อ. "อิทธิ มิตรชู" ตรวจกรรมและรักษาโรคกรรมด้วยญาณทิพบ์

มาพบกันอีกแล้วครับ กับ “รักไร้พ่าย” คนกระหายธรรม

คนมีญาณมากมายที่ผมได้นำเสนอไปนั้น ล้วนแล้วแต่มีเอกลักษณ์ในการทำนาย
กรรมที่แตกต่างกันไป เมื่อผมหันกลับไปมองบรรดาคนมีญาณที่ผมได้ไปเสาะหา
หรือที่ได้นำมาเผยแพร่บางส่วน ผมสังเกตุว่า ยังไม่มีคนมีญาณที่เน้นในการรักษา
โรคให้กับคนเป็นหลักเลย โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากกรรม หรือโดนคุณโสย์ มนต์ดำ หรือโดนของ

คราวนี้ผมจึงได้นำเสนอ คนมีญาณที่เน้นการรักษาโรคต่างๆ ที่หมอแผนปัจจุบัน
หมดทางเยียวยาแล้ว หรือ โรคที่หาที่มาของโรคนั้นไม่พบ
ซึ่ง อ. ท่านนี้ มีนามว่า

อ. “อิทธิ มิตรชู”

ผมได้มีโอกาสไปหา อ. อิทธิ ไม่นานมานี้ หลังจากที่ผมได้เคยติดต่อ
อ. ทางโทรศัพท์เมื่อนานมาแล้ว จนเมื่อถึงวาระที่จะต้องพบเจอกัน

ผมจึงได้ไปพบ อ. ที่สำนักงานของ อ. ณ อาคารแพทย์ทางเลือก
ซอย ลาดพร้าว 15

ปรกติเวลาที่เรานึกถึงคนมีญาณที่รักษาคน เราจะนึกถึงตำหนัก
หรือบ้านที่เต็มไปด้วยสายสิญจน์ น้ำมนต์ เทียน ผ้ายันต์
ประดับรายรอบ
แต่สำนักงานของ อ. อิทธิ เป็นสำนักงานที่ทันสมัย อยู่ชั้นที่ 8
เป็นสำนักงานออฟฟิตทั่วไป

ก่อนเข้าพบ อ. ต้องผ่านด่านเลขาเหมือนรูปแบบบริษัท
เมื่อผมได้มาพบบุคคลเป้าหมาย คือ อ. อิทธิ กำลังนั่งหน้า
โต๊ะทำงาน
ดูภายนอกแล้ว อ.เหมือนผู้จัดการบริษัทมากกว่าภาพ
หมอรักษาโรคกรรมที่ ส่วนใหญ่จะออกไปทางแต่งกายชุดขาว
ห้อยลูกประคำ


อ. อิทธิ มิตรชู ชายวัย 42 เป็นคนดูภูมิฐาน หน้าตาใจดี
ได้เชิญผมนั่ง เมื่อได้ทักทายปราศรัยกันสักครู่ อ.
ก็ตรวจดูกรรมให้ผม โดย อ. จะหลับตาแล้วมองดูกรรมของผม
ตั้งแต่ อดีตชาติ มาจนถึงปัจจุบันและไปถึงอนาคต
ว่าผมมีกรรมกับใคร และติดขัดเรื่องไหน และที่สำคัญ อ.
ตรวจโรคให้ผมผ่านญาณด้วย แต่ก็ไม่พบโรคร้ายแรงอะไร
มากนอกจาก อาการมือสั่นเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นตามที่ อ. ว่ามาเลย

นอกจากนี้ อ. ยังได้บอกถึงสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บของแต่ละคน
ว่าแบ่งเป็น2 อย่างคือโรคที่เกิดจากสภาพแวดล้อม เช่น
การอยู่ในอากาศไม่ดี หรือรับประทานอาหารไม่สะอาด
กับอีกโรคหนึ่ง ซึ่งทางการแพทย์ปัจจุบันไม่อาจค้นพบสาเหตุ
ที่แท้จริงได้ นั่นคือ โรคกรรม
เช่น โรคมะเร็ง โรคสติฟั่นเพือน หรือไมเกรน หรือโรคที่ทำ
ให้ชีวิตในทุกๆด้านมืดมนไปหมด นั่นคือ การทำแท้ง เป็นต้น

อ. บอกว่า องค์ประกอบของชีวิตคนเรา ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ
ร่างกาย จิตใจ และ จิตวิญญาณ และ 3 ส่วนนี้เกี่ยวข้อง
สัมพันธ์กัน หากส่วนไหนบกพร่องก็จะส่งผลไปยังส่วนที่เหลือ

ในทางการแพทย์นั้นจะศึกษาแต่เพียงเรื่องทางร่างกายเท่านั้น
แต่โรคบางโรคนั้นมาจากต้นเหตุของโรคที่เกินกว่าความรู้
ทางการแพทย์หรือทางวิทยาศาสตร์จะเข้าปถึงได้
ทำให้คนที่ป่วยเป็นโรคนั้น ไม่อาจได้รับการรักษาให้หายขาด
และหลายคนต้องหมดเงินไปกับการรักษาโรคเหล่านี้ จำนวนมาก
เป็นหมื่นๆ ถึง เป็นล้าน เช่น โรคมะเร็ง

แม้แต่แพทย์ที่รักษาโรคไม่หาย ยังต้องนำมาให้ อ. อิทธิ ช่วย

การตรวจโรคของ อ. จะตรวจตั้งแต่โรคทางกาย ทางจิตใจ
และ ทางจิตวิญญาณ
ว่ามีส่วนไหนบกพร่อง โดยเฉพาะโรคที่ทางการแพทย์ยังไปไม่ถึง
คือโรคทางจิตใจ คือสภาวะอารมณ์ที่จะส่งผลถึงร่างกาย
และ ลึกลงไปกว่านั้นคือโรคทางจิตวิญญาณ หรือ
โรคที่เกิดจากกรรม หรือ เจ้ากรรมนายเวรของคนนั้น
เช่น หากเราไปโกรธใคร สภาวะอารมณ์ของคนนั้นก็ไม่ปรกติ
แล้วส่งผลถึงจิตวิญญาณ แล้วก็ย้อนกลับมาส่งผลกับร่างกาย

