'เฒ่าชูชก'สุดยอดเครื่องรางแห่ง'การขอ'

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 29 มิถุนายน 2009.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    [​IMG]


    [​IMG]

    <SCRIPT type=text/javascript>var id='18535';function count(){$.ajax({ type: "POST", url: "http://www.komchadluek.net/counter_news.php", data: "newsid="+id, success: function(txt){ var counter_=parseInt(txt); $('#counters').html('จำนวนคนอ่าน '+counter_+' คน'); } });} featuredcontentslider.init({ id: "slider1", contentsource: ["inline", ""], toc: "markup", nextprev: ["Previous", "Next"], revealtype: "click", enablefade: [true, 0.1], autorotate: [true, 8000], onChange: function(previndex, curindex){ }})</SCRIPT>คมชัดลึก :เมื่อครั้งที่ผมได้มีโอกาสเข้าไปแข่งขัน รายการ “แฟนพันธุ์แท้” และได้สุดยอดแชมป์แห่งปี ๒๐๐๓ นั้น ผมได้พกเครื่องรางชิ้นหนึ่งติดตัวไปด้วยตลอดการแข่งขัน ซึ่งในปัจจุบันมีพระเกจิอาจารย์หลายท่านได้สร้างขึ้นอย่างแพร่หลาย อาจเพราะด้วยพุทธคุณที่มีอยู่ในตัวนั่นเองที่ทำให้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย
    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1044823792492543";/* Kom-newdesign338x280story */google_ad_slot = "7614892621";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 336px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 280px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 336px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 280px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"></INS></INS>

