เวลาทุกข์ท้อ คุณให้กำลังใจตัวเองอย่างไร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย อสุนีบาต, 14 มกราคม 2014.

  1. อสุนีบาต

    อสุนีบาต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +237
    บ้างครั้งเรารู้สึกท้อ และเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตอย่างไม่มีสาเหตุค่ะ
    เราเพิ่งได้ในสิ่งที่หวังมานาน แต่มีความสุขได้ไม่นานความทุกข์ก็มาเยือน เมื่อนึกถึงเรื่องอนาคต...ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิด เรารู้

    เราให้กำลังใจตัวเองจนไม่รู้จะให้อย่างไรแล้ว

    อยากถามคนในห้องนี้ว่าเวลาตัวเองท้อให้กำลังใจตัวเองยังไง มีข้อคิดเด็ดๆเตือนใจตัวเองยังไงให้สู้ต่อบ้างคะ

    เราเคยเป็นคนที่เข้มแข็งมาโดยตลอด แต่พอถึงจุดๆหนึ่งมันกลับจะทำท่าล้มลงซะงั้น ขอผู้มีเมตตาช่วยพยุงหัวใจ(อดีต)นางสิงห์คนนี้ให้กลับมาสู้เหมือนเดิมได้ไหมคะ
     
  2. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    อัตตา อุปทาน คือ สิ่งที่ผูกมัดเราให้เกิดทุกข์อย่างที่สุด

    ดฉันเองก็ยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก สองสามวันนี้จะแวะไปไหว้อนุสาวรีย์
    ท่าน ดยุ๊ค วิลเลี่ยม ขอกำลังใจให้สู้ ให้เข้มแข็ง เหมือนท่าน

    ดิฉันนะเจอปัญหาน่าจะหนักยิ่งกว่าทุกๆคนในเวปนี้ก็ว่าได้
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต้องยอมรับว่าปัญหาทุกปัญหาเราต่างเป็นผู้เลือกเอง
    อันเนื่องมาจากอัตตา อุปทาน กิเลส ของเราเอง

    เท้าข้างนึง แทบจะเหยียบเข้าไปในคุกก็ว่าได้ และชีวิตก็ไม่ได้มีอิสระ
    ต้องทำตามการวางแผน คำสั่งของผู้อื่น อันเนื่องมาจากความดื้อ
    ด้าน ดื้อรั้น ไม่ยอมทำตามระเบียบของกฏที่วางไว้
    ผู้มีอำนาจ ริบบัตรประชาชน บัตรธนาคาร ทุกอย่าง
    ใช้ชีวิตเหมิอนเด็กเล็กๆที่มีคนจ่ายเงินให้ซื้อของกิน
    เป็นอาทิตย์ๆ และมีคนมาตรวจดูเรื่อยๆว่าทำตัวดี ไม่ดื้อรั้นแหกกฏหรือไม่

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2014
  3. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    <iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/bWqvR1ucaDc" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  4. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ทุกข์ท้อ กับ สุขฮึกเหิม

    ถ้าภาวนา อานาแานุสติ จนนิวรณ์สงบ
    และจิตไม่หยาบจนสติขาด
    จะพบว่ามันคืออันเดียวกัน

    เหมือนกระจกหน้าต่าง รถหรือบ้าน
    เพียงแต่ว่าอันหนึ่งอยู่ในบ้านหรือรถ อันหนึ่งอยู่นอก

    เกิดจากการชินในการใช้ความสุข และฮึกเหิม
    ในการปฏิบัติการต่างๆ
    ตีองหัดใช้ อุปกรณ์อื่นๆ ทดแทน
    เช่นความปลด ความปลง
     
  5. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เช่น ถ้าเราเล่นกีฬาที่มีความสวบสงัด
    เป็นประเวณีในการแข่งขัน เป็นองประกอบในการแข่งขัน
    คู่ประลองของเราดันให้ความสำคัญกับการลดทอนขวัญและกำลังใจเรา
    อย่างมีนัยยะ เราเพียงแต่ปรงให้ตกว่า มันก็แค่ข้างใน กะข้างนอก

    คู่แข่งเค้าปรุงให้เราเอง

    มันเป็นทักษะเป็นวิชาพละ ในพระพุทธศาสนา
     
  6. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ให้คนจดจ่อว่านี้ข้างในหรือข้างนอก
    ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
     
