคติโลกสรรค์ชั้นดุสิต เป็นที่หมายในสัมปรายภพอย่างแน่นอน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2009
  8. mommaamgirl

    mommaamgirl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    643
    ค่าพลัง:
    +827
    ดิฉันมีดินจากสังเวนียสถาน 4 ตำบล ได้รับมาจาก ชมรมพระธาตุล้านนา

    แต่ถุงเล็กนิดเดียว จะพอกับการสร้างไหมคะ
     
  9. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    สวัสดีครับคุณปู ที่อยู่ต่างประเทศ
    ก่อนอื่นกระผมต้องขออนุโมทนาบุญกับคุณปู ด้วยนะครับ ที่กรุณาโทรทางไกลมาถาม เรื่องการร่วมบริจาคมวลสารศักดิ์สิทธิ์นะครับ จึงเรียนให้ทราบ
    โครงการสร้างพระในครั้งนี้ทางท่านเจ้าอาวาสวัดป่าวนารามจังหวัดขอนแก่น ท่านขอมีส่วนร่วมในงานบุญครั้งนี้ครับ
    ;aa36ท่านก็จะอัญเชิญอังคารธาตุและเส้นเกศาครูอาจารย์ มาร่วมสร้างพระด้วยครับและท่านจะช่วยอนุเคราะห์จัดหามวลสารที่ยังไม่ครบด้วยครับและ
    ;aa36การที่พี่ปูร่วมบุญในครั้งนี้พี่มิได้สร้างพระเพียงองค์เดียวนะครับแต่พี่ได้อานิสงฆ์ในการสร้างเท่ากับ ๘,๔๐๐๐องค์นะครับ ก็จะได้อานิสงฆ์๔๒๐,๐๐๐กัปป์กระผมจึงเรียนมาเพื่อทราบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอรับบริจาคมวลสารดินสังเวชนียสถานทั้ง ๔

    เรียนคุณ mommaamgirl ที่เคารพ
    ;aa36เนื่องด้วยข้าพเจ้ารู้สึกปลื้มปิติอย่างยิ่งครับที่ ทราบว่าคุณmommaamgirl มีความประสงค์ที่จะร่วมบริจาคมวลสารอภิมหาศักดิ์สิทธิ์ คือ ดินสังเวชนียสถานทั้ง๔ สำหรับสร้างพระในกาลครั้งนี้ และขออนุโมทนาบุญกับคุณ mommaamgirlด้วยนะครับตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11d[1].jpg
      11d[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.4 KB
      เปิดดู:
      59
  11. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    ขอรับบริจาคมวลสารดินสังเวชนียสถานทั้ง๔

    ;aa36ส่วนเรื่องจำนวนของดินนั้น ขอให้คุณอย่าเป็นกังวล ให้ทำจิตอนุโมทนาบุญในการเสียสละประโยชน์ส่วนตัว เพื่อประโยชน์สุขแห่งชาวพุทธทั้งหลายนะครับ คุณบริจาคดินสังเวชนียสถานทั้ง๔ เพียงถุงน้อยนิด ก็เท่ากับคุณสร้างพระ ๘๔,๐๐๐ องค์แล้วครับ
    ;aa36ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเทศนาว่า การสร้างพระ๑องค์ ก็เท่ากับได้อานิสงส์ ๕กัปป์ ถ้าคุณแล้วก็เท่ากับคุณจะได้อานิสงส์ ๔๒๐,๐๐๐ กัปป์
     
  12. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ q_kwan ด้วยนะครับ
    กระผมรับบริจาคครับ แต่ขอรบกวนให้แยกบรรจุขวด ๗ขวดได้ไหมครับ และแต่ละขวดช่วยเขียนชื่อบ่อ และสถานที่ ด้วยนะครับ ขอบพระคุณมากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2hs2b0y[1].jpg
      2hs2b0y[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.8 KB
      เปิดดู:
      92
  13. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    <TABLE class=tborder id=post161308 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_161308>อานิสงส์การสร้างพระ <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>

    [​IMG] คติความเชื่อของพุทธศาสนิกชนเชื่อว่าอานิสงส์สร้างพระได้ชื่อว่าเจริญกรรมฐานข้อพุทธานุสติและเป็นการบูชาพระรัตนตรัยสร้างบุญกุศลที่มั่นคงถาวรชั่วนิจนิรันดร์กาลทั้งแก่ตนและแก่บุคคลผู้ร่วมอนุโมทนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แผ่ไพศาลไปได้ไกลได้ร่วมกิจกรรมอันจักนำประโยชน์สุขสู่ตนและสู่สังคมฯลฯนอกจากนี้พระสงฆ์ทั้งในอดีตและปัจจุบันแสดงธรรมเทศน์เกี่ยวกับกับอานิสงส์สร้างพระเช่น

    [​IMG].หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญวัดสะแก.พระนครศรีอยุธยาแสดงธรรมไว้ว่าสร้างพระองค์ได้อานิสงส์กัปไม่ว่าเล็กหรือใหญ่สร้างด้วยอะไรก็ตามหมายความว่าบุญกุศลจะตามหนุนส่งท่านไปทุกภพทุกชาตินานถึงกัป

    [​IMG].หลวงพ่อพระราชพรหมยานหรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง.อุทัยธานีกล่าวว่า "การสร้างสมเด็จองค์ปฐมทำได้ยากคือว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมดการสร้างองค์ปฐมนี้ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่โดยใช้บัญชีสีทองเป็นทองคำล้วนทั้งเล่มจดบันทึก (เป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่จดธรรมดา)ก็แสดงว่าคนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี้ต้องเป็นคนมีบุญมากและไปนิพพานได้เร็วมาก"

    [​IMG].หลวงพ่อขอมวัดไผ่โรงวัว.สุพรรณบุรีเคยแสดงธรรมไว้ว่าผู้ใดสร้างรูปพระพุทธเจ้าจะเป็นองค์เล็กเท่าต้นคาก็ดีใหญ่กว่าต้นคาก็ดีผู้นั้นจะได้เป็นพรหมเป็นอินทร์หมื่นชาติแสนชาติถ้าเป็นมนุษย์จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหมื่นชาติแสนชาติจะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลยตราบจนกว่าเข้าสู่นิพพาน

    [​IMG].พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์หรือครูบาชัยยะวงศาพัฒนาวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม.ลำพูนเคยแสดงธรรมไว้ว่าการสร้างพระเปรียบได้กับธนาคารบุญซึ่งจะเกิดบุญกุศลกับผู้ที่มีส่วนในการสร้างโดยบุญกุศลนั้นจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีผู้มากราบไหว้สักการบูชาเท่ากับจำนวนคนและจำนวนครั้ง

