:>>เมื่อต้อง..อาราธนาพระสมเด็จช่วยติดเครื่องเอฟ-๕ อี..พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์

เมื่อต้อง..อาราธนาพระสมเด็จช่วยติดเครื่องเอฟ-๕ อี..พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์

​

"๒,๘๐๐" เป็นตัวเลขชั่วโมงบินในฐานะนักบินขับไล่ประจำฝูงบิน กองบิน ต่างๆ ของ พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สำนักเลขานุการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และอดีตกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ซึ่งก่อนที่จะมานั่งในตำแหน่งผู้บริหารบริษัทการบินไทยนั้น

พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ เป็นนักบินขับไล่ประจำกองทัพอากาศ โดยจบจากโรงเรียนนายร้อยอากาศ ปี ๒๕๑๓ และได้ศึกษาต่อด้านการบินจากโรงเรียนการบิน กองทัพอากาศ โดยได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้บังคับการกองบิน ๑ เมื่อปี ๒๕๓๓ และในปี ๒๕๔๕ ได้เลื่อนยศเป็นพลอากาศเอก ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
​

พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ บอกว่า ทุกๆ กองบินของกองทัพอากาศ จะมีพระพุทธรูป และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ สิ่งหนึ่งที่นักบินกองทัพอากาศทำจนกลายเป็นประเพณีปฏิบัติไปแล้ว คือ การไหว้พระก่อนขึ้นบิน เพื่อความเป็นสิริมงคล

<CENTER></CENTER>

​

ปกติแล้วโดยส่วนตัวจะไปไหว้พระเป็นประจำ ทุกครั้งที่ได้เลื่อนตำแหน่ง รวมทั้งได้สิ่งที่ต้องการ จะไปกราบ พระแก้วมรกต พระสยามเทวาธิราช และศาลเจ้าพ่อหลักเมือง โดยเฉพาะพระแก้วมรกต ทุกครั้งถ้ามีโอกาสไปประชุมบริเวณใกล้ๆ จะแวะไปกราบไหว้ขอพร เพราะถือว่า เป็นสิ่งมงคลสูงสุดของประเทศไทย

การไปกราบไม่จำเป็นต้องขอพร เพียงได้ไปกราบก็ถือว่าเป็นมงคลแก่ชีวิตแล้ว ล่าสุดก็ได้ไปกราบขอพรพระแก้วมรกต เพื่อให้การดำเนินการจัดสร้าง พระพุทธสุวรรณภูมิโชค ภปร. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสำเร็จไปด้วยดี ในที่สุดก็เป็นไปด้วยความตั้งใจ

ขณะเดียวกัน ทุกครั้งที่เดินทางไปต่างจังหวัด ไม่ว่าจังหวัดใดๆ ก็ตาม หากมีเวลาก็จะเดินทางไปกราบไหว้สิ่งที่เป็นสิริมงคล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามคติความเชื่อของคนในท้องถิ่นนั้นๆ เช่น ไปพิษณุโลก ต้องไปไหว้พระพุทธชินราช ไปสกลนคร ก็ไปกราบสรีระของหลวงปู่คำพันธ์ เป็นต้น

<CENTER></CENTER>

​

นอกจากนี้แล้ว หากมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะไปกราบไหว้ขอพรจากวัดไทยใกล้ๆ นั้น รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามคติความเชื่อของคนพื้นเมือง หรือคนในประเทศนั้นๆ ด้วย อย่างกับเมื่อครั้งไปฝรั่งเศส ก็ได้ไปกราบไหว้ขอพรจากแม่ชีและบาทหลวงในโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่ง เพราะถือว่าเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอย่างหนึ่ง


เมื่อถามถึงเหตุปาฏิหาริย์ พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ เล่าว่า ในช่วงที่เป็นนักบินขับไล่ ครั้งหนึ่ง เคยขับเครื่องบิน เอฟ ๕ อี (เคยเป็นผู้บังคับกองบิน ๑ โคราช) ในภารกิจฝึกบินทิ้งระเบิดที่ม่วงค่อม ระหว่างบินกลับฐานปฏิบัติการ ปรากฏว่า เครื่องยนต์ดับ โดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้ง ๒ ข้าง ความเร็วไม่ต่ำกว่า ๔๐๐ นอต ซึ่งตามกฎการบินแล้ว นักบินต้องพยายามทำตามขั้นตอน คือ สตาร์ทเครื่องอีกครั้งหนึ่ง ถ้าไม่สามารถทำได้สุดท้ายต้องสละเครื่อง


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการสละเครื่องเพื่อรักษาชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ต้องรักษาทั้งเครื่องทั้งชีวิตไว้ให้ได้ จึงเป็นสิ่งดีที่สุด ระหว่างที่พยายามสตาร์ทเครื่องอยู่ ก็นึกถึงอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย โดยเฉพาะ พระสมเด็จ วัดระฆัง องค์เดียวที่แขวนติดคออยู่ ปรากฏว่า เครื่องติดอีกครั้งและสามารถนำเครื่องลงได้อย่างปลอดภัย


เครื่องบิน เอฟ ๕ อี (F-๕E TIGER II) เป็นเครื่องบินขับไล่ไอพ่นยุทธวิธี ๑ ที่นั่ง โดยใน พ.ศ. ๒๕๒๑ ทอ.ได้จัดซื้อเครื่องบินขับไล่สกัดกั้น พร้อมจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศ แบบเอฟ-๕อี จากประเทศสหรัฐอเมริกา ความเร็วเหนือเสียง ทอ.กำหนดแบบเครื่องบินเอฟ-๕อี ว่า "เครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๘ ข (บ.ข.๑๘)" เคยประจำการใน บน.๑ บน.๔ และ ปัจจุบันประจำการที่ บน.๒๑ และ บน.๗ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๑ จนถึงปัจจุบัน

"ผมเกือบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติการบินที่ยอมเสียเครื่องลำละเกือบ ๕๐๐ ล้านบาท เพียงเพื่อรักษาชีวิตให้รอด แต่พระสมเด็จท่านแสดงปาฏิหาริย์ ช่วยทั้งรักษาเครื่องและรักษาชีวิตให้ผมมายืนอยู่ได้ทุกวันนี้ ผมเชื่อว่า ปาฏิหาริย์มีจริง" พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ยืนยัน


ส่วนพระเครื่องที่แขวน และนิมนต์ขึ้นคอเป็นประจำนั้น พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ บอกว่า มี ๓ องค์ ประกอบด้วย พระสมเด็จ วัดระฆัง ซึ่งได้รับมอบมาจากพ่อตา (พลอากาศโทนัน) องค์ที่ ๒ พระรอด ลำพูน โดยได้รับมอบจากยาย ท่านให้ไว้เมื่อครั้งเป็นนักเรียนการบิน ส่วนอีกองค์เป็น พระหลวงพ่อเกษม เขมโก ซึ่งเป็นพระของพ่อ โดยได้รับมอบจากหลวงพ่อเกษมจากมือ เมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่