เมื่อพ่อ-แม่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์การดูดวงชะตาของท่าน ควรหรือไม่

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย ป้าป้า, 23 มิถุนายน 2012.

  1. ป้าป้า

    ป้าป้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +66
    แม่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ค่ะ ป่วยมากว่า3ปีแล้วและต้องดูแลคนเดียวมาตลอดพี่ๆบางคนก็ส่งเงินแต่บางคนนอกจากไม่ส่งเงินแล้วยังไม่ช่วยดูแลหรือแม้แต่ถามไถ่ทั้งๆที่บางคนก็อาศัยอยู่ในตำบลเดียวกัน รักท่านค่ะ แต่ความอ่อนล้าและเหน็ดเหนื่อยก็เป็นอีกเรื่องนึงในทางกายอยากถามความคิดเห็นจากสมาชิกและผู้รู้ค่ะว่า การที่เราต้องการรู้ระยะเวลาที่เหลืออยู่ของท่านทั้งเพื่อจะเตรียมสะสมบุญให้ท่านในระหว่างที่ท่านยังอยู่พร้อมๆกับอยากรู้เวลาพ้นทุกข์ของตัวเองและของท่านเรียกว่า อกตัญญูหรือไม่และเราควรทำ( ดูดวง)รึเปล่า
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ดูดวงแล้ว ทำให้ท่านหายจากอาการที่เป็น ก็ควรดูครับ


    แต่ถ้าดูแล้ว ไม่หายป่วย... ดูไปก็ไร้ค่า และไม่มีหมอดูคนไหนที่สามารถบอกได้ว่าใครจะตายเมื่อไหร่ ?


    ทางที่ถูก พาท่านไปกายภาพบำบัด รักษาอาการทางกาย

    และรักษาอาการทางใจ โดยเราควรจะสร้างบารมีให้เกิดแก่ตัวเรา แล้วอธิษฐานขอบารมีที่เราสร้างนั้นนำความสุขมาให้แก่เราเพียงใด ขอความสุขนั้นจงมีแก่บิดามารดาเช่นเดียวกัน จะดีกว่า


    การเจริญด้วย ทาน ศีล ภาวนา คือ สิ่งที่บุตรพึ่งกระทำต่อ บิดามารดา


    ไปวัดทำบุญสังฆทาน สร้างวิหารทาน อยู่บ้านก็ รักษาศีล ๕ ศีล ๘ และ สวดมนต์ นั่งสมาธิ จะดีกว่าการมานั่งดูดวง


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 มิถุนายน 2012
  3. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญนะคะที่ดูแลคุณแม่เป็นอย่างดี บุญกุศลนี้จะช่วยให้คุณตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ในวันข้างหน้า

    การดูดวง ดูจากดวงของเราเองนักโหราศาสตร์ก็พอจะอ่านได้แล้วล่ะค่ะว่าช่วงไหนควรระวังในเรื่องใด อย่างไร ซึ่งนั้นก็หมายถึงเรื่องของคนในครอบครัวว่าจะเจ็บไข้ได้ป่วยดีร้ายเช่นรัยได้อีกด้วย แต่ diya เห็นว่าเมื่อคุณมีจิตเป็นกุศลที่จะสะสมเสบียงบุญให้กับท่านและตัวเองนั้นไม่ต้องดูหรอกค่ะดวง เสบียงบุญนั้นคุณสามารถสะสมได้ด้วยทาน ศีล และภาวนา เมื่อคุณแม่คุณไม่สามารถทำด้วยตนเองได้ คุณทำเองแล้วนำมาบอกกล่าวให้คุณแม่ของคุณร่วมยินดีในสิ่งที่คุณทำ นั่นคุณแม่ของคุณก็ได้บุญตามไปด้วยโดยไม่ต้องทำด้วยตนเองแล้วค่ะ ส่วนตัวคุณเองนั้นการดูแลคุณแม่ที่เจ็บป่วยเป็นอย่างดีนี้ก็เป็นบุญใหญ่นัก พระพุทธเจ้าท่านทรงสรรเสริญเพราะถือว่าพ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก คุณไม่ต้องไปวิ่งเที่ยวหาพระอรหันต์จากที่ไหนเลยก็ได้บุญใหญ่โขอยู่ในเวลานี้นะคะ แต่ถ้าคุณอยากรู้ดวงชะตาของคุณเองช่วงจังหวะเวลาไหนที่จะดีขึ้น โอกาสงามๆ ของชีวิตจะมาเมื่อไหร่ เพื่อให้ได้รู้สึกว่าชีวิตนี้ยังมีหวังบ้างก็สามารถที่จะดูจากดวงของคุณได้ค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องไม่ลืมและต้องกระทำให้สม่ำเสมอเพื่อที่จะยกดวงชะตาของตัวเอง เสริมสร้างบุญกุศลให้แก่ตัวเองนั่นคือทาน ศีล ภาวนา หากเรามีสิ่งเหล่านี้อยู่ประจำตัวแล้วและค่อยๆ เพิ่มเสริมพัฒนาให้มากยิ่งขึ้นให้บริสุทธิ์ขึ้น วันร้ายคืนเหน็ดเหนื่อยก็จะค่อยๆ เดินจากไป ฟ้าหลังฝนนั้นยังคงมีอยู่สำหรับผู้ที่อดทนไม่ท้อแท้ต่อโชคชะตา และอยู่บนหนทางแห่งการสร้างความดี ขอเป็นกำลังใจให้คุณป้าป้านะคะ

    สุดท้าย จรรณยาบรรณของนักโหราศาสตร์คือการไม่ทำนายวันสิ้นอายุขัยของผู้ใด
     
  4. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    โรคนี้มันเกี่ยวหลอดเลือดนี่นา

    ผมแนะนำ ควรหายามาให้ท่านกินที่เกี่ยวกับหลอดเลือด

    เมล็ดองุ่น ใบแปะก๊วย จมูกถั่วเหลือง น้ำมันปลา กระเทียม และ น้ำมันกระเทียม โอกาสหาย 50/50 ครับ