อ. อิทธิบอกว่า จริงๆแล้ว เรามองสิ่งไหนเราก็จะเป็นสิ่งนั้น
เพราะสิ่งที่เรามอง หรือ นึกถึงไม่ว่าจะเป็นไปในทางที่ดีหรือไม่ดี
กับผู้ใด สิ่งนั้นย่อมสะท้อนกลับมาส่งผลกับชีวิตของเรา
ผ่านทาง กาย จิตใจ และ จิตวิญญาณ ตามสิ่งที่นึกถึง

แต่ส่วนใหญ่คนเราไม่ได้มองสรรพสิ่งตามที่มันเป็น
คือไม่ได้มองไปตามจริงของธรรมชาติ แต่กลับส่งจิต
มองออกข้างนอก ซึ่งล้วนแต่เป็นโลกสมมติของจิตที่
สร้างขึ้นมาหลอกตัวเองทั้งนั้น
ทำให้ความสมดุลของชีวิต คือ กาย จิตใจ และจิตวิญญาณก็หักเห
จากความสมดุล ความเจ็บป่วยทางกาย ทางใจก็ตามมา

หากจะแก้ไข หรือรักษาโรค มันต้องมองทั้ง 3 ส่วนพร้อมกัน
อ. เปรียบเทียบว่าเหมือนเราใส่กระดุมต้องใส่ให้ถูกต้อง
ตั้งแต่เม็ดแรก แล้วเม็ดต่อไปจะถูกเอง ไม่ใช่ไปรักษาเฉพาะส่วนๆ
เหมือนทางการแพทย์ทั่วไปที่เน้นแต่ร่างกายอย่างเดียว
นั่นคือรักษาที่ปลายเหตุ

อ. บอกว่า
“ การช่วยเหลือคนที่แท้จริง คือการช่วยให้เขาพึ่งพาตัวเองได้
ไม่ใช่ช่วยเขาแล้วเขายังอยู่ที่เดิม แล้วต้องมาให้เราช่วยอีก”

ดังนั้น อ. อิทธิจึงต้องอธิบายให้คนที่ไปรักษากับ อ. เข้าใจในหลัก
การเหล่านี้ โดยเฉพาะ ความรัก ควาเมตตา เป็นเหมือน
กระดุมเม็ดแรกในการป้องกันโรคทั้งมวล

หากเรารัก เมตตา ใคร เราย่อมคิด พูด และทำดี กับคนนั้น
และย่อมส่งผลดีถึงร่างกาย จิตใจ และ จิตวิญญาณของเขาอยู่แล้ว
เป็นภูมิคุ้มกันโรคที่ดีที่สุด

การรักษาโรคกรรมของ อ. อิทธิ เบื้องต้น จะตรวจกรรมให้ก่อน
และตรวจโรคต่างๆ ด้วยญาณ หากพบโรคกรรมที่เกิดจาก
เจ้ากรรมนายเวร อ.จะทำพิธีเขียนอักขระลงไปในร่างกายของคนนั้น
และจบลงด้วยการให้ผู้ป่วยนั้นแผ่พลังเมตตาออกมา
แล้วส่งให้เจ้ากรรมนายเวรของคนนั้น ให้อโหสิกรรมต่อกัน
แล้วโรคนั้นก็จะทุเลาเบาบางลง

อ. บอกว่า ปัจจัยที่จะทำให้คนหายจากโรค โดยเฉพาะโรคกรรม
นั้นไม่ใช่มาจาก อ. ฝ่ายเดียว คนไข้ต้องร่วมมือด้วย
โดยการสำนึกในผิดบาปที่เคยได้กระทำไว้ โดย อ.
จะใช้ญาณส่องดูกรรมผู้นั้น แล้วเชิญเจ้ากรรมนายเวรคนนั้นมา
เจรจา หาก คนป่วยนั้นสำนึกได้ แต่เจ้ากรรมนายเวรคนนั้น
ยังอาฆาตอยู่ ก็อาจต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆไป
อาจไม่หายขาดทีเดียว เช่น การทำแท้ง อ. จะเจรจากับเจ้ากรรมคนนั้น
และให้คนนั้นได้แผ่เมตตาในความสำนึกผิดบาป
เมื่อเด็กอโหสิกรรมให้ อ. จะเป็นคนทำพิธีส่งวิญญาณเด็กในที่สุด

แต่หากเจ้ากรรมคนนั้นอภัยให้ คนนั้นก็หายตรงนั้นเลย

จากการที่ผมได้สนทนากับ อ. อิทธิ ผมเห็นว่าการตรวจ
กรรมหรือทำนายชะตาให้คนอื่น ของ อ. อิทธิ ล้วนแต่อิง
ตามหลักวิทยาศาสตร์ทั้งนั้น หรือหลักปรัชญาสมัยใหม่
ไม่ใช่พูดขึ้นมาลอยๆ หรืออวดอุตริใดๆ

เช่น ตอนที่ อ. ทำนายว่า อุปสรรคที่ทำให้ผมติดขัดในเรื่องงาน
เกิดจากการที่ผมเคยพุดจาไม่ดี คิดไม่ดีกับพ่อแม่มาก่อน
ซึ่ง อ. อธิบายว่า คนเราเกิดมาได้เพราะมีพลังกำเนิดจาก
พ่อแม่ หรือ source หลัก
หากเราที่มีพลังย่อยนี้ ไม่ได้รับพลังจาก แหล่งพลังหลัก
คือพ่อแม่ เราก็ไม่อาจมีพลังชีวิตที่ดีได้

นั่นเป็นเหตุที่ว่า เมื่อพ่อแม่เรา ทุกข์เพราะเรา เราก็ต้องทุกข์ไปด้วย
ลูกที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ ย่อมหาความเจริญไม่ได้
แต่หากเราไปขอขมาต่อพ่อแม่ เราก็เหมือนได้เชื่อมพลัง
จากพลังหลักทำให้การขับเคลื่อนชีวิตเป็นไปได้อย่างดี
หรือเราก็มีชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ อ. ได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมาย เคยออก
สื่อมวลชนต่างๆ ทีวี หนังสือพิมพ์ รายการวิทยุ อ.
จึงได้มาทำงานที่อาคารแพทย์ทางเลือกนี้

คุณอยากรู้ไหมว่า อ. มีญาณและพลังในการรักษา
โรคได้ยังไง
มาลองอ่านประวัติ อ. ดูนะครับ