  7. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เค้าเรียก
    ทำอารมณ์ มีข้างใน ข้างนอก
     
  8. อิ๊ด

    อิ๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +551
    เราเลือกที่จะไม่สู้ก็ได้นะครับ ในเมื่อเราไม่สู้ เราก็ไม่มีอะไรจะท้อ อย่าตั้งเป้าหมาย อย่าไหลลงต่ำ พยายามรักษามาตรฐานไว้ เท่านั้นก็พอ
     
  9. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,916
    สาธุ สาธุ สาธุ

    ขออนุญาตแสดงความแนะนำนะครับ

    ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ไม่รู้จะแนะนำอย่างไรดี เอาเป็นประสบการณ์ของตัวผมเองดีกว่าเผื่อว่าเจ้าของกระทู้ถูกจริตกับตัวเอง

    สำหรับตัวผมเองแล้วเวลาเกิดทุกข์สมัยที่ยังเด็กจนถึงยังไม่ไม่เข้าธรรมมะ ทุกๆเรื่อง ผมจะพาตัวเองออกไปอยู่กับธรรมชาติ ปลีกไปอยู่ที่เงียบๆ เช่น ใต้ต้นไม้นอกบ้าน ถ้าเป็นเด็กอยู่ก็จะคิดอะไรไปเรื่อยๆ นอนกับพื้นดินให้สัมผัสกับธรรมชาติมากที่สุด สูดลมหายใจลึกๆ เมื่อโตเป็นวัยรุ่นขึ้นมาก็ทำเช่นเดิม แต่จะคิดละเอียดมากขึ้น คิดทุกเรื่องความรัก ชีวิตที่จะดำเนินต่อไป การใช้ชีวิต เมื่อสบายใจแล้วกลับเข้าบ้านตามปกติ แต่โชคดีที่ว่าผมไม่ค่อยมีเรื่องทุกข์หนัก อาจจะเป็นที่ว่าตอนเด็กๆคิดไว้มาก เลยระมัดระวังเรื่องที่จะทุกข์เอาไว้แล้ว พอเข้าสู่วัยทำงานและมีครอบครัว จึงไม่ค่อยเจอปัญหาทุกข์เหล่านั้น เมื่อเข้าศึกษาธรรมมะจะเป็นทุกข์อีกแบบหนึ่ง ที่ไม่ใช่ทุกข์ทางโลกแต่เป็นทุกข์ทางธรรม ว่าตัวเองจะเลือกเดินทางเดินของตนเองอย่างไร กว่าจะค้นพบตัวเองก็ใช้เวลาพอสมควร เหมือนที่พระพุทธองค์สอนไว้ทางสายกลางดีสุด ตึงเกินไปก็ไม่ดี หย่อนเกินไปก็ไม่ดี

    วิธีในการดับทุกข์ให้กับตนเอง ให้มองมุมตรงข้ามกับทุกข์ที่เกิด ณ ปัจจุบัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วจะมี 2 ด้านเสมอ เราทุกข์อะไรอยู่ให้มองไปอีกด้าน แล้วใช้ปัญญาพิจารณา อย่าสรุปจนกว่าจะทำให้ทุกข์นั้นวางเฉย สิ่งแรกที่ให้มองก่อนอื่นเลยคือ พระพรหมประจำตัวเรา คือ "พ่อและแม่" หรือบุคคลที่เลี้ยงเราดูจนทำให้เราเป็นคนอยู่จนถึงทุกวันนี้ เพราะท่านทั้งหลายเหล่านี้พวกท่านจะมีบารมีที่ให้ทุกอย่างครบ เมตตา กรุณา มุฑิตา และอุเบกขา ซึ่งเป็นยาชั้นดีในการเป็นอาหารเสริมของปัญญา ผมขอยกตัวอย่าง เช่น เรื่องความรัก เป็นทุกข์ยอดฮิตของปุถุชนคนธรรมดา แอบไปหลงรักเค้า แต่ว่าเค้าไม่รักเรา หรือเมื่อรักแล้วก็โดนทิ้งเมื่อหมดความสำคัญต่อเค้า ทำอย่างไรเราก็จะรักเค้าแค่คนนี้คนเดียวเท่านั้น เป็นต้น ถ้าเราคิดอยู่อย่างนี้ก็จะทุกข์อยู่ร่ำไป ให้มองกลับไปหาพ่อแม่เป็นหรือบุคคลที่เลี้ยงดูเราก่อนสิ่งแรก ถึงท่านจะมีชีวิตอยู่หรือไม่มีก็ตาม ให้พิจารณาถึงความเป็นจริงที่ว่า เราเกิดมาได้ทุกวันนี้ เกิดมาได้จากใคร เติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ได้เพราะใคร ปัญญามันจะเกิดเอง คิดพิจารณาไปเรื่อยๆตั้งแต่เล็กจนถึงปัจจุบันถึงความสำคัญของพวกท่านทั้งหลายเหล่านั้น ไม่นานจิตมันก็จะถอนจากความทุกข์ลงมา