    การค้นคว้าและวิจัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่องเี่กี่ยวกับสารสำคัญ
    ล้ำค่าของสมุนไพรใกล้ตัว อย่างกระเทียม ทำให้เราทราบว่าธรรมชาติมีการ
    ผสมผสานสารสำคัญในกระเทียมไว้อย่างลงตัว อาทิ เช่น
    - สารกระกอบซัลเฟอร์อย่างน้อย 33 ชนิด ซึ่งรวมถึง อัลลิซิน (Allicin) และ
    S-allylmercaptocystein
    - กรดอะมิโนและไกลโคไซด์กว่า 17 ชนิด
    - เอ็นไซม์หลากหลายชนิด
    - เกลือแร่ โดยเฉพาะ ซีลีเนียม (Selenium)
    โดยสารสำคัญเหล่านี้เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้กระเทียมมีคุณประโยชน์มาก
    มายแก่ร่างกาย เป็นเสมือนยารักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจโดยช่วยลดระดับ
    ไขมันในกระแสเลือด เช่น ลดโคเลสเตอรอลชนิดรวม และ แอล ดี แอล
    โคเลสเตอรอล จึงเหมาะกับผู้ที่มีระดับไขมันโคเลสเตอรอลในเลือดสูงมากกว่า
    200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร มีผลในการลดความดันโลหิตสูง ช่วยส่งเสริมให้ร่าง
    กายเกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น และกระเทียมยังเปรียบเสมือนยา
    ปฏิชีวนะ ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อต่างๆและช่วยต้านสารอนุมูลอิสระในร่าง
    กาย
    การผสมผสานคุณประโยชน์ 3 ประการของกระเทียมที่ช่วยสร้างสมดุลให้แก่
    หัวใจ
    1. ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เพราะปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เกิดโรค
    หัวใจส่วนใหญ่เนื่องมาจากการสะสมตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือดหัวใจซึ่ง
    กระเทียมมีส่วนช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดโดยไขมันชนิดนี้เป็น
    สาเหตุหลักของการเกิดการอุดตันของเส้นเลือด
    2. ลดภาวะความดันโลหิตสูง
    3. ลดภาวะการเกาะตัวของเกล็ดเลือดได้ถึง 58% เพราะการมีไขมันสะสมที่
    หลอดเลือดมากเกินไปจนก้อนไขมันเกิดการแตกตัวจะส่งผลกระตุ้นให้เกิดการ
    เกาะตัวของเกล็ดเลือดเพื่อมาปิดก้อนไขมันที่แตกออกทำให้หลอดเลือดเกิด
    การอุดตันส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน หรือสมองขาดเลือด จนเกิด
    อัมพฤกษ์ อัมพาตได้
    กระเทียมมีสารสำคัญคือ อัลลิซิน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่าง
    กายโดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดขาว เมื่อร่างกายมีเม็ดเลือดขาวเพิ่ม
    มากขึ้น จะส่งผลในการช่วยบรรเทา และลดอาการภูมิแพ้ ฤทธิ์ของกระเทียมที่
    เปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา ดังนั้น
    กระเทียมจึงมีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการเกิดภูมิแพ้ และอาการเรื้อรัง
    ทางระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด หอบหืด ไซนัส หูอักเสบเป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2012
  5. ป้าป้า

    ป้าป้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +66
    ขอบคุณ

    ก่อนอื่นขอขอบคุณ คุณเฮียปอ คุณdiyaและคุณแจ๊กซ์69 สำหรับคำแนะนำดีๆและกำลังใจค่ะ ทุกวันนี้ป้าป้าก็พยายามทำในส่วนของทาน(ตามกำลังทรัพย์)ศีล ภาวนา แต่ในส่วนของกายภาพก็มีข้อจำกัดในทางกำลังทรัพย์(ชั่วโมงละ300.)และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย(ป้าป้าดูแลแม่คนเดียวมาตลอดค่ะ ไม่มีการพลัดเปลี่ยน) ที่ผ่านมาดูดวงด้วยเหตุผล 2 ข้อ
    1.เพื่อประมาณการรายจ่ายที่จะต้องใช้เนื่องจากพี่ๆส่งเสียไม่สม่ำเสมอ
    2.เพื่อจะอุทิศบุญให้ตรงกับเจ้ากรรมนายเวรของแม่จะได้ลดทอนกรรมให้เบาลง
    เข้าใจดีค่ะว่า ไม่มีหมอดูคนไหนระบุเวลาอายุขัยของแม่เพียงแต่ทุกครั้งที่ถามจะถามเพียงว่าแม่เหลือเวลาเป็นหลักเดือนหรือหลักปีค่ะ จากนั้นก็สุดแท้แต่คำตอบของผู้ดูท่านนั้น
    สุดท้ายนี้ หากผลบุญจากการดูแลแม่เป็นบุญใหญ่จริงป้าป้าก็ขออุทิศบุญกุศลนี้ให้กับคุณเฮียปอ คุณdiyaและคุณแจ๊กซ์ด้วยนะค่ะ ขอให้คุณทั้ง3และครอบครัวของคุณเจริญก้าวหน้าท้้งในทางโลกและทางธรรมแข็งแรงทั้งกายใจโภคทรัพย์เงินไหลนองทองไหลมาค่ะ ขอบคุณอีกครั้งจากใจป้าป้าค่ะ
     
  6. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อนุโมทนา สาธุ ... ขอบคุณมากครับในคำอวยพร

    มีวาสนาจึงได้เสวนา

    อยากให้คุณป้าป้า ท่องคาถาเงินล้าน ดูครับ
    .............................................................
    ที่มาของ คาถาเงินล้าน

    ก่อนที่อยู่วัดท่าซุงนะฉันอยู่กระต๊อบ เงินร้อยก็หายากสำหรับเงินทำบุญ คาถาวิระทะโย ก็ทำเรื่อยๆ ไป ต่อมาท่านก็มาหา ก็บอกว่า คาถาบทนี้นะที่เขาทำพระวัดพนัญเชิงองค์แรก มีเจ้าอาวาสองค์แรกท่านไปนั่งกรรมฐาน และเสกด้วยคาถาบทนี้ สามปี ท่านให้ดูตัวอย่างวัดพนัญเชิงเงินขาดไหมฉันก็ทำมาเรื ่อย

    มาอีกปีหนึ่ง กำลังบวงสรวง ท่านบอกว่า"คาถาบทนี้ เป็นคาถาเงินแสนนะ" ก็ใช้คาถาบทนั้น มาประมาณครึ่งปี คนมา ทอดกฐินผ้าป่าได้เงินเป็นแสน นี่เห็นชัดนะ

