"เกิดยุคมิคสัญญี" : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 30 มิถุนายน 2023.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    357356232_6689472407738643_673130993434442507_n.jpg


    #เกิดยุคมิคสัญญี

    “...แม้วันที่หลวงปู่สิ้นลม เจ้ายานยนต์มหามงคลข้ามมิติก็จะอยู่อย่างงี้ต่อไป ๆ ๆ ๆ เรื่อย ๆ จนถึงกาลเวลาเสื่อมของพุทธศาสนาเมื่อนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จบ แม้นเจดีย์วัดวาอารามต่าง ๆ ก็ถูกถอนรากถอนโคนไปโดยปริยาย กลบไว้ด้วยแผ่นดินสูงขึ้นอีก ๑๖ กิโล วัดวาอารามที่สร้างว่าเจริญรุ่งเรืองด้วยถาวรวัตถุก็จมอยู่ในพื้นดินตั้ง ๑๖ กิโล เจดีย์ที่อลังการงานสร้างยิ่งใหญ่ก็จมอยู่ในพื้นปฐพีนี้จนถึง ๑๖ กิโล เป็นพระสัทธรรมอยู่อย่างงี้

    เมื่อสิ้นพุทธศาสนาเกิดยุคมิคสัญญีไม่มีใครรู้บุญไม่รู้บาปฆ่ากันกิน สมสู่อยู่กันเหมือนสัตว์เดรัจฉาน โลกธาตุต่าง ๆ เหมือนกับถูกปิดหมดที่เรียกว่าประตูมิติถูกปิดทั้งหมดเลย จิตใจของมนุษย์ไม่ใช่มนุษย์เป็นจิตใจแบบสัตว์เดรัจฉานสมสู่อยู่กันไม่มีผัวนั้นเมียไม่มีลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ ต้องการกันก็สมสู่อยู่กัน เสื้อผ้าไม่ต้องใส่เหมือนกับสัตว์เดรัจฉานจำพวกหนึ่ง หิวกระหายก็ฆ่ากันกิน ผลสุดท้ายก็หมด ผู้ที่ชั่วสุด ๆ หมดจากโลก เหลือไว้แต่ผู้ที่มีบุญมีกุศลนิดหนึ่งผู้ที่จะมาสร้างโลกใบใหม่ โลกของมนุษย์ที่สมบูรณ์บริบูรณ์ โดยการถือศีล ๕ สมบูรณ์บริบูรณ์ ไล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ไล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ

    จากอายุ ๑๐ ปีก็เป็น ๒๐ ปี จาก ๒๐ ปี ก็เป็น ๓๐ ๔๐ ไล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านแล้วก็เป็นอสงไขย ตายไม่เป็น เกิดทิฐิมานะขึ้นในจิตในใจของสัตว์โลกบอกว่า ข้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ตายไม่เป็น ไม่มีโลกธาตุใดที่จะเหนือข้าพเจ้าได้เกิดทิฐิมานะ ศีลที่สมบูรณ์บริบูรณ์มาก่อนก็อันตรธานสิ้นไป เริ่มเกิดมีการตายเกิดขึ้น นั้นแลเริ่มที่จะมีอายุเกิดขึ้นไล่ตามลำดับต่อไป นี้พูดให้ฟังจริงเท็จแค่ไหนผู้ที่สิ้นสงสัยเท่านั้นที่ทราบ นั่นคือการสิ้นความรู้สึกนึกคิดจากคุณงามความดี ไม่มีคุณงามความดีเข้าสถิตในใจของสัตว์โลกเลย จึงเป็นเหมือนกับโลกใบนี้ถูกไฟแห่งความเร่าร้อนเผาอยู่ตลอดในใจของสัตว์โลก