    [​IMG].พระธรรมสิงหบุราจารย์หรือหลวงพ่อจรัญฐิตธัมโมวัดอัมพวัน.สิงห์บุรีเคยแสดงธรรมไว้ว่าการที่ผู้สร้างพระพุทธรูปเกิดศรัทธาจนถึงสละเงินออกมาสร้างพระพุทธรูปได้และออกมาทำทานในงานฉลองพระพุทธรูปได้ชื่อว่าเป็นผู้มี "ความเห็นตรงเห็นถูกแท้" เพราะเป็นบุญของตนเองไม่ใช่บุญของใครเลยผู้สร้างพระพุทธรูปชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาทชื่อว่าเป็นผู้เตรียมตัวก่อนตาย
    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
    <!-- / attachments --></TD></TR><TR><TD class=alt2>[​IMG] </TD><TD class=alt1 align=right><!-- controls --><!-- Start Post Thank You Hack -->[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. chantima

    chantima เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    747
    ค่าพลัง:
    +407
    คุณwinonenangคะช่วยตอบในkhunao1@hotmail.comหน่อยได้มั้ยคะเพิ่งกลับมาจากปริวาสกรรม ได้มาอ่านบทความหลวงพี่เล็กตอบปัญหาครั้งที่8เรื่องการนำพระเก่ามา
    สร้างพระใหม่ คุณได้เข้าไปอ่านรึยัง อยากรบกวนสอบถามครูบาอาจารย์ให้หน่อยต้องขอโทษที่รบกวนเพราะไม่มีความรู้เรื่องนี้จริงๆ ขอบคุณค่ะ
     
  15. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    เรื่องพระเก่านำไปสร้างพระใหม่

    แต่ผมเคยอ่านเจอนะครับ ครูบาอาจารย์ท่านว่า ทุบพระเก่าแบบไม่ชำรุดเอาไปเป็นมวลสาร
    สร้างพระใหม่นั้นบาปมากครับ ถือว่าปรามาสพระพุทธเจ้า
    ผมเองถ้ามีใครบริจาคพระพิมพ์แบบเก่าหรือใหม่ มาร่วมเป็นมวลสารผมก็จะไม่รับครับ
    แต่จะอัญเชิญท่านมาบรรจุกรุ ร่วมกับพระใหม่ที่ผมกำลังสร้าง
     
  16. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    วันนี้จะเล่าถึงเรื่องประวัติพระมหากัสสปเถระ,อานิสงส์การพร้างพระเจดีย์