    แล้วต่อมา อีกปีหนึ่ง ท่านบอกว่า "คาถาบทนี้เป็นคาถาเงินล้านนะ" ให้ว่าต่อเนื่องกันไปแล้วไปลง "คาถาวิระทะโย" ต่อมาก็จริง ๆ เพราะปี 27 ก็ใช้เงินล้าน เป็นเดือน ซึ่งไอ้อย่างนี้เราก็คิดไม่ออก ต้องค่อย ๆ ใจเย็น ๆ

    เวลาว่าไป อย่าไปว่าหวังเอาลาภ คือ ต้องภาวนาด้วยนะ ถ้าทางที่ดีเวลาภาวนากรรมฐาน พอจิตสบายน่ะต่อเลย เพราะเวลา กรรมฐานนี่จิตเป็นฌาณใช่ไหมเอาอย่างนี้ดีกว่า เวลาฝึกมโนมยิทธิออกไปให้ได้นั้น ออกไปเดี๋ยวเดียวก็ได้ออกไปได้ นี่จิต เป็นฌาณ 4 เข้าเขตพระนิพพาน ได้จิตสะอาดถึงที่สุด กลับลงมาด้วยคาถาบทนี้เลย มากน้อยก็ช่างให้หลับไปเลยคือ ถ้าจิต สะอาดมากผลก็เกิดเร็ว

    ก็สงสัยเหมือนกันนะ เมื่อปี 26 ท่านบอกว่าปี 27 มีอะไรบ้างก็ตุน ๆ ไว้บ้างนะ 28 จะเครียดมาก การค้าของใคร ถ้าทรงตัว ได้ก็ถือว่า ดีไว้ก่อน อันนี้ท่านบอกว่า "ถ้าลูกเราจะจนก็จนไม่เท่าเขา"

    ถ้าพูดถึงผลฉันก็นั่งดูเรื่อยๆมาว่า เอ๊ะ! เงินแสนมันจะมีมาอย่างไร ภายในปีนั้นปรากฏว่าสมัยนั้นวัดต่างๆเขายังไม่ถึงหมื ่น เลย แล้วต่อมาคาถาเงินล้านก็ต้องว่าต่อ เพราะต่อไปข้างหน้าต้องใช้เงิน

    พระพุทธเจ้าบอกนี่ ต้องเชื่อต้องใจเย็นๆไม่ใช่ไปเร่งรัด ถ้าไปว่าแล้วคิดว่าเราต้องรวยนี่เสร็จ พัง ต้องว่าด้วยจิตเคารพนาน หลายปี ท่านไม่ยอมเปิดกับใคร ก่อนจะเข้าถึงดี มันต้องเครียด ไอ้ปี 28 ความจริงมัน น่าจะดี แต่ไปๆมาๆ ก็มีจุดสะดุดจุด สะดุด นี่เป็นชะตาของชาติ แต่ยังไงๆ ก็ต้องไปเจอะจุดรวยแน่

    ถ้าพวกนี้รวยนะ วัดท่าซุง ไม่เป็นไร คือว่า หนี้นี่นะ…..อย่าคิดว่ามันโจ๊ะกันได้ เมื่อปี 30 นะ มันเกิน ค่าใช้ จ่ายเดือนละ 2 ล้านเศษ อันนี้ ต้องคิด เดือนนี้ก็ตกเกือบ 3 ล้าน คือ 2 ล้าน 9 แสนเศษ

    ตอนนี้ ท่านให้ฉันเขียนโครงการ ที่จะทำให้เสร็จ ในปี 30 โครงการของท่าน จริง ๆ มีมาก ท่านย่า ก็เคยบอก ท่านบอกว่า "ท่านไม่บอกคุณตรง ๆ หรอก ท่านรู้ใจคุณ ถ้าบอกโครงการทั้งหมด คุณไม่ทำแน่"

    พระพุทธเจ้า ก็รู้คอนะ ไปๆ มาๆ ท่านให้นั่งเขียน ตามนี้นะ 12 รายการ ให้เสร็จ ภายในปี 30 เลย คิดว่า เงินที่ต้องใช้เป็น ล้านๆ รายการมากนะลูก ถ้าหากจะถามว่า 10 ล้านพอไหม ก็ต้องบอกว่า มันไม่ได้ครึ่งหลัง ที่ท่านสั่งทำหรอก

    วันนั้นก็ขึ้นไปที่กระต๊อบฉัน ไปถึงกระต๊อบ ก็ปรากฏว่า สมเด็จองค์ปัจจุบัน ท่านประทับอยู่ที่นั่น และท่านพระเจ้าแม่ให้นาม ว่า "มัทรี" หรือ"พิมพา"ไปที่อเมริกา ท่านบอก "ฉันแม่คุณ เหมือนกัน ฉันเคยเป็นแม่คุณ" ถามว่าชื่ออะไร "ชื่อมัทรี" แล้วคุมมาตั้งแต่อเมริกาเวลานี้ก็ยังคุมอยู่ ก็ไปกราบเรียนถามท่านว่า คำสั่งที่สั่งให้ทำมันเกินวิสัย แค่อาคาร 300 ห้องจาก พ.ศ. นี้ไปจนถึง 30 มันก็เสร็จยากเหลือเกิน และ อีกหลายรายการ มันก็ใหญ่ทั้งนั้น ท่านแม่มัทรีก็บอกว่า

    "เอาอย่างนี้ซิลูก ขออำนาจพระพุทธานุภาพ" ก็เลยหันไปกราบพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่า

    "ได้ ฉันต้องช่วยเธอ"

    แล้วต่อมา เดินเล่นในบริเวณกระต๊อบของฉันเล็กๆ มันมีถนนหนทางใช่ไหม ก็ปรากฏว่า เดินไปเดินมา สมเด็จองค์ปฐมก็ เสด็จมาเดินด้วย ท่านบอกว่า

    "สภาพของพระนิพพาน มันเป็นอย่างนี้นะ คนที่ถึงพระนิพพานแล้ว กิจอื่นที่ทำ ไม่มี มันเป็นอย่างนี้นะ เวลานี้ เราเดินกลาง บริเวณ พวกเราทั้งหมดลองนั่งดูซิ มันจะมีอะไรไหม"