    อีกตัวอย่างหนึ่งคือ เห็นบุคคลอื่นดีกว่าเราทางด้านวัตถุ เช่นมีบ้านหลังใหญ่กว่า มีรถที่แพงกว่า เป็นต้น แล้วทำให้จิตเราเกิดกิเลส อยากมี อยากได้ตาม เราก็หามุมที่ตัวเองชอบ นั่งคิดพิจารณาถึงบุคคลที่เค้าด้อยกว่าเรา ที่เค้าไม่มีทั้งบ้าน ทั้งรถ คิดจนกว่าจิตจะถอนจากกิเลสตรงนั้น ทำให้จิตมันวางเฉย เดี๋ยวทุกอย่างก็จะเข้าสู่ปกติ เป็นต้น

    อย่าอยู่กับอดีตนาน ให้อยู่กับปัจจุบันให้เร็วที่สุด แล้วพยายามรักษาปัจจุบันให้เป็นอุเบกขา ชีวิตก็จะดีขึ้นแน่นอน โดยยึดหลักคำสอนที่พระพุทธองค์ที่เก็บเอาไว้อย่างมากมาย คำสอนใดถูกจริตกับเรา เราก็นำมาใช้ ขอยกตัวอย่างนิดนึงนะครับ บารมี 10 ทัศครับ พยายามทำทุกอย่างให้ครบ ไม่จำเป็นต้องมากข้อหนึ่งข้อใด สะสมติดตัวจิตของเราเอง ความสุขที่แท้จริงมันก็จะเป็นจุดเริ่มต้นขึ้น

    "เวลามีความสุขให้มองความทุกข์ เวลามีความทุกข์ให้มองความสุข รักษาจิตให้เป็นอุเบกขา"

    ด้วยอำนาจบุญบารมีแห่งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ โปรดดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้ามอบให้กับครู อาจารย์ทางธรรม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง ๓ ภพภูมิ เจ้ากรรมนายเวรของผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกท่านๆ จงพ้นจากวิบากกรรมต่างๆ ได้ไปสู่ยังภพภูมิที่ดียิ่งๆขึ้นไป และได้พบหนทางแห่งการปรินิพพานด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2014
  10. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    คนเราทุกข์เพราะความคาดหวัง ยิ่งจะท้อมากขึ้นเพราะสิ่งที่คาดยังไม่เกิดทันใจ จิตจะกังวลดิ้นรนเพราะอยากพ้นทุกข์ที่เกิดแล้ว..เรียกว่าตัณหาผลักดันไป ครั้นตัณหามากเข้าจนมีกำลัง ก็กลายเป็นอุปาทาน ยึดหมายว่า นั่นเรานั่นต้องเป็นของเรา เราเคยได้นั่นมาและควรจะต้องได้เช่นนั้นตลอดไป....

