เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 18 สิงหาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,441
    ค่าพลัง:
    +26,269
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,441
    ค่าพลัง:
    +26,269
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันสำคัญของตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ เนื่องเพราะว่าเป็นวันที่กระผม/อาตมภาพกำหนดให้ท่านเกิด..! ความจริงแล้วตุ๊พ่อสิงห์ท่านเกิดเดือนสิงหาคมก็จริง แต่หาวันเกิดที่แน่นอนไม่ได้ เพราะว่าท่านต้องการวันที่กระผม/อาตมภาพว่าง ดังนั้น..ถ้ากระผม/อาตมภาพว่างวันไหน ท่านก็จะเกิดวันนั้น..!

    เมื่อทางวัดพร้อมแล้วก็ได้นำเอารถไฟฟ้า ขออภัย..ฟังดูหรูมาก แต่ความจริงคือรถที่พวกเราเรียกว่า "รถกอล์ฟ" มารับไปยังสวนลำไยของวัด ที่กำลังออกผลดกเต็มไปหมด คาดว่าน่าจะมีผลผลิตหลายตัน..!

    เหตุที่ต้องข้ามไปทางด้านนั้น เพราะว่าในกำหนดการให้ไปทำการบวงสรวง เพื่อยกยอดฉัตรพระจุฬามณีเจดียสถาน ที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าภาพใหญ่ในการสร้าง ต้องบอกว่าเป็นงานที่สร้างได้ช้ามาก
    เรื่องของการก่อสร้างนั้นขึ้นอยู่กับดวง ก็คือถ้าได้ช่างที่มีฝีมือและเอาใจใส่ในงาน ต่อให้แพงสักหน่อยก็ควรที่จะจ้างเอาไว้

    แบบเดียวกับช่างที่กระผม/อาตมภาพได้จ้างให้ทำการก่อสร้างตั้งแต่เกาะพระฤๅษี มาจนกระทั่งวัดพุทธบริษัท วัดท่าขนุน อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ประมาณปี ๒๕๔๘ จนกระทั่งบัดนี้ ทางฝ่ายช่างเองก็สบายใจว่าทำงานกับวัดท่าขนุนแล้วได้เงินแน่นอน ส่วนทางกระผม/อาตมภาพก็สบายใจ เพราะว่าผู้รับเหมาเอาใจใส่ติดตามดูแลงาน ตลอดจนกระทั่งจัดหาวัสดุทุกอย่างให้ แต่ว่าช่างของตุ๊พ่อสิงห์น่าจะอยู่ในลักษณะทำงานแบบ "เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ" งานจึงได้เชื่องช้ามาจนบัดนี้ แต่ก็ยังดีที่ได้ทำการยกฉัตรขึ้นมาก่อน ส่วนประกอบอื่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่อยมาว่ากันทีหลังได้

    เมื่อไปถึงได้สักครู่หนึ่ง ปรากฏว่าหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตรก็มาถึง ติดตามมาด้วยครูบาเหนือชัย โฆสิโต นักบุญแห่งขุนเขา เจ้าสำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทอง แล้วก็เป็นตุ๊พ่อสิงห์ ต่อมาด้วยหลวงพ่อบุญส่ง อุปสโม ซึ่งปัจจุบันเป็นพระครูสัญญาบัตร น่าจะเป็นพระครูพิศาลสันติคุณ เจ้าอาวาสวัดเขาแร่ในพระสังฆราชูปถัมภ์

    เมื่อทุกคนมาถึงกันพร้อมและโต๊ะบวงสรวงเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ทำการบวงสรวง แต่ว่างานนี้ไม่ได้ขออนุญาตยกฉัตรอย่างเดียว หากแต่
    ประกาศให้ทุกท่านในทุกภพทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า ร่วมกันอนุโมทนาในงานเพื่อพระพุทธศาสนาในครั้งนี้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,441
    ค่าพลัง:
    +26,269
    เมื่อบวงสรวงเสร็จแล้วมีการฟ้อนเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ปรากฏว่าช่างฟ้อนหญิงที่เป็นนักเรียนตัวน้อยออกมาฟ้อนดาบ ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก การ "ฟ้อนเจิง ฟ้อนดาบ" เหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของผู้ชาย พอ ๆ กับการตีกลองสะบัดชัย แต่ว่านี่นักเรียนหญิงออกมาฟ้อนดาบ แล้วก็มีการรำถวายการต้อนรับและถวายเป็นพุทธบูชาด้วย กระผม/อาตมภาพจึงแจกรางวัลให้ไปตามระเบียบ

    ในขณะที่ทำการฟ้อนอยู่ก็มีเทวดาท่านหนึ่ง รูปร่างองอาจผึ่งผายมาก มายืนทำความเคารพอยู่ใกล้ ๆ ชี้ไปที่เด็กหญิงช่างฟ้อนคนหนึ่ง บอกว่าเป็นลูกหลานของท่านเอง จึงได้ถามท่านว่าเป็นใคร ท่านบอกว่าท่านเป็น "ต้นเก๊าจาวลัวะ" ก็คือบรรพบุรุษของเหล่าคนลัวะ

    กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งทราบว่า บรรดาคนลัวะที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนป่าคนเยิง ก็ไม่นึกว่าจะมีบุคคลที่สร้างคุณงามความดีจนกระทั่งเป็นเทวดาได้เหมือนกัน เพราะว่าไปหลายที่ก็เห็นเขาเลี้ยงผีลัวะ มีการเชือดควายเพื่อที่จะทำการเลี้ยง กระผม/อาตมภาพก็ยังคิดว่า บรรดาบรรพบุรุษของชาวลัวะน่าจะมาจากภูมิต่ำ แต่รายนี้มาจากเทวดาชั้นจาตุมหาราช ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน

    เมื่อการฟ้อนและแจกรางวัลเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ไปทำการยกฉัตร ซึ่งขณะที่ยกฉัตรก็ได้เห็นว่าบนยอดฉัตรนั้น ตุ๊พ่อสิงห์ได้จารพระคาถาเอาไว้ ก็คือ พระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ตลอดจนกระทั่งยันต์เกราะเพชรด้วย ไม่ทราบว่าคนอื่นตาดีพอจะมองเห็นหรือไม่ ? เพราะว่าอยู่สูงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่บังเอิญกระผม/อาตมภาพมักจะมีสายตายาวในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จึงได้มองเห็นอย่างชัดเจน

    เมื่อทำการพรมน้ำมนต์ขอบารมีพระท่านสงเคราะห์แล้ว พวกเราทั้งหมดก็ทำการอัญเชิญยอดฉัตร ๙ ชั้นขึ้นสวมบนยอดพระจุฬามณีเจดียสถาน เป็นเครื่องประกันว่างานเสร็จแล้ว เรียกว่าเป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่ง ก็คือส่วนที่สำคัญที่สุดเชิญขึ้นไปแล้วถือว่าเสร็จ ส่วนที่เหลือค่อยมาเพิ่มเติมเอากันทีหลัง

    หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังศาลาอเนกประสงค์พระราชพรหมยาน ซึ่งเป็นศาลาทำบุญเดิม แต่ว่าได้รับการปรับใหม่ทำให้ดูกว้างขวางขึ้นจากเดิมมาก เนื่องเพราะว่าในส่วนด้านหลังอาสนะสงฆ์ ที่เคยเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับจัดวางสิ่งของ หรือว่าให้ผู้ทำงานได้อยู่อาศัย โดนรื้อออกไปจนหมด แล้วเอาอาสนะสงฆ์ไปตั้งติดผนังเลย ทำให้สามารถรองรับผู้คนเพิ่มได้อีกเป็นร้อยคน..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,441
    ค่าพลัง:
    +26,269
    เมื่อไปถึงกระผม/อาตมภาพ พร้อมด้วยตุ๊พ่อสิงห์ และท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิ์ลังกา ก็ได้นั่งรับศรัทธาญาติโยม บอกกล่าวบางเรื่องที่ควรจะบอก และพยายามที่จะไม่บอกบางเรื่องที่ไม่ควรจะบอก จนกระทั่งทุกอย่างพร้อมแล้ว กระผม/อาตมภาพก็อาราธนาตุ๊พ่อสิงห์เข้าสู่ซุ้มสืบชะตา

    เมื่อท่านนั่งเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็ออกมาจุดเทียน ไม่ว่าจะเป็นเทียนสัตตบริภัณฑ์ เทียนบูชาเทวดานพเคราะห์ เทียนค่าคิง เทียนมงคลซ้ายขวา แม้กระทั่งเทียนขันแก้ว ๕ โกฐากและเทียนธาตุ ๔ สำหรับผู้รับการสืบชะตา

    คำว่าขัน ๕ โกฐากนั้นประกอบไปด้วยเทียน ๕ ต้น

    เทียนต้นที่ ๑ แทนการบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุเจดีย์ทั่วทั้งสากลทวีป ตลอดจนกระทั่งต้นโพธิ์ทุกต้น

    เทียนต้นที่ ๒ แทนการบูชาพระธรรม

    เทียนต้นที่ ๓ แทนการบูชาพระอริยสงฆ์ทั้งหมด

    เทียนต้นที่ ๔ บูชาครูอุปัชฌาย์อาจารย์

    เทียนต้นที่ ๕ บูชาครูสอนพระกรรมฐาน

    ดังนั้น..ถ้าท่านทั้งหลายสงสัยว่าเทียน ๕ โกฐากนั้นมีเอาไว้เพื่ออะไร ก็คือเพื่อบูชา ๕ ประการดังที่ได้กล่าวมานี้


