เคยทำแท้งมาก่อน จะแก้ไขอย่างไร

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ประเสริฐ2522, 6 พฤศจิกายน 2007.

  1. ประเสริฐ2522

    ประเสริฐ2522 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    658
    ค่าพลัง:
    +409
    ถาม - เคยทำแท้งมาก่อน จะแก้ไขอย่างไร เพราะรู้สึกไม่สบายใจมาก และชีวิตมีแต่เรื่องยุ่งๆ
    ตอบ - ก็ไม่ยุ่งได้ยังไงล่ะครับ ก็คุณเป็นผู้ร้ายฆ่าคนไปแล้วนี่
    ย้ำกันให้ชัดๆนะครับว่า คุณเป็นผู้ร้ายฆ่าคน!!!
    จะมายกแม่น้ำทั้ง 5 หรือทั่วโลกมาอ้างน่ะ ฟังไม่ขึ้นหรอกครับ จะอ้างว่า ตอนนั้นเรียนอยู่ ถ้าท้องก็ไม่ได้เรียน
    หรือถ้าพ่อแม่รู้ว่าท้อง โดนตีตายเลย หรือจะอ้างว่าฐานะยังไม่ดี ยังไม่พร้อมที่จะมีลูก ก็อ้างกันสารพัดครับ แต่
    พูดกันเลยว่า ไม่พร้อมที่จะท้องหรือมีเด็ก แล้วทำไมพร้อมที่จะ "ร่วมรัก" กันล่ะ
    เอากันแล้ว สนุกกันฝ่ายเดียว แล้วไปฆ่าคนอื่นน่ะ เห็นแก่ตัวหรือเปล่า ?
    สำหรับผลที่คุณจะได้รับจากการที่คุณ "ทำแท้ง" นั้นมีผลกับตัวคุณมาก ๆ ครับ ที่เห็นชัด ๆ ก็คือ มีความ
    ไม่สบายใจติดตัวไปตลอดชีวิต (ก็แน่ล่ะคุณเป็นผู้ร้ายฆ่าคนนี่) ทำงานทำการอะไรก็ไม่ประสบผลสำเร็จ โชคไม่ดี โชค
    ลาภไม่มี เพื่อนฝูง คนรอบข้างเหม็นหน้า ไม่ค่อยรักไม่ค่อยเมตตา มีอุบัติเหตุบ่อย ๆ ปวดหัว ไม่สบายโดยไม่ทราบ
    สาเหตุบ่อยครั้ง จิตผวา เห็นเงาตะคุ่มๆ บ่อยๆ ได้ยินเสียงหวีดหวิว หรือเสียงคนเรียกโดยไม่เห็นตัวบ่อย ฝันร้าย และ
    อะไรๆที่ไม่ดีๆน่ะ เกิดขึ้นกับคุณเป็นประจำ
    เอาเถอะเมื่อมันเกิดมาแล้ว เรามาคุยกันเรื่องการแก้ไขกันดีกว่า
    ก่อนอื่น เรามาคุยกันก่อนว่า ทำไมการทำแท้งจึงเป็นเรื่องบาปมหันต์
    ต้องเข้าใจก่อนว่าการที่จะเกิดเป็น "คน" นั้น มันยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน?
    บางวิญญาณนั้น ตั้งหน้าตั้งใจรอเพื่อที่จะเกิดมา เพราะการเป็นมนุษย์นั้น เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มหาศาล
    ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่มากกว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์
    เพราะ "มนุษย์" เท่านั้น ที่สามารถจะสร้างบารมีสูงสุดที่สุดในโลก
    สามารถบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าได้
    ดูอย่าง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ยังต้องประสูติ (เกิด) มาเป็นมนุษย์ มาบำเพ็ญเพียร
    ก่อน ก่อนที่จะเป็นพระพุทธเจ้า
    เห็นมั้ยครับ เป็นวิญญาณไม่ว่าจะเป็นเทพ เป็นพรหมสูงขนาดไหน ก็เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ (ในช่วงพุทธกาล
    นี้) ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์เท่านั้น
    เพราะฉะนั้นการเกิดเป็นมนุษย์จึงเป็นการเกิดที่ยิ่งใหญ่ เพราะเมื่อเกิดมาแล้ว สามารถสร้างบารมี สร้างกุศล
    ได้มหาศาล สร้างได้ไม่มีเวลา ไม่มีกำหนด สร้างได้ไม่มีขีดว่าจะต้องมากน้อยแค่ไหน ?
    วิญญาณทำไม่ได้ครับ ?
    วิญญาณจะใส่บาตรได้ก็ต้องรอจังหวะเหมาะ ๆ รอพระสุปฏิปันโนดีผ่านมา แต่คนเรานึกจะใส่บาตรวันไหน
    ก็ได้ พระมีออกเกลื่อนเมือง
    วิญญาณทำสังฆทานก็ไม่ได้
    วิญญาณบริจาคเลือดเพื่อสร้างกุศลก็ไม่ได้ (ก็ไม่มีเลือดนี่ครับ)
    วิญญาณปฏิบัติสมาธิได้ระดับหนึ่งเท่านั้น สูงสุดก็ไม่ได้ เพราะการเจริญวิปัสสนา กรรมฐาน ต้องมีการ
    พิจารณาการเกิดดับของร่างกาย มีเกิดแก่เจ็บตาย ต้องมนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ เพราะมีสังขาร แต่วิญญาณไม่มี เลย
    ไม่รู้จะไปปลงอสุภะ ปลงสังขารยังไง
    บางวิญญาณน่ะต้องมาใช้ "กรรม" ในชาตินี้ (ที่เกิด) เพราะฉะนั้น เมื่อ (จะ) มาเกิดวิญญาณเค้าอาจ
    เตรียมตัวมาใช้กรรมแล้ว จะได้ทยอยใช้ให้หมดไปทีละนิด หรือมากๆได้
    นี่แค่เบื้องต้นนะครับ เห็นมั้ยครับว่าการเกิดมนุษย์นั้น ยิ่งใหญ่ขนาดไหน?
    แล้วจู่ๆ คุณก็มา "ฆ่า" เค้าด้วยตัวคุณเอง (หรือด้วยมือหมอทำแท้ง)
    คุณตัดอนาคตในการทำบุญของเค้าหมด คุณตัดการชดใช้ "กรรม" ของเค้า คุณไม่ให้โอกาสเค้าสร้าง
    ฐานะเพื่ออนาคตของเค้าด้วย
    คุณอาจจะไม่ให้โอกาสเค้าสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ
    และที่สำคัญ เกิดลูกคุณเป็นผู้ชายล่ะ เค้าอาจจะบวชเรียนเป็นพระภิกษุ สร้างสรรค์สังคมให้ดี ๆ อาจจะ
    สำเร็จเป็นอรหันต์
    ทีนี้คุณอาจจะเถียงว่า ถ้าคนที่ (จะ) เกิดมา จะเป็นคนไม่ดีล่ะ
    อันนี้ตอบได้เลยว่า ถ้าคุณเลี้ยงเค้าให้ดี เค้าก็ดีได้ครับ (เป็นการเถียงแบบเข้าข้างตัวเองมากกว่าครับ)
    เห็นมั้ยครับ ? เหตุผลแค่นี้เพียงพอกับการที่วิญญาณเค้าจะโกรธ จะแค้น จะโมโห จะอาฆาตคุณหรือเปล่า ?
    ที่ตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้าควรจะได้
    เป็นคุณเอง ถ้าโดน "ฆ่า" ก่อนที่จะได้เกิด คุณจะรูสึกอย่างไร ?
    บางคนอาจจะเถียงว่า เพียงเดือนสองเดือนยังไม่เป็นตัวหรอก?
    ในทางศาสนาพุทธ ถือว่าการมีชีวิตนั้น นับตั้งแต่วันแรกที่ไข่ของฝ่ายหญิง ได้รับการผสมเชื้อจากอสุจิของ
    ผู้ชาย ตรงนี้แหละครับที่ถือว่า ได้กำเนิดเป็นชีวิตแล้ว (ปฏิสนธิ)
    ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยครับว่า ทำไมวิญญาณเค้าถึงโกรธคุณมาก
    ถึงคุณจะทำบุญทำกุศลมากมายขนาดไหน ทำสังฆทานกี่ร้อยกระป๋อง หรือทำบุญยิ่งใหญ่ขนาดไหน เค้า
    ไม่สนใจหรอกครับ คุณเป็นคน "ฆ่า" เค้าแล้ว แล้วมานั่งทำบุญให้น่ะ มันคนละเรื่องกัน
    ตบ (ฆ่า) หัวแล้วลูบหลัง แบบนี้ มันถูกมันควรมั้ย ?
    เป็นคุณล่ะ คุณถูกใคร "ฆ่า" แล้วเค้ามาเคาะฝาโลงโป๊ก ๆ บอกว่า เฮ้ย! มารับของที่ฉันทำบุญไปให้นะ
    คุณจะชื่นชม หรืออภัยให้มั้ย?
    (ตรงนี้ สอนให้เอาใจเขามาใส่ใจเรานะครับ)
    เอาเถอะ ด่าคุณไปแล้ว ก็ต้องหาทางแก้ให้ (ผมก็เป็นซะอย่างนี้)
    ข้อแรกเลย คุณต้องตั้งใจให้มั่น ตั้งสัจจะเอาไว้เลยว่าต่อแต่นี้ไป จะตั้งใจทำบุญทำกุศลให้มาก ๆ เพื่อ
    อุทิศให้เค้า และการทำบุญทำกุศลที่ได้ผลมาก ๆ นั้น ลองอ่านหัวข้อเรื่องเก่าข้างบนได้ครับ มีบอกไว้แล้ว
    นอกจากการปฏิบัติ (ที่ถือว่าได้บุญมากที่สุด) แล้ว คุณต้องทำบุญทำกุศลทุกรูปแบบ จะใส่บาตร ก็ต้องใส่
    สม่ำเสมอ ทุกอาทิตย์ ทุกวันได้ยิ่งดี ทำสังฆทานให้มาก ๆ ถี่ ๆ
    ให้เค้าเห็นถึงความตั้งใจจริงว่าคุณตั้งใจจริง ไม่ใช่ "ฆ่า" แล้วก็ทำเล่น ๆ สักแต่ว่าทำไปเท่านั้น
    ทำให้ถี่ ๆ ครับ ทำมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ
    อีกอย่างนึง ถ้าคุณทำบุญกับกุศลที่เกี่ยวกับเด็กได้ก็ยิ่งดี เช่น ทำบุญกับมูลนิธิที่เกี่ยวกับเด็ก ช่วยเหลือเด็ก
    ยากจน สนับสนุนการศึกษาให้เด็กฯลฯ
    และอีกข้อนึง ขณะนี้คุณเป็นจำเลย ลูกคุณที่คุณ "ฆ่า" เป็นโจทก์ คนเรานี่เวลาโกรธกัน พูดกันยากครับ
    "เคลียร์" กันลำบากครับ
    เค้าก็โกรธคุณอยู่ คุณทำอย่างไรเค้าก็ไม่ฟัง ไม่สนใจหรอกครับ
    คุณต้องหา "ใครสักคน" ที่วิญญาณเค้าเกรงอกเกรงใจ เป็นผู้ไกล่เกลี่ย
    ส่วนใหญ่วิญญาณเค้าจะเกรงใจผู้ปฏิบัติครับ ก็หมายความไปถึงพระ (ที่เป็นพระ) ที่มีจิตดี มีการปฏิบัติดี
    มีปฏิปทาที่สะอาด บริสุทธิ์
    หรืออาจจะหาฆราวาสผู้ที่มีจิตดี มีการปฏิบัติดี ก็ได้ครับ
    แต่ไม่ว่าจะเป็นพระดี ฆราวาสดีนั้น หาไม่ง่ายหรอกครับร้อยคน มีสักคนก็หาแทบไม่ได้แล้ว
    ต้องหากันเองล่ะครับ
    แต่เตือนไว้อย่างนึงว่า การหาพระดี คนดีนั้น อย่าหาเพราะมีคนบอกว่าดี อย่าหาเพราะมีการโฆษณาจาก
    ทุกสื่อ
    แต่ขอให้ดูการวางตัว การปฏิบัติตัว การทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทน
    และดูการถือศีล การปฏิบัติด้วย มีศีลมากก็บริสุทธิ์มาก
    ปฏิบัติ (สมาธิ วิปัสสนา กรรมฐาน) มาก ก็จิตดีมาก
    เมื่อเจอแล้ว กราบท่าน ขอร้องให้ท่านช่วย เป็นสื่อกลางให้ ไม่มีปัญหาครับ วิญญาณเค้าเกรงใจบุคคล
    ประเภทนี้มากครับ
    อยู่ที่ว่าท่านจะเมตตาหรือไม่เท่านั้น
    เพราะบางท่านอาจจะคิดว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ยิ่งเป็นพระท่านอาจจะบอกว่า เป็นเรื่องโลกีย์วิสัย เป็นเรื่อง
    ของทางโลกที่ท่านไม่ควรยุ่งเกี่ยว
    แต่เชื่อเถอะครับ ไปกราบท่านบ่อย ๆ (อาศัยลูกตื๊อ) ท่านช่วยแน่นอน เพราะจิตท่านดีอยู่แล้ว ท่านเหล่านี้มี
    "เมตตา" เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
    สำคัญอยู่ที่ว่า อย่าให้มันเกิดขึ้นอีกล่ะ

