เพียรดับความคิดอย่าให้มันมีความคิด : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 12 มิถุนายน 2023.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    352401760_6623983874287497_5189671865374319725_n.jpg

    #เพียรดับความคิดอย่าให้มันมีความคิด

    “...ก็บอกว่าอย่าไปยึดไง ให้ดูหัวใจดวงนั้นอย่าให้มันนึกมันตรึกมันตรองไปทางอื่นไง รวมเข้ามาก่อน มันส่งจิตออกนอกมันเป็นอย่างงั้น อย่าไปส่งจิตออกนอกสิ ดูหัวใจดวงนี้มันนึกมันตรึกมันตรองอะไรก็มีสติรู้อยู่นั่น ตั้งสติไว้ตรงกลางนั่น เห็นมันก็เห็นหมดนั่นแหละ เห็นทั้งภายนอกภายในมันก็เห็นหมดตามประสีประสาสัญญาจำได้หมายรู้ เราเป็นมาก่อนหมดนั่นแหละของพวกนี้ ได้หลวงปู่ถวิล สุจิณโณ ซัดให้ จึงรวมเข้ามาได้ ดูหัวใจดวงนั้น ไปดูข้างนอกจะไปดูทำไม ดูใจว่ามันสุขมันทุกข์ ดูใจว่ามันนึกมันตรึกมันตรองอะไรนั่นนะจะรวมเข้ามาตรงนั้น ดูไม่ไปตามมันนะ ไม่ใช่ว่าดูแล้วไปตามมันนะดูเฉยๆนี่ดูแล้วก็ทนอยู่อย่างงั้นนั่นแหละมันจะเป็นตบะ มันจะเป็นพลังจิตมันจะเป็นสมาธิอยู่ในตัวของมันนั่นแหละมันจะหายบ้าสติมันอยู่อย่างนั้น อยู่ที่ตัวรู้ตัวนั้น มันก็รู้มันก็ความคิดเฉยๆไปตามมันทำไม ใจที่มันสุขมันทุกข์จะไปตามมันทำไม ให้มันรู้ว่ามันสุขมันทุกข์ทนเอาก่อนนั่น เข้าใจไหมที่หลวงปู่พูดเนี่ย อย่าไปว่าเห็นนั่นเห็นนี่ มันก็เห็นหมดนั่นแหละ หลับตาไม่หลับตามันก็เห็นหมดนั่นแหละ ก็สัญญาจำได้หมายรู้มันยังอยู่นี่ อย่าไปสนใจเห็นก็รู้ว่าเห็นอย่าไปตามมัน เห็นนู่นเห็นนี่มันก็เห็นหมดนั่นแหละ มันมีตาอยู่ตาไม่ได้บอดนี่ ไม่ปฏิบัติ จะปฏิบัติมันก็เห็นเท่าเก่ามันนั่นแหละ เพราะสัญญาเดิมๆมันยังอยู่ตั้งแต่อดีตชาติโน่น ใหรวมมาปัจจุบันเดี๋ยวนี้เราอยู่อย่างงี้ อย่าไปหลับตาลืมตาดูตัวเองนี่ นั่งภาวนานั่นถ้ามันมีอาการที่หลอนอย่าไปหลับตา ลืมตาดูปัจจุบันดูตัวเองอยู่นี่แหละ นั่นดูตัวตนนี่อยู่อย่างเงี้ย มันหลบแว้บไปความคิดเราก็ดึงมา ตาลืมดูอยู่นี่ลืมดูอยู่ในปัจจุบันว่าเดี๋ยวนี้เรานั่งอยู่นี่ก็คือจบนั่นแหละสติมันจะค่อยรวมมาๆๆ ของมัน ถ้ามันมีกำลังแรงกว่าเราก็มีพุทโธ พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขณะลืมตาดูตัวเราอยู่อย่างงี้ว่าเรานั่งอยู่ มันจะค่อยปรับสภาพของมัน ความสัมผัสสัมพันธ์มันไม่มีประโยชน์อะไร