    ที่มันเป็นที่นั่งไม่มีเลย พอนั่งปุ๊บไอ้เตียงตั่งมันเสือกมาได้อย่างไร ก็ไม่รู้ เลยคุยไปคุยมา ท่านก็เลยบอกว่า

    "งานที่ฉันสั่งต้องเสร็จทัน 30"

    ท่านย่ากับแม่ศรีก็ขึ้นไป ท่านย่าบอกว่า อำนาจพุทธานุภาพก็มีแล้ว สังฆานุภาพก็มีแล้ว พรหมานุภาพกับ เทวานุภาพก็ช่วย แล้ว แต่ว่า ถ้าบรรดาลูกหลานมันยากจน และ ปี 28 มันจะเครียด ขอพรพระพุทธเจ้าขอคาถาสักบท (ที่ท่านให้ฉันไว้นี่) ขอ ให้ลูก ๆ หลาน ๆ ใช้เถอะ ให้ อนุมัติ"

    ความจริงคาถาเฉพาะนี่จะให้ใครไม่ได้เลย ท่านก็เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นไปพิมพ์แจก และก็ให้มันทำด้วยความเคารพ"

    ฉันไม่ยืนยันว่าคนที่ไม่เคารพฉันจะมีผล จำให้ดีนะ

    จึงขอให้ทุกคนถ้าได้รับคาถานี้ ให้ตั้งใจปฏิบัติด้วยความจริงใจด้วย ความเคารพในพระพุทธเจ้า

    ต่อนี้ไปก็อ่านคาถาที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นประธาน และให้ทุกคนตั้งใจนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้า คิดว่า คาถาทั้งหมดนี้ จงปรากฏ อยู่ในจิตของเรา ลาภผลต่างๆ ให้ปรากฏแก่เรา ตามที่พระองค์ทรงต้องการนะ นึกถึง ท่านนะ

    สัมปจิตฉามิ คาถาสนองกลับ

    นาสังสิโม คาถาพระพุทธกัสสป

    บทแรก "พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ" อันนี้ตัดอุปสรรค ที่ลาภจะมา แต่เขามาบอกว่า มีผลแน่นอน คือว่าแกจะไม่ยอมให้ลูกแกจน พูดง่าย ๆ ก็แล้วกัน พระพุทธเจ้า ก็ทรงยืนยันบอกว่า ให้หมด

    บทที่สอง "พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม" คาถาบทนี้เป็นคาถาเงินแสนของท่าน

    บทที่สาม "มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม" บทนี้เป็นคาถาปลุกพระวัดพนัญเชิง

    บทที่สี่ "มิเตพาหุหะติ" เป็นคาถาเงินล้าน

    บทที่ห้า"พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม" เป็นคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า

    บทที่หก "สัมปติฉามิ"บทนี้เป็นบทเร่งรัดบทสุดท้าย

    บทที่เจ็ด "เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ" พระปัจเจกพุทธเจ้ามาบอกหลวงพ่อ เมื่อ พ.ย.33 เป็นภาษาโบราณแต่เทียบกับ ภาษาไทย อ่านได้อย่างนี้ เป็นคาถามหาลาภ มีผลยิ่งใหญ่มาก ทั้งหมดนี้ต้องสวด เป็นบทเดียวกัน บูชาเรื่อย ๆ ไป การบูชา ถ้าบูชาเฉย ๆ มันเป็นเบี้ยต่อไส้

    อย่าลืมนะ เวลาสวดมนต์ แล้วให้สวดคาถานี้ 9 จบเท่าเดิมนะ และเวลาภาวนานอนภาวนาก็ได้ ว่าเรื่อยๆ ไปจนกระทั่งหลับ ไปเลย ตื่นขึ้นมา ต่อจากกรรมฐาน นอนก็ได้ ใจสบาย ๆ นะ บางทีเผลอ ๆ ฉันก็ต้องว่า ของฉันเรื่อย ๆ ไป คาถาเงินล้านนี่ มาให้เมื่อปีฝังลูกนิมิต ท่านบอกว่า งานข้างหน้าจะหนักมาก หลังจากนี้เป็นต้นไป เงินจะใช้มากกว่า สมัยที่สร้างโบสถ์ อย่า ลืมนะ...เวลาว่างๆ นั่งนึกก็ได้เดินไปก็ได้ ไม่ห้ามเลยนะให้มันติดใจอยู่อย่างนั้น ให้ถือว่าเป็นกรรมฐานไปในตัวเสร็จเพราะ คาถาที่พระพุทธเจ้าบอก ทุกบทก่อนจะทำ ต้องนึกถึงท่าน ถือว่าเป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน


    ประสบการณ์ของผู้ที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อ ที่ได้รับผลในปัจจุบันนี้


    [​IMG]

    ผู้ถาม : "หลวงพ่อครับ ผมก็คิดเรื่องการเรื่องงานเป็นประจำเลยครับ ทีนี้อยากถามว่ากรรมฐานบทไหนที่ทำให้ค้าขายดีครับ..?"

    หลวงพ่อ : "อ๋อ... ก็บทค้าขายราคาถูกซิ เขาขายหนึ่งบาท เราขายห้าสิบสตางค์ รับรองพรึบเดียวหมด บทนี้ดีมาก เพราะเมตตาบารมีไงล่ะ"

    ผู้ถาม : "โอ้โฮ.. ตรงเปี๊ยบเลยหลวงพ่อ.."

    หลวงพ่อ : "ยังมีอีกนะ ถ้าบทที่สองดีกว่านี้อีก จาคานุสสติ แจกดะเลย"

    ผู้ถาม : ( หัวเราะ ) "โอ...บทนี้น่ากลัวจนแย่เลย"

    หลวงพ่อ : "ไอ้เรื่องค้าขายดีมีคาถาตกอยู่บทหนึ่ง"

    ผู้ถาม : "เดี๋ยวผมขอจดก่อนครับ"

    หลวงพ่อ : "ไม่ต้องจดหรอก คาถามหาโต๊ะ มหาโต๊ะนี่สมัยนั้นบวชด้วยกัน มีโยมคนหนึ่งแกหาบข้าวแกงมาขาย หาบไปตั้งแต่เช้ากลับมาบ่าย มันก็ไม่หมด

    วันหนึ่งมหาโต๊ะยืนล้างหน้าอยู่ที่หน้าต่างแกก็บอก
    "ท่านมหา มีคาถาอะไรดี ๆ ทำน้ำมนต์ให้ทีเถอะจะได้ขายหมดเร็ว ๆ "
    มหาโต๊ะแกไม่ใช่นักคาถาอาคมกะเขานี่ ก็นึกไม่ออก แต่ไอ้นี่น่าจะดีว่ะ "อนัตตา" แกนึกในใจนะ แกไม่ได้บอก แกก็เอาน้ำล้างหน้าพรม ๆ ยายนั่นแกก็กลับไป พอสาย ๆ แกก็กลับ ปรากฏว่าหมด"

    ผู้ถาม : "อะไรหมดครับ...?"