    ในบรรดาเครื่องรางของขลังที่มีนามว่า ชูชก นี้ที่มีความยอดเยี่ยมด้านโชคลาภ และเมตตามหานิยมสูงนั้น มีการสร้างด้วยกันหลายสำนัก
    ชูชก ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับมากที่สุดเห็นจะเป็นของ หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน จ.สมุทรสาคร ซึ่งหายาก และมีมูลค่าสูง ต่อมาก็เป็น หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง
    และยังมีอีกหลายองค์ที่สร้างชูชกออกมาเช่น หลวงพ่อแล วัดพระทรง จ.เพชรบุรี หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม จ.นครปฐม หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จ.ระยอง หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย จ.พระนครศรีอยุธยา
    ชูชกมีอานุภาพทางด้านเสริมดวงในทางด้านขอโชคขอลาภ กู้หนี้ยืมสิน ขอลาภเงินทอง เจรจาขอผัดผ่อนหนี้สิน ขอเลื่อนและขอลาภจากผู้ใหญ่และด้านการขอทุกชนิด
    จึงเป็นที่มาของการบูชาชูชก สุดยอดของการขอสิ่งสูงสุดของ พระเวสสันดร หรือเลือดในไส้นั่นเอง และที่สำคัญมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ
    จัดว่าเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่ง สุดยอดเครื่องรางแห่งการขอ ขอทานเฒ่าในนามที่ชื่อว่า ชูชก ผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นคู่บารมีของพระเวสสันดรโพธิสัตว์ ในฐานะผู้ขอกับผู้ให้
    จากเรื่องราวชูชกขอทานผู้ที่มีเงินทองมากมายก่ายกอง มีภรรยาสาวสวย พระเกจิอาจารย์ท่านจึงสร้างไสยเวทวิชาที่สามารถดลบันดาลโชคลาภให้อย่างไม่มีขีดจำกัด เป็นเมตตามหานิยมอย่างล้นเหลือ และสมบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค
    ตำนานชูชกปรากฏในมหาเวสสันดรชาดก พระเวสสันดรอันเป็นชาติสุดท้ายของการสั่งสมบารมีเพื่อการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
    ชูชกเป็นพราหมณ์อยู่ในเมืองกลิงคราษฎร์ เที่ยวท่องขอทานไปทั่ว และด้วยนิสัยประหยัด มัธยัสถ์ รู้จักอดออม เงินที่ขอเขามาเก็บไว้จึงมีมากมาย เข้าขั้นเศรษฐี ชูชกนำไปฝากเพื่อนพราหมณ์ไว้ ครั้นเมื่อกลับไปทวงถาม ปรากฏว่าเพื่อนได้ใช้เงินหมดไปแล้ว เลยยกลูกสาว คือ นางอมิตดา วัยแรกรุ่นสวยงามให้แทน
    ทั้งที่ชูชกมีรูปร่างอุบาทว์อัปลักษณ์ยิ่งนัก แต่นางอมิตดาก็ยังขยันปรนนิบัติสามีเป็นอย่างดี นางตักน้ำ ตำข้าว หุงหาอาหาร ดูแลบ้านเรือนไม่มีขาดตกบกพร่อง
    ความประพฤติที่ดีเพียบพร้อมของนางอมิตดา ทำให้เป็นที่สรรเสริญของบรรดาพราหมณ์ทั้งหลายในหมู่บ้านนั้น ในไม่ช้าบรรดาพราหมณ์เหล่านั้นก็พากันตำหนิติเตียนภรรยาของตน ที่มิได้ประพฤติตนเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างนางอมิตดา ทำให้พวกภรรยาพราหมณ์อิจฉาริษยามาคอยด่าทอนางอมิตดาอยู่ทุกวัน
    นางอมิตดามาเล่าให้ชูชกฟัง ชูชกจึงบอกว่า ต่อไปนี้นางไม่ต้องทำการงานสิ่งใด ชูชกจะเป็นฝ่ายทำให้ทุกอย่าง นางอมิตดาจึงว่า
    "ภรรยาที่ดีจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร จะปล่อยให้สามีมาปรนนิบัติรับใช้ เราทำไม่ได้หรอก ลูกหญิงที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนมาดี ย่อมจะไม่นั่งนอนอยู่เฉยๆ ดีแต่ชี้นิ้วให้ผู้อื่นปรนนิบัติตน นี่แน่ะ ชูชก ถ้าท่านรักเราจริง ท่านจงไปหาบริวารมาปรนนิบัติรับใช้เราดีกว่า"
    ชูชกได้ฟังดังนั้น ก็อัดอั้นตันใจ ไม่รู้จะไปหาข้าทาสหญิงชายมาจากไหน นางอมิตดาจึงแนะว่า "ขณะนี้พระเวสสันดรเสด็จออกมาจากเมืองสีพี มาทรงบำเพ็ญพรตอยู่ในป่า พระองค์เป็นผู้ใฝ่ในการบริจาคทาน ท่านจงเดินทางไปขอบริจาคพระชาลี กัณหา โอรสธิดาของพระเวสสันดรมาเป็นข้าทาสของเราเถิด"
    ชูชกจึงไปทูลขอพระโอรสธิดา เพื่อเป็นข้าช่วงใช้ของตน พระเวสสันดรทรงมีพระทัยยินดีที่จะทรงกระทำบุตรทาน คือ การบริจาคบุตรเป็นทาน เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น
    เมื่อได้ตัวพระชาลี กัณหา แล้วระหว่างเดินทางกลับ บังเอิญผ่านไปหน้าที่ประทับพระเจ้าสญชัยทรงทอดพระเนตรเห็นพระนัดดาทั้งสอง ก็ทรงจำได้ จึงให้เสนาไปพาเข้ามาเฝ้า
    ชูชกทูลว่า พระเวสสันดรทรงบริจาคพระชาลี กัณหา ให้เป็นข้าทาสของตนแล้ว
    พระเจ้าสญชัยก็โปรดให้เบิกสมบัติท้องพระคลังมาไถ่ตัวพระนัดดาจากชูชก และโปรดให้จัดข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงดูชูชก
    ชูชกพราหมณ์เฒ่าขอทาน ไม่เคยได้บริโภคอาหารดีๆ ก็ไม่รู้จักยับยั้ง บริโภคมากจนทนไม่ไหว ถึงแก่ความตายในที่สุด
    ด้วยเหตุที่ชูชกผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นคู่บารมีของพระเวสสันดรโพธิสัตว์ และพื้นฐานของชูชกมีลักษณะเกล้าผมมวยแบบพราหมณ์ มีหนวดเครา หลังค่อม ไม่สวมเสื้อ ถือไม้เท้า และสะพายย่าม มีเงินทองมากมาย มีกินมีใช้ จึงเป็นที่มาของเครื่องรางในตำนานอีกชิ้นหนึ่ง ที่มีคติความเชื่อทางในทางไสยศาสตร์ยกย่องชูชกว่า เป็นคนมีเสน่ห์ มีลาภมาก ข้าวปลาอาหาร บ้านเรือน และบริวาร จะขออะไรใครเขาก็ให้ เป็นการกระตุ้นให้อยากทำทาน เป็นผู้เสียสละ สำหรับผู้ที่เคยฟังเทศน์มหาชาติ โดยเฉพาะกัณฑ์ชูชก พระนักเทศน์หลายท่านได้มีข้อคิดประจำกัณฑ์ ว่า
    ๑.ของที่รักและหวงแหนที่โบราณห้ามฝากผู้อื่นไว้คือ เงิน ม้า เมีย ยิ่งน้องเมีย ห้ามฝากเด็ดขาด อันตรายมาก
    ๒.ภรรยาที่ดีย่อมไม่ย่อหย่อนต่อหน้าที่ ข้าวตำ ตักน้ำ ฝืนตอหักหา น้ำร้อนน้ำชา เตรียมไว้ให้เสร็จ
    และ ๓.ของไม่คู่ควรย่อมมีปัญหา ตำราหิโตปเทศ กล่าวว่า “ความรู้เป็นพิษเพราะเหตุที่ไม่ใช่ อาหารเป็นพิษเพราะเหตุไฟธาตุไม่ย่อย ปราสาทเป็นพิษสำหรับทุคคตะ เมียสาวเป็นพิษเพราะผัวแก่ ฉะนั้นไม่ควรริเป็นวัวแก่ที่คิดจะเคี้ยวหญ้าอ่อน"
     

แชร์หน้านี้

Loading...