    หามาจากเว็บครับ
    เด็กทะเล



     
  2. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,094
    ผลกรรม ที่ก่อ ก็ต้องรับในอนาคตอยู่แล้วครับ

    ส่วนเรื่องของเจ้ากรรมนายเวร ต้องลองเจรจาดูครับ

    ถ้าทำเองไม่ได้ อาจจะอธิษฐานว่าจะทำบุญใหญ่ให้

    เช่น การบวชพระ ถวายพระพุทธรูปหน้าตักใหญ่ๆ

    อะไรแบบนั้นครับ และทำบุญ รักษาศีล กรรมฐาน

    ไปให้สุดชีวิตเท่าที่จะทำได้ ไปจนกว่า กรรมปัจจุบันจะอโหสิครับ

    แล้วค่อยรอ กรรม อื่นๆที่กำลังจะให้ผลต่อไป

    ชีวิต จะเป็น ทุกข์ ไปเรื่อยๆนะครับ เพราะเป็น ชีวิต

    อนุโมทนาครับ
     
  3. kobporn

    kobporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    279
    ค่าพลัง:
    +782
    ทำบุญทุกรูปแบบ อุทิศส่วนกุศลมากๆค่ะ

    ไม่มีใครเกิดมาแล้วไม่ทำผิดหรอกค่ะ แต่มันอยู่ที่ว่ารู้ว่าผิดแล้วจะแก้ไขอย่างไรเท่านั้นเอง
     
  4. a_sitt

    a_sitt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +189
    อนุโมทนาบุญครับ กรรมดีกรรมชั่วอยู่ที่ตัวทำ แต่ขอให้นำมาเป็นข้อเตือนใจอย่าสร้างกรรมชั่วเพิ่ม หมั่นสร้างกรรมดีให้เสมอ ทุกอย่างในโลกล้วนเป้นไปตามกฏไตรลักษณ์ สุ่ทางสุญญตา
     