    เพราะผู้ที่ไม่มีศีลไม่มีธรรมครองโลก ผู้มีศีลมีธรรมก็ดังที่พูดให้ฟังเหลือไว้แค่นิดหนึ่ง เมื่อคนชั่วตายหมดเหลือไว้แค่นั้น คุณงามความดีไม่สิ้นจากโลก สิ้นโลกเหลือธรรม ธรรมนี้ไม่สิ้นจากโลกจริง ยังหลงเหลืออยู่วาระสุดท้าย งั้นคุณงามความดีจึงเลิศจึงประเสริฐ ทำดีย่อมได้ดีทำชั่วย่อมได้ชั่ว มหาบุญมหากุศลอันยิ่งใหญ่ย่อมครอบไตรโลกธาตุอยู่ทุกเมื่อ มหาบาปอกุศลย่อมที่จะร่วงไปทุกเมื่อ เมื่อมหาบุญมหากุศลครอบสามแดนโลกธาตุ งั้นจึงเหลือไว้จุดหนึ่งแห่งมหาบุญมหากุศลที่พัฒนาและสร้างโลกใบนี้ใหม่ ที่เป็นโลกแห่งมหาบุญมหากุศลโดยถ่ายเดียว โดยถ่ายเดียว นี่คือความยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนาแห่งการเปิดมิติต่าง ๆ ในสมัยที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น และปิดประตูมิติเมื่อพระพุทธเจ้าได้เข้าสู่มหาปรินิพพานหรือสิ้นอายุของพระพุทธศาสนา

    วัดวาอารามต่าง ๆ ที่ว่าเลิศที่ประเสริฐ ที่เรารู้ว่าเจริญรุ่งเรืองก็อันตรธานสิ้นไปไม่เหลือ สิ่งที่เหลือก็คือคุณงามความดี แยกแยะ อย่างงั้นวัดวาอารามจึงเป็นเพียงสถานที่ที่พักพิงอาศัยเท่านั้น ตราบใดที่ธรรมที่วินัยไม่สถิตในใจของพวกเราชาวพุทธตราบนั้นวัดวาอารามก็เป็นเพียงบ้านร้าง ๆ เท่านั้นเอง แต่ถ้าตราบใดธรรมวินัยหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือมหาบุญมหากุศลครองในใจของพวกเราชาวพุทธตราบนั้นวัดวาอารามก็สว่างไสวด้วยผู้มีบุญเข้าอาศัย อย่างงั้นการที่จะสร้างคุณงามความดีสมควรที่จะสร้างและพัฒนาในใจของพวกเรา วัดวาอารามนั้นเป็นถาวรวัตถุคู่กับพระพุทธศาสนามาหลายพันปีก็จริง แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ถาวร แต่คุณงามความดีที่สถิตในใจของสัตว์โลกเท่านั้นเที่ยงแล้วก็ถาวร

    แม้นถึงยุคมิคสัญญีหลักคุณงามความดีก็ยังหลงเหลือไว้ให้โลกใบนี้ได้ชุ่มเย็นแม้เพียงจุดเดียวก็ตาม นี้เป็นพระสัทธรรม อย่างงั้นวันนี้จึงเป็นวันมหามงคล “๒๙ มีนาคม มหามงคลยานยนต์ข้ามมิติมหัศจรรย์วันบันลือสีหนาทโลกธาตุหวั่นไหว” งั้นวันนี้จึงเป็นวันมหามงคลยิ่งเป็นปีแรกที่ถูกจัดขึ้นในกลุ่มของชมรมจิตอาสาศิษย์วัดป่าห้วยรินเท่านั้น ไม่เคยพบไม่เคยเห็นแต่ก็อยู่ในธรรมอยู่ในวินัย ไม่เคยพบไม่เคยเห็นแต่ก็เห็นแล้วเพราะผู้มีบุญเท่านั้นที่รู้ที่เห็น ผู้ที่ไม่มีบุญไม่รู้ไม่เห็น ผู้ที่มีบุญเท่านั้นที่มีความเชื่อความเลื่อมใส ผู้ที่มีบาปอกุศลไม่มีความเชื่อความเลื่อมใสหากแม้นทะเบียนบ้านใช้ชื่อว่าชาวพุทธก็ตาม...”

    พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๕ (ตอนเช้า)
     

แชร์หน้านี้

Loading...