เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 พฤษภาคม 2025 at 19:56.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,715
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,738
    ค่าพลัง:
    +26,607
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,715
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,738
    ค่าพลัง:
    +26,607
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ก่อนอื่นต้องแสดงความเสียใจและไว้อาลัย ที่พระครูกาญจนปัญญาวุฒิ (พูลศักดิ์ ปญฺญาวุโธ) เจ้าอาวาสวัดเขื่อนวชิราลงกรณ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ได้มรณภาพลงเมื่อตอน ๔ โมงเย็นวันนี้เอง

    ต้องบอกว่าด้วยความที่อยู่ด้วยกันมานาน ถ้าถามว่านานขนาดไหน ? กระผม/อาตมภาพมาทองผาภูมิปีแรกก็คือปี ๒๕๓๒ พูดง่าย ๆ ว่ามาถึงตอนที่ท่านบวชใหม่ ๆ เลย เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าอย่างเมื่อวานที่มหาจุก (พระมหาอินทรปกรณ์ ฐิตสุโภ ป.ธ. ๔) เห็นว่าหลวงพ่อพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ต้องนำพระเณรในวัดมากราบกระผม/อาตมภาพก่อน ก็เพราะว่าทั้งสองท่านบวชไล่ ๆ กัน แล้วตอนนั้น กระผม/อาตมภาพได้ ๘ พรรษาเข้าไปแล้ว

    ด้วยความที่อยู่กันมานาน รู้ใจกันดี ทำงานเข้าขากันดี จนกระทั่งพระสังฆาธิการอำเภออื่น ๆ ปรารภว่า "ทำไมอำเภอทองผาภูมิเขารักกันแท้วะ ?" ก็เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าไม่มีการอิจฉาริษยากัน ไม่มีการแย่งยศแย่งตำแหน่งกัน อยู่ที่ไหนเราก็รักกันได้ ถือว่าเป็นการสูญเสียเจ้าคณะปกครองระดับสูงของอำเภอทองผาภูมิไปอีกรูปหนึ่ง

    ส่วนที่สองขอแสดงความยินดีกับนักเรียนบาลี สำนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีวัดท่าขนุน ตั้งแต่พระมหามนูรักษ์ ฐิตคุโณ ที่สอบผ่านในรอบแรก แล้วก็มาพระมหาสุบรรณรักษ์ ปญฺญาวุฑฺโฒ พระมหาวสุพล อภิปุญฺโญ สอบผ่านในรอบที่สองในส่วนของประโยค ๔ แล้วก็มาในส่วนของพระมหาสรายุทธ์ ปณฺฑิโต ที่สอบผ่านประโยค ๓ เป็น "พระมหา" อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว

    ส่วนพระโชคชัย กิตฺติโก พระราวิน อรุโณ และพระสุรศักดิ์ อินฺทโก ก็สอบประโยค ๑ - ๒ ได้ ปีนี้วัดเราส่ง ๑๑ รูป สอบผ่านได้ ๗ รูป ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่นัก โดยเฉพาะปีนี้ ประโยค ๑ - ๒ ของจังหวัดกาญจนบุรี ส่ง ๔๐ กว่ารูป มีแต่ของวัดท่าขนุนเท่านั้นที่สอบผ่าน ในส่วนที่เหลือก็ต้องใช้ความเพียรพยายามกันต่อไป
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,715
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,738
    ค่าพลัง:
    +26,607
    ส่วนพรุ่งนี้จะมีการเคลื่อนศพของหลวงพ่อพระครูกาญจนปัญญาวุฒิ มาที่วัดเขื่อนวชิราลงกรณ ขอมอบหมายให้เลขาฯ จุก นำเพื่อนพระสัก ๓ - ๔ รูป ไปช่วยกันจัดสถานที่ตั้งแต่ช่วงเช้าเลย ถ้าเขาไม่มีข้าวปลาอาหารเลี้ยง ปัจจัยที่กระผม/อาตมภาพมอบไปให้ สามารถใช้สั่งอาหารมาเลี้ยงกันได้