    หลวงพ่อ : "ของหมด ข้าวแกงหมด แต่หม้อยังอยู่ หาบยังอยู่และคนหาบก็ยังอยู่ แหม..นี่ต้องให้อธิบายให้ละเอียดเลยนะ"

    ผู้ถาม : ( หัวเราะ )"คือสงสัยครับ"

    หลวงพ่อ : " ก็เป็นอันว่าวันต่อมา โยมคนนั้นแกก็มาหาเรื่อย ๆ แกก็สังเกตมหาโต๊ะ ในที่สุดมหาโต๊ะต้องทำน้ำมนต์ด้วยคาถาบทนี้เอาไว้ที่บูชา แกก็ไปขายหมดทุกวัน ก็แปลกเหมือนกันเพราะจิตตรงใช่ไหม .. อนัตตา นี่เขาแปลว่าสลายตัวไงล่ะ"

    ผู้ถาม : "ลูกหลานเอาไปใช้ได้ไหมครับหลวงพ่อ..?"

    หลวงพ่อ : "ปู่ย่าตายายก็ใช้ได้"

    ผู้ถาม : ( หัวเราะ )"แล้ว คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ใช้ได้ไหมครับ...?"

    หลวงพ่อ : " ความจริงคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของเขาก็ดี เขาขายของแล้วก็พรมตั้งแต่ตอนเช้า ถ้าตั้งร้านก็พรมหน้าร้านตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนล้างหน้านั่นแหล่ะ ทำตอนนั้น เอาน้ำ ล้างเสกด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เสกแล้วพอล้างหน้าเสร็จก็พรม ตอนพรมก็ว่าไปด้วยนะ"

    ผู้ถาม : "บางคนก็บอกว่า ถ้าว่าคาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุ เมฯ ก็จะมีลาภมาก..?"

    หลวงพ่อ : " มหาปุญโญ เป็นคาถาเสกพระวัดพนัญเชิง เจ้าอาวาสวัดนั้นรูปร่างผอมดำ นั่งเสกด้วยคาถาบทนี้ ๓ ปี ฉะนั้นวัดนั้นจึงมีลาภมาก แล้วต่อมาสมเด็จหรือใครก็ไม่ทราบ ถามว่าเสกด้วยคาถาอะไร ท่านบอกว่า เสกด้วยคาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุ เมฯ แล้วท่านก็บอกให้ต่อด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า มีอยู่รายหนึ่งชื่อ นายแจ่ม เปาเล้ง บ้านอยู่อำเภอดำเนินสะดวก แกเป็นคนจน ทำสวนอยู่ที่บางช้าง ปลูกพริกขายเป็นอาชีพ เพราะอาศัยความจนของแก จึงได้เป็นหนี้เป็นสินเขาอยู่ตั้ง ๒ หมื่น ( นี่พูดถึงเงินในสมัยนั้นนะ เดี๋ยวนี้เป็นเงินเท่าไรก็คิดกันดู ) ตาแจ่มจึงมาขอเรียนคาถาพระปัจเจกโพธิ์ เมื่อได้ไปแล้ว วัน ๆ ไม่ได้ทำอะไรนอกจากท่องแต่คาถาอย่างเดียว นั่งทำอยู่ทั้งวันทั้งคืน

    ข้างฝ่ายลูกเมียของตาแจ่มก็ดีแสนดี ไม่ยอมให้แกทำอะไรเหมือนกัน นอกจากท่องคาถา
    "คาถาบทนี้ เขาทำแล้วรวยนี่ ต้องให้มันรวยให้ได้" ลูกเมียแกว่าอย่างนั้น

    ตาแจ่มแกคิดจะเอาอย่าง นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร นั่นแหล่ะ? ทีนี้ พอพริกออกดอกออกผลขึ้นมาจริง ๆ ตาแจ่มก็คิดจะขายพริกละ ไอ้พริกของคนอื่นนะ งามสะพรั่งมีพริกเยอะแยะ มองดูหนาทึบ ไปหมด ส่วนพริกของตาแจ่มพิเศษกว่าเขา มียอดหงุก ๆ หงิก ๆ เม็ดก็บางตา มองดูโปร่ง ๆ ดูท่าทางแล้วเห็นจะขายได้ไม่กี่สตางค์
    อีตอนเก็บนี่ซิ คนอื่นเก็บพริกได้กองใหญ่เท่าไร ตาแจ่มก็เก็บได้กองโตเท่านั้น เห็นพริกบาง ๆ ยอดหงุกหงิก ๆ นั่นแหล่ะ เขาเก็บได้เท่าไร ตาแจ่มก็เก็บได้เท่านั้น มาถึงตอนขาย เจ๊กชั่งของคนอื่นได้ ๑ หาบ พอมาของตาแจ่มกลับเป็น ๒ หาบ ทั้ง ๆ ที่กองก็โตเท่ากัน เจ๊กหาว่าตาแจ่มโกง คิดว่าเอาทราบใส่เข้าไปในกองพริกเป็นการถ่วงน้ำหนักเลยเอะอะโวยวายใหญ่ ปรากฏว่าเม็ดดินเม็ดทรายที่เจ๊กว่า นั้นหาไม่ได้เลย เล่นเอาเจ๊กแปลกใจ แต่ก็ต้องซื้อไปตามนั้น