    <CENTER>ประวัติพระมหากัสสปเถระ
    ผู้เลิศทางด้านธุดงค์</CENTER>
    ท่านพระมหากัสสปเถระ เป็นบุตรชายของ กปิลพราหมณ์ กัสสปโคตร ในบ้านชื่อว่า "มหาติฏฐะ" ในแว่นแคว้นมคธ เมื่อเกิดมาแล้วก็มีนามว่า "ปิปผลิ" เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ได้แต่งงานกับ นางภัททกาปิลานี ผู้มีอายุได้ ๑๖ ปี ซึ่งนางเป็นบุตรีของ โกสิยโคตรพราหมณ์ ณ สาคลนคร แว่นแคว้นมคธ
    เนื้อความในเรื่องนี้มีว่า เมื่อปิปผลิมาณพ มีอายุ ๒๐ ปีแล้ว บิดามารดาต้องการให้มีครอบครัว แต่บุตรชายบอกว่า อยากจะปฏิบัติบิดามารดาไปจนตลอดชีวิต เมื่อบิดามารดาล่วงลับไปแล้วก็จะออกบรรพชา ต่อมาบิดามารดาก็อ้อนวอนอีก ปิปผลิมาณพก็ปฏิเสธอย่างนั้นอีก
    แล้วจึงได้ออกอุบายให้ช่างทองหล่อทองคำเป็นรูปหญิงสาวคนหนึ่ง ให้นุ่งผ้าสีแดง แต่งตัวด้วยดอกไม้สีต่าง ๆ และเครื่องประดับนานาประการ แล้วบอกกับมารดาว่า ถ้าหาผู้หญิงได้เหมือนกับรูปหล่อทองคำนี้ก็ยินดีจะแต่งงานด้วย
    มารดาเป็นผู้มีปัญญาได้คิดว่า บุตรของเราเป็นผู้สร้างสมบุญบารมีมาดีแล้ว เมื่อกระทำบุญคงไม่ได้กระทำแต่ผู้เดียว หญิงที่ทำบุญร่วมกับบุตรของเรา ซึ่งมีรูปร่างอย่างรูปทองคำนี้จักมีเป็นแน่ จึงได้เชิญพราหมณ์ ๘ คน ให้นำรูปทองคำขึ้นบนรถ พร้อมกับมอบสิ่งของมีเงินและทองเป็นต้น เพื่อไปเที่ยวแสวงหาหญิงที่มีลักษณะงดงามพร้อมทั้งมีฐานะเสมอกันด้วยสกุลของตน
    พราหมณ์ทั้ง ๘ คนนั้นรับสิ่งของทองหมั้น แล้วเที่ยวไปได้บรรลุถึงสาคลนคร ก็ได้ตั้งรูปทองคำไว้ที่ท่าน้ำแล้วพากันไปนั่งอยู่ในที่แห่งหนึ่ง คราวนั้นพวกพี่เลี้ยงของนางภัททกาปิลานีได้พากันไปอาบน้ำที่ท่าน้ำ ครั้นได้เห็นรูปทองคำนั้นก็เข้าใจว่าเป็นนางภัททกาปิลานี
    พวกพราหมณ์เห็นเช่นนั้น จึงได้ออกมาไต่ถามว่าลูกสาวเจ้านายของเธอเหมือนรูปนี้หรือ พี่เลี้ยงจึงตอบว่า พระแม่เจ้าของเราสวยกว่านี้ เพราะสว่างไปด้วยรัศมี พราหมณ์ได้ยินดังนั้น จึงให้นางนำไปที่บ้านของ โกสิยโคตรพราหมณ์พร้อมทั้งแจ้งความประสงค์ของตน
    เมื่อเจรจาเป็นที่ตกลงกันแล้ว จึงได้ส่งข่าวไปถึงกปิลพราหมณ์ ส่วนปิปผลิมาณพเมื่อได้ทราบดังนั้น ด้วยความที่ตนไม่อยากจะแต่งงานด้วย จึงได้เขียนจดหมายบอกความประสงค์ของตนให้แก่นางภัททปิลานีทราบว่า
    "นางผู้เจริญ จงหาคู่ครองที่มีสกุล มีฐานะทัดเทียมกับนางเถิด เราจะออกบวช เธออย่าเสียใจต่อภายหลัง"
    ฝ่ายนางภัททกาได้ทราบว่า บิดามารดาจะยกตนให้แก่ปิปผลิมาณพ จึงเขียนจดหมายไปบอกความประสงค์ของตนเช่นเดียวกัน ต่อมาคนถือจดหมายทั้งสองคนมาพบกันในระหว่างทาง ต่างไต่ถามความประสงค์ของกันและกันแล้ว จึงฉีกจดหมายออกอ่านแล้วทิ้งจดหมายทั้ง ๒ ฉบับนั้นเสียในป่า และเขียนจดหมายขึ้นมาใหม่ โดยมีเนื้อความแสดงความพอใจซึ่งกันและกัน แล้วนำไปส่งให้แก่คนทั้งสอง
    ครั้นถึงกำหนดพิธีการแต่งงานผ่านไปแล้ว ด้วยความไม่เต็มใจของทั้งสองฝ่าย แต่เป็นด้วยบุพเพสันนิวาส คือ เคยเป็นคู่ครองกันมาในกาลก่อน บุคคลทั้งสองจำต้องมาอยู่ร่วมกัน ในตอนนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อเคยสันนิษฐานไว้ว่า
    ท่านทั้งสองนี้คงจะได้คุณธรรม คือ เป็น"พระสกิทาคามี"มาแต่ชาติก่อน ในชาตินี้จึงไม่นิยมเรื่องการครองเรือน มีจิตหวังที่จะออกบวชเท่านั้น ด้วยเหตุนี้คนทั้งสองสักแต่ว่าอยู่ร่วมกันเท่านั้น มิได้ล่วงเกินซึ่งกันและกันเลย ยังคงรักษาพรหมจรรย์ไว้ได้ตลอด ด้วยอำนาจบุญบารมีที่บำเพ็ญมาดีแล้ว
    นั่นก็คือการวาง พวงดอกไม้ กั้นไว้ระหว่างกันในขณะที่นอนบนเตียงนั้น นางภัททกากล่าวว่า ดอกไม้ข้างตัวของใครเหี่ยว เราจะรู้กันได้ว่า ผู้นั้นเกิดราคะจิตแล้วจึงไม่ควรจับต้องพวงดอกไม้นี้ คนทั้งสองจึงนอนไม่หลับตลอดคืนเพราะกลัวถูกต้องตัวกัน ถึงเวลากลางวันก็ไม่ได้มีการยิ้มแย้มต่อกันเลย
    คนทั้งสองจึงอยู่แบบไม่ได้เกี่ยวข้องกัน จนกระทั่งบิดามารดาสิ้นอายุแล้ว จึงมีความเห็นว่า ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรับบาป เพราะการงานที่ผู้อื่นทำไม่ดี มีใจเบื่อหน่ายพร้อมใจกันจะออกบวช จึงไปแสวงหาผ้ากาสายะและบาตรดินจากร้านตลาด ได้ปลงผมซึ่งกันและกันแล้วนุ่งห่มผ้าย้อมน้ำฝาดนั้น ถือเพศบรรชิตตั้งใจบวชอุทิศต่อพระอรหันต์ในโลก
    แล้วได้สะพายบาตรเดินลงจากปราสาทหลีกไป ปิปผลิเดินหน้านางภัททกาปิลานีเดินตามหลัง พอไปถึงทางสองแพร่งจึงแยกออกจากกัน เพราะเกรงผู้อื่นจะคิดว่าทั้งสองคนนี้บวชแล้วก็ยังไม่อาจพรากจากกันได้ ก่อนจะแยกจากกัน นางภัททกาได้ทำปทักษิณถึง ๓ รอบ กราบสามีลงในที่ทั้ง ๔ คือ กราบลงข้างหน้า ข้างหลัง ข้างซ้าย และข้างขวา แล้วประนมมือขึ้นกล่าวว่า
    "ความรักใคร่สนิทสนมกัน ซึ่งได้มีแก่เราทั้งสองตลอดกาลนานประมาณแสนกัปมาแล้ว จะแตกกันในวันนี้ ท่านสมควรไปทางเบื้องขวา ส่วนข้าพเจ้าสมควรไปทางเบื้องซ้าย"
    กล่าวดังนี้แล้วก็ออกเดินทาง ระหว่างแยกทางกันนั้น แผ่นดินอันใหญ่ก็ได้หวั่นไหว ประหนึ่งว่าไม่อาจรับความดีของท่านทั้งสองไว้ได้ ส่วนในอากาศก็มีสายฟ้าแลบฉวัดเฉวียนด้วยอำนาจบารมีธรรมของคนทั้งสองนั้นบันดาลให้เป็นไป

    พระพุทธองค์เสด็จไปต้อนรับ
    ฝ่ายองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งประทับอยู่ในพระคันธกุฎีที่พระเวฬุวันมหาวิหาร ได้ทรงสดับเสียงแผ่นดินไหวก็ทรงพิจารณาดูว่า แผ่นดินไหวเพื่อใคร ก็ทรงทราบว่าปิปผลิมาณพกับนางภัททกาปิลานี ได้สละทรัพย์สมบัติอันหาประมาณมิได้ ออกบรรพชาโดยตั้งใจเฉพาะต่อเรา
    แผ่นดินไหวนี้มีขึ้น ด้วยกำลังแห่งคุณธรรมของบุคคลทั้งสอง ในขณะที่จะแยกจากกันถึงแม้ว่าเราก็ควรจะสงเคราะห์บุคคลทั้งสองนั้น แล้วจึงเสด็จออกจากพระคันธกุฎี ทรงถือเอาบาตร จีวร ด้วยพระองค์เอง โดยไม่บอกแก่พระสาวกทั้งหลายให้ทราบ
    ครั้นเสด็จถึงใต้ร่มไทรต้นหนึ่ง ในระหว่างกรุงราชคฤห์กับเมืองนาลันทาต่อกัน พระพุทธองค์ทรงประทับนั่ง แล้วทรงเปล่งพระรัศมีไปตลอดวิ่งฉวัดเฉวียนไปทางโน้นทางนี้ ป่านั้นจึงมีแสงสว่างเหมือนกับมีดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ขึ้นตั้งพันดวงฉะนั้น
    ต้นไทรในวันนั้นจึงมีสีดังทองคำ ปิปผลิมาณพได้คิดว่า ท่านผู้นี้จักเป็นพระศาสดาของเรา เราได้บรรพชาเฉพาะท่านผู้นี้ พอได้แลเห็นก็โน้มตัวลง เดินเข้าไปเฝ้ากราบลงในที่ทั้ง ๓ แล้วกราบทูลว่า
    "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์เป็นพระศาสดาของข้าพระองค์ ส่วนข้าพระองค์เป็นสาวกของพระองค์"
    กล่าวดังนี้ถึง ๓ หน องค์สมเด็จพระทศพลจึงตรัสว่า
    "กัสสป...ถ้าเธอกระทำความเคารพอันนี้แก่แผ่นดินอันใหญ่นี้ ถึงแม้ว่าแผ่นดินอันใหญ่นี้ก็ไม่อาจทรงอยู่ได้ เพราะเธอมีคุณความดีมากเหมือนกับพระตถาคต แต่ความเคารพที่เธอกระทำแล้ว ไม่อาจให้เส้นโลมาของเราไหวได้ จงนั่งเถิดกัสสป...เราจะให้ความเป็นทายาทแก่เธอ.."

