เปิดตำนานวัตถุมงคลดังปี"33 (จบ) พระชินสีห์-ศาสดา-ปิดตา ญสส

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 11 กรกฎาคม 2008.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    เปิดตำนานวัตถุมงคลดังปี"33 (จบ) พระชินสีห์-ศาสดา-ปิดตา ญสส

    คอลัมน์ หลังเลนส์ส่องพระ

    เอกอุ




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สําหรับพระพุทธชินสีห์ นอกจากจะประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวมาแล้วนั้นคณะกรรมการยังได้เชิญไปฝากเข้าพิธีพุทธาภิเษกวัดมหาธาตุอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 12 ธ.ค. และวันที่ 15 ธ.ค.33 ได้มีพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ได้อัญเชิญพระพุทธชินสีห์ไปเข้าพิธีทั้งสองวาระนั้นด้วยโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จทรงเป็นประธานทั้งสองวาระ ทั้งยังมีพระเถราจารย์เจริญสมาธิภาวนาอีกมากรูป

    และเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2534 ซึ่งเป็นวันเถลิงศกศักราชใหม่ วัดเศวตฉัตรได้มีพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถ ในวันที่ 25 มกราคม 2534 ซึ่งเป็นวันกองทัพไทย วัดสุทัศนเทพวรารามได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกตลอดคืนก็ได้รับความเมตตานุเคราะห์จากเจ้าพิธีนำพระพุทธชินสีห์เข้าร่วมพิธีอีกสองวาระนั้นด้วย และในวันที่ 28 มกราคม 2534 ได้ประกอบพิธีอธิษฐานจิตตภาวนาปลุกเสกในอุโบสถวัดสุทธาราม ตลอดคืนโดยพระภาวนาจารย์ 28 รูป และได้นำพระเครื่องทั้งหมดเข้าพิธีเป็นวาระพิเศษยิ่ง ซึ่งนับเป็นวาระสุดท้ายของพิธีปลุกเสก

    ดังกล่าวมานี้หากกฤติยานุภาพ อันจะบังเกิดกฤติยาคมมีจริงเชื่อแน่ว่าพระเครื่องที่ได้รับประทานให้จัดสร้างครั้งนี้ต้องทรงพุทธานุภาพอันจะบังเกิดพุทธาคมอย่างแน่นอน แต่ถ้ากฤติยานุภาพไม่มี เชื่อแน่ว่าผู้ที่ได้สักการบูชาพระเครื่องดังกล่าวมานี้ต้องได้พระเครื่องมงคลสักการะที่ทรงคุณค่าผ่านพิธีกรรมตามแบบโบราณาจารย์ ทั้งยังได้ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลกับสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์นี้ ทั้งได้เจริญกุศลศรัทธากับสมเด็จพระสังฆราชพระองค์นี้อีกส่วนหนึ่งด้วย
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    อนึ่ง ท่านผู้ที่ได้บูชาพระศาสดาจะมีโค้ดพระนามย่อตอกอยู่ใต้ฐานองค์พระทุกองค์ สำหรับพระพุทธชินสีห์นอกจากจะมีพระนามย่อ ญสส ตอกเป็นโค้ดแล้วยังมีหมายเลขตอกกำกับทุกองค์อีกด้วย ท่านที่ได้บูชาพระเครื่องมงคลสักการะครั้งนี้จึงมั่นใจได้อย่างแน่นอนอีกประการหนึ่งมูลนิธิแห่งนี้

    พระเครื่องที่ได้รับประทานให้จัดสร้างนั้นก็ทราบอยู่เฉพาะวงแคบๆ การเลียนแบบหรือปลอมพระเครื่องชุดนี้จึงยังไม่ปรากฏสู่สายตาของวงการ ประกอบกับแม่พิมพ์พระทุกๆ พิมพ์นั้นก็ได้ใช้ตะไบถูแม่พิมพ์ทุกพิมพ์ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าคณะกรรมการจะไม่มีการสร้างเสริมหรือสร้างขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน

    วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2533 ซึ่งเป็นวันที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงประกอบพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกพระศาสดา พระพุทธชินสีห์ พระปิดตา ในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหารดังกล่าวมาแล้วนั้น นอกจากผู้เข้าร่วมพิธีจะได้ถวายนมัสการองค์พระพุทธชินสีห์ องค์พระประธานพระอุโบสถแล้วยังได้ใกล้ชิดในฝ่าพระบาท สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะ

