เกร็ดธรรม-คำครู....ภาค๒

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มารสะท้าน, 26 พฤศจิกายน 2004.

  1. มารสะท้าน

    มารสะท้าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +97
    ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม

    ไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

    ในหมู่มนุษย์ผู้ฝึกตนได้แล้ว เป็นผู้ประเสริฐสุด

    การปฏิบัติธรรม คือ ฝึกตัวเองให้เป็นคนดี สร้างพลังจิตให้เป็นอิสระแก่ตนเอง
    ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใด

    คนเรามีของดีอยู่ในตัว

    แต่ไม่เชื่อมั่นในตนเอง

    จึงแสวงหาที่พึ่งภายนอกอยู่เรื่อยไป

    พึงรักษาจิตของตน เหมือนคนประคองบาตรเต็มด้วยน้ำมัน



    อันศัตรูคือผู้จู่มาสอบไล่

    ให้รู้ได้ว่าเรามีดีเท่าไหน

    หรือดีแต่จะโกรธยืน เป็นฟืนไฟ

    บังคับใจไว้ไม่อยู่สักครู่เดียว



    อันศัตรูคือผู้สวรรค์ให้

    ตรงที่ได้มีจิตคิดเฉลียว

    ว่าอดกลั้นนั้นแหล่ะเป็นพระเทียว

    ไม่ลด,เลี้ยวไม่เป็นมารพล่านนรก




    อันศัตรูคือผู้สอนสัจธรรม

    ว่าอาฆาตนั้นคือน้ำสกปรก

    อย่าเก็บใว้ในใจให้ใจฟก

    จะเวียนวก ว่ายสงสาร นานนักเอย



    เพราะฉะนั้นศัตรูคือผู้ให้

    แต่กลายเป็นผู้ร้าย เหตุใดเหวย

    เพราะผู้รับรับไม่เป็นอย่างเช่นเคย

    ถ้ารับเป็นพวกเราเอ๋ย หมดศัตรู




    มองแต่แง่ดีเถิด


    เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา

    จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่

    เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู

    ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย

    จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว

    อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย

    เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเอ๋ย

    ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง





    ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง

    คงแต่บาปบุ_ยัง เที่ยงแท้

    เป็นเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่น อยู่นา

    ตามแต่บาปบุ_แล กอบเกื้อรักษา



    เมืองใดไม่มีทหารหา_ เมืองนั้นไม่นานเป็นข้า

    เมืองใดไร้จอมพารา เมืองนั้นไม่ช้าอับจน

    เมืองใดไม่มีพาณิชย์เลิศ เมืองนั้นย่อมเกิดสับสน

    เมืองใดไร้ศิลป์โสภณ เมืองนั้นไม่พ้นเสื่อมทราม

    เมืองใดไม่มีกวีแก้ว เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม

    เมืองใดไร้นารีงาม เมืองนั้นสิ้นความภูมิใจ

    เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ เมืองนั้นไม่เพริศพิศมัย

    เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัย แน่ เอย




    อันความกรุณาปราณี

    จะมีใครบังคับก็หาไม่

    หลั่งมาเหมือนฝนอันชื่นใจ

    จากฟากฟ้าสุราลัย สู่แดนดิน




    พูดมาก เสียมาก

    พูดน้อย เสียน้อย

    ไม่พูด ไม่เสีย

    นิ่งเสีย โพธิสัตว์


    หนอนในอาจมย่อมสกปรก

    เมื่อกลายเป็นจักจั่น

    ก็ดื่มน้ำค้างกลางลมใบไม้ร่วง

    ห_้าเน่าย่อมไร้แสง

    เมื่อกลายเป็นหิ้งห้อย

    ก็เรืองโรจน์ใต้แสงจันทร์ฤดูร้อน

    พึงรู้ว่าสะอาด เกิดจากสกปรก

    ความสว่าง เกิดจากมืดมน



    ผู้ใดใฝ่ธรรมเป็นเนื่องนิตย์

    ปฏิบัติพร้อมพรั่งดั่งผู้สอน

    คงไม่ต้องอาทรและร้อนใจ



    เดินตามธรรมะ พุทธะ ตรัสไว้ ไม่ให้แก้ไกล แก้ใจของตน

    บางคนเกิดมา กังวล ไม่วาง ไม่สร่าง สักที ตายแล้วว่าหนีออกจากกังวล

    บางคนเข้าใจ ไม่ใช่ ทั้งนั้น เรื่องเล็กเรื่องให_่ ต้องแก้ ต้องไข ได้ในชาตินี้




    --------------------------------------------------------------------------------------


    ........มารสะท้าน...
     