    ในเรื่องของการคณะสงฆ์นั้นอยู่กันด้วยความเสียสละและน้ำใจ ความเสียสละของเราก็คือต้องเอางานส่วนรวมเป็นใหญ่ อย่างที่กระผม/อาตมภาพบอกกับพวกเราทุกคนว่า ถืองานคณะสงฆ์เป็นใหญ่ ไม่เอาในเรื่องของญาติโยม เนื่องเพราะว่าโดยเฉพาะญาติโยมทั่ว ๆ ไป ความต้องการของเขาไม่มีที่สิ้นสุด ขนาดกระผม/อาตมภาพฉันเพลอยู่ เขายังบอกว่า "ไม่เป็นไร ขอเวลาแค่ ๕ นาที"
    กระผม/อาตมภาพจึงบอกว่า "นั่นไม่เป็นไรของมึง แต่ของกูนั้นเป็นมากเลย เพราะว่ากำลังกินอยู่..!" ในเมื่อเป็นในลักษณะเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงไม่อยากให้ญาติโยมมาก่อกรรมทำเข็ญกับพระมากมายนัก วิธีที่ดีที่สุดก็คืออย่าไปยุ่งด้วยเลย หมดเรื่องหมดราวไป..!

    โดยเฉพาะหลายท่านในระยะนี้ ลากลับบ้านกันตามสิทธิ์ของตนเอง ขอให้ระมัดระวังและสังเกตเอาไว้ด้วย การระมัดระวังข้อแรกก็คือส่วนใหญ่ทางบ้านจะเอาเรื่องร้อนหู ร้อนตา ร้อนใจ มายัดเยียดให้กับพระเณรของเรา ถ้าหากว่าของเราพลอย
    ไปมีอารมณ์ร่วมไปด้วย เดี๋ยวก็ต้องสึกหาลาเพศกันหมด..!

    อีกส่วนที่ต้องระวังก็คือเมื่อกลับมาแล้ว ต้องมาเข้าระเบียบวินัยของทางวัด ซึ่งเป็นการบังคับฝึกฝนตนเอง เรารู้สึกว่าอยากจะไปอีกหรือไม่ ? ถ้ารู้สึกว่าอยากจะไปอีก เพราะว่าอิสระดี ไม่ต้องทำอะไรตามระเบียบแบบตอนอยู่ที่วัด ขอให้รู้ว่าท่านกำลังหาที่ตาย..! เนื่องเพราะว่าเท่ากับเปิดโอกาสให้กิเลสกินเราได้ในทุกรูปแบบ..!

    ขนาดอยู่วัด สวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต เจริญกรรมฐานกันอยู่ทุกวัน กำลังยังไม่พอที่จะสู้กิเลส ถึงเวลาแล้วเรากลับไปปล่อยตัวตามสบาย อาจจะเป็นเพราะว่าเห็นครูบาอาจารย์ท่านทำ หรือว่าเห็นรุ่นพี่ท่านทำ โปรดทราบไว้ด้วยว่า "นั่นคือตัวของท่าน ไม่ใช่ตัวของเรา" ของท่านเองถ้าปฏิบัติไปถึงระดับหนึ่ง พอมีหลักเกณฑ์มีอะไรแล้ว ท่านสามารถที่จะผ่อนคลายตัวเองได้ แต่ของเราเองที่ยังเป็นผู้ใหม่อยู่ ถ้าไปผ่อนคลายแต่แรก มักจะเอาตัวไม่รอด
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,715
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,738
    ค่าพลัง:
    +26,607
    การที่พวกเราบวชเข้ามา ส่วนที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดก็คือ รักษากำลังใจของตนเอง อย่าให้ความเศร้าหมองต่าง ๆ เข้ามากินใจของเราได้ โดยเฉพาะต้องมีความเป็นกลางต่อทุกคน

    อย่างวันนี้บรรดาผู้สมัครเพื่อลงรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรี ทั้งของตำบลทองผาภูมิและตำบลท่าขนุน เข้ามากราบขอพร กระผม/อาตมภาพก็ให้ไปตามปกติ แต่ส่วนที่ให้เป็นข้อคิดเลยก็คือว่า "ทำอย่างไรที่หลังเลือกตั้งแล้ว พวกเราจะกลับมารักกันได้เหมือนเดิม ในฐานะคนในชุมชนเดียวกัน เพราะว่าตอนเลือกตั้งก็ฟาดฟันกันไปมาก"

    ถ้าเรามองเจตนาดีว่าทุกคนตั้งใจจะเข้ามาช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือชุมชนของเรา ก็แปลว่าทุกคนหวังดีปรารถนาดีต่อประชาชน แล้วในเมื่อความปรารถนาเหมือนกัน ทำไมหลังเลือกตั้งแล้วถึง "ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ" ? ทำไมถึงกลับไปรักกันเหมือนเดิมไม่ได้ ? เพื่อที่จะช่วยกันทำให้ชุมชนของเราเจริญขึ้น ด้วยความที่บุคคลระดับนั้นอายุมากแล้ว เป็นผู้มีอิทธิพล จึงไม่มีใครกล้าพูดกล้าตักเตือน ก็คงจะมีแต่กระผม/อาตมภาพ ที่ฟาดกันแบบไม่ไว้หน้ามาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้..!