    คณะกรรมการได้ทูลถวายเครื่องสักการะต่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ด้วยแจกันแก้วเจียระไนสูงประมาณ 1 ศอก ประดับด้วยดอกไม้หลายชนิด โดยเป้าหมายแจกันแก้วเจียระไนคู่นี้เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาประจำพระอุโบสถ น้อมถวายเป็นพุทธบูชาต่อองค์พระสุวรรณเขต-องค์พระพุทธชินสีห์ เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงทราบจุดประสงค์ของคณะกรรมการมูลนิธิ ทรงโปรดมีพระดำรัสกับพระครูเจ้าหน้าที่ผู้รักษาพระอุโบสถให้นำแจกันคู่ดังกล่าวถวายเป็นพุทธบูชาตามความประสงค์ของคณะกรรมการสืบไป

    แม้แจกันคู่นี้จะมีราคาเพียงหมื่นกว่าบาทเท่านั้น แต่ก็เป็นความภาคภูมิใจของคณะกรรมการอย่างหาที่สุดมิได้ ภายในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งเป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวพุทธและเป็นที่พึ่งทางจิตใจของเหล่าพุทธศาสนิกชนที่ต้องการเข้าไปกราบไหว้องค์พระพุทธชินสีห์ เพื่อขอประทานความสุขความเป็นสิริมงคลสมบูรณ์พูนสุขแล้ว

    เมื่อเข้าไปด้านซ้ายมือจะมีบันไดเล็กๆ ขึ้นไปสู่องค์พระพุทธชินสีห์ ข้างบันไดนั้นเองหากใครเป็นคนช่างสังเกตจะพบเสาต้นหนึ่งที่ปลายเสาเกือบจะติดกับพื้นจะมีข้อความอยู่หลายบรรทัดข้อความนั้นดังนี้

    อนึ่ง ได้มีพุทธภาษิตแสดงฉฬาภิชาติไว้ดังนี้ 1.กัณหาภิชาติยะ บุคคลผู้เกิดมาดำ คือต่ำต้อยและขัดสน ทั้งเกิดนิยมธรรมดำ คืออกุศลจิตต่างๆ 2.กัณหาภิชาติยะ บุคคลเกิดมาดำ แต่นิยมธรรมขาว คือกุศลจิตต่างๆ 3.กัณหาภิชาติยะ บุคคลเกิดมาดำ แต่นิยมนิพพานอันไม่ดำไม่ขาว 4.สุกกาภิชาติยะ บุคคลเกิดมาขาว คือ สูง และมั่งมี แต่เกิดนิยมธรรมดำ 5.สุกกาภิชาติยะ บุคคลผู้เกิดมาขาว ทั้งเกิดนิยมธรรมขาว 6.สุกกาภิชาติยะ บุคคลผู้เกิดมาขาว เกิดนิยมนิพพาน ที่ไม่ดำไม่ขาว

    ที่ได้เชิญพุทธภาษิตที่ได้ลิขิตไว้ข้างบันไดขึ้นไปสู่องค์พระพุทธชินสีห์นั้นเหตุว่า การกราบไหว้พระนั้นย่อมได้ทั้งน้ำมนต์ เนื้อมนต์ น้ำมนต์นั้นหมายถึง พระเครื่องตลอดถึงน้ำมนต์ที่ชโลมโดนร่างกายเท่านั้น ส่วนเนื้อมนต์นั้นหมายถึงข้อธรรมะต่างๆ ที่จะจดจำแล้วนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตประจำวันนั่นเอง

    สำหรับผู้ที่สนใจวัตถุมงคลดังปี 2533 พระชินสีห์ พระศาสดา และพระปิดตา ญสส ผลงานมูลนิธิศรีรัตนโกสินทร์ กรุงเทพฯ ลองไปที่วัดสุทธาราม สำเหร่ กรุงเทพฯ อาจมีเหลือบางพิมพ์อยู่ ซึ่งในอนาคตจะเป็นของที่ทรงคุณค่าและหายาก


    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09DMHdOeTB4TVE9PQ==
     

แชร์หน้านี้

Loading...