  5. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด หมั่นสะสมบุญทั้งทาน ศีล และภาวนาให้ยิ่งๆขึ้นไป จนเป็นอาจิณกรรมฝ่ายกุศล และอุทิศบุญกุศลนั้นไปให้คู่เวร ให้ทำอย่างต่อเนื่อง จนบุญเพิ่มพูนล้นบัญชี อกุศลวิบากเก่าจะได้ตามไม่ทัน

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่ร่วมสนทนาธรรมครับ

    สาาาาา...ธุ
    สาาาาา...ธุ
    สาาาาา...ธุ
    ให้ดังไปถึงพระนิพพาน<O:p</O:p
     
  6. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ต้องทำทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ด้วยกันทั้งหมด

    และที่สำคัญจะต้อง "ทำให้เป็น" ด้วย นะ ครับ
    เพราะถ้าเค้าไม่ได้รับก็เท่ากับทำสูญเปล่า

    เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก จะต้องพิจารณาและเจรจากันเป็นรายๆไป
    แต่ถ้าทำถูกต้องส่วนมาก "ผ่าน" ไปได้ ครับ
     
  7. มุกไวด้า

    มุกไวด้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +264
    ไหนๆ ก็ทำไปแล้วจะไปแก้ไขอดีตคงไม่ได้ ให้เราแก้ที่ปัจจุบันดีกว่า ลองอ่านบทความนี้ดูนะคะ


    ทำแท้ง



    โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)





    เรื่องมีอยู่ว่า มีหญิงคนหนึ่งผิวขาว ร่างท้วม หน้าตาอิ่มเอิบ อายุ 42 ปี เธอตาย เจ้าหน้าที่พาไปสำนักพระยายม เรื่องนี้เป็นนิมิตลอยมาให้เห็นไม่ใช่ทิพยจักขุญาณ คือเมื่อเวลา 18 นาฬิกา วันนี้นอนภาวนาตามปกติ อารมณ์เคลิ้มเห็นภาพนี้ที่สำนักพระยายม มีหญิงคนหนึ่ง เด็กเล็กคนหนึ่ง เด็กคนนี้เล็กมาก มีสภาพนอน




    พระยายมท่านถามหญิงคนนั้นว่า แม่หนู เธอทำแท้งหรือ


    เธอรับว่า ใช่เจ้าค่ะ

    ท่านถามว่า เมื่อทำแล้ว หลังจากนั้นทำบุญอะไรบ้าง

    เธอบอกว่า ที่จำได้ดีเพราะทำเป็นประจำก็คือ บูชาพระ ว่านะโม 3 จบ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง และสวดอิติปิโส ภควา แล้วกรวดน้ำอุทิศให้ลูกที่ทำแท้ง ขออย่าจองเวรจองกรรมเลย เมื่อถึงปีก็เป็นเจ้าภาพบวชพระทุกปี อุทิศส่วนกุศลให้ลูกที่ทำแท้ง

    เธอพูดได้ชัดเจนชัดถ้อยชัดคำ ไม่เหมือนรายอื่นๆ ที่พูดไม่ค่อยเต็มเสียง และมีมากรายไม่พูดเลย พระยายมท่านบอกว่า บุญเธอมีมาก และเด็กก็ไม่ได้จองเวรเธอ เธอไปรับผลความดีก่อน คือไปสวรรค์

    เมื่อเธอปลอดโทษแล้ว ผลบุญก็ตอบสนองเธอ คือมีรูปสวยทันที เครื่องแต่งกายสวยมาก แพรวพราวเป็นระยับ ในนิมิตว่า มีโอกาสคุยกับเธอถึงความเป็นมาต่างๆ เธอเล่าให้ฟังว่า เมื่ออายุ 17 ปี พี่สาวแต่งงานได้สองปี คลอดบุตร กำลังอยู่ไฟ พี่เขยเธอเข้าห้องผิด ไปเข้าห้องเธอเข้า เธอเห็นใจพี่เขย ขณะที่พี่สาวกำลังอยู่ไฟ พี่เขยคงเปลี่ยวใจ จึงอนุญาตให้เข้าห้องผิดได้เป็นประจำ

    เวลาผ่านไป 6 เดือนเศษ ผลของการเปิดห้องให้พี่เขย เลยเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาได้สองเดือน เมื่อเห็นท่าเรื่องจะบานปลาย จึงร่วมมือกับพี่เขย หายาขับเลือดอย่างแรง มีความร้อนสูง กินยานั้นเข้าไปสองครั้ง เด็กเลยไหลออกมา แต่เมื่อฟังผู้ใหญ่พูดกันว่าคนทำแท้งนั้นบาปมาก เพราะฆ่าเด็กในครรภ์ จึงตั้งใจบูชาพระทุกวัน สวดมนต์ เมื่อจบแล้วก็นั่งหลับตานึกถึงลูกที่ตาย ขอให้มารับส่วนบุญและไม่จองเวร อ้อนวอนขอให้พระพุทธเจ้าช่วย ทำอย่างนี้เป็นปกติทุกวัน เมื่อถึงฤดูกาลบวชพระ ก็เป็นเจ้าภาพบวชพระให้ปีละองค์ทุกปี อุทิศให้ลูก