    พระโอวาท ๓ ประการ
    ครั้งนั้นพระพุทธองค์ก็ได้ประทานอุปสมบทแก่ปิปผลิมาณพด้วยการประทานพระโอวาท ๓ ประการคือ ....
    ๑. กัสสป..ท่านพึงศึกษาว่า เราจักเข้าไปตั้งความละอายและความเกรงไว้ในภิกษุผู้เป็นผู้เฒ่าและปานกลางอย่างแรงกล้า ฯ
    ๒. เราจะฟังธรรมอันใดอันหนึ่งประกอบด้วยกุศล เราจักเงี่ยหูลงฟังธรรมนั้น พิจารณาเนื้อความดังนี้ ฯ
    ๓. เราจะไม่ละสติที่ไปในกาย คือ พิจารณาร่างกายเป็นอารมณ์ ฯ
    เมื่อตรัสดังนี้แล้ว ก็เสด็จออกจากโคนต้นไทร มีพระมหากัสสปเป็นผู้ตามเสด็จ พระสรีรกายของพระพุทธเจ้างามด้วยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ ส่วนร่างกายของพระมหากัสสปงามด้วยลักษณะมหาบุรุษเพียง ๗ ประการเท่านั้น
    พระมหากัสสปนั้นได้เดินตามรอยพระบาทของพระพุทธองค์ไป เปรียบเหมือนกับเรือน้อยพ่วงท้ายเรือใหญ่ ซึ่งสำเร็จแล้วด้วยทองคำฉะนั้น องค์สมเด็จพระภควันต์เสด็จไปได้หน่อยหนึ่ง จึงทรงแวะออกจากทางทรงแสดงอาการจะประทับนั่งที่ภายใต้ร่มไม้ต้นหนึ่ง
    พระมหากัสสปทราบว่าองค์สมเด็จพระบรมศาสดามีพระประสงค์จะนั่ง จึงพับผ้าสังฆาฏิของตนให้เป็น ๔ ชั้นแล้วปูถวาย พระพุทธองค์ประทับนั่งบนผ้าสังฆาฏินั้นแล้วก็ทรงลูบผ้าสังฆาฏิด้วยพระหัตถ์ แล้วตรัสว่า
    "ผ้าสังฆาฏิของเธออ่อนนุ่มดี"
    พระมหากัสสปก็ทราบว่า พระศาสดาทรงตรัสเช่นนี้ จักมีพระประสงค์ที่จะทรงห่มเป็นแน่ จึงได้กราบทูลถวายผ้าผืนนั้นของตน ส่วนผ้าสบงของพระพุทธองค์ ก็จะขอมาทำเป็นผ้าสังฆาฏิ องค์สมเด็จพระบรมครูจึงตรัสว่า
    "กัสสป..ผ้าบังสุกุลผืนนี้ ในวันที่เราถือเอามานั้นได้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ เพราะเป็นผ้าที่เคยใช้ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายมาแล้ว ผู้ที่มีคุณธรรมเล็กน้อยไม่อาจใช้ได้ ส่วนผู้ที่มีชาติถือบังสุกุลซึ่งสามารถจะทำข้อปฏิบัติอันนี้ให้เต็มได้...จึงจะใช้ได้..."
    ตรัสดังนี้แล้ว ก็ทรงแลกเปลี่ยนผ้าสังฆาฏิกับพระมหากัสสปเถระ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห่มผ้าของพระมหากัสสป ส่วนพระเถระก็ห่มผ้าของพระพุทธองค์ ในคราวนั้นแผ่นดินอันใหญ่ซึ่งไม่มีจิตวิญญาณ ก็ได้หวั่นไหวจนกระทั่งน้ำรองข้างล่าง ปานประหนึ่งจะกราบทูลว่า
    การที่พระองค์ไม่เคยทรงประทานผ้าของพระองค์ให้แก่พระสาวกนี้ ชื่อว่าได้กระทำสิ่งที่กระทำได้ยาก ข้าพระองค์ไม่อาจทรงคุณความดีของพระองค์ไว้ได้ฉะนั้น
    [​IMG]ฝ่ายพระมหากัสสปก็ไม่ได้มีใจฟูขึ้นว่า บัดนี้เราได้ผ้าที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ แต่เราควรจะทำสิ่งใดให้ยิ่งขึ้นไป แล้วก็สมาทานธุดงค์คุณ ๑๓ในที่ใกล้พระพุทธองค์ ท่านได้อุปสมบทเพียง ๗ วันเท่านั้น พอถึงวันที่ ๘ ก็ได้สำเร็จพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ
    ต่อมาองค์สมเด็จพระศาสดาจารย์จึงได้ทรงยกย่องว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้ถือธุดงค์ และทรงสรรเสริญคุณธรรมของท่านอีกหลายประการ เช่น :-
    ๑. มีธรรมเป็นเครื่องอยู่เสมอด้วยพระองค์ และเป็นผู้มักน้อยสันโดษ ตรัสสอนภิกษุทั้งหลายให้ถือเอาเป็นตัวอย่าง
    ๒. กัสสปเข้าไปใกล้ตระกูล แล้วชักกายและใจห่าง ประพฤติเป็นคนใหม่ไม่คุ้นเคยเป็นนิจ ไม่คะนองกายวาจาใจในสกุลเป็นนิจ จิตไม่ข้องอยู่ในสกุลเหล่านั้น ตั้งอารมณ์จิตเป็นกลางว่า ผู้ใคร่ลาภก็จงได้ลาภ ผู้ใคร่บุญก็จงได้บุญ ตนได้ลาภมีใจฉันใด ผู้อื่นก็มีใจฉันนั้น
    ๓. กัสสปมีจิตประกอบไปด้วยเมตตากรุณาแสดงธรรมแก่ผู้อื่น ดังนี้