    เนื่องเพราะว่าถ้าพระของเราไม่เป็นกลางนี่จะเสียหายมาก ทุกท่านจะเห็นว่าทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งระดับประเทศ คือ ผู้แทนราษฎร หน่วยงานของคณะสงฆ์ หรือว่าส่วนราชการที่กำกับดูแลคณะสงฆ์ จะมีคำสั่งลงมาทุกครั้งว่า "ไม่ให้พระภิกษุสามเณรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง" แต่เรื่องพวกนี้ก็ทำได้เฉพาะบุคคลที่ละอายชั่วกลัวบาปเท่านั้น ในส่วนที่เหลือถ้ายังคิดถึงแต่พวกพ้องหรือว่าญาติโยมของตนเอง ก็อดที่จะช่วยเหลือกันไม่ได้

    กระผม/อาตมภาพยังดีว่าจนป่านนี้ยังสามารถรักษาความปรารถนาดั้งเดิมของตน ก็คือเราเป็นพระ เป็นศูนย์กลางของชุมชน ไม่ควรที่จะไปเข้าข้างทีมใดทีมหนึ่ง หรือคณะใดคณะหนึ่ง ถ้าหลายท่านสังเกตจะเห็นว่า ไม่ว่าคนจะร่ำรวยหรือยากดีมีจน จะยิ่งใหญ่หรือต่ำต้อยขนาดไหน ถ้ามาถึง กระผม/อาตมภาพรับเขาเสมอกัน พวกท่านก็จะเห็นนายพลนายพัน หรือว่าคุณหญิงคุณนายก็ต้องมานั่งแปะกับพื้นเหมือนกัน จนกระทั่งหลายต่อหลายท่านไม่พอใจที่ไม่ให้เกียรติ ไม่ให้การต้อนรับที่ดีกว่านี้ แล้วก็ไม่มาอีกเลย ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ดีใจมากที่เป็นอย่างนั้น..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,715
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,738
    ค่าพลัง:
    +26,607
    เนื่องเพราะว่าการเอาใจญาติโยมนั้นเราอาจจะศีลขาดโดยไม่รู้ตัว พระพุทธเจ้ากำหนดเอาไว้ว่า "ห้ามมิให้ภิกษุประทุษร้ายตระกูลด้วยการประจบคฤหัสถ์"

    ถ้าพวกท่านสังเกตจะเห็นว่า ในปัจจุบันนี้พวกเราน่าจะถึง ๗๐ - ๘๐ เปอร์เซ็นต์เลยที่ประจบคฤหัสถ์ โดยเฉพาะบางนิกายถึงขนาดใช้วิธีผูกใจ โทรไปหากันได้ทุกวัน หรือว่าทุกอาทิตย์ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเรื่องไม่มีราวอะไร แต่ว่าเพื่อไม่ให้เขาลืมตัวเอง..!

    ถึงเวลาทางครอบครัวเขามีงานบวช งานแต่ง งานศพ ก็จะรีบไปร่วมบุญด้วยทั้งหมด เจตนาก็คือเพื่อที่จะดึงเขาเอาไว้กับวัดตัวเอง ถ้าลักษณะอย่างนี้ เป็นกระผม/อาตมภาพ ถือว่าตั้งใจประจบคฤหัสถ์ไปแล้ว..! เราบวชเข้ามา สิ่งที่จะทำให้เราเป็นพระหรือไม่เป็นพระ อยู่ที่ศีล ถ้าไม่สามารถรักษาศีลได้ ความเป็นพระของเราก็บกพร่องไป รักษาได้น้อย ความเป็นพระก็เหลือน้อย รักษาได้มาก ความเป็นพระก็มีมาก