    ต่อมาอายุ 42 ปี 3 เดือน เธอป่วยด้วยโรคทางเดินอาหาร เธอนึกถึงพระพุทธรูปที่เคยบูชา นึกถึงการใส่บาตร นึกถึงบวชพระ แล้วแต่จังหวะไหนจะนึกอะไรได้ ที่มั่นใจจริงๆ คือพระพุทธรูปที่บูชา และภาพพระที่บวช เมื่อตอนตาย มีคน 4 คนไปรับ ตอนนั้นเห็นพระพุทธรูปที่เคยบูชาลอยมา องค์ใหญ่กว่าที่เคยบูชา พระพุทธรูปท่านพูดว่า พาเขาไปเถอะ ฉันไปด้วย แล้วท่านก็ลอยนำหน้าไป เมื่อถึงพระยายม ท่านก็ยังลอยอยู่ตลอดเวลาการสอบสวน เมื่อพระยายมสอบสวนเสร็จ ภาพพระพุทธรูปจึงหายไป

    เมื่อถามเธอว่า เธอจะไปอยู่สวรรค์ชั้นไหน เทวดาที่เรียกว่าเทวทูต ที่จะนำเธอไปส่ง ท่านตอบแทนเธอว่า ไปอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ครับ แล้วท่านก็พาเธอไป ผู้เขียนสะดุ้งตื่นพอดี จบเรื่องเพียงเท่านี้ วันนี้ขอหยุดเท่านี้เพราะปวดพุง

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2007
  8. ประเสริฐ2522

    ประเสริฐ2522 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    658
    ค่าพลัง:
    +409
    ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็นนะคร๊าบ

    ฟูนาน Radio Operator
     
  9. amon_boon

    amon_boon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +6
    อนุโมทนาบุญด้วยคนครับ อันนี้ใครจะว่าผมไงก็ได้นะครับ ผมไม่ว่าอะไร คือภรรยาผมก็เคยไปทำแท้งมาครับ หมอบอกว่าประมาณ เกือบเดือนตอนนั้นภรรยาผมป่วยมากก็คิดว่าออกมาคงจะไม่ดีแน่และเรา2คนยังไม่พร้อมด้วย ขนาดเพื่อนแฟนผมแข็งแรงๆ ลูกออกมาแล้วยังเป็นอะไรไม่รู้ต้องถ่ายเลือดลูกตลอด แต่ผมว่าจะมานั่งทุกข์ใจทำไมในสิ่งที่ทำไปแล้ว (นี่ไม่ได้เถียงเอาแบบเข้าข้างตัวเองนะครับ) คนที่ไม่เคยอยู่ในช่วงเวลานั้นอาจไม่เข้าใจ แล้วก็ว่าทำไปได้ไง ทำไมตอนมีไรกันไม่คิด (คิดครับ หรือว่าอยู่ด้วยกันนี่ถ้าไม่พร้อมมีลูกนี่ห้ามมีไรกันเลยนะครับ) แต่บางอย่างถ้าไม่รู้กับตัวไม่โดนมากับตัว ก็ขอให้พูดให้ดีๆหน่อยนะครับ คนเราไม่ตั้งใจให้เป็นแบบนี้กันทุกคน ถ้าไม่ทำแท้งแล้ว มีปัญหาภายหลังใครรับผิดชอบ หรือมีใครช่วยเหลือบ้าง ก็ตัวเราเองซิครับจะมีใคร หรือ อาจไม่มีปัญหาเราไม่ทราบได้ครับ ผมคิดว่าถ้าเราเลี้ยงลูกดีขนาดไหนก็เลี้ยงได้แค่ตัวครับ ส่วนจิตใจนั้นเค้าเลือกเองครับ เราบังคับให้เค้าเป็นคนดีไม่ได้หรอกครับ ครัวสะอาดแต่ไม่ใช่อาหารที่ทำออกมาจะสะอาด ทั้งหมดนะครับ ฉะนั้น แนะทางออกที่ดีดีกว่าครับ ไม่ต้องร่ายยาว อ่านแล้วหดหู่เหมือนกับ ชาติอยู่นี้ไม่ได้แล้ว มีปัญหาก็ต้องแก้กันไปครับ ส่วนตัวผม ก็เสียใจครับ แล้วก็เห้นใจบางคนครับที่ต้องทำแท้ง ใจก็ไม่อยากหรอกครับ แต่ใครจะรู้อนาคต ช่วงนี้ก็ทำบุญให้เค้าไปเรื่อยๆ สวดมนต์แผ่เมตตาถึงเค้าน่ะครับ เป็นกำลังใจคับกับคนที่ทุกข์อยู่กับเรื่องนี้ คุณไม่ผิดหรอกครับ แต่อาจแก้ปัญหาที่ผิดกับ ศีลธรรม
    เพราะช่วงที่คุณทำไปนั้น ไม่มีใครมาเข้าใจ ไม่มีใครให้คำปรึกษาด้านต่างๆ อย่างที่บอกไว้แต่ต้น ถ้าไม่เจอกับตัวเอง ก็พูดได้ครับ ไงก็ต้องหมั่นทำบุญ ถือศีล ภาวนา น่ะครับ
     