ตามประวัติของ อ. อิทธิ แรกเริ่มเดิมที อ. ประกอบอาชีพธุรกิจ
และไม่ได้เชื่อหรือสนใจเรื่องธรรมะหรือกฎแห่งกรรมเท่าใดนัก
ยังมุ่งมั่นในทางโลกเต็มตัว
แต่อยู่มาวันหนึ่ง สิ่งเลวร้ายต่างๆได้เข้ามารุมเร้าขีวิต
ทั้งการงาน การเงิน โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ
อ.เหมือนโดนของ หรือคุณไสย์สักอย่าง ต้องไป
รักษาตามวัดต่างๆก็ยังไม่หาย มันทรมานมากเหมือน
โดนกระชากหัวใจให้ออกจากร่าง

จนที่สุด อ. ก็ทนไม่ไหวกับความเจ็บปวดทรมาน กาย และใจ
จน อ. ร้องตะโกนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนที่ตัวเอง
ไม่เคยเชื่อและศรัทธามาก่อน
ด้วยความคับแค้นใจ

“ ผมทำอะไรผิด ผมทำเลวอะไรไว้ ทำไมต้องมาทำให้
ชีวิตผมเป็นแบบนี้ คนอื่นที่มันเลวกว่าผมมากมาย
ทำไมชีวิตมันยังได้ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหนก็ได้ที่เป็นที่สุดของที่สุด
มาช่วยบอกผมที”

จากนั้น อ. ก็สลบไป

ดูเหมือนว่าสิ่งที่ อ. ได้ร้องตะโกนออกไป ได้รับการขานตอบ
กลับมา
อ. ได้สัมผัสถึงพลังอันบริสุทธิ์จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่รูปร่าง ตัวตน
แต่เป็นพลังแสงสีขาวที่เปี่ยมด้วยควาเมตตาเป็นอย่างยิ่ง
และท่านผู้นั้นได้บอกกับ อ. อิทธิว่า

“ถ้าเจ้าอยากจะหาย เจ้าต้องช่วยเหลือคน”

ตอนนั้น อ. ก็ยัง งงๆ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ด้วยความที่ตัวเอง
อยากจะหายจากการทรมาน จึงได้รับปากต่อท่านนั้นไป
แบบขอไปที โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ได้รับปากต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น
จะกลายเป็นพันธสัญญาที่ทำให้ ชีวิตของ อ. อิทธิ
ต้องเปลี่ยนวิถีทางไปอย่างสิ้นเชิง

วันรุ่งขึ้น อ. อิทธิได้สัมผัสถึงพลังบางอย่างในตัวเอง
เหมือนมีพลังวิเศษขึ้นมา แต่ยังหาคำตอบให้กับตัวเอง
ไม่ได้และไม่รู้วิธีจะใช้พลังนั้น

ต่อมาไม่นาน คุณแม่ของ อ. อิทธิโดนวิญญาณร้ายเข้าสิง
และคุณแม่ได้ร้องลั่นออกมาสุดเสียง

อ.ได้เข้าไปหาท่าน และเสียงของคุณแม่ก็เปลี่ยนไปเป็น
เสียงของคนหนึ่งที่ตะโกนใส่ อ. อิทธิ ด้วยความแค้นว่า

“กูทำอะไรมีงไม่ได้ กูก็จะฆ่าแม่ของมึง”

อ.ได้กำหนดจิตแล้วรู้ว่า วิญญาณที่สิงคุณแม่ของ อ. นั้น
เป็นเจ้ากรรมนายเวรของ อ. อิทธินั่นเอง ที่ก่อนหน้านี้ได้สิงในตัว
อ. และทำให้ อ. เจ็บปวดทรมาน แต่เมื่อ อ. ได้รับพลังจาก
สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น วิญญาณร้ายก็ไม่อาจอาศัยในร่าง อ. ได้อีกต่อไป
แต่ด้วยแรงแค้นยังไม่หายไป จึงคิดจะทำร้ายในสิ่งที่
เป็นที่รักของ อ. นั่นคือ คุณแม่ของ อ.

ตอนนั้น อ. ก็ไม่รู้วิธีจะช่วยคุณแม่อย่างไร แต่ด้วยความที่รัก
คุณแม่มาก อ. ก็ได้ถ่ายพลังให้คุณแม่โดยที่ อ. ก็ไม่รู้ตัว
จนในที่สุด ท่านก็หายเป็นปรกติ
อ. จึงได้ค้นพบวิธีใช้พลังในการช่วยคนนับตั้งแต่นั้น

จากนั้น อ. อิทธิได้เปลี่ยนวิถีทางตัวเอง จากผู้ไม่เคยเชื่อเรื่องกรรม
เรื่องวิญญาณ ก็หันมาศึกษาอย่างเต็มตัว แต่การศึกษานี้ไม่ได้
ศึกษาจากตำหรับ ตำรา แต่ศึกษาจากจิตตัวเองและผ่าน
สิ่งศักดิ์สิทิ์ที่มอบพลังให้กับ อ.

อ. ได้ช่วยคนอยู่หลายปี แต่ส่วนลึกของ อ. ยังยึดติดอยุ่กับ
ทางโลก จน อ. ได้ขออนุญาติต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่ออยาก
จะหยุดหน้าที่นี้ระยะหนึ่งแล้วหันไปทำธุรกิจของตัวเอง
ซึ่งก็ได้รับอนุญาติ
แต่ดูเหมือน อ. อิทธิได้หลงอยู่กับการทำการค้าจนลืมปณิธาน
ตัวเองไปหลายปี

จนมาวันหนึ่งขณะที่ อ. ไปเที่ยวหัวหิน อ. ได้พบคนที่มี
ทุกข์เดือดร้อนที่หาทางออกไม่ได้
อ. ได้ใช้ญาณส่องเห็นที่มาที่ไปแห่งความทุกข์เดือดร้อนของ
คนเหล่านั้น และเห็นทางแก้ไขด้วย

และ อ.ได้หวนนึกถึงเมื่อครั้งที่ อ. ได้ช่วยเหลือคนที่มีทุกข์
ให้หายจากโรคมากมาย ภาพนั้นได้กลับมาสะกิดเตือนใจ อ. อีกครั้ง

อ. คิดว่า ชีวิตของคนเราจะมีค่าขึ้นมา คือการได้ใช้ชีวิตให้
เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ญาณต่างๆที่ อ.ได้รับมานั้นก็เพื่อนำ
มาสร้างประโยชน์กับคนอื่น แต่ทุกวันนี้ อ. เหมือนจะหา
ประโยชน์ให้กับแต่ตัวเอง

