เราพร้อมที่จะตายอย่างสงบ...เพียงใด

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 1 เมษายน 2007.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    “ผมไม่ได้ยินดีที่จะตาย แต่พร้อมจะตายเท่านั้นเอง” นี่คือประโยคสุดท้ายในหนังสือ “มองชีวิตผ่านมะเร็ง” ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร (ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร) และอีกประโยคหนึ่ง “คนเราต้องได้ทั้งปริญญาวิชาการและปริญญาชีวิตด้วย” เป็นคำสอนที่พ่อของดร.วรฑาสอนเขามาตั้งแต่ยังเด็ก สองประโยคนี้เป็นแรงบันดาลใจที่ข้าพเจ้าได้รับจากการอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างมาก จะเรียกว่าโดนใจอย่างจังก็ว่าได้ ทำให้ต้องหยุดคิดและหันกลับมามองชีวิตของตัวเองที่ผ่านมาอย่างจริงจังมากขึ้น

    มองชีวิตของคุณอภิวัฒน์แล้วเป็นดั่งกระจกเงาสะท้อนบอกชีวิตของข้าพเจ้าว่าที่ผ่านมาเป็นชีวิตที่ขาดความสมดุลในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายที่ขาดการดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควรจะเป็น อาหารที่นำเข้ามาหล่อเลี้ยงร่างกายส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีประโยชน์และยังปรุงแต่งให้ห่างไกลจากธรรมชาติ ซึ่งมักจะหาซื้อได้ง่ายตามข้างถนนบ้างในภัตตาคารหรูบ้างตามแต่ปากหรือใจที่บอกว่าอยากจะกิน อีกทั้งยังขาดวินัยความอดทนพากเพียรที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งๆที่หัวสมองบอกกับตัวเองตลอดว่าสมควรทำ แต่ก็จะมีมารมาคอยหลอกล่อให้เราขี้เกียจอยู่ทุกคราว

    พอมามองทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างเรากับผู้อื่นโดยเฉพาะคนใกล้ชิดในครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงานก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าใดนัก เวลาแห่งคุณภาพมีให้กันและกันน้อยมาก เราคบหากันอย่างผิวเผิน แม้เราจะอยู่ใกล้กันมากแต่ห่างเหินในความรู้สึกภายใน ซึ่งสะท้อนได้ดีจากการรับฟังซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้งและความสัมพันธ์ในมิติด้านอื่นของชีวิตนั้นมีน้อยเต็มที คงไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ห่างไกลออกไปที่เราแทบจะไม่ได้สนใจให้คุณค่าความหมายใดๆเลย ในสังคมปัจจุบันที่ต้องเร่งรีบ แข่งขัน ต่อสู้ ดิ้นรน มันทำให้เรารู้สึกและแสดงออกอย่างนี้จริงๆ

    ทางด้านจิตใจจะหาโอกาสมาทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย มีสติตื่นรู้ก็ยากมาก คำว่า “ไม่มีเวลา... เรามีสิ่งอื่นๆที่จำเป็นสำคัญที่ต้องทำก่อน...” คำเหล่านี้มักจะเป็นข้ออ้างที่ข้าพเจ้าใช้กับตัวเองเสมอๆเมื่อเวลารู้สึกผิดที่ไม่ได้ให้เวลากับตัวเองในการทำจิตให้สงบ จากการที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองตรงๆ ทำให้ต้องหาอะไรทำให้ดูว่ายุ่งๆอยู่เสมอ บางครั้งเคร่งเครียดโดยไม่รู้ตัว คิดอยู่เสมอว่าเราเป็นคนง่ายๆไม่คิดอะไรมาก แต่ที่ไหนได้พอมาทดลองอยู่กับตัวเองคนเดียวเงียบๆเพื่อทบทวนบางสิ่งบางอย่างในชีวิต จิตใจที่ไม่ค่อยได้ฝึกก็วิ่งวุ่นเหมือนหนูติดจั่น จะหาความสุขสงบชั่วครู่ชั่วยามก็ยังยาก

    อาจเป็นความโชคดีอยู่บ้างที่ข้าพเจ้ามีอาชีพเป็นกระบวนกร(วิทยากรกระบวนการ)ของเสมสิกขาลัย ซึ่งต้องทำงานจัดกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนให้กับกลุ่มคนที่แตกต่างหลากหลาย การจัดกระบวนการเรียนรู้แบบนี้ ตัวกระบวนกรเองจะต้องเตรียมตัวทั้งทางด้านความคิด จิตใจพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้จากกิจกรรมผ่านประสบการณ์นั้นๆ การผ่านประสบการณ์หรือทดลองทำเองก่อนที่จะนำมาให้คนอื่นได้ทดลองผ่านประสบการณ์บ้าง จึงเป็นโอกาสในการฝึกฝนเรียนรู้พัฒนาทางจิตใจและปัญญาอยู่เสมอ โดยฝึกฝนเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงในขณะทำงานและจากการพูดคุยแลกเปลี่ยน แบ่งปัน ทั้งจากครูบาอาจารย์ที่แวะเวียนมา ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีตั้งแต่นักบวช ชาวบ้าน ชนกลุ่มน้อย นักวิชาการ นักธุรกิจ ข้าราชการ นักกิจกรรม นักพัฒนา และอื่นๆ อีกทั้งเพื่อนๆร่วมทีมงาน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าทุกคนเป็นเพื่อนเป็นกัลยาณมิตรซึ่งกันและกัน มีความรักความเมตตาต่อกัน ช่วยเอื้อให้การพัฒนาจิตใจและปัญญาของข้าพเจ้าเติบโตงอกงามอยู่บ้าง