    พอมีเรา คราวนี้ all hells ก็broke loseทันทีเพราะคิดว่าเราย่อมสามารถบังคับบัญชาอะไรๆให้เกิดมีหรืออยู่กับเราได้ตลอดกาล ..แต่ในความจริงสิ่งทั้งปวงไม่อยู่ในอำนาจบังคับอะไรของใครเลย.....มีได้ก็หมดได้ หายได้ และก็มามีใหม่อีก ปรากฏอีก เพื่อที่จะหมดและหายอีก ด้วยอำนาจประชุมพร้อมของเหตุปัจจัยจำนวนมากมายที่เหมาะสมที่ไม่อยู่ในอำนาจการควบคุมของเรา...แม้ปัจจัยเหล่านั้นต่างก็มีความไม่มั่นคงยั่งยืนอะไร มีความแปรปรวนตลอดเวลา เขาประชุมกันแล้วก็ชั่วระยะหนึ่ง จากนั้นก็เลิกรากันไป เรียกว่าแปรไปแ้ล้วทันทีที่ประชุมเสร็จนั่นแหละ...แต่เพราะความเห็นผิดของเราต่างหากที่หลอกเราเสมอว่า...ไม่ได้นะ มันต้องเป็นอย่างนี้แหละเสมอตลอดกาล..
    แล้วสิ่งนั้นเชื่อเราใหม?..เปล่าเลย ..มันก็เคลื่อนคล้อยบ่ายหายไปนั่นเเหละ ปล่อยให้เราโทมนัสนักหนาเพราะเรายึดแน่นด้วยความหลงผิดนั่นเอง..

    จึงต้องทราบความจริงตามจริงว่า ...ไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่างหรอก..ไอ้ที่ว่าดูดีสวยงามนักหนา ไม่นานก็เหี่ยวเฉาด้วยกาลเวลา หรือวิบากกรรมซัดให้พินาศโดยอาการต่างๆ ถ้าเป็นทรัพย์ก็อาจกลายเป็นเหตุให้ถูกแย่งชิงต่อสู้จนวิบัติกันไปไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง...เป็นธรรมดาเยี่ยงนี้...จึงควรเผื่อใจให้เป็นว่า...เออ นี่นะ เวลานี้ไอ้นี่เราได้มา แต่ไม่นานมันก็ต้องจากไป...เหมือนแก้วน้ำ...ที่สุดของมันคือแตกกระจายเพื่อไปรวมกับขยะอื่นในถังในเวลาใดเวลาหนึ่ง.หรือหายไปเพราะถูกคนขโมย(ก็มันสวยน่ะ)..เอาละ เราเมื่อมีอยู่ก็ระวังรักษาใช้ แต่ถึงจะรักษามันเช่นไร ไม่เราหรือใครอื่นก็คงทำมันแตกไป หรือหายไปได้ เพราะมันเเตกหรือหายได้!..

    ....แล้วยอมรับการหายไปของมันเสียตั้งแต่มันยังมีอยู่นั่นแหละ...ทีนี้ถ้ามันแตกหายไปจริง ก็ไม่เศร้านักเพราะ บอกตนเองได้ว่า ....กรูว่าแล้วว่าสักวันมันต้องพังหรือหายไป...ไม่คร่ำครวญรำพันโศกถามหาเหตุผลหรือเที่ยวตามหาจนสติเพลีย...แต่ไปหาแก้วใหม่ที่ถูกใจมาใช้ตามปรกติ....แม้ไม่ได้แก้ว ก็อาจพบขันที่ใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน ชีวิตย่อมหมดความเดือดร้อนทุรนเพราะแก้วใบโปรดจากไปตลอดกาล...

    สิ่งทั้งปวงไม่เที่ยง ไม่แน่นอน จึงไม่พึงผูกตนยึดติดกับสิ่งใดจนลืมความจริงนี้....ท่านจขกท แม้เวลานี้จะรู้สึกเบื่ออะไรๆก็อย่าได้มั่นหมายว่าจะจริงเช่นนั้น....เพราะเมื่อก่อนท่านยังไม่เบื่ออะไรเลย แต่เพราะเหตุแห่งทุกข์ปรากฏชัดเวลานี้เท่านั้นจึงเกิดเบื่อ....นี้เปนเพียงกิเลสคือโทสะและตัณหาที่มาบงการอยู่...ครั้นกลับได้สิ่งสมปรารถนา ครานั้นความเบื่อจะหมดไปเองโดยไม่้ต้องสงสัย..มันไม่แน่หรอก ไม่แน่เลยสักสักอย่างเดียว.....