ในที่สุดมโนธรรมของ อ. ก็กลับมาครองใจอีกครั้งหนึ่ง
แต่คราวนี้ จะเปลี่ยนวิถีทางของ อ. ไปอย่างถาวร

อ. อิทธิผู้นี้ได้หันหลังให้กับธุรกิจการค้าที่ตัวเองสร้างมากับมือ
มากมาย ทั้งในและต่างประเทศ ยอมทิ้งความฝันของตัวเอง
ที่มีมาเนิ่นนาน
และได้เดินข้าสู่ทางแห่งการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก
เพราะยังมีหลายคนที่หาทางออกจากความทุกข์นั้นไม่ได้
และต้องการการช่วยเหลือจาก อ.
และตลอดชีวิตที่เหลือของ อ. อิทธิ มิตรชู จะไม่หันไปทำ
อะไรเพื่อตัวเองอย่างเดียวอีกต่อไป

นี่คือเรื่องราวของชีวิต ชายคนหนึ่งจากคนที่ไม่เคย
เชื่อเรื่องกรรม เรื่องวิญญาณ มาสู่ทางแห่งการที่เกี่ยวข้อง
คลุกคลีกับเรื่องกรรม เรื่องวิญญาณ

ปกติ อ. อิทธิ จะเปิดช่วยเหลือคนทุกวันจันทร์ ถึงศุกร์ โดย
ใครที่มีปัญหาชีวิตหรือเป็นโรคเริ้อรังรักษาไม่หาย หรือเป็น
โรคร้ายแรง มาปรึกษากับ อ. อิทธิได้

ที่มูลนิธิเพื่อการพัฒนาการแพทย์ทางเลือก (ประเทศไทย )
21 / 139 อาคารแพทย์ทางเลือก ซอย ลาดพร้าว 15
ได้ทุกวัน เว้น เสาร์ และอาทิตย์

เบอร์ 029388825

ส่วนเรื่องค่าครูหรือค่ารักษา ตอนแรก อ.
ก็ข่วยคนแบบไม่เรียกร้องค่าดูหรือค่ารักษา ใครอยากจะ
ให้เท่าไหร่ก็แล้วแต่ศรัทธา
แต่เนื่องจากมีคนมารักษากับ อ. วันหนึ่ง 30 – 40 คน
แต่ส่วนมากพอรู้ว่า อ. ไม่เรียกร้องเงินทอง ก็มารักษา
กันฟรีเยอะมาก แต่ อ. ต้องเสียค่าเช่าสถานที่ ค่าน้ำค่าไฟ
ค่าทีมงาน เพราะ อ. ไม่ได้เปิดบ้านตัวเองช่วยคน
จึงจำเป็นต้องค่าใช้จ่าย

โดย อ. คิดค่ารักษา 500 บาท


แต่ !!!

หลังจากที่ผมได้สนทนากับ อ. อิทธิ

อ.ได้เห็นเจตนาของผมที่ได้ตระเวณไปหาคนมี
ญาณเพื่อมาเผยแพร่ให้ผู้คนที่มีทุกข์ได้มีทางเลือก
ในการไปหาคนมีญาณ
และเจตนารมณ์ของ อ. ต้องการช่วยคนเช่นกัน
แต่ด้วยปัจจัยต่างๆที่ทำให้ต้องเก็บค่าครู 500

แต่กระนั้นก็ตาม

อ. อิทธิยืนยันกับผมว่า

ผู้ใดก็ตามที่ต้องการไปตรวจกรรมหรือรักษา
โรคกับ อ. อิทธิ มิตรชู
หากท่านนั้นได้บอกกับ อ. อิทธิว่า “รักไร้พ่าย”
ได้แนะนำมา หรือรู้จัก อ. อิทธิ จาก “รักไร้พ่าย”
อ. อิทธิจะไม่เรียกร้องค่ารักษาหรือค่าตรวจกรรมคนนั้น
สุดแล้วแต่ท่านจะให้ตามศรัทธา

นอกจากนี้หากผู้ใดมีปํญหาเรื่องเงินทอง อ.
จะช่วยรักษาให้โดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว

 

โมทนากับคุณรักไร้พ่าย และ อ.อิทธิ ด้วยครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

คุณรักไร้พ่ายคะ เกตุโทรไปแล้วคะ อ.แจ้งว่าให้โทรหาคุณวิไล น่าจะเป็นเลขาคะ
เพราะต้องจองคิวก่อน เบอร์ นะคะ 085-9045855 เวลา 10.30-17.00น.จ-ศ

 

นี่คือ ความคิดเห็นของสมาชิกเว็บพลังจิตคนหนึ่งที่เคยเจอปัญหาชีวิตแล้วได้
ไปพบ อ อิทธิ

เขาได้มาโพสเอาไว้นานแล้ว





http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B9%84%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87.130031/

 

นี่เป็นเรื่องของ อ อิทธิ ที่ลงหนังสือพิมพ์แนวหน้า

.....................................................


<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=middle height=10>ปาฏิหาริย์เร้นลับ ช่วยคนแก้กรรม (มังกรการเมือง) </TD></TR><TR><TD align=middle height=10></TD></TR><TR><TD>

</TD></TR><TR><TD align=middle height=10></TD></TR><TR><TD> โหราศาสตร์ คือศาสตร์หนึ่งที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน...หลายคนยึดถือศาสตร์นี้ดั่งตะเกียงส่องทางให้ชีวิตยามใดวิตกกังวล เคราะห์หามยามร้าย ไม่รู้จะไปพึ่งใครก็หันไปหาหมอดู ให้ช่วยทำนายทายทัก ช่วยตัดสินใจว่าควรจะหันไปทางไหนดี อ่านเรื่องการเมืองมาหลายเพลา ขออนุญาตคั่นเรื่องที่ว่าสักครั้ง

พลังจิต คือ การรวบรวมสมาธิจนถึงจุดหนึ่ง ทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีพลังจิต แต่จะมีสักกี่คนที่นำออกมาใช้ได้?