  10. lunasea

    lunasea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    429
    ค่าพลัง:
    +433
    ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เท่านั้น คนเราทุกคนสามารถทำผิดได้ครับ แต่ผิดแล้วต้อง แก้ไข จะแก้ไขอย่างไรนั้นแต่ละคน เอาใจช่วยให้เพื่อนๆทุกคนข้ามผ่านอุปสรรค์ต่างๆในชีวิตให้ได้นะครับ
     
  11. tanote

    tanote Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +29
    ไม่มีใครอยากทำผิดหรอกนะค่ะ บางครั้งก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ ไม่เกิดกับตัวก็ไม่มีทางรู้หรอกค่ะ อย่าไปว่าเค้าเลยนะค่ะ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนอยากทำร้ายลูก
    ของตัวเองหรอกค่ะ ถ้าลูกเค้าเกิดมาก็ต้องลำบาก ถ้าคลอดแล้วเอาไปทิ้งก็บาป สู้อย่าคลอดเลยดีกว่า อย่าคิดว่าแค่ทำให้เกิดเป็นคนออกมาก็จบนะค่ะ คุยเคยรู้บ้างไหม ว่าเด็กที่เกิดมาโดยไม่มีพ่อแม่ ต้องถูกคนดูถูก ทรมานทั้งทางกายทางใจ มันเป็นอย่างไง บางครั้งมันเป็นอุบัติเหตุ ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไง แค่เค้าพยายามจะชดใช้กรรม สำนึกในความผิด หาทางชดเชยในสิ่งที่เค้าได้ทำลงไป ไม่ทำผิดซ้ำอีกมันเป็นความผิดมากนักหรือค่ะ อ่านข้อความข้างบนแล้วรู้สึกว่ามันรุนแรงไปกับหลายๆ คนที่ไม่มีเจตนาจะทำผิด สถานะการณ์บางอย่างมันไม่มีทางเลือกจริงๆนะค่ะ อนุโมทนาบุญค่ะ

    ปัตติทานะคาถา
    ( หันทะ มะยัง ปัตติทานะ คาถา โย ภะณามะ เส )
    ยา เทวะตา สันติ วิหาระวาสินี
    ถูเป ฆะเร โพธิฆะเร ตะหิง ตะหิง
    เทพยดาทั้งหลายเหล่าใดมีปกติอยู่ในวิหาร สิงสถิตย์ที่เรือนพระสถูปที่เรือนโพธิ์ในที่นั้นๆ

    ตา ธัมมะทาเนนะ ภะวันตุ ปูชิตา
    โสตถิง กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล
    เทพยดาทั้งหลายเหล่านั้น เป้นผู้อันเราทั้งหลายบูชาแล้วด้วยธรรมทาน ขอจงทำซึ่งความเจริญในมณฑลวิหารนี้
    เถรา จะ มัชฌา นะวะกา จะ ภิกขะโว
    สารามิกา ทานะปะตี อุปาสะกา
    พระภิกษุทั้งหลายที่เป็นพระเถระก็ดี ที่เป็นปานกลางก็ดี ที่ยังใหม่ก็ดี อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลาย

    คามา จะ เทสา นิคะมา จะ อิสสะรา
    สัปปาณะภูตา สุขิตา ภะวันตุ เต
    ที่เป็นทานาบดีพร้อมด้วยอารามิกชนก็ดี ชนทั้งหลายเหล่านั้น จงเป็นผู้มีความสุขทุกเมื่อเถิด
    ชะลาพุชา เยปิ จะ อัณฑะสัมภะวา
    สังเสทะชาตา อะถะโวปะปาติกา
    สัตว์ทั้งหลายที่เกิดจากครรภ์ก็ดี ที่เกิดจากฟองไข่ก็ดี ที่เกิดจากเถ้าไคลก็ดี ที่เกิดขึ้นโตทีเดียวก็ดี
    นิยยานิกัง ธัมมะวะรัง ปะฏิจจะ เต
    สัพเพปิ ทุกขัสสะ กะโรนตุ สังขะยัง
    สัตว์ทั้งหลายแม้ทั้งปวงเหล่านั้ ได้อาศัยซึ่งธรรมอันประเสริฐ เป้นนิยานิคธรรม

    ประกอบในอันนำผู้ปฏิบัติให้ออกจากสังสารทุกข์ จงกระทำซึ่งความสิ้นไปพร้อมแห่งทุกข์เถิด

    ฐาตุ จิรัง สะตัง ธัมโม ธัมมัทธะรา จะ ปุคคะลา
    ขอธรรมของสัตบุรุษทั้งหลายจงตั้งอยู่นาน อนึ่งขอบุคคลทั้งหลายผู้ทรงไว้ซึ่งธรรมดำรงอยู่
    สังโฆ โหตุ สะมัคโค วะ อัตถายะ จะ หิตายะ จะ
    ขอพระสงฆ์จงมีความสามัคคีพร้อมเพรียงกันในการทำประโยชน์และสิ่งอันเกื้อกูลกันเถิด
    อัมเห รักขะตุ สัทธัมโม สัพเพปิ ธัมมะจาริโน
    ขอพระสัทธรรม จงรักษาพวกเราทั้งหลายแล้วจงรักษาไว้ซึ่งบุคคลทั้งหลายแม้ทั้งปวง
    วุฑฒิง สัมปาปุเณยยามะ ธัมเม อะริยัปปะเวทิเต
    ขอเราทั้งหลายพึงถึงพร้อม ซึ่งความเจริญในธรรมที่พระอริยเจ้าประกาศไว้เถิด