    พริกของคน อื่นเขาเก็บกัน ๒ - ๓ ครั้ง ก็หมดแล้วครั้งแรกมาก ครั้งที่สองได้มากหน่อย พอครั้งที่สาม เก็บได้อีกเพียงเล็กน้อยเป็นอันว่าหมดกัน ต้องถอนต้นพริกทิ้งแล้วปลูกกันใหม่ ส่วนพริกของตาแจ่มไม่เป็นอย่างนั้น ต้องลงมือเก็บกัน ๖ ครั้งถึงได้หมด พริกที่ได้แต่ละครั้งก็มีปริมาณเท่า ๆ กัน นี่ไอ้พริกใบหงุกหงิก ๆ นั้นแหละ เก็บกันซะ ๖ คราว ผลที่สุด พริกของตาแจ่มก็กลายเป็นของอัศจรรย์ แถมเจ๊กยังตีราคาให้สูงกว่า พริกของคนอื่นเสียอีก เพราะว่า "เมื่อส่งไปแล้วเป็นพริกที่มีค่า ทางโน้นเขาให้ราคาสูง" ปีนั้นจึงใช้หนี้สองหมื่นหลุดหมด แถมยังมีเงินเหลืออีกตั้งสองหมื่น"

    ( นี่เห็นไหม... ถ้าหากว่า ท่านภาวนาคาถาบทนี้อยู่เสมอ ท่านอาจจะรวยกว่านายแจ่มก็ได้นะ )

    ต่อมามีผู้นำคาถา อนัตตา ไปปฏิบัติหลังจากที่หลวงพ่อแนะนำไปแล้ว เขาผู้นั้นได้เข้ามารายงานกับหลวงพ่อว่า
    "หลวงพ่อครับ อนัตตา แจ๋วเลยครับ อัศจรรย์มาก ตอนบ่ายวันนี้ฟลุ๊คมาก ของที่ผมขายฝรั่งซื้อคนเดียว ๑,๖๐๐ บาท ไม่เคยมีปรากฏเลยครับ""

    "อาจารย์ทำยังไงล่ะ.. อาจารย์ใช้แบบไหน จึงมีผลตามลำดับ... จะได้แจกจ่ายคนอื่นเขาบ้าง"

    ผู้ถาม : " อันดับแรกตักน้ำใส่แก้ว แล้วนำไปไว้หน้าพระพุทธรูปที่โต๊ะหมู่บูชา แล้วชุมนุมเทวดาไหว้พระบูชาพระตามหลวงพ่อกล่าวนำ มีมนต์อะไรก็สวดไป ของผมสวดยาวหน่อย เมื่อสวดเสร็จแล้ว ก็อาราธนาบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย แล้วก็มาหลวงปู่ปาน แล้วมาหลวงพ่อ

    เสร็จแล้วเช้าตื่นมาก็กราบแก้วน้ำ ๕ ครั้ง แล้วก็เอามาที่ห้องน้ำ แบ่งครึ่ง ครึ่งหนึ่งใส่ขันสำหรับล้างหน้า ก่อนจะแบ่งก็ตั้งจิตให้ดี ว่านะโม ๓ จบ แล้วก็ว่าคาถานี้อีกครั้งหนึ่ง เท่าที่ใช้ก็ใช้คาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุ เม ฯ แล้วก็มาว่า คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อว่าเสร็จแล้วก็บอก "อนัตตา ขายเกลี้ยง"
    อีกครึ่งหนึ่งเราแบ่งมาแล้วก็ว่า คาถาวิระทะโย ไป แล้วก็พรมตู้อะไรต่าง ๆ แล้วก็ลงท้าย "อนัตตา ขายเกลี้ยง ๆ ๆ" แม้แต่หน้าร้านก็พรมออกไปเลย ถ้าใครเดินมาถูกน้ำมนต์ปุ๊บอยู่ไม่ได้ ต้องมาซื้อ อันนี้ได้ผลดีครับ"

    หลวงพ่อ : "อ้าว.. จำได้ไหมล่ะ อันนี้ก็ดีมีประโยชน์นะ ควรจะนำไปใช้ทุก ๆ คนนะ ฉันบอกให้อาจารย์เขาไปทำ ท่านทำแล้วผลมันเกิดขึ้นทุกวัน"

    ผู้ถาม : "แล้วถ้าฟลุ๊คอะไรเป็นพิเศษละก้อ เวลาจุดธูปเทียนหรือพรมน้ำมนต์ มันจะมีขนลุกซู่ซ่า ถ้าซู่มากละ มาแน่"

    หลวงพ่อ : " อ้อ..กำลังปีติสูง ใช่ เพราะซู่ซ่านี่เจ้าของมาแสดงให้ปรากฏ ถ้านึกถึงท่านจริง ท่านเข้ามาช่วยจริงก็ถือว่าเป็นอาการของปีติ เมื่อสัมผัสแล้วทางจิตใจก็เกิดปีติ ความอิ่มใจเกิดขึ้น ขนลุกซู่ซ่ามาก การแสดงออกตามอาจารย์พูดน่ะถูก ถ้าหากว่าสัมผัสน้อยก็มีผลน้อยหน่อย แต่ก็ดีกว่าปกติ สัมผัสมากก็มีผลมากหน่อย ปัจจุบันทันด่วน อันนี้ถูกต้อง ถ้าทำขึ้น หนักจริง ๆ นะ ถ้าขายของเป็นน้ำหนัก น้ำหนักจะสูงขึ้น แล้วก็ไม่สูงแต่ของเรา เอาไปขายคนอื่นต่อก็สูง นี่เขาทำมาแล้วนะ คน ที่ไทรย้อยแกขายข้าว ไปซื้อข้าวมาวันนี้ พรุ่งนี้จะเอาไปขึ้นโรงสี แกก็พรมน้ำมนต์ก่อน พอถึงบ้านก็พรมน้ำมนต์หน่อย พอขึ้นโรงสีปรากฏว่าน้ำหนักสูง

    ถ้าหากว่าของที่เก็บไว้ในปี๊บในถงในอะไรก็ตาม จะมีปริมาณสูง
    เมื่อก่อนหลวงพ่อปานท่านบอก เอาข้าวใส่ยุ้งฉางให้เรียบร้อย ตวงให้ดี แล้วนับให้ดี ทำมาจนกว่าจะถึงฤดูออกมาใช้มาขาย แล้วตวง มันจะมากทุกคราว
    จำเอาไว้นะ ถ้าปฏิบัติ ทุกคนจะไม่จน ฉันอยากให้ทุกคนรวย ฉันจะได้รวยด้วย พระแช่งให้ชาวบ้านจนก็ซวย พระไม่มีกินน่ะซิ"

    จบ...