อาจารย์อิทธิ มิตรชู อายุ 39 ปี ชาวสตูล อดีตเคยทำงานด้านการตลาดบริษัทแห่งหนึ่ง ต่อมาชีวิตผกผัน เพราะเกิดอาเจียนเป็นเลือด อาการปางตาย หาหมอโรงพยาบาลไหนก็วินิจฉัยไม่ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ จึงเป็นเหตุนำพาให้เริ่มสนใจเรื่องลี้ลับเพื่อรักษาตัวเอง

เวลานั้นอาจารย์อิทธิเล่าให้ฟังว่า ญาติพี่น้องพาตระเวนหาพระดังหลายวัด กระทั่งไปที่ "วัดเขาตะเขรา" เพื่อกราบขอพร "หลวงพ่อทอง" อันศักดิ์สิทธิ์แห่ง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ตกค่ำก็เห็นผล ขณะที่กำลังพักผ่อน ก็นิมิตเห็นพระชรารูปหนึ่ง พูดกับเขาว่า "ถ้าหายแล้ว ต้องไปรักษาคนอื่น" อารามกลัวตาย อาจารย์อิทธิรีบรับปากทันที แล้วในฝัน หลวงพ่อก็เอาไม้เท้าทิ่มที่หน้าอก ปรากฏว่าตื่นเช้ามา อาการป่วยก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!!

เมื่ออาจารย์อิทธิรับปาก ก็เหมือนดั่งเป็นคำสัญญาที่ให้ไว้ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน จากนั้นไม่นาน ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองแปลกไปจากที่เคยเป็น...เริ่มมองเห็นสิ่งที่คนปกติธรรมดาไม่มีโอกาสได้เห็น!!

"ผมเริ่มมองเห็นกรรมของคนแต่ละคน เห็นว่าเขาเป็นใคร เคยทำอะไรมาบ้าง เพียงมองเห็นเขา หรือสำหรับบางคนที่ไม่เคยเห็นหน้า ได้เห็นเพียงชื่อก็สามารถมองเห็นบาปบุญที่ทำมาได้"

ฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อ งมงายไร้สาระ แต่ช่วงเวลาเกือบสองปีที่อาจารย์อิทธิ ใช้เวลาช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย

นายพรนพพล เกตุทอง (ชื่อเดิม นายเปลี่ยน) อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จ.เพชรบุรี อีกหนึ่งคนที่ได้สัมผัสถึงพลังลี้ลับของอาจารย์อิทธิเล่าว่า "ก่อนนี้ผมเคยประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์ในอาชีพ แต่มาระยะรู้สึกว่าทำอะไรก็ติดขัด ทั้งๆ ที่ส่วนตัวก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เลยให้เขาช่วย"


"จากนั้นเขาก็ให้ผมนอนหงาย มีหม้อดินวางอยู่ข้างๆ แล้วเริ่มพิธีปัดเป่าความชั่วร้ายให้ลงไปในหม้อดิน...ขณะทำพิธี ผมรู้สึกเจ็บตรงหน้าอกมาก เหมือนโดนมีดกรีด คุณอิทธิบอกผมว่า ผมโดนคุณไสย โดยมีตุ๊กตาที่ผ่านพิธีฝังรูปฝังรอยไปวางไว้ที่ทางสามแพร่ง ซึ่งเมื่อทำพิธีเสร็จแล้ว ก็ต้องนำหม้อดินไปบำเพ็ญกุศล แล้วเอาไปลอยน้ำ หลังจากนั้น ผมก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจเรื่อยมา"


"อีกคนก็ภรรยาผมที่มีอาการเจ็บหลังบ่อยๆ อาจารย์อิทธิ บอกว่า เป็นเพราะที่บ้านคุณพ่อภรรยามีของแหลม ซึ่งผ่านการสาปแช่งจากดวงวิญญาณอาฆาตอยู่ในบ้าน ภรรยาผมก็โทร.กลับไปที่บ้านคุณพ่อทันที เลยได้ทราบว่าคุณพ่อท่านเก็บหอกโบราณของทหารสมัยก่อนเอาไว้ในบ้าน ต้องเอาไปทำพิธีทางศาสนา อุทิศส่วนบุญให้กับเจ้าของ แล้วอาการเจ็บหลังของภรรยาผมก็ค่อยๆ ทุเลาลง!!"คุณเปลี่ยนกล่าวยืนยัน


"เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีนักธุรกิจรายหนึ่ง นัดอาจารย์อิทธิไปที่โรงแรมชื่อดังในกรุงเทพฯ ผมมีโอกาสได้ติดตามไปด้วย ผมเห็นกับตาว่าแค่อาจารย์อิทธิ เอามือไล้จากคอไปถึงท้องของคนที่โดนของโดยใช้พลังจิต ปรากฏว่ารายนั้นถึงกับวิ่งไปอาเจียนเอาสิ่งไม่ดีออกมาจนหมด คนแถวนั้นพากันประหลาดใจในปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น"


นายณภัคพงศ์ ชูช่วยชน CEO บริษัทแห่งหนึ่งเป็นอีกคนที่ตอนแรกยังลังเลว่าจะเชื่ออาจารย์อิทธิ ดีหรือไม่ พอเจออาจารย์อิทธิ ช่วยตรวจกรรมให้ถึงกับอึ้ง


"อาจารย์อิทธิ บอกว่าผมถูกวิญญาณงูเจ้าที่ติดตามอยู่ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ เพราะเท่าที่ จำได้ ผมไม่เคยไปฆ่างูที่ไหน อาจารย์อิทธิ ก็ยืนยันว่าผมเคยทำให้งูเจ้าที่ตาย ผมมานั่งนึกดูอีกที จนจำได้ว่าสมัยก่อนช่วงที่เล่นกอล์ฟ เคยเห็นงูจงอางตัวใหญ่มากในสนามกอล์ฟ เลยไปบอกให้เจ้าหน้าที่มาจัดการ เพราะเกรงว่าจะไปทำอันตรายคนที่มาเล่นกอล์ฟ"


"สรุปว่ามื้อเย็นที่สนามกอล์ฟวันนั้น ก็มีเมนูหนึ่งไม่ค่อยคุ้นตา ลักษณะเป็นท่อนๆ ผมยังทำท่าจะกินหยอกกับเพื่อนๆ เพิ่งมารู้วันต่อมาว่าเมนูประหลาดที่เล่นกันเมื่อคืน เป็นงูจงอางที่เจอตอนไปตีกอล์ฟ ผมไม่คิดเลยว่าคำพูดที่ผมพูด มันจะเป็นสาเหตุทำให้งูตัวนั้นถึงแก่ความตาย"