  2. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    ตามมาอนุโมทนาจากภาคแรกค่ะ

    จะคัดลงหนังสือพิมพ์แจกน่ะ(kiss)
     
  3. น้ำมันพราย

    น้ำมันพราย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +22
    ดีจัง
     
  4. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,099
    ค่าพลัง:
    +2,696
    เอาภาษาท้องถิ่นไปอ่านกันมั่ง

    กลอนธรรมะ (ภาคภาษาอีสาน)

    จั่งว่าฮักกันไว้สิดีกว่าชังกัน มีหัวมันหัวกลอยกะค่อยปันกันต้ม

    อย่าให้สมความเว้ายามเขาดูหมิ่นเฮาเด้อ คันซู่คนซู่แหงนหน้าเท้อเล้อแนวนี้สิบ่ดี

    จั่งว่าสามัคคีสามัคคานังนั้นตาโปสุโขอยู่ พระพุทธองค์ผู้ฮู้สอนไว้ให้ใคร่ครว_

    อย่าได้ชวนกันเล่นนอนเว็นบ่ฮู้ตื่น ........................ฯลฯ...........................

    อันว่าโบกและไพ่ชนไก่แทงโป ได้ยินเสียงเขาโฮอย่าแล่นซำตาตั้ง

    ให้เจ้าฟังเอาถ่อนคำสอนของแม่ คันเจ้าเฒ่าแก่แล้วสิหลงโอ้เมื่อลุน

    ทุนที่เฮาไปเล่นเสียไปสิยากให_่ ใจกะสิเสียเมียกะสิป้อยเด็กน้อยกะสิเอิ้นเป็นเพื่อนหมู่เดียว

    ให้เจ้าเหลียวดูถ่อนคำสอนพระเจ้ากล่าว คันเป็นบ่าวนายบ่เลี้ยงเมืองบ้านสิหม่นหมอง

    คันเป็นทองอย่าให้เป็นทองเก้ปนเปกับขี้กั่ว ละความชั่วถิ่มไว้ให้เฮาใช้แต่บ่อนดี แม่เด้อ

    อันหนึ่งคันเจ้ามีความรู้ได้เป็นครูสอนหมู่ ให้เป็นครูแท้ ๆ อย่าเป็นคู้ขู่เข็_

    มันจักเป็นเวรฮ้ายเป็นครูให้เขาขู่ สอนนักเรียนบ่ฮู้เขาสิสู้ทักทวง

    คิดให้มันกว้าง ๆ ตวงเบิ่งให้มันดี อย่าไปตีเด็กเฉยดั่งเคยพานพ้อ

    คันเป็นหมอกะให้เป็นหมอแท้อย่าผันแปรเป็นหม่อ ตรวจหาโรคบ่พ้ออย่างอเอิ้นสั่งยา

    คันได้เป็นพ่อค้าอย่าหาแต่ทางโกง เงินในถงไผมันก็ดั่งกันผู้เขาซื้อ

    กินตะพือมันห้วนบ่ชวนคนเข้ามานั่ง ยามคนหลั่งเข้าบ้านจาต้านให้ม่วนหู

    เฮาขายดู๋ เฮาคงได้กินกำไรพอควรแด่ อย่าเห็นแต่ท่าได้มันสิไหม้เมื่อลุน

    อย่าฟ้าวฉุนเฉียวฮ้อนบทกลอนบ่ทันม่วน สอนผู้ชายครบถ้วนสิคืนม้วนใส่ผู้ห_ิง

    ให้เจ้าหลิงแลเรื่อยเฮือนชานบ้านช่อง อย่าเป็นห_ิงจองหองคันผัวมีอยู่ซ้อนอย่าไปส่อนผู้อื่นนำ

    จักเป็นกรรมภายหน้าพาโตตกต่ำ แสนสิดำขี้หลี้กะดีได้ดั่งกัน

    เพราะเฮาบ่ได้ปั้นสัดส่วนทำเอา เป็นนำบุ_ของเฮาแต่งเอาบ่มีได้

    เป็นผู้ห_ิงควรได้ทำใจให้ถ้วนถี่ การงานมีให้ค่อยฟ้าวการย้าวให้ท่วงทัน

    อย่าผลัดวันประกันไว้แนวใด๋มันทำยาก แสนลำบากแนวเฮาเป็นแม่บ้านหลายด้านสิทับถม

    อย่าไปงมนำชู้หลงชูผัวผู้อื่น ให้ค่อยบุกคอยบืนนำผัวโตและลูกเต้าจั่งสมเหง้าเผ่าห_ิง

    เถิงยามกินให้เจ้าวิ่งตกแต่งแปรงภาช์ ผัวหาปลามาเถิงให้ค่อยคัวแกงต้ม

    งมนำหมอนนำมุ้งรุงรังยากหลายอย่าง ถักทอไว้ถ้าอ้างต่างหน้าเพื่อนฝูง

    ห่าพ่อลุงแม่ป้ามาหาย้านเพิ่นหน่าย งานผู้ห_ิงมันหลายยากบ่มีบ่อนแล้วให้ฝนแข้วหน่ำตะพือ

    อย่าอือลือนอนเล่นกลางเว็นเวียกบ่หล่ำ มันสิพาต่ำต้อยหนาวจ้อยสิห่มหยัง.....ฯลฯ......
    (||)
     

แชร์หน้านี้

Loading...