    สมัยสมเด็จพระปทุมุตระ
    การที่พระมหากัสสป ได้ตำแหน่งเป็นผู้เลิศฝ่ายธุดงค์นี้ ท่านได้ตั้งความปรารถนามาตั้งแต่สมัย สมเด็จพระปุทุมุตระ ด้วยเหตุที่เห็นพระพุทธองค์ทรงตั้งพระสาวกองค์หนึ่งชื่อว่า พระมหานิสภะเป็นบุคคลตัวอย่าง
    ท่านจึงได้อาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสาวก ๖ ล้าน ๘ แสนองค์ มาฉันภัตตาหารที่บ้านของตน พร้อมตั้งความปรารถนาเป็นผู้เลิศฝ่ายธุดงค์บ้าง องค์สมเด็จพระบรมศาสดาจึงตรัสพยากรณ์ว่า
    "ต่อไปอีกแสนกัป จะมีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระโคดม" เกิดขึ้นในโลก เธอจะได้เป็นสาวกอันดับที่ ๓ ของพระโคดมนั้น เธอจะมีชื่อว่า "มหากัสสป"
    อุบาสกได้ฟังพุทธพยากรณ์ดังนี้แล้ว ก็ดีใจเหมือนกับของที่ตนจะได้ในวันรุ่งขึ้น จึงได้ให้ทานรักษาศีลอยู่จนตลอดอายุขัย แล้วก็ขึ้นไปบังเกิดในสวรรค์ จนกระทั่ง สมเด็จพระวิปัสสีทศพล ทรงอุบัติขึ้นในโลก ท่านก็ได้ลงมาเกิดในตระกูลพราหมณ์ที่ยากจน ในนครพันธุมดี
    ต่อมาก็ได้ไปฟังธรรมจากพระศาสดา แล้วถวายผ้าห่อมของตนที่มีอยู่เพียงผืนเดียว จนพระราชาพระราชทานสิ่งของให้มากมาย ครั้นตายจากชาตินั้นแล้ว ก็ได้ขึ้นไปเกิดในสวรรค์ จุติจากสวรรค์ก็ได้ลงมาเกิดในเรือนกุฎุมพี เมืองพาราณสี ในระหว่างแห่งพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์ คือ พระโกนาคม และ พระพุทธกัสสป
    เมื่อเติบโตขึ้นแล้วก็ได้ครองเรือน วันหนึ่งออกไปเที่ยวป่า ได้พบพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ขณะกำลังทำจีวรอยู่ริมแม่น้ำ เมื่อผ้าไม่พอก็ม้วนเพื่อจะเก็บไว้ กุฎุมพีนั้นไปพบเข้า จึงได้ถวายผ้าขาวของตนผืนหนึ่ง แล้วตั้งความปรารถนาว่า
    "ความเสื่อมใด ๆ อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า ในที่ข้าพเจ้าเกิดแล้วนั้น ๆ เถิด.."
    ครั้งนั้น เมื่อภรรยาของกุฎุมพีกำลังทะเลาะกับน้องสาว พระปัจเจกพุทธเจ้าก็เข้าไปบิณฑบาต น้องสาวของกุฎุมพีก็ได้ใส่บาตร แล้วตั้งความปรารถนาว่า ขอให้ข้าพเจ้าไกลจากคนพาลเช่นนี้ ภรรยาของกุฎุมพีได้ยินเข้าก็คิดว่า อย่าให้พระองค์นี้ได้ฉันอาหารที่หญิงสาวคนนี้ถวายเลย แล้วก็ไปถือเอาบาตรมาเทข้าวทิ้งเสีย เอาโคลนใส่ลงไปแทน แล้วก็นำไปถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า
    น้องสาวได้เห็นเข้าจึงกล่าวเตือน ภรรยาของกุฎุมพีก็นึกขึ้นมาได้ จึงเทโคลนทิ้งแล้วล้างบาตรให้ดี ขัดด้วยของหอมแล้วใส่อาหารที่มีรสอร่อย นำไปถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า ตั้งความปรารถนาว่า
    "บิณฑบาตอันนี้ มีแสงสว่างฉันใด สรีรกายของข้าพเจ้า จงมีแสงสว่างฉันนั้น"
    ต่อมาสองสามีภรรยาตายแล้ว ก็ได้ขึ้ไปเกิดในสวรรค์ จุติจากสวรรค์ก็ลงมาเกิดเป็นบุตรเศรษฐีในกรุงพาราณสี ในสมัยสมเด็จพระพุทธกัสสป ฝ่ายภรรยาก็มาเกิดเป็นธิดาเศรษฐีเหมือนกัน และได้เป็นสามีภรรยากัน แต่กายของนางมีกลิ่นเหม็นฟุ้ง ด้วยผลแห่งกรรมที่ทำไว้ในชาติก่อน แต่กลิ่นเหม็นนั้นได้ปรากฏขึ้นเฉพาะในเมื่อนางเข้าไปสู่ตระกูลสามีเท่านั้น นางจึงได้ถูกส่งกลับไปยังบ้านเรือนของตนถึง ๗ ครั้ง