"อาจารย์อิทธิบอกว่า เรื่องนี้เป็นกรรมทำให้ผมถูกหลอกใช้ ไม่ประสบความสำเร็จเรื่องงาน ซึ่งมันก็ตรง ผมจึงไปแก้ด้วยไข่ต้ม 16 ฟอง พร้อมบายศรี 1 คู่ และสวดคำขอขมาลาโทษงูเจ้าที่ตัวนั้นตามที่อาจารย์อิทธิบอก"

...ส่วนตัวของอาจารย์อิทธินั้น ยอมรับว่าบางครั้งก็เคยคิดอยากหยุดเส้นทางนี้เหมือนกัน ด้วยความที่อายุยังน้อย ยังอยากทำอะไรอีกมากมาย "ผมอยากใช้ชีวิตธรรมดา ไปทำธุรกิจหลายอย่าง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนเราไปปัดความรับผิดชอบที่ได้ให้สัญญาไว้กับเบื้องบนที่ท่านให้เราช่วยเหลือคนอื่น ให้หลุดพ้นจากวิบากกรรม จึงทำให้เราไม่ก้าวหน้าในงานอื่นๆ"

สำหรับวิธีดูให้บุคคลที่มาขอให้อาจารย์อิทธิช่วย เริ่มแรกอาจารย์จะให้เขียนชื่อนามสกุลลงกระดาษก่อนแล้วจึงเริ่มทำสมาธิ ใช้พลังจิตวิเศษ หลับตาลงจะเห็นภาพวิ่งวนในหัวคล้ายภาพจากฟิล์มภาพยนตร์ซึ่งรวบรวมเรื่องราวของเจ้าของชื่อนั้นเอาไว้ มองเห็นกรรมต่างๆ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวของเจ้าของชื่อ

คนที่ให้มาดูเป็นครั้งแรก ส่วนมากมักไม่เชื่อ อาจารย์อิทธิจึงต้องเริ่มต้นด้วยการทำนายอดีตที่เจ้าตัวประสบมาบางเรื่องเจ้าตัวก็หลงลืมไปแล้วตามกาลเวลา แต่พอฟังคำพูดอาจารย์อิทธิ จึงทำให้นึกขึ้นได้ ซึ่งจากวิธีนี้ก็เล่นเอาพวกลองดีหน้าหงายไปตามๆ กัน

ความแตกต่างของอาจารย์อิทธิ กับหมอดูทั่วไป คือ สามารถแนะนำวิธีแก้กรรมได้ ซึ่งวิธีแก้กรรมของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำมา...นอกจากนี้พวกโดนของ โดนผีเข้า อาจารย์อิทธิก็ปราบได้หลายราย

หลายคนสงสัยว่าชายหนุ่มอดีตพนักงานธรรมดาๆ ผู้ที่ครั้งหนึ่งไม่เคยเชื่อศาสตร์นี้มาก่อนไปเรียนรู้วิธีการเหล่านี้มาจากไหน คุณอิทธิเปิดเผยว่า "วิธีการเหล่านี้เป็นการสื่อสารระหว่างผมกับเบื้องบนมาสู่คนที่ต้องการแก้กรรมอีกที เหมือนเป็นพลังวิเศษที่คนอื่นไม่สามารถสัมผัสได้ เสมือนหนึ่งผมเป็นบุคคลที่ถูกเลือกมาจากเบื้องบน"

สำหรับผู้ที่สนใจให้คุณอิทธิช่วยพิจารณากรรมให้ สามารถติดต่อมาได้ที่อาคารแพทย์ทางเลือก ชั้น 8 เลขที่ 21/139 ซอยลาดพร้าว 15 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ



<CENTER>มังกรผงาด</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ที่นั่นเป็นอย่างไร หรือเข้าซอยไปลึกไหม

******แล้วเวลาดูนี่ เข้าไปคุยกับอาจารย์เป็นส่วนตัว หรือนั่งรวมๆกันมีคนอื่นนั่งฟังเรื่องของเราด้วยครับ

 

คุณ รักฯ ค่ะ ลินอยู่ อุบลฯ ไม่ทราบว่าโทรไปดูกับ อาจารย์ จะได้ไหมค่ะ หรือว่าต้องไปหาด้วยตัวเองค่ะ

 

อาจารย์ ดูอนาคตที่ยังมาไม่ถึงได้ไหมครับ

 

คุณรักไร้พ่ายเดี่ยวนี้ไม่เบาเลยนะคะอ่านเรื่องราวของอาจารย์อิทธิมาสนุกมากเลยค่ะฝีมือการเขียนนับวันเพิ่มรสชาติได้ดีทีเดียวระวังนะคะออกหนังสือมาคนติดทั้งเมืองนะจ้ะจะบอกให้ อยากให้คุณรักไร้พ่ายไปพบกับอาจารย์อีกท่านหนึ่งซึ่งรักษาแบบนี้เหมื่อนกันค่ะ คืออาจารย์วิเชียรค่ะ เห็นรายการทีวีรายการหนึ่งได้นำเสนอเกี่ยวกับการรักษาของอาจารย์วิเชียรค่ะ ลองดูนะคะเผื่อจะมีทางเลือกให้สมาชิกด้วยค่ะ

 

ตึกที่ อ. อยู่ ไม่ได้ติดถนนใหญ่ครับ แต่เข้าไปซอยลาดพร้าว 15

เป็นอาคารแพทย์ทางเลือก เป็นตึก 9 ชั้น

อ. อยู่ชั้น 8

หากไม่ได้นำรถยนต์ไปเอง พอไปถึง ลาดพร้าว 15 ให้นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างปากซอย บอกว่าไปตึก 9 ชั้น เขาจะรู้จักกันหมดครับ

หากนำรถยนต์ไปก็จ้างวินมอไซด์ให้ช่วยนำทางไปตึก 9 ชั้น

ส่วนการพบ อ นั้นจะเป็นการดูแบบส่วนตัวครับ
จะเป็นห้องขนาดใหญ่ โอ่โถง ส่วนลูกค้าคนอื่นจะให้รอหน้าห้อง

เหมือนไปพบแพทย์เลยครับ

 

ต้องไปพบด้วยตัวเองครับ อ.ไม่ได้ดูทางโทรสับนะ

 

