อ่านประวัติดวงแก้วบรมจักรภพพรหมโฆษา ตอนจบ หน้า ๒ ค่ะ

ขอเชิญร่วมประมูลดวงแก้วบรมจักรภพพรหมโฆษา​

ขนาดเกือบ ๗๐ กก.”​

​

ภาพดวงแก้วขนาด ~๗๐ กก.

ขอเชิญร่วมประมูล ดวงแก้วบรมจักรพรรดิ “ดวงแก้วบรมจักรภพพรหมโกษา”ขนาดเกือบ ๗๐ กิโลกรัม อัญเชิญจากถ้ำแถบเทือกเขาภูพานน้อย จ.สกลนคร
ดวงแก้วรัตนบวรสุริยจักร เกิดในสมัยสมเด็จพระพุทธสรณังกรพุทธเจ้า โดยมีพระพรหมโกษา เป็นหัวหน้ากายสิทธิ์ ๘๐,๐๔๘,๐๐๐ องค์ ปัจจุบันอยู่ชั้นพรหมชั้น ๑๑

ราคาเริ่มต้นการประมูล... ๙๙,๙๙๙.๐๐ บาท

​

เมื่อเทียบกับดวงแก้ว ๑๐ กก.​

กติกาในการประมูล

๑. เริ่มวันที่ ภายใน ๒๔-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ภายใน ๒๐.๕๙ น. ตามฤกษ์พรหมสิทธิ์ อมฤตโชค

๒. หากที่มีผู้ประมูลสูงสุดเท่ากัน ๒ ท่าน จะตัดสินด้วยเวลาที่ปรากฏในเว็บพลังจิต โดยไม่เกินวันเวลาที่กำหนดไว้
๓. หลังจากปิดการประมูล ปัจจัยภายใน ๒ วัน เมื่อโอนปัจจัยแล้วจะทำการจัดส่งดวงแก้วใช้เวลา ๓-๔ วัน




กรุณาโอนปัจจัยไปที่......

ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 080-252647-2
ธนาคาร ไทยพาณิชย์
สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพ – กรีฑา)
ประเภท ออมทรัพย์-แบบสะสมทรัพย์
<O</O

ปัจจัยหลังหักค่าใช้จ่าย ๒๐% เข้ากองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร(แก้วบรมจักรพรรดิ)ค่ะ


http://palungjit.org/threads/ร่วมบุ...คอนันต์-จันทราราชาฯ-หน้า-๘๕ค่ะ.283863/page-85

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม อนุโมทนาบุญและร่วมประมูลทุก ๆ ท่านค่ะ

Numsai

 

ประวัติพระสรณังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระสรณังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า
<O</O​

ภายหลังจากที่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าเมธังกรได้อันตรธานสูญหายไปจนหมดสิ้นแล้วพระโพธิสัตว์ทรงพระนามว่า “สรณังกร” ก็ได้เสด็จมาอุบัติตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๓ ใน สารมัณฑกัปนั้น

ทรงเสด็จอุบัติในตระกูลกษัตริย์แห่ง พระนครสุวิปุละ
พระบรมกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้าสุมังคละ เป็นพระพุทธบิดา
พระนางยสวดีเทวีเป็นพระพุทธมารดา
ทรงครองฆราวาสวิสัยอยู่ ๗,๐๐๐ ปี

พระองค์เสด็จออกผนวช แล้วทรงใช้เวลาในการบำเพ็ญเพียรอยู่ ๑ เดือน

ทรงตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ณ โคนต้นปาตลี ( ต้นแคฝอย )
พระพุทธเจ้าเมธังกรได้ทรงกระทำพุทธกิจตลอดพระชนมายุ ๘๐.๐๐๐ ปี
ทรงมีพระชนมายุ ๘ หมื่น ๗ พันปี
พระองค์จึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ดวงแก้วใหม่ ใหญ่มาก เวลายก ต้องยกกี่คนครับ
ไว้รอชมต่อครับ

 

สาธุ สาธุ สาธุ ขอโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลกับคุณน้ำใสด้วยครับ

เห็นขนาดดวงแก้วและกายสิทธิ์แล้ว

เป็นได้แต่กองเชียร รอให้ท่านผู้มีบุญบูชาไปก่อน

..หวังและฝันว่า เราจะมี 100 โล กับเขามั่ง ในอนาคดดดดฮิฮิ

 

เวลายกเป็นผู้ชาย 2-3 คนค่ะ ส่วนใหญ่เวลามีลูกใหญ่ ๆ จะอธิษฐาน ขอให้ยกได้ไม่ลำบาก และไม่หนักมากก็ช่วยได้ค่ะ แต่ถ้าไม่อธิษฐาน หนักมากกกกกกกกค่ะ

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

ลูกใหญ่จังค่ะ ^^
ท่าทางคนที่ได้คงบุญหนักศักดิ์ใหญ่น่าดูนะเจ้าคะ
ขอโมทนาบุญล่วงหน้าค่ะ

 

ต้องฉันเยอะ ๆ นะเจ้าคะ จึงจะถึงร้อยกิโล (ฮิฮิฮิ)

 

มาร่วมลุ้นกับท่านผู้เป็นเจ้าของด้วยคนครับ

 