    อานิสงส์การสร้างพระเจดีย์
    ครั้นสมเด็จพระพุทธกัสสปได้ปรินิพพานไป คนทั้งหลายได้พากันสร้างพระเจดีย์สูง ๑ โยชน์ ด้วยอิฐทองคำ ในขณะที่กำลังสร้างอยู่นั้น ธิดาเศรษฐีจึงคิดว่า เราถูกสามีส่งกลับถึง ๗ ครั้งแล้ว เราจะต้องการอะไรด้วยชีวิต จึงให้คนทำลายเครื่องประดับของตน แล้วให้ปั้นเป็นอิฐทองคำนำไปสู่ที่เขาสร้างพระเจดีย์
    [​IMG]ในขณะนั้น อิฐขาดอยู่ก้อนหนึ่งพอดี นางจึงก่ออิฐของตนให้ติดกันเป็นอันเดียว แล้ววางดอกบัว ๘ กำไว้ในเบื้องบน กราบไหว้พระเจดีย์แล้วตั้งความปรารถนาว่า
    "ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเกิดในที่ใด ๆ ขอให้กลิ่นกายของข้าพเจ้าหอมดังกลิ่นจันทน์ และขอให้กลิ่นปากของข้าพเจ้าหอมดังกลิ่นดอกบัว"
    ต่อมาบุตรเศรษฐีก็ได้ให้คนใช้ไปตามนางกลับมา ปรากฏว่ามีกลิ่นจันทน์และกลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งไปทั้งบ้าน ครั้นสอบถามว่าเธอได้ทำสิ่งใดไว้ ธิดาเศรษฐีก็เล่าสิ่งที่ตนกระทำไว้ บุตรเศรษฐีก็มีความเลื่อมใส จึงได้นำผ้ากัมพลไปบูชา พระสุวรรณเจดีย์ อันสูงได้ ๑ โยชน์นั้น แล้วก็ประดับพระเจดีย์ด้วยดอกปทุมทองอันใหญ่เท่ากงเกวียน
    ครั้นธิดาเศรษฐีตายจากชาตินั้นแล้ว ก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ จุติจากสวรรค์ก็ได้ลงมาเกิดเป็นราชธิดาในเมืองพาราณสี ส่วนบุตรเศรษฐีก็ได้จุติจากเทวโลกลงมาเกิดในตระกูลอำมาตย์ ต่อมาก็ได้เป็นพระราชาทรงพระนามว่า "พระเจ้านันทราช" แล้วได้อภิเษกกับราชธิดานั้น
    บุคคลทั้งสองจึงได้ทรงปรึกษากันว่า การที่ได้เสวยราชสมบัติอันยิ่งใหญ่นั้น เป็นเพราะผลบุญแต่ชาติปางก่อน ที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต บัดนี้ เรายังไม่ได้ทำกุศลไว้เป็นปัจจัยแห่งอนาคตเลย จึงได้ทรงถวายทานพร้อมทั้งสร้างบรรณศาลา ๕๐๐ หลัง ในพระราชอุทยาน ให้กับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ อันมีพระมหาปทุมปัจเจกพุทธเจ้า เป็นประธาน
    เมื่อได้ทรงอุปถัมภ์บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้าดีแล้ว พระราชาก็ได้เสด็จไปชายแดน ในขณะที่ยังไม่เสด็จกลับมา อายุสังขารของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายก็สิ้นไป ท่านได้เข้าฌานอยู่ตลอดราตรี พอเวลารุ่งขึ้นก็ยืนพิงพนักปรินิพพานไป
    ในเวลาตอนเช้า พระราชเทวีได้จัดที่นั่งของพระปัจเจกพุทธเจ้าไว้ แล้วก็ประทับนั่งรอการมาของท่าน เมื่อไม่เห็นก็ใช้ให้บุรุษหนึ่งไปตาม จึงทรงทราบว่าท่านยืนพิงพนักปรินิพพานไปหมดแล้ว พระนางก็ทรงกันแสงคร่ำครวญ จึงพร้อมกับประชาชนทั้งหลาย เสด็จออกไปสักการบูชาจัดการถวายพระเพลิง แล้วเก็บพระบรมธาติไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์
    ครั้นพระราชาเสด็จกลับมาจากชายแดนแล้ว จึงได้ทรงทราบเรื่องราวจากพระราชเทวี ผู้เสด็จออกไปต้อนรับ จึงทรงดำริว่า บัณฑิตเห็นปานนั้นก็ยังตาย เราจักพ้นความตายได้อย่างไร จึงไม่เสด็จเข้าพระนคร ได้เสด็จเข้าไปสู่พระราชอุทยาน ตรัสสั่งให้พระราชโอรสองค์ใหญ่ไปเฝ้าแล้วทรงมอบราชสมบัติให้ พร้อมทั้งทรงสั่งสอนพอสมควร แล้วก็ทรงบรรพชา
    ฝ่ายพระราชเทวีก็ทรงดำริว่า เมื่อพระราชาบรรพชาแล้ว เราจักทำอะไร แล้วก็ทรงบรรพชาอยู่ในพระราชอุทยานแห่งเดียวกัน ทั้งสองพระองค์นั้นก็ได้ทำฌานสมาบัติให้เกิดขึ้น เวลาจุติจากชาตินั้นแล้วก็ได้ขึ้นไปเกิดในพรหมโลก ดังนี้

    อานิสงส์การบูชาพระเจดีย์
    พระมหากัสสปเถระ ผู้ได้ตั้งอยู่ในตำแหน่งอันเลิศนั้น ได้ถึงซึ่งความเป็นพระสาวกผู้ใหญ่ แล้วจึงได้ระลึกถึงบุพกรรมของตน เมื่อจะประกาศซึ่งการอบรมบารมีมาแต่ปางก่อน จึงได้กล่าวว่า
    "ปทุมุตตะรัสสะ ภะคะวะโต.. เป็นต้นว่า เมื่อพระปทุมุตรสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นใหญ่ในโลก ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว เทพยดามนุษย์ทั้งหลายก็ได้ทำสักการบูชา พุทธศานิกชนก็มีจิตร่าเริงบันเทิง บ้างก็เกิดความสลดใจ แต่ความปีติก็ได้เกิดแก่เรา