    ลองถามตัวเองว่าทำไมหนอปรากฏการณ์ต่างๆเหล่านี้จึงเกิดขึ้นกับเรา สาเหตุที่พยายามค้นหาได้ คือ เราใส่ใจกับการดำเนินชิวิตที่สมดุลน้อยเกินไป ใส่ใจกับหัวใจและร่างกายน้อยกว่าหัวสมอง ทำให้เราให้คุณค่ากับการเรียนรู้ด้านในตัวเองน้อยเกินไป มัวแต่ไปให้คุณค่ากับสิ่งเร้าจากภายนอกตัวมากเกินไป ยังดีที่ปัจจุบันนี้ข้าพเจ้าได้นำพาตัวเองออกมาจากการไหลตามกระแสสังคมบริโภคนิยม ทุนนิยมบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่วายหลงไหลได้ปลื้มกับความสะดวกสบาย ทุกอย่างต้องรวดเร็วไม่อย่างนั้นจะไม่ทันคนอื่นเขา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบไปไหนกัน ค่านิยมการสะสมวัตถุสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังใหญ่ รถยนต์คันหรู มือถือไฮเทคฯลฯ ที่ต้องแลกมาทั้งชีวิตด้วยการทำงานหนัก เครียด นอนไม่หลับ สุขภาพเสื่อมโทรม ความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน เพียงเพื่อสะสมเงินไว้เพื่อความมั่นคงในชีวิตตามค่านิยมสังคม เชื่อว่าจะได้สบายยามแก่เฒ่า ทั้งโดยที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ลืมกลับมาแสวงหาความจริง ความงาม และความเรียบง่ายของชีวิต ลืมที่จะเรียนรู้ว่าชีวิตที่แท้ต้องการอะไรกันแน่

    หลายครั้งที่รู้สึกเครียด เหนื่อยหนักกับงานจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ต้องใช้พลังทุ่มเทสูง ยังดีที่ยังคงรู้สึกสนุกยังไม่รู้สึกท้อถอยกับงาน คำถามที่จะผุดขึ้นมาเสมอๆ“เราจะทำอะไรต่างๆมากมายไปทำไมนัก...สังคมจะเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือ...เราทำร้ายตัวเองเกินไปหรือเปล่า...เราลืมเมตตาร่างกายตัวเองหรือเปล่า...” แต่ที่ผ่านๆก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนักกับคำถามเหล่านี้ จนเมื่อได้อ่านหนังสือมองชีวิตผ่านมะเร็งเล่มนี้ ทำให้ข้าพเจ้าต้องหันกลับมาถามตัวเองอย่างจริงจังมากขึ้น “เราจะเอาชีวิตเป็นเดิมพันหรือ...เราเตรียมพร้อมที่จะตายแค่ไหน…” พระไพศาล วิสาโลวิทยากรหลักในการอบรมเผชิญความตายอย่างสงบ บอกกับเราว่า“เราตายได้ครั้งเดียวในชีวิต หากเปรียบการตายเหมือนเป็นการทำข้อสอบ ก็เป็นการทดสอบครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เราไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เราต้องเตรียมตัวตายอย่างมีสติ อย่างสงบให้ดีที่สุด” ยังคงก้องอยู่ในใจข้าพเจ้า

    ที่ผ่านมาข้าพเจ้าประมาทในการดำเนินชีวิตมากเกินไป จากนี้ไปคงต้องท้าทายตัวเองให้ออกจากวังวนเดิมๆ ก้าวข้ามความคุ้นชินที่มักจะมีข้ออ้างข้อแก้ตัวเสมอ เพื่อที่จะแสวงหาวิธีการที่ทำให้ชีวิตเราสมดุลกว่าเดิม อย่างไรก็ตามก็ยังเชื่อเสมอว่าการทำอะไรที่ถูกต้องดีงามไม่มีคำว่าสาย เริ่มต้นใหม่ได้ทุกเมื่อโดยเฉพาะการให้คุณค่ากับการฝึกที่จะมีสติตื่นรู้ในทุกย่างก้าวของชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ไม่ว่าจะเป็นการตื่นรู้กับโยคะ การแปรงฟัน การเดิน การนั่ง การนอน การทำอะไรต่างๆให้ช้าลงรู้ตัวกับการทำกิจกรรมนั้นๆ คงต้องขอกำลังแรงใจจากกัลยาณมิตรรอบๆกายให้ช่วยกันเอื้อที่จะฝึกฝน แล้วคุณละคะ เริ่มทบทวนชีวิตบ้างหรือยัง เตรียมพร้อมกับความตายที่ไม่อาจหนีพ้นแค่ไหน....
    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    คอลัมน์ มองย้อนศร
    [ เป็นคอลัมน์รายสัปดาห์ ลงตีพิมพ์ใน โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันเสาร์ เขียนโดย..ทีมงานพุทธิกา ]
     
  2. คำหม่อง

    คำหม่อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +157
    บางทีรู้ทั้งรู้ว่าควรทำอะไร แต่เราก็ทำไม่ได้เสียที
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ใช่แล้วครับ
    บางทีรู้ทั้งรู้ว่าควรทำอะไร แต่เราก็ทำไม่ได้เสียที
     

แชร์หน้านี้

Loading...