    วิญญาณมันครองอยู่นั่น วิญญาณตัวหนึ่งมันมาแล้ววิญญาณตัวอื่นมันก็เสริมๆ เพิ่มไปอยู่นั่นแหละหลายร้อยหลายพันหลายหมื่นหลายแสนหลายล้านวิญญาณ มันก็เป็นอนุปรมาณูมันก็มีหมดนั่นแหละ ถ้าสติอ่อนวิญญาณดวงอื่นก็เข้ามาเคลือบได้มันก็เป็นอย่างงั้น เดี๋ยวนี้จะเอาวิญญาณธาตุในขันธ์เรานี้ที่รู้ด้วยตาหูจมูกลิ้นกาย กายใจสัมผัสกันอยู่นี่วิญญาณปัจจุบันนี่ อย่าเอาวิญญาณอื่นๆเข้ามายุ่ง มันก็จะปรับสภาพของมันไปเรื่อยๆๆๆ มันก็จะอยู่อย่างปกติของมันได้ การทำจิตภาวนาเป็นอย่างงั้น ไม่ใช่ว่าเห็นโน่นเห็นนี่เห็นหาวิมานอะไร ไปเห็นตัวเองนั่นมันเป็นอะไรเป็นมนุษย์ไหม ความคิดเป็นมนุษย์ไหมหรือความคิดมันเป็นหมาอยู่ก็ดูตัวเองนั่น ความคิดมันดีไหมหรือมันชั่วมันดูตัวเองนั่น ตั้งสติไว้ตัวรู้ตัวนั้นมันก็จะค่อยสว่างขึ้น นั่นแหละรู้รู้อย่างเดียว สติอย่างอื่นไม่จำเป็นสติยิ่งมากยิ่งดีนี่ ตรัสไว้แล้วสมบูรณ์บริบูรณ์ นักภาวนาถ้าขาดสตินี่ก็เป็นไป แม้นหลวงปู่มหาเส็ง ปุสโส กี่พรรษา ๕๐ พรรษาหรือไง หลวงปู่มั่นก็รู้นี่เป็นด้วยวิบากกรรมก็ไม่โปรดเอา รู้ไปหมดเห็นไปหมด ตอนแรกมันก็จริงบ้างเท็จบ้าง เห็นนั่นเห็นนี่ก็เห็นไปหมดนั่นใหม่ๆ นี่

    โอ้ย...เม็ดดินเม็ดทรายอยู่ในวัดนี่มีกี่ก้อนอยู่ที่ไหนจุดไหนบ้างมีอะไรบ้าง เราเห็นหมดนั่นแหละสมัยก่อน เราก็ผ่านมาทั้งนั้น กว่าที่จะปรับสภาพมันมาได้ มันไปติดข้างนอก หวยตัวไหนดีนี่ลอยมาทั้งนั้นสมัยก่อนนี่นั่นถ้าเราไม่หวังมรรคหวังผล โอ๊ย....เราบ้านานแล้ว เป็นพระอรหันต์ผีบ้านานแล้ว ก็ตัดสินปัญหาตัวนั้น ไม่เอา ไม่ให้จิตมันยึด รวมมาลงปัจจุบันของมัน รู้ทนอยู่กับสิ่งที่มันเป็นของมันอยู่นั่น ใจมันยึดตัวนี้มันอยากจะได้ตัวนี้ก็ทนมันไม่ให้มันอยากได้ตัวนั้น มันไม่อยากได้ก็ทนมัน ให้มันเป็นกลางๆตรงนั้นนั่นแหละตัวกลางๆนั้นแหละ ถ้ามันหนีไปมากก็เอาพุทโธใส่ตรงกลางๆกลาง ๆไว้เราก็อยู่กลางพุทโธ พุทโธ พุทโธ อยู่กลางลืมตาไว้อย่าไปหลับตา นั่นแหละสัญญาจำได้หมายรู้ต่างๆมันก็จะรวมกันตรงนั้น มันจะค่อยปรับสภาพของมันมีสติมากขึ้น มากขึ้น มันค่อยจางไปจางไปจิตมันไม่กระด้าง ถ้าจิตมันกระด้าง มันก็จะสอดรู้สอดเห็น จิตอยู่ในอุปจาระ จิตอยู่ในขณิก นั่นจิตกระด้าง มันก็เหมือนกับความฝันนี่แหละมันสอดรู้สอดเห็น

    เวลาพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกนี่ ที่พระองค์เป็นจิตที่ละเอียดแล้ว ยังถอยออกมาสู่จิตกระด้าง ใช้จิตกระด้างให้เป็นประโยชน์แค่นั้นเอง ถ้ามันเลยจิตกระด้างไปมันก็นิ่ม ร่างที่มันผาดโผนก็นิ่มลงๆ มันก็หยุด สิ่งที่เห็นว่าเป็นรูปร่างที่แรง จิตมันสะอาดสะอ้านมันจะขาวละเอียดเหมือนปุยนุ่น นั่นแหละเขาเรียกว่าจิตมันละเอียดเข้าไปเรื่อยๆ เรื่อยๆๆๆ ตอนนี้มันจะไม่มีอาการว่าสอดรู้สอดเห็นมายุ่งเหยิง ดับการสอดรู้สอดเห็น การสอดรู้สอดเห็นนี่คนมีกิเลส เราก็มีกิเลสใช่ไหมล่ะ อยู่เฉยๆมันก็เห็นนี่นั่นเห็นความคิดนั่นแหละ ก็คิดโน่นคิดนี่ มันก็บ้ากับความคิด จะไปบอกว่าเราภาวนาเห็น นี่เราอยู่เฉยๆมันก็เห็นก็ความคิดนั่นแหละ มันคิดนั่นปรุงนี่แต่งนู่นแต่งนี่ตามประสีประสา มันก็ทะเลาะเบาะแว้งกันน่ะ มันก็ดุด่าว่ากล่าวกันมันก็มีแค่นั้นไม่ มีอะไรดีขึ้นมาเพียรดับความคิดสิอย่าให้มันมีความคิด นั่นนะภาวนาให้มันผ่านตัวนั้น...”

    พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๖
     

แชร์หน้านี้

Loading...