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    เราได้ชักชวนญาติมิตรทั้งหลายว่า พระพุทธเจ้าผู้แกล้วกล้าใหญ่ได้ปรินิพพานแล้ว เราทั้งหลายพากันกระทำสักการบูชาเถิด ญาติมิตรเหล่านั้นก็รับว่า ดีละ แล้วก็ทำให้เกิดความยินดีแก่เรายิ่งขึ้น เราได้สะสมบุญไว้ในพระพุทธเจ้าผู้เป็นที่พึ่งของโลก เราได้กระทำผ้าให้เป็นม่านกั้นพระเจดีย์ มีส่วนสูงได้ ๑๐๐ ศอก มีส่วนกว้างได้ ๑๕๐ ศอก
    ครั้นเราได้กระทำผ้ากั้นพระเจดีย์แล้ว ก็มีจิตเลื่อมใสได้บูชาพระเจดีย์อันประเสริฐสุด พระเจดีย์นั้นรุ่งเรืองดังกองเพลิงในอากาศ เบิกบานดังต้นพระยารัง ทำให้ทิศทั้ง ๔ สว่างไสวเหมือนกับดวงอาทิตย์ เมื่อเราทำจิตให้เลื่อมใสในพระเจดีย์นั้นแล้ว ได้กระทำกุศลไว้เป็นอันมาก ได้ระลึกถึงบุพกรรมแล้ว ก็ได้เกิดในดาวดึงส์สวรรค์
    ทิพยสมบัติทั้งปวงก็ได้เกิดขึ้นแก่เรา คือ ปราสาทของเราสูงถึง ๗ ชั้น มีศาลาจตุรมุขอยู่ข้างหน้าปราสาท เรือนยอดที่สำเร็จด้วยแก้วมณีมีอยู่รอบทิศแห่งปราสาทนั้น มีแสงสว่างเต็มที่ โดยรัศมีแห่งเรือนเหล่านั้น เราได้ครอบงำเทพเจ้าทั้งปวง ด้วยบุญกุศลที่ได้สละผ้าทำเป็นเพดานกั้นพระเจดีย์ในคราวนั้น
    เราได้เป็นกษัตริย์ผู้สูงสุด ผู้ชนะโลก มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบเขต อยู่ในกัปที่ ๖ หมื่น มาถึงกัปนี้ เราก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิอีก ๓๐ ชาติ ได้เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ ได้เป็นใหญ่ในทวีปทั้ง ๔ ที่อยู่ของเราในคราวนั้นสูงประหนึ่งว่า วิมานของพระอินทร์ฉะนั้น
    พระนครของเราชื่อว่า รัมมนคร มีอาณาเขตกว้างใหญ่ เกลื่อนไปด้วยหมู่มนุษย์เหมือนกับสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เราได้ครอบครองรัมมนครนั้น แล้วก็ได้ไปเกิดเป็นเทพเจ้าอีก ความสมบูรณ์ด้วยตระกูลไม่ได้แก่เราแล้วในภพสุดท้าย เราได้เกิดในตระกูลพราหมณ์ ซึ่งสมบูรณ์ด้วยแก้วเป็นอันมาก เราได้สละทรัพย์ ๘๐ โกฏิออกบรรพชา เราได้สำเร็จปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้ว เราได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้ฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. นายอภิลักษณ์

    นายอภิลักษณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    215
    ค่าพลัง:
    +137
    ขออนุโมทนารับ 1 ชุด

    กรุณาส่ง นายอภิลักษณ์ ทาแกง

    บ.พี.ดี.ทัวร์ เชียงราย 869/110 ถ.เปมะวิภาต อ.เมือง จ.เชียงราย 57000
     
  18. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    อานิสงส์แห่งการสร้างพระพุทธชำระหนี้สงฆ์

    :
    การเป็นหนี้ หนี้ที่ถือว่าหนักที่สุดมีโทษมากที่สุดคือหนี้สงฆ์ ดังนั้นคนสมัยก่อนถึงเคร่งครัดกันมากแม้กระทั่งเวลาเดินออกจากวัดมีการทำความสะอาดรองเท้าเพื่อไม่ให้ทรายหรือดินในวัดติดออกไปข้างนอก ในอดีตชาติก่อนๆเราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าเราเคยทำอะไรที่ทำให้เราเป็นหนี้สงฆ์ไว้ การที่เป็นหนี้สงฆ์ในชาติก่อน ๆ โดยเฉพาะการเป็นหนี้สงฆ์นี่โทษมาก
    พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ได้กล่าวว่า ถ้าจะชำระให้หมดได้ต้องสร้างพระพุทธรูปชำระหนี้สงฆ์ หน้าตัก ๔ ศอก โตกว่าได้แต่เล็กกว่านั้นไม่ได้ แล้วอุทิศถวายสงฆ์ไปเป็นการชำระหนี้สงฆ์ที่เคยติดค้างมาในชาติก่อนคนที่สร้างพระพุทธรูปขนาดนี้แล้ว กำลังใจมีปีติมากตายชาตินี้ไม่ลงนรก เพราะกำลังปีติที่สร้างพระใหญ่ ปีติจะฟูอยู่ในใจภาพพระจะดำรงใจ เวลาใกล้จะตายจะนิมิต คือ พระพุทธรูป แต่ว่าชาติต่อไป ถ้าเกิดทำกรรมใหญ่คือ บาปใหม่นี่จะลงนรกได้
    <!-- / message --><!-- edit note -->
    การสร้างพระพุทธรูปเหมือนสร้างธนาคารบุญ


    หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
    กล่าวว่า "การสร้างพระพุทธรูปเหมือนการสร้างธนาคารบุญ บุคคลทั้งหลายได้สร้างพระพุทธเจ้า จะได้เสวยให้สมบัติ สิ้นกาลนานนักจะได้อานิสงส์ 5 กัปหรือปรารถนาเป็น พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในภายภาคหน้าก็จะได้ หลวงปู่ถึงได้สร้างพระพุทธรูป ขอบุญพระพุทธเจ้า ขอบุญ(ได้สร้างพระพุทธรูป) อันนั้นช่วยบังคับโรคต่างๆ กรรมต่างๆ เวรต่างๆในตนตัวให้พินาศระงับไป สิ่งที่ไม่ดีก็ให้พินาศไปสิ้น สิ่งที่ดีที่สุดที่เป็นบุญกุศลขอให้คุ้มครองรักษา ขอให้มูลศรัทธาทั้งหลายที่ได้ร่วมสร้างพระพุทธรูป ได้พบปะพระพุทธศาสนา ได้บำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนาบ่อยๆ จนกว่าจะถึงพระนิพพานทุกคน ขอญาติโยม อย่าได้พรากจากศาสนาพระพุทธเจ้า ขอให้ได้บำเพ็ญบารมีไปเรื่อยๆ"

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี กล่าวว่า การถวายพระพุทธรูปไว้ในพระพุทธศาสนา เมื่อผู้ถวายละจากโลกนี้ไปจะได้ไปเกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้า พรหม มีรัศมีกายสว่างมาก ถ้าเกิดเป็นคนจะมีรูปสวย ผิวสวย ส่วนของร่างกายบริบูรณ์ สวยงามมาก
    การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์

    ผู้ถาม
    แล้วเรื่องพระชำระหนี้สงฆ์มีความเป็นมาอย่างไรครับ...?