    กระผม/อาตมภาพถึงได้ให้โอวาทในงานอบรมพระนวกะอยู่เสมอว่า "ทุกวันนี้ไม่ได้มีความปรารถนาอะไรมาก นอกจากบวชพระภิกษุเข้ามาแล้ว ขอให้ชาวบ้านไหว้ได้เต็มมือก็พอ" จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายต้องตระหนักถึง "สมณสารูป" ว่าเราเป็นพระ ต้องวางตัวอย่างไร ก็แค่เป็นไปตามกรอบของศีลและเสขิยวัตรเท่านั้น

    อีกส่วนหนึ่งก็คือ "สมณสัญญา" เราต้องนึกอยู่เสมอว่า "บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำอาการกริยานั้น ๆ"

    ทุกท่านจะเห็นว่าการเป็นพระเป็นเณรจริง ๆ แล้วงานไม่มาก แต่ด้วยความที่โดนกิเลสชักจูงบ้าง ศึกษามาไม่ครบบ้าง จนทำให้กลายเป็นทำผิดทำพลาด อันดับแรกเลยคือ
    สร้างความเสียหายให้กับตนเอง ก็คือบวชเข้ามาแล้ว ยิ่งห่างมรรคห่างผลออกไปทุกที เพราะว่าการปฏิบัติในตอนเป็นพระของเรา ถ้าหากว่าทำดี อานิสงส์ก็มีเป็นแสนเท่า แต่ถ้าหากว่าทำชั่ว ก็โดนลบเป็นแสนเท่าเหมือนกัน กลายเป็นซ้ำเติมตัวเองให้ตกต่ำลงไปทุกวัน..!

    อันดับต่อไปก็คือ เราทำอะไรอยู่ในสายตาชาวบ้านเขาเสมอ ชาวบ้านรอบวัดนี่แทบจะรู้ดีที่สุดว่า พระเณรแต่ละรูปมีความประพฤติปฏิบัติอย่างไร ถ้าหากว่าเราทำดีทำถูก ทำเป็นร้อยครั้ง เขาจะชมสักครั้งก็ยาก แต่ถ้าทำผิดเมื่อไรก็ โดน "ทัวร์ลง" ทันที..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    21,715
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,738
    ค่าพลัง:
    +26,607
    เราจึงต้องตระหนักทั้งใน "สมณสารูป" และ "สมณสัญญา" ของเราอยู่เสมอ เป็นพระบวชใหม่จำเป็นต้องระมัดระวัง รักษาตนให้อยู่ในกรอบของศีลและการปฏิบัติธรรมเอาไว้ ยังไม่จำเป็นจะต้องไปคบค้าสมาคมกับใครก็ได้ ถ้าท่านทั้งหลายสามารถอยู่ได้ไปนาน ๆ รู้จักคนแค่ปีละคนสองคน สมมติว่า ๑๐ ปีผ่านไป ไอ้ ๑๐ คน ๒๐ คนนั้นผลัดกันมา ท่านก็ไม่ต้องกินไม่ต้องนอนแล้ว..!


    อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงที่สถานการณ์โลกและประเทศชาติไม่ดีเอามาก ๆ ถ้าใครคิดจะสึกหาลาเพศไปเพื่อหางานหาการอะไรทำ ก็อยู่ต่อไปก่อนเถอะ..! ถ้าใครสึกไปช่วงนี้แล้วหางานทำได้ นั่นต้องเป็นสุดยอดฝีมือที่เขาต้องการจริง ๆ ประเภททั่ว ๆ ไปก็ไป "เตะฝุ่น" "วิจัยฝุ่น" เสียเปล่า..! อยู่สร้างกุศลให้กับตนเอง พอสถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่อยสึกหาลาเพศไป อาศัยบุญอาศัยกุศลที่เราสร้างในตอนเป็นพระ ซึ่งเท่ากับว่าเราสะสมคุณงามความดีไปเรื่อย

    เรื่องของบุญกุศลก็เหมือนกับคนมีเงิน ถึงเวลาใครมีบุญมาก ทำอะไรก็สะดวกคล่องตัวไปหมด เหมือนกับคนมีเงินมาก ทำอะไรก็สะดวกคล่องตัวไปหมด แต่เรื่องพวกนี้ก็ว่ากันไม่ได้ โบราณเขาบอกแล้วว่า "ฝนจะตก แดดจะออก พระจะสึก ขี้จะแตก" ไม่มีใครห้ามได้ พวกท่านจะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพไม่เคยห้ามพระที่สึกเลยแม้แต่รายเดียว คือถ้าใจเขาไม่คิดที่จะอยู่แล้ว ห้ามไปก็เท่านั้นเอง..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...