    ..............................................................

    วิธีภาวนาคาถาเงินล้านให้ได้ผล

    <HR style="WIDOWS: 2; TEXT-TRANSFORM: none; BACKGROUND-COLOR: rgb(153,128,73); TEXT-INDENT: 0px; FONT: 20px verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; WHITE-SPACE: normal; ORPHANS: 2; LETTER-SPACING: normal; COLOR: rgb(153,128,73); WORD-SPACING: 0px; -webkit-text-size-adjust: auto; -webkit-text-stroke-width: 0px" SIZE=1>ถาม: ท่องคาถาเงินล้านจนเป็นฌานจะมีอะไรเกิดขึ้น ?
    ตอบ: จะมีอะไรเกิดขึ้น...อาจจะมีตู้เก็บเงินหล่นลงมาทับตาย..!

    คาถาเงินล้านเป็นคาถารวย แต่ต้องวางกำลังใจให้เป็น อย่าท่องด้วยความอยาก ให้วางกำลังในลักษณะที่ว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พ่อให้มา เราเป็นลูกก็มีหน้าที่รักษาสมบัติของพ่อเอาไว้ การรักษาที่ดีที่สุดก็คือ หมั่นท่องบ่นภาวนาให้เป็นปกติ

    ให้ตั้งใจทำถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อย่าไปอยากได้ ถ้าหากตอนแรกเกิดความอยากปล่อยให้อยากไป แต่ระหว่างที่ท่องต้องลืมความอยากให้ได้ ถ้าความอยากยังอยู่ข้างหน้าจะบังลาภผลไว้ ลาภผลจะเข้ามาไม่ถึง ถ้าหมดอยากเมื่อไรก็จะไหลมาเทมา


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๕



    การสวดคาถาเงินล้าน


    .
     
  7. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    แม่ะ ความคิดตรงกันเป๊ะๆเลยครับ ว่าจะเอาคาถาเงินล้านให้เค้าเหมือนกันครับ สาธุ....:cool:
     
  8. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    ขอร่วมยินดีและมีส่วนในบุญกุศล ขอบพระคุณสำหรับคำอวยพร สาธุ สาธุ สาธุ

    คงเป็นดังเฮียปอกล่าว มีวาสนาจึงได้เสวนา...

    ทำบุญกับพ่อแม่บุญใหญ่จริงๆ ค่ะ หลวงปู่ดู่ท่านว่าทำบุญกับพ่อแม่เหมือนทำบุญกับพระอรหันต์

    ...เวลาที่เห็นบรรดาลูกศิษย์ทั้งพระและฆราวาสขวนขวายเป็นธุระในการดูแลอาการอาพาธของครูบาอาจารย์บางท่าน ในขณะที่พระอาวุโสบางท่านกลับอาพาธอย่างเดียวดาย ไร้คนดูแลไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุร่วมอาวาส หรือแม้แต่ญาติโยมทั้งหลาย บางรูปถึงขนาดต้องสึกออกไปให้โยมที่บ้านดูแล


    ได้ทราบเหตุผลอันหนึ่งจากหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ ว่า “บางคนมาบวชเมื่อแก่ บวชแล้วก็ยังไม่ได้ทำข้อวัตรปฏิบัติต่อครูอาจารย์ จึงไม่ได้สร้างอานิสงส์ในทางนี้ ดังนั้น ในยามที่ป่วย จึงไม่มีผู้ใดมาดูแล ต่างจากผู้ที่บวชแต่ยังเป็นพระหนุ่มเณรน้อย ได้มีโอกาสดูแลอุปัฏฐากครูบาอาจารย์ มีโอกาสสั่งสมบุญกุศลด้านนี้ไว้ ยามที่ตนป่วยก็มักมีผู้ขวนขวายดูแล”


    โดยส่วนตัว ผมเห็นว่าเหตุปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกศิษย์ขวนขวายดูแลครูบาอาจารย์ที่อาพาธ ก็คือคุณธรรมความดีที่ท่านเมตตาสงเคราะห์ศิษย์และสงเคราะห์โลก


    ดูอย่างหลวงตามหาบัวสิ ไม่รู้หมอกี่ชุดต่อกี่ชุด ลูกศิษย์ก็แน่นขนัดแย่งกันดูแล นั่นก็เพราะความดีที่หลวงตาทำไว้กับโลก


    หลวงพ่อชาเองก็เช่นกัน ท่านอาพาธเป็นอัมพาตอยู่นานถึง ๘ ปี แต่ไม่น่าเชื่อว่าคณะสงฆ์วัดหนองป่าพงสามารถจัดเวรพระอุปัฏฐากดูแลท่านตลอด ๒๔ ชั่วโมง ตลอดระยะเวลาที่ท่านป่วยนานหลายปีมิได้ขาด ถ้าหลวงพ่อชาไม่มีคุณงามความดีอย่างเหลือล้น มีหรือที่จะมีสานุศิษย์จะทุ่มเทได้ถึงเพียงนี้

    ท่านพุทธทาสภิกขุ เคยกล่าวว่า "หลวงพ่อชาท่านป่วยให้ลูกศิษย์ได้บุญ"


    หากนึกทบทวนดูแล้ว ก็เห็นจริงตามที่ท่านกล่าวไว้จริง ๆ

    ทุกวันนี้ พระอุปัฏฐากของหลวงพ่อชาหลาย ๆ รูปที่ผมพอรู้จัก ต่างบริบูรณ์ด้วยลาภสักการะ รวมทั้งคนอุปัฏฐากดูแล นี่เรียกว่าอานิสงส์ที่เกิดจากการประพฤติธรรมของท่านเองส่วนหนึ่ง และอานิสงส์จากการดูแลอุปัฏฐากครูอาจารย์นั่นเอง


    ที่นี้วกมาใกล้ตัว พวกเราเป็นฆราวาส แม้ไม่มีโอกาสอุปัฏฐากหลวงปู่ครูบาอาจารย์ แต่เราก็สามารถบำเพ็ญอานิสงส์ดังที่เล่ามานี้ได้ โดยการดูแลบุพการีของเราให้ดี โดยเฉพาะยามที่ท่านป่วยไข้ ทำอย่างใส่ใจ แม้ต้องเช็ดอุจจาระปัสสาวะก็ไม่นึกรังเกียจ อย่างนี้ธรรมย่อมเจริญในเรา แถมยังรับอานิสงส์เสมือนได้อุปัฏฐากพระอรหันต์อีกด้วย ดังที่หลวงปู่ดู่ท่านว่า ทำบุญกับพ่อแม่ก็เหมือนทำบุญกับพระอรหันต์”....