    หลวงพ่อ
    เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ฉันไปที่ศรีราชา ญาติโยมเขาถาม เรื่องพระชำระหนี้สงฆ์ถ้าหลายๆ ชาตินี้เราไม่รู้เอาอะไรมาบ้าง ถามว่าจะทำอย่างไรฉันก็ไม่รู้เหมือนกันพอตอบไม่รู้ก็เห็นพระท่านลอยมา ท่านบอก "ถ้าจะชำระให้ครบถ้วนเป็นเงินเท่าไรก็ไม่พอ ให้สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอก"
    พระหน้าตัก 4 ศอก ถือว่าเป็นพระประธานมาตรฐาน ท่านบอกว่า "พระพุทธรูปนี่ไม่มีใครตีราคาได้ใช้ในการชำระหนี้สงฆ์ หนี้สงฆ์ที่แล้วๆมาถือเป็นการหมดกันไป"

    ฉันพูดแล้วก็กลับมาวัดต่อมาพวกนั้นก็มาถามใหม่ว่า "สร้างพระองค์เดียวได้คนเดียวหรือกี่คน"ฉันก็ไม่รู้อีกซิ ก็นึกถึงท่าน ท่านก็มาใหม่ ท่านบอกว่า"ถ้าไม่ปิดทองได้คนเดียว ถ้าปิดทองครบถ้วนได้ทั้งคณะ"หมายความว่าบุคคลหลายคนก็ได้ ตัดบาปเก่า ถ้าสร้างใหม่อีกนะสร้างหนี้ใหม่ต่อเป็นหนี้ใหม่เหมือนกันนะ

    ผู้ถาม
    ถ้าหากว่าเรามีสตางค์น้อยๆ แล้วถวายพระจะได้ไหมครับ....?

    หลวงพ่อ
    ถ้าเรามีสตางค์น้อยๆ ก็ใส่ซองเขียนหน้าซองว่า "ชำระหนี้สงฆ์"คือว่าไม่ได้จำกัดทำไปเรื่อยๆ ให้ใจสบาย บาทสองบาทตามกำลังที่พึงทำได้ เขาไม่ได้เกณฑ์ว่าจะสร้างพระหลวงพ่อปานท่านทำอย่างนี้มาก่อน เรื่องสร้างพระนี่เขาถามก็บอกท่านมาบอกอัตรานี้โละกันเลยนะ คือไม่ใช่จะเกณฑ์ให้ไปสร้างพระเพราะทุนไม่พอใช่ไหมเราก็ทำไปเรื่อยใจสบาย
    มีสตางค์รับเงินเดือนมาที่ ทำ 5 บาท ใส่ซองถวายพระบอก "ขอชำระหนี้สงฆ์" ท่านไม่รู้ท่านใช้ผิด ท่านลงนรกเอง ไม่ต้องห่วงถ้าไปกินเป็นส่วนตัวละเรียบร้อยเงินชำระหนี้สงฆ์มันมีค่ากว่าเงินสังฆทานและวิหารทาน ถ้าไปใช้เป็นส่วนตัวไม่ได้ต้องใช้เป็นส่วนกลาง อันตรายกับพระ แต่ช่างเถอะ ถ้าบวชแล้วอยากโง่ให้ลงนรกไปใช่ไหม...."


    ผู้ถาม
    ถ้ามีญาติโยมเอาเงินไปถวายพระแต่ก็เอาเงินไปปลูกบ้านบ้าง ให้ญาติโยมไปออกดอกออกช่อบ้างอยากทราบว่าผลบุญที่ลูกได้ทำแล้ว จะมีอานิสงส์สมบูรณ์แบบหรือไม่เจ้าคะ...?


    หลวงพ่อ
    เขาถวายเป็นของสงฆ์ใช่ไหม เขาถวายเข้าไปในวัดใช่ไหมแล้ววัดไม่ได้ทำอะไร แต่คนในวัดเแาไปปลูกบ้าน เงินนั้นไปที่อื่นใช่ไหมเขาถวายอานิสงส์ มันได้ตั้งแต่ถวาย มีอานิสงส์ครบถ้วน นั่นเขาครบ 100 เปอร์เซ็นต์เลยนะ คนอื่นเอาไปใช่ไหม อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะ
    อานิสงส์มันได้ตั้งแต่เริ่มให้ยิ่งให้ก็ยิ่งอานิสงส์หนักขึ้นเวลาให้ต้องให้ด้วยตนเองใช่ไหมขณะที่พระรับก็เกิดธรรมปิติอิ่มใจ อานิสงส์มันเพิ่มแต่ว่าคนที่นำเอาไปใช้พิเศษคนนั้นลงอเวจีแน่


    ผู้ถาม
    โอ้โฮ...หนักถึงขนาดนั้นเลยหรือครับหลวงพ่อ.....?

    หลวงพ่อ
    ยังเบานะ ถ้า 2-3 คราว ลงโลกันต์


    ผู้ถาม
    นี่ดีนะที่สึกออกมาก่อน ไม่งั่นไปอยู่ใต้พระเทวทัตแน่ๆ


    หลวงพ่อ
    ใต้พระเทวทัตน่ะไม่มีความทุกข์นะ ความทุกข์มันอยู่แค่อเวจีต่ำกว่าอเวจีก็ไม่ถึงโลกันต์


    จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษเล่ม 1
    <!-- / message -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. winonenang

    winonenang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    515
    ค่าพลัง:
    +51
    เรียนคุณอภิลักษณ์
    ;aa36เนื่องด้วยโครงการของกระผมและพี่น้องชาวพุทธที่ร่วมสร้างพระบรรจุกรุจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ ในครั้งนี้ ต่างมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือ ส่งมวลสารศักดิ์สิทธิ์มาร่วมสร้างพระเพื่อเป็นพุทธบูชา
    ;aa36ดังนั้นแล้วกระผมจึงได้สร้างพระผงที่ระลึกแจกเฉพาะผู้ร่วมสร้างบุญเท่านั้นครับ โครงการนี้จะไม่มีการเรียกรับบริจาคปัจจัยใดๆทั้งสิ้นครับ เพราะกระผมใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัว
     
  20. TTT333

    TTT333 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +160
    .

    สวัสดีครับคุณ ศิริพงษ์ เมื่อเช้าตอน4โมงครึ่งผมได้จัดส่งมวลสารไปทางไปรณีย์แล้วนะครับ มีพระแตกหัก.ผงตะไบกรุวัดมหาธาตุ(จำนวนนิดหน่อย).ทรายเสกหลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต จ.กทม.และหญ้าคาเสกพิธีโบราณหลวงพ่อดำ วัดสันติธรรม จ.สระแก้ว และดอกไม้แห้งบูชาพระครับ ขออนุโมทนาในกุศลจิตอันดีงามครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF7095.JPG
      DSCF7095.JPG
      ขนาดไฟล์:
      41.5 KB
      เปิดดู:
      58

แชร์หน้านี้

Loading...