ดูได้ครับ อ. จะสื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนแล้วบอกถึงเรื่องราวของคนนั้นตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต

 

ขอบคุณครับ ^ ^

 

ประโยคเดิม ๆ คะ
ท่านใดไปแล้วเป็นอย่างไร

โปรดอนุเคราะห์ท่านอื่น ๆ เอาบุญ
ด้วยการเล่าให้ฟังด้วยนะคะ
เพื่อประกอบการตัดสินใจคะ
(เงินทองเดียวนี้หายาก)


ขอบคุณคะ

 

อนุโมทนากับสิ่งคุณรักไร้พ่ายได้ทำครับ
ดีใจกับการเป็นสื่อกลางให้กับทุกคนของคุณ

 

ได้มีโอกาสไปพบ อ. มาครับ ทั้งคุณพี่วิไลทีเป็นเลขา และอ. เองใจดีมากๆๆๆๆ ขั้นตอนการดูก็อย่างที่คุณรักฯได้เกริ่นไว้น่ะครับ คือให้เราเขียนชื่อนามสกุล ลงในกระดาษแผ่นเล็กๆ แล้วก็ระบุเรื่องที่จะมาปรึกษาครับ จากนั้นอาจารย์ก็จะอ่านชื่อเรา แล้วก็หลับตา เพื่อดูกรรมและโรคภัยต่าง ๆ ในตัวเรา จากนั้น อ. ก็จะบอกว่า เรามีปัญหาอะไรบ้าง ไล่มาเป็นข้อ ๆ ซึ่งตอนที่ผมไปดูเนี่ยผมยังไม่ได้บอกอะไร อ. เลย ว่าผมเป็นอะไรมาบ้าง แต่ที่อาจารย์พูดออกมาทุกข้อนั้นมีในตัวผมหมดเลย อาจจะมีอีกบางโรคที่อาจาย์ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งผมก็รู้สึกเลยนะว่า อาจารย์ไม่ได้ใช้หลักจิตวิทยา แต่เป็นการเห็นจริง ๆ จากญาณที่ อ. ได้รับมา ส่วนของผม อ. มีบอกเรื่องอนาคตด้วย ว่าจะได้ไปต่างประเทศ ซึ่งผมเองก็ยังไม่เห็นวี่แววตัวเองว่าจะได้ไปยังไง ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ จากนั้นพอคุยปรึกษากับ อ. ได้สักพักใหญ่ ๆ อาจารย์ก็ให้ไปนอนที่โซฟา แล้วให้เราหลับตานึกถึงบาปที่เราเคยทำมา และก้ประมาณว่าให้เราขอโทษในสิ่งที่ทำ จากนั้น อ. ก็จะเอามือมาแตะที่ตัว แล้วก็พูดว่า นาย.... คนนี้ นามสกุลนี้ ได้สำนึกในบาปแล้ว อะไรประมาณนี้ และก็ปิดด้วยบทสวดซึ่งจากที่ฟังแล้วไม่น่าใช่บาลี เพราะมีคำว่า อัลเลลูยา ด้วย (แต่ผมเป็นคาทอลิก ไม่แน่ใจว่าทำให้ อ. ต้องสวดอย่างนี้รึป่าว) เสร็จจากนั้นเหมือนอาจารย์ก็จะดูดเอาสิ่งไม่ดีในตัวเราออกไปจากร่างกาย เท่าที่ฟังเหมือนกับอาจารย์สูดเข้าทางปาก แล้วก็เรอออกมา ประมาณเนี้ยอ่ะครับ จากนั้น อ. ก็ยังนัดให้ผมไปพบอีก 4 ครั้ง แล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี อ. ก็จะถามว่าเป็นยังไง รู้สึกดีขึ้นมั้ย ซึ่งที่ผมรู้สึกคือเฉย ๆ แต่รู้สึกว่าโล่งใจสบายใจมากขึ้น ซึ่งผมก็ได้บอก อ. ไปตรงๆ ว่า ไม่รู้สึกอะไรเลยครับ อ. อ. ก็บอกว่ารู้สึกโล่งใจ สบายใจขึ้นมั้ย ผมก็ตอบว่า อ่อ ใช่ครับรู้สึกโล่งขึ้น เท่านั้นครับเป็นอันจบ ละก็นัดพบอีกทีอีก 1 อาทิตย์ครับ จะเป็นยังไงเด๋วมาเล่าให้ฟังต่อละกันครับ

ปล. ขอบคุณท่านรักไร้พ่ายมาก ๆ นะครับ ที่ช่วยเหลือคนที่ทุกข์ร้อนให้ได้มีทางออกจากความมืดมิด ขอบคุณอาจารย์ อิทธิ ด้วยเช่นกันครับ ที่มีความเมตตาเป็นอย่างมาก คุณพี่วิไลด้วยเช่นกันครับ ขอบคุณครับ

 

-ไม่ทราบว่า ได้บอกว่าคุณรักไร้พ่ายแนะนำมาไหม แล้วอาจารย์ไม่คิดเงิน แล้วแต่เราจะให้เลยหรือเปล่าครับ
-นัดไปอีก 4 ครั้ง นี่ ต้องเสียเงินทุกครั้ง จนครบ 4 ครั้งเลย หรือว่าเสียเฉพาะครั้งแรกครับ