    http://luangpordu.com/?cid=453342&f_action=forum_viewtopic&forum_id=41281&topic_id=110475&quote=reply&quote_id=329709
     
  9. ป้าป้า

    ป้าป้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +66
    ขอบคุณอานิสงฆ์ของ การมีวาสนา

    คาถาเงินล้านที่เฮียปอฯกับคุณแจ๊กซ์69แนะนำมา(ป้าป้าจะทำตามนะค่ะ)ป้าป้าขอสารภาพตามตรงว่า ตั้งแต่หันมาสวดมนต์ คาถาบทนี้ก็เคยผ่านตามาบ้าง แต่เป็นบทที่ไม่เคยคิดจะสวดเลยคะ ใช่ว่าป้าป้าจะมั่งมีจนไม่อยากจะสนใจ หากแต่ที่ผ่านมาป้าป้ามักจะตั้งหวังไว้บนพื้นฐานของความเป็นจริง พอเพียงและพอใจในสิ่งที่มี(โดยเฉพาะด้านการเงิน)..กระทั่งแม่ล้มป่วยและพี่ๆเริ่มขาดส่ง เงินดูแลแม่โดยไม่มีคำชี้แจงถึงสาเหตุ ตลอดจนการสื่อสารใดๆ... การดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เป็นภาวะที่ผู้ดูแลต้องแข็งแรงทั้งกาย-ใจค่ะ ถัดมาคือสภาวะทางการเงิน เมื่อวันนี้การเงินเริ่มติดขัด สิ่งที่ป้าป้าเริ่มต้นทำเป็นอันดับแรกคือ การคิดคำนวณ พยายามหาทางแก้ปัญกาซึ้งเราไม่ทราบกำหนดเวลาของปัญหาที่จะจบ "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด" ป้าป้าก็ทำอยู่ แต่จะให้วางใจลงคงทำยากค่ะ เพราะปัญหาคราวนี้เดิมพันด้วยชีวิตและความเป็นอยู่ของแม่ในช่วงวาระสุดท้ายมันไม่ใช่แค่ รถกำลังจะถูกยึด..หลายต่อหลายคนที่เข้ามาพูดให้แนวคิดและกำลังใจ หลายคนเข้าใจคะ แต่มีแค่ไม่กี่คนที่เข้าถึง และคุณ3 คนคือหนึ่งในไม่กี่คนที่เข้าถึง ป้าป้าสัมผัสได้จากข้อความที่คุณ 3 คนถ่ายทอดมาเป็นคำแนะนำตลอดจนการติดตาม ขอบคุณจริงๆค่ะ
    คุณdiya ค่ะ ข้อความล่าสุดที่คุณส่งมาป้าป้าขอตีความว่า คุณอยากให้ป้าป้ามองเห็น"โอกาสในวิกฤตของชีวิต" โอกาสที่จะตอบแทนบุญคุณของคนเป็นแม่พร้อมๆกับสะสมบุญใหญ่ให้กับตัวเอง ที่ผ่านมาทุกครั้งที่ท้อ ป้าป้าก็บอกตัวเองแบบนี้เหมือนกันค่ะ "ใช้ชีวิตแบบคิดบวก"เป็นอีกหนึ่งคะแนะนำจากคนรอบข้าง ป้าป้าก็ทำคะ เพียงแต่ป้าป้าคงต้องคิดบวกในแบบที่เป็นไปได้จริง ไม่ใช่แค่คิดบวกเพื่อปลอบใจตัวเองไปวันๆ ซึ่งป้าป้าก็ตีความว่าคุณdiya ก็คงอยากให้ป้าป้าคิดแบบนี้
    บุญวาสนาที่ได้เสวนากับคุณเฮียปอฯ คุณแจ๊กซ์69และคุณdiya คือน้ำจิตน้ำใจที่จับต้องไม่ได้และถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่ะสัมผัสได้จากข้อความที่มีเจตนาดีเป็นที่ตั้ง...ท่ามกลางความทุกข์ท้อของป้าป้า ขอให้พวกคุณรับรู้ไว้ว่าข้อความตลอดจนคำแนะนำของพวกคุณทั้ง 3 คนเป็นกำลังใจที่ช่วยให้ป้าป้าคนนี้มีพลังใจที่ดีขึ้นอีกครั้ง
    เมื่อความทุกข์ใจเป็นทุกข์ที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกข์ใดๆในชีวิต ผู้มีแก่ใจช่วยเหลือแบ่งเบาแม้เพียงการฟังอย่างตั้งใจก็มากพอจะทำให้ใครคนนั้นคลายทุกข์ ป้าป้ามั่นใจค่ะ ว่า..ป้าป้าคงไม่ใช่คนแรกที่พวกคุณทั้ง3คนยื่นใจเข้ามาช่วยเหลือ ดังนั้นสิ่งที่พวกคุณทั้ง3คน กำลังทำอยู่ คือการแบ่งเบาทุกข์ใจให้เพื่อนมนุษย์ซึ้่งก็เป็นการทำบุญในอีกรูปแบบหนึ่ง วันนี้ป้าป้าเป็นผู้ได้รับจากพวกคุณ ป้าป้า สัญญาค่ะ..ว่าจะเป็นผู้ให้เช่นกันเมื่อวันและโอกาสมาถึง เหมือนอย่างที่พวกคุณทำ
    เฮียปอฯ คุณแจ๊กซ์69 และคุรdiya ขอให้บุญกุศลที่พวกคุณทั้ง3คนทำ ส่งผลให้พวกคุณสมหวัง เกินกว่าที่หวังนะค่ะ...................

    เกินกว่าจะใช่คำว่าขอบคุณจริงๆค่ะ ป้าป้า
    ปล.เฮียปอฯ(ตำมะลังเท่าที่พอจะทราบเป็นชื่อของตำบลในจ.สตูลทางภาคใต้ คุณอยู่อาศัยที่นั่นรึเปล่าค่ะ)
     
  10. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130

    ถูกต้องครับ ... (good)
     

แชร์หน้านี้

Loading...