    บัดนี้ ท่านจขกท พึงทราบว่า สิ่งน่ารันทดนี้จะผ่านไปอีกวาระหนึ่ง แม้สิ่งดีๆที่น่ารักย่อมเวียนมาอีก แม้จะไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่เคยเสียไป แต่ก็น่ารักน่าปรารถนาเช่นกัน..โลกมีธรรมดาหมุนเวียนไปด้วยธรรม๘อย่างเสมอ คือ...


    ขอให้ท่านจขกท พิจารณาด้วยดีด้วยปัญญานะครับ....เป็นกำลังใจให้ผ่านทุกข์ไปได้อีกวาระครับ
    จำไว้ว่า......
    THIS TOO SHALL PASS!
     
  11. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,676
    วันเป็นแค่ช่วงเวลา เวลานี้มันหนักมากมาย แต่ถ้าสามารถรอดชีวิตไปได้ เวลามันจะผ่านไปแล้ว ก็จะแก้ไขไปได้เอง บางเวลา ปัญหามันแก้ได้ ด้วยเวลา เพราะฉะนั้น ใจเย็นๆ ถ้าอยู่นิ่งๆได้ ไม่รับไม่รู้อะไรได้ ก็จะดี เรื่องที่เค้าถึงชอบให้ไปปฎิบัติธรรม ไปอยู่แบบเงียบๆสักพัก อาจจะ 3 วัน 7 วัน 1เดือน 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3ปี หรือ 5 ปี 10 ปี ก็แล้วแต่กาลเวลา ใจนิ่งๆๆๆ ไว้ ไปอยู่ไหนที่มันนิ่งๆไม่ต้องคิดอะไรมาก ใจเย็นๆไว้
     
  12. อสุนีบาต

    อสุนีบาต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +237
    ขอบคุณทุกคำแนะนำมากๆค่ะ ดีจริงๆ ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน แต่ยังอุตส่าห์ช่วย

    ขอบคุณมากเลยค่ะ
     
  13. Onarmol

    Onarmol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +964
    สักวันแล้วมันจะผ่านไปค่ะ เอาเพลงนี้มาฝากนะคะ ขอให้เจ้าของกระทู้ผ่านพ้นเรื่องไม่ดีไปได้โดยพลัน กำลังใจจากตัวเองสำคัญต่อเราที่สุดแล้วค่ะ ส่วนกำลังใจจากท่านอื่นช่วยเสริมพลังให้เรารู้สึกดีขึ้น เราเองคนหนึ่งก็เป็นเหมือนคุณค่ะ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=G82bUOavP1s]สักวัน..แล้วมันก็ผ่านไป - โต๋ (Thai Lyric Video) - YouTube[/ame]

    อดีตผ่านไปแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง คิดไปก็ฟุ้งซ่านค่ะ ให้ความสำคัญกับการทำปัจจุบันให้ดีแล้วชีวิตเราจะดีค่ะ :cool::cool::cool:
     
  14. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    วิธีของเราอาจจะไม่ตรงตามคำสอนของศาสนาพุทธหรอกนะ แต่ก็มีบางอย่างเฉียดๆ ฉิวๆ แต่เรื่องของเรื่องคือ เราทำแล้วเราสบายใจน่ะ

    - เวลามีเรื่องที่แบบทำดีแล้วไม่ได้ดี เราก็จะแบบ นั่งปลงก่อน แล้วคิด มันเป็นกรรมของเรานะ เวรกรรมกำลังทำงานอยู่ กรรมคงแสดงผลแป๊บเดียวเองน่า...อดทนหน่อยนะจ๊ะหนูเหมียว จุ๊กกรู้ว์สู้เค้าๆ เหมือนคุยกับตัวเอง พูดคนเดียว พอความน้อยใจค่อยๆ เฟดหายไป เราก็กลับมาร่าเริงบันเทิงใจเหมือนเดิม แล้วบอกตัวเองอีกครั้งนึงว่า ซักวัน ชาตินี้แหล่ะ เราต้องได้ดี จะร้องเพลงนี้ไปด้วยก็ได้ เราติดเวอร์ชั่นพี่เต๋อ(คุณอสุนีบาตเกิดทันได้ฟังไม๊เนี่ย)
    - เวลาทะเลากับคนอื่น แล้วเราไม่ได้เป็นคนผิด อารมณ์ตอนนั้นมันมาคุสุดๆ เราก็จะนั่งนิ่งๆ ไม่คุยกับใคร ถ้ามีอาหารหรือขนมอยู่แถวนั้น ก็จะหยิบมากินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ระหว่างกิน ก็จะนึกถึงเรื่องเวรกรรม ทำกรรมอย่างนี้จะได้อย่างไหน พออารมณ์มาคุเฟดหายไป ตัวเราเนี่ย ก็จะทุกข์ คือ ท้องอืดเพราะกินเยอะ ละจะรู้สึกผิดที่เมื่อกี้นึกถึงเรื่องผลกรรมต่างๆ ของคนที่เราทะเลาะด้วย คือ มันก็เพิ่มกรรมต่อกันไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้นซักสินะ ไม่น่าไปโมโหเลย บลาๆๆๆ แล้วก็พูดในใจอีกว่า เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจนะ บลาๆๆๆ แล้วก็ทำเนียนกับคนที่ทะเลาะด้วย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอ่ะ