    ปะสันนา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโณ พุทธะสาสะเน
    แม้สรรพสัตว์ทั้งหลาย จงเป้นผู้เลื่อมใสแล้วในพระพุทธศาสนา

    สัมมา ธารัง ปะเวจฉันโต กาเล เทโว ปะวัสสะตุ
    ฝนจงเพิ่มในอุทกธาร ตกต้องในกาลโดยชอบ

    วุฑฒิภาวายะ สัตตานัง สะมิทธัง เนตุ เมทะนิง
    จงนำไปซึ่งเมทนีดล ให้สำเร็จประโยชน์ เพื่ออันบังเกิดความเจริญแก่สัตว์ทั้งหลาย

    มาตา ปิตา จะ อัตระชัง นิจจัง รักขันติ ปุตตะกัง
    มารดาและบิดาย่อมถนอมบุตรน้อย อันบังเกิดในตนเป็นนิตย์ฉันใด
    เอวัง ธัมเมนะ ราชาโน ปะชัง รักขันตุ สัพพะทา ฯ

    พระราชาทั้งหลาย จงทรงรักษาประชาราราษฎร์โดยชอบ ในกาลทั้งปวงนั้นเทอญ ฯ
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p>คนที่ทำแท้งหมั่นสวดมนต์บทนี้ อุทิศให้แก่บุตรด้วยก็ดีนะค่ะ</o:p>
     
  12. แม่ลูกตาล

    แม่ลูกตาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    784
    ค่าพลัง:
    +1,206
    ขออนุโมทนา สาธุ สาธุค่ะ

    ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมากน้อยแค่ไหนไม่สำคัญ บุญทาน บุญศีล บุญภาวนา จงถึงแก่วิญญาณเด็กน้อยทั้งหลายที่โดนทำแท้งไป ด้วยเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2007
  13. nippitarnit

    nippitarnit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +182
    บทสวดมนต์สำหรับคนที่เคยทำแท้ง