รบกวนสอบถามด้วยครับ

ขอบพระคุณมากครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ boyiff
ได้มีโอกาสไปพบ อ. มาครับ ทั้งคุณพี่วิไลทีเป็นเลขา และอ. เองใจดีมากๆๆๆๆ ขั้นตอนการดูก็อย่างที่คุณรักฯได้เกริ่นไว้น่ะครับ คือให้เราเขียนชื่อนามสกุล ลงในกระดาษแผ่นเล็กๆ แล้วก็ระบุเรื่องที่จะมาปรึกษาครับ จากนั้นอาจารย์ก็จะอ่านชื่อเรา แล้วก็หลับตา เพื่อดูกรรมและโรคภัยต่าง ๆ ในตัวเรา จากนั้น อ. ก็จะบอกว่า เรามีปัญหาอะไรบ้าง ไล่มาเป็นข้อ ๆ ซึ่งตอนที่ผมไปดูเนี่ยผมยังไม่ได้บอกอะไร อ. เลย ว่าผมเป็นอะไรมาบ้าง แต่ที่อาจารย์พูดออกมาทุกข้อนั้นมีในตัวผมหมดเลย อาจจะมีอีกบางโรคที่อาจาย์ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งผมก็รู้สึกเลยนะว่า อาจารย์ไม่ได้ใช้หลักจิตวิทยา แต่เป็นการเห็นจริง ๆ จากญาณที่ อ. ได้รับมา ส่วนของผม อ. มีบอกเรื่องอนาคตด้วย ว่าจะได้ไปต่างประเทศ ซึ่งผมเองก็ยังไม่เห็นวี่แววตัวเองว่าจะได้ไปยังไง ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ จากนั้นพอคุยปรึกษากับ อ. ได้สักพักใหญ่ ๆ อาจารย์ก็ให้ไปนอนที่โซฟา แล้วให้เราหลับตานึกถึงบาปที่เราเคยทำมา และก้ประมาณว่าให้เราขอโทษในสิ่งที่ทำ จากนั้น อ. ก็จะเอามือมาแตะที่ตัว แล้วก็พูดว่า นาย.... คนนี้ นามสกุลนี้ ได้สำนึกในบาปแล้ว อะไรประมาณนี้ และก็ปิดด้วยบทสวดซึ่งจากที่ฟังแล้วไม่น่าใช่บาลี เพราะมีคำว่า อัลเลลูยา ด้วย (แต่ผมเป็นคาทอลิก ไม่แน่ใจว่าทำให้ อ. ต้องสวดอย่างนี้รึป่าว) เสร็จจากนั้นเหมือนอาจารย์ก็จะดูดเอาสิ่งไม่ดีในตัวเราออกไปจากร่างกาย เท่าที่ฟังเหมือนกับอาจารย์สูดเข้าทางปาก แล้วก็เรอออกมา ประมาณเนี้ยอ่ะครับ จากนั้น อ. ก็ยังนัดให้ผมไปพบอีก 4 ครั้ง แล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี อ. ก็จะถามว่าเป็นยังไง รู้สึกดีขึ้นมั้ย ซึ่งที่ผมรู้สึกคือเฉย ๆ แต่รู้สึกว่าโล่งใจสบายใจมากขึ้น ซึ่งผมก็ได้บอก อ. ไปตรงๆ ว่า ไม่รู้สึกอะไรเลยครับ อ. อ. ก็บอกว่ารู้สึกโล่งใจ สบายใจขึ้นมั้ย ผมก็ตอบว่า อ่อ ใช่ครับรู้สึกโล่งขึ้น เท่านั้นครับเป็นอันจบ ละก็นัดพบอีกทีอีก 1 อาทิตย์ครับ จะเป็นยังไงเด๋วมาเล่าให้ฟังต่อละกันครับ

ปล. ขอบคุณท่านรักไร้พ่ายมาก ๆ นะครับ ที่ช่วยเหลือคนที่ทุกข์ร้อนให้ได้มีทางออกจากความมืดมิด ขอบคุณอาจารย์ อิทธิ ด้วยเช่นกันครับ ที่มีความเมตตาเป็นอย่างมาก คุณพี่วิไลด้วยเช่นกันครับ ขอบคุณครับ

</TD></TR></TBODY></TABLE>

เมื่อสักครู่นี้ ผมได้โทรสอบถาม อ.อิทธิ แล้วครับ จริงๆผมก็อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน

อ. อิทธิ บอกว่า คุณ boyiff ได้จ่ายค่าครู 100 บาท
แล้วได้บอกว่ารู้มาจากรักไร้พ่าย ซึ่ง อ. ก็ยินดี เพราะยืนยันผ่าน
ผมมาอีกครั้งว่า
สิ่งที่ผมได้บอกในกระทู้เรื่อง ค่าครูไปนั้น เป็นไปตามนั้นทุกประการ


ส่วนที่ต้องให้มาพบหลายครั้งนั้น เพราะ คุณ boyiff
มีปัญหาที่ต้องอาศัยเวลารักษา ซึ่งปรกติถ้าเป็น
เคสอื่นทีไม่หนักก็ไม่ต้องมาพบหลายๆครั้ง

โดยครั้งแรกจะเป็นการปรับสภาพจิตใจไปก่อน

อ. จะรักษา 3 ส่วนด้วยกัน คือ ทางกาย ทางจิต
และทางจิตวิญญาณ

และเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะรักษาในครั้งต่อๆไป
อ. อิทธิไม่ได้เรียกร้องแต่อย่างใด ก็เป็นไปตามเงื่อนไขเดิม
แล้วแต่ให้ตามแต่ศรัทธา

หรือจะไม่ให้ก็ไม่เป็นไรครับ
อ ยินดีช่วยเหลือจริงๆ

 

คุณจักรราศี เมื่อวานที่เจอพี่กับลูกพี่ ที่ office อ.อิทธิ ตอนเช้าหรือเปล่าคะ

เรื่องลูกสาวพี่ที่มีเหมือนมีเงาตามตัว อาจารย์บอกว่าเป็นย่าทวดที่ต้องการมาบอกว่า ให้ช่วยนำกระดูกไปลอยอังคารให้หมดเพราะยังมีหลงเหลืออยู่ ต้องการให้นำไปทำพิธีให้หมด และให้ทำบุญถวายผ้าไตร

ตอนนั้นพวกพี่ก็ไม่ทราบว่ามีเหลือหรือเปล่า ตอนกลับได้โทรถามผู้ใหญ่ แกบอกว่าเก็บกระดูกบางส่วนใส่โกฐไว้ที่วัด พวกพี่ขนลุกกันเลย เมื่อวานเลยรีบไปวัดถวายผ้าไตรเลยคะ

คุณอิทธิเป็นคาทอลิกคะ เพราะบอกให้พวกพี่ไปที่โบสถ์วันอาทิตย์นี้คะ

ขอบคุณคุณรักไร้พ่าย และ อ.อิทธิคะ

 

ไม่ใช่อ่ะครับคุณ Saowanit999 ผมยังไม่ได้ไปหา อ. เลยครับ
แต่ก็ดีใจด้วยนะครับที่หมดเรื่องคาใจเสียทีครับ ^^

ขอบคุณ คุณ Loveไร้พ่าย มากๆเลยครับ อุตส่าห์เป็นธุระ โทรไปสอบถามให้ทุกคนได้รู้

โมทนากับ อ.และคุณรักไร้พ่าย และคุณ Saowanit999 ด้วยครับ