    สรุป...มีทุกข์ >>>คร่ำครวญในเรื่องของเวรกรรม >>>อยู่นิ่งๆ หรือทำกิจกรรมอย่างอื่นที่เราชอบอย่างสงบ >>>มันก็แค่นี้เอง...แล้วความสุขก็จะกลับมา
     
  15. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ปกติก็จะหาสาเหตุที่ทำให้เราทุกข์
    เพราะถ้าไม่รู้สาเหตุ เราก็ไม่อาจแก้ปัญหาหรือแก้ทุกข์ได้
    แม้บางครั้ง รู้สาเหตุแล้วก็แก้ปัญหาไม่ได้ก็มี คือแก้ได้แต่อาจต้องใช้เวลา เนื่องจากบางปัญหา เหตุมันมีหลายเหตุ ผูกปมกันยุ่งไปหมด ต้องค่อยๆ สางไปเรื่อยๆ
    คิดเสมอว่าชีวิตคนเราเปลี่ยนได้เสมอ ถ้าอยากได้ผลแบบไหนเราก็ต้องทำเหตุให้ตรง
    แต่บางเรื่องบางอย่าง อาจต้องใช้เวลา และอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิต
    แต่ถ้ามัวแต่ท้อ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมานิ
    พักให้หายเหนื่อย แล้วค่อยลุกขึ้นสู้ต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2014
  16. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ถ้าผมภวาวนาตามที่ผมได้อธิบายได้สำเร็จ
    คือนีวณได้ดับไป และยัดเยียดกรือไม่ยอมรับ
    ว่าคนที่จดจ่อว่านี่เราอยู่ในหรือนอกกระจกได้สำ้ร็จ
    เราจะพบว่าเราอยฟุู่ ในพิกัดที่เรา
    ท"ไม่รู่" ว่านี่ข้างในหรือข้างนอกกระจก
    เรียกความ ฎไม่รู้" นี้ว่า "อวิชชา"
    ให้ สนใจจดจ่อว่าเรา สุูข หรือ ทุกข์ แทน
     
  17. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    แหม่...สำนวนท่านบุญยงก็อ่านเข้าใจยากอยู่แล้วนะ
    เจอภาษาต่างดาวเข้าไป เนี่ยข้าพเจ้า งง สองต่อเลย ^ ^
     
  18. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ขออำภัยใช้โทรศัพท์พิมพ์ คอมพัง โศกสลด

    คือ ธรรมชาติคนจะยัดเยียดของที่เราไม่ชอบใจให้อะำรอื่นๆ
    ที่ไม่ใช่เราไม่ของเรา
    ปรกติภาวนาจนนีวณสงบ
    สุขจะอยู่กะเราถ้ามี ทุกข์จะอยู่ข้างนอก
     
  19. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    มีแต่ภาวนาจนนีวณสงบ
    เราจึงจทราบว่า เรามองกระจกบานเดิม
    แต่ไม่ยอมรับว่า นั่นทุกข์
    พบนีวณกลับมา เราก็ว่ากระจกสุข เราทุกข์
     
  20. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ง่ายๆครับ ก็หาแฟนสักคน คนที่รักและเข้าใจเรา คอยให้กำลังใจ ร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่จากไปไหน

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=cdRVEsRjWv4]ขอตายในอ้อมกอดเธอ ฺBY Nry mouse - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...