    ปัตติทานะคาถา ( บทสวดนี้ คนเคยทำแท้งควรจะสวดทุกวัน )
    ( นำ ) หันทะมะยัง ปัตติทานะคาถาโย ภะณามะ เส ฯ
    ( รับ ) ยาเทวะตา สันติ วิหาระวาสินี
    ถูเป ฆะเร โพธิฆะเร ตะหิง ตะหิง
    ตา ธัมมะทาเนนะ ภะวันตุ ปูชิตา
    โสตถิ กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล
    เถรา จะ มัชฌา นะวะกา จะ ภิกขะโว
    สารามิกา ทานะปะตี อุปาสะกา
    คามา จะ เทสา นิคะมา จะ อิสสะรา
    สัปปาณะภูตา สุขิตา ภะวันตุ เต
    ชะลาพุชา เยปิ จะ อัณฑะสัมภะวา
    สังเสทะชาตา อะถะโวปะปาติกา
    นิยยานิกัง ธัมมะวะรัง ปะฏิจจะ เต
    สัพเพปิ ทุกขัสสะ กะโรนตุ สังขะยัง ฯ
    ฐาตุ จิรัง สะตัง ธัมโม ธัมมัทธะรา จะ ปุคคะลา
    สังโฆ โหตุ สะมัค โค วะ อัตถายะ จะ หิตายะ จะ
    อัมเห รักขะตุ สัทธัมโม สัพเพปิ ธัมมะจาริโน
    วุฑฒิง สัมปาปุเณยยามะ ธัมเม อะริยัปปะเวทิตา ฯ
    ปะสันนา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน พุทธะสาสะเน
    สัมมา ธารัง ปะเวจฉันโต กาเล เท โว ปะวัสสะตุ
    วุฑฒิภาวายะ สัตตานัง สะมิทธัง เนตุ เมทะนิง
    มาตา ปิตา จะ อัตระชัง นิจจัง รักขันติ ปุตตะกัง
    เอวัง ธัมเมนะ ราชาโน ปะชัง รักขันตุ สัพพะทา ฯ
    *************************************ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    เป็นมงคลคาถาของพระพุทธเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์อีกบทหนึ่งเมื่อสวดเป็นประจำจะเป็นที่รักของเหล่าเทวดา ภูต ผี ปีศาจ เจ้าที่เจ้าทางค่ะ (ใช้แผ่เมตตาได้ผลมาแล้วค่ะ)<O:p></O:p>
    กะระณียะเมตตะสุตตัง<O:p></O:p>
    ~กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ
    ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
    สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ
    สุวะโจจัสสะ มุทุ อะนะติมานี
    สันตุสสะโก จะ สุภะโรจะ
    อัปปะกิจโจ จะสัลละหุกะวุตติ
    สันตินทฺริโย จะ นิปะโก จะ
    อัปปะคัพโภ กุเลสุอะนะนุคิทโธ
    นะ จะ ขุททัง สะมาจะเรกิญจิ
    เยนะ วิญญู ปะเรอุปะวะเทยยุง
    สุขิโน วา เขมิโนโหนตุ
    สัพเพ สัตตา ภะวันตุสุขิตัตตา
    เย เกจิปาณะภูตัตถิ
    ตะสา วา ถาวะรา วาอะนะวะเสสา
    ทีฆา วา เย มะหันตาวา
    มัชฌิมา รัสสะกาอะณุกะถูลา
    ทิฏฐา วา เย จะอะทิฏฐา
    เย จะ ทูเร วะสันติอะวิทูเร
    ภูตา วา สัมภะเวสีวา
    สัพเพ สัตตา ภะวันดุสุขิตัตตา
    นะ ปะโร ปะรังนิกุพเพถะ
    นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นังกิญจิ
    พฺยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา
    นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
    มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง
    อายุสาเอกะปุตตะมะนุรักเข
    เอวัมปิสัพพะภูเตสุ
    มานะสัมภาวะเยอะปะริมาณัง<O:p></O:p>
    ~เมตตัญจะ สัพพะโลกัสฺมิง
    มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
    อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ
    อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
    ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา
    สะยาโน วายาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
    เอตัง สะติงอะธิฏเฐยยะ
    พรัหมะเมตัง วิหารังอิธะมาหุ
    ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ
    สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปันโน
    กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง
    นะ หิ ชาตุคัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ ฯ
    กรณียเมตตสูตร(แปล)
    - กุลบุตรผู้ฉลาดพึงกระทำกิจที่พระอริยเจ้าผู้บรรลุแล้วซึ่งพระนิพพานอันเป็นที่สงบระงับได้กระทำแล้ว
    - กุลบุตรนั้งพึงเป็นผู้องอาจซื่อตรงและประพฤติตรงดี เป็นผู้ที่ว่าง่ายสอนง่าย อ่อนโยน ไม่มีมานะอันยิ่ง
    - เป็นผู้สันโดษยินดีในสิ่งที่ตนมีอยู่เป็นผู้เลี้ยงง่าย เป็นผู้มีกิจธุระน้อย เป็นผู้ประพฤติทำให้กายและจิตเบา
    - มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อันสงบนิ่งมีปัญญาฆ่ากิเลส เป็นผู้ไม่คะนอง กาย วาจา ใจ และไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย
    -ไม่พึงกระทำกรรมที่ท่านผู้รู้ทั้งหลายติเตียนผู้อื่นว่าทำแล้วไม่ดี
    - พึงแผ่เมตตาจิตว่าขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นผู้มีสุข
    มีจิตเกาะพระนิพพานแดนอันพ้นจากภัยทั้งหลาย
    และจงเป็นผู้ทำตนให้ถึงความสุขทุกเมื่อเถิด
    -ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงทั้งหมดโดยไม่มีเหลือทั้งที่มีตัณหาเครื่องทำใจให้สะดุ้งอยู่ และผู้มั่นคงคือไม่มีตัณหาแล้วทั้งที่มีกายยาว ใหญ่ปานกลาง หรือกายสั้น หรือผอม อ้วน เป็นผู้ที่เราเห็นแล้วก็ดีไม่ได้เห็นก็ดี อยู่ในที่ไกลหรือในที่ไม่ไกล ทั้งที่เกิดมาในโลกนี้แล้ว
    และที่ยังกำลังแสวงหาภพเป็นที่เกิดอยู่ดีจงเป็นเป็นผู้ทำตนให้ถึงความสุขเถิด
    - สัตว์อื่นอย่าพึงรังแกข่มเหงสัตว์อื่น อย่าพึงดูหมิ่นใครในที่ใด ๆ เลย
    - ไม่ควรปรารถนาให้กันและกันมีความทุกข์เพราะความกริ้วโกรธ และเพราะความเคียดแค้นกันเลย
    - มารดาย่อมตามรักษาบุตรคนเดียวผู้เกิดในตน ด้วยชีวิต ฉันใด
    - กุลบุตรพึงเจริญเมตตาจิตในใจไม่มีประมาณในสัตว์ทั้งปวงทั้งหลายแม้ฉันนั้น
    - บุคคลพึงเจริญเมตตาให้มีในใจไม่มีประมาณ ไปในโลกทั้งสิ้น
    - ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวางการเจริญเมตตาจิตนี้เป็นธรรมอันไม่แคบ ไม่มีเวร ไม่มีศัตรู
    - ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืนอยู่ก็ดีเดินไปก็ดี นั่งอยู่ก็ดี นอนอยู่ก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงเพียงใด
    - ก็สามารถตั้งสติไว้ได้เพียงนั้นบัณฑิตทั้งหลายกล่าวถึงกิริยาอย่างนี้ว่า เป็นการเจริญพรหมวิหารในศาสนานี้
    - บุคคลผู้ที่มีเมตตา ไม่เข้าถึงความเห็นผิดเป็นผู้มีศีล ถึงพร้อมแล้วด้วยความเห็นคือปัญญา
    - นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออกได้แล้วย่อมไม่เข้าถึงความเข้าไปนอนในครรภ์เพื่อเกิดอีก…….

    ขออนุโมทนาบุญกุศลกับท่านที่นำพระคาถานี้มาแผยแผ่ด้วย ขอให้ท่านเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ เทอญ....


    สัพเพ สังขารา อะนิจจา สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง...


    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 มกราคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...