    แล้วกระผม/อาตมภาพก็ต้องนำเอาลูกแก้วอินทนิล ซึ่งได้รับมาเนิ่นนานแล้ว และแทบจะไม่ได้ใช้งานเลย เอามาประกอบในพิธีครั้งนี้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ทางด้านวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ได้จัดสร้างวัตถุมงคลหลายอย่างหลายประการด้วยกัน ที่จำได้ก็มีเบี้ยแก้ มีลูกอมเมฆสิทธิ์ มีพระปิดตาหนุนดวง มีพระกริ่งพิชัยสงคราม มีพระขรรค์ มี "ลูกแก้วอินทนิลน้อย"

    กระผม/อาตมภาพไม่ได้คิดจะนำแก้วอินทนิลออกมาใช้งาน เนื่องเพราะว่า
    ถ้าไม่มีคำสั่งจากท่านปู่พระอินทร์เจ้าของดวงแก้วก็จะไม่นำออกมา ปรากฏว่างานนี้ท่านปู่พระอินทร์ท่านมากำกับด้วยองค์ท่านเอง จึงจำเป็นที่จะต้องนำออกมาตั้งเป็นองค์ประธาน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,542
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,441
    ค่าพลัง:
    +26,269
    ระหว่างที่กราบอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหมเทวดาทั้งหมด ก็ยังได้กราบเรียนสอบถามท่านปู่พระอินทร์ว่า ในเมื่อนำเอาแก้วอินทนิลมาประกอบอยู่ในพิธีจะมีอานุภาพอย่างไร ?

    ท่านบอกว่านอกจากอานุภาพอื่นที่พระท่านอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้แล้ว ในส่วนของท่านก็คือสร้างความชุ่มเย็น ดับร้อนให้กับสถานที่ต่าง ๆ แล้วก็ทำภาพให้เห็นว่าท่านถือมหาสังข์เอาไว้ในมือ เทโปรยปรายน้ำมนต์ลงมาประดุจดังฝนตก ที่สร้างความสงบร่มเย็นให้กับทุกสถานที่ ถ้าหากว่าใครบูชาไป ก็ขอให้รำลึกถึงท่านปู่พระอินทร์ด้วย


    เมื่อเสร็จพิธีแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้ทำการพรมน้ำพระพุทธมนต์ในวัตถุมงคลทั้งหมด พร้อมกับโปรยข้าวตอกดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา จากนั้นก็รีบเก็บแก้วอินทนิลอย่างเร่งด่วน เหตุเพราะว่าถ้ามีคนรู้เข้า เดี๋ยวก็จะไปรุมถ่ายรูปกันอีก

    ต่อจากนั้นก็ได้มาทำการผูกข้อมือถวายให้กับตุ๊พ่อสิงห์ ซึ่งบรรดาพระเถระชาวล้านนาที่มาร่วมงานส่วนใหญ่ก็บอกว่า "ขอหื้ออยู่ร้อยซาวปี๋เน้อ" กระผม/อาตมภาพเองก็ได้แต่สั่นหัว เนื่องเพราะว่าตัวเองอายุแค่ ๖๐ กว่าปีก็ "แทบจะตะบันน้ำกิน" แล้ว รู้ดีว่าคนแก่นั้นลำบากขนาดไหนที่จะอยู่ อายุ ๘๐ กว่าปีนี้ก็แทบจะต้องลากสังขาร เดินก้าวหนึ่งหอบครั้งหนึ่งแล้ว ยังจะมาอวยพรให้อยู่ ๑๒๐ ปี แต่ก็แล้วแต่น้ำใจของท่านก็แล้วกัน

    ระหว่างที่ผูกข้อมือก็กราบเรียนตุ๊พ่อว่า "กระผมขออนุญาตลากลับเลยนะครับ ไม่ได้อยู่ฉันเพลด้วย" แล้วก็กลับสู่อาสนะของตนเอง เมื่อพิธีการ "ฮ้องขวัญ" ซึ่งทำโดยพระครูปลัดฟลุก (พระครูปลัดธีร์นวัช ญาณสิทฺธิวาที) เจ้าอาวาสวัดยางกวง จังหวัดเชียงใหม่ เสร็จลงแล้ว ตุ๊พ่อสิงห์ก็ได้ถวายปัจจัยไทยธรรมให้กับกระผม/อาตมภาพ ซึ่งพอรับแล้วก็กราบลาพระประธาน พนมมือไหว้บรรดาพระเถรานุเถระทุกรูปรอบทิศ แล้วก็ตรงมาขึ้นรถ เดินทางออกจากวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่เลย

    คาดว่าคืนนี้กว่าจะถึงที่พักก็คงจะดึกตามเคย แต่ว่าในระหว่างที่เดินทางอยู่ เมื่อถึงเวลาก็ต้องบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เพื่อให้ท่านทั้งหลายที่รอฟังอยู่จะได้มีเสียงธรรมเอาไว้ฟังทุกวันโดยไม่ขาดตอน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...