ฮิฮิ ดวงแก้ว ๑๐๐ โล ไม่ใช่โอ่งมังกรเขี้ยวตันนะครับ


ตอนนี้รอลุ้นเจ้าของดวงแก้วตัวจริงเสียงจริงเข้ามา

อยากรู้ว่าใครจะเป็นเจ้าของดวงแก้ว

ขอโมทนาบุญกับเจ้าของดวงแก้วล่วงหน้านะครับ

 

โอ้โห เกือบ 70 กิโลกรัม ใหญ่จังเลย *0*
ผู้เป็นเจ้าของรีบมารับนะค่ะ
อนุโมทนาบุญกับกายสิทธิ์ในดวงแก้วทุกองค์เลยค่ะ

 

..ประวัติแก้วบรมจักรภพพรหมโฆษาตอนที่ ๑..

ประวัติดวงแก้วบรมจักรภพพรหมโฆษาตอนที่ ๑


​

ดวงแก้วบรมจักรภพพรหมโฆษา ขนาดเกือบ ๗๐ กก.เกิดก่อนสมัยสมเด็จพระพุทธอัตถทัสสีพุทธเจ้า โดยพระศีรนาทดาบส เป็นผู้อธิษฐานจิตโดยใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุ ก่อนออกผนวช พระศีรนาทดาบส เป็นกษัตริย์เมืองปวารวสี(อ่านว่า ปะ-วา-ระ-วะ-สี) แคว้นกุรวาลทวีป ท่านครองเมืองได้เพียง ๖ ปี และยังไม่ได้อภิเษกสมรส เกิดความเบื่อหน่ายที่ต้องทำหน้าที่พิพากษา และลงโทษผู้ทำผิด และเห็นโทษของการพิพากษาตัดสินผิดพลาด

ทรงสละราชสมบัติให้แก่พระอนุชา และออกผนวชได้ เมื่อพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา เมื่อออกผนวชแล้ว ตั้งใจปฏิบัติจนบรรลุอภิญญา ๕ ทรงเชี่ยวชาญในวิชาไตรเภท และวิชาเล่นแร่แปรธาตุ

ต่อมาพระองค์คิดว่าจะออกเดินทางแสวงหาความรู้เพิ่มเติมจากครูบาอาจารย์ท่านอื่น จนกระทั่งได้พบกับพระดาบสอีก ๔ ท่าน คือ พระเตโช พระปฐวี พระจุลสีห์ และพระรชตเสนาบดี ซึ่งได้เบื่อหน่ายในเพศฆราวาสเหมือนกัน

พระเตโชดาบส เดิมเกิดในตระกูลกษัตริย์ เห็นโทษของการครองเรือนได้ออกผนวช ทรงบรรลุอภิญญา ๕ เหาะเหินเดินอากาศได้ และเชี่ยวชาญในกสินไฟ จุดไฟได้ และดับไฟได้โดยใช้กำลังภายใน

พระปฐวีดาบส เป็นพระอนุชาของพระเตโชดาบส ได้บรรลุอภิญญา ๕ เชี่ยวชาญในกสินดิน ชำนาญในวิชาดำดิน ล่องหน เปลี่ยนภูเขาเป็นทะเล เปลี่ยนป่าให้เป็นภูเขาได้

ท่านจุลนีย์ดาบส เกิดในตระกูลพราหมณ์ เดินทางจากเมืองปาลิตบุตร ได้บรรลุอภิญญา ๕ ชำนาญในวิชารู้ใจรู้ภาษาสัตว์ทุกชนิด สามารถเรียกนก เรียกปลาได้

ส่วนท่านรชตเสนาบดีนั้น ก่อนออกผนวชเป็นเสนาบดีในเมืองปุริสวัน ภายหลังเกิดความเบื่อหน่ายในการรับราชการ จึงได้ลาออกและออกบวช จนบรรลุอภิญญา ๕ และเชี่ยวชาญในกสินน้ำ สามารถเมืองบาดาล โดยไม่ได้รับพิษนาค เดินบนน้ำโดยไม่เปียกน้ำ เป็นต้น

</O
เมื่อพระดาบสทั้ง ๕ ได้เดินทางมาพบกัน ต่างก็แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน และตกลงกันว่า หากเดินทางไปแล้วพบใครพอที่จะถ่ายทอดวิชาให้จะถ่ายทอดวิชาทันที

โปรดติดตามตอนที่ ๒ ต่อไปค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai<O

 

สาธุ..สาธุ..สาธุ..

ดวงแก้ว ๑๐๐ กก.เคยขึ้นมาแล้ว ๑ ดวง เจ้าของปัจจุบันเป็นชาวกรุงเทพฯค่ะ
หากปรารถนาจะได้ดวงแก้ว ๑๐๐ กก. อธิษฐานไปเรื่อย ๆ เจ้าค่ะ เมื่อบุญบารมีเต็มเปี่ยมก็จะได้มาเจ้าค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับท่าน widya ด้วยค่ะ

Numsai

 

ขออนุญาตถามเป็นความรู้ครับ ไม่ทราบว่าเคยมีดวงแก้ว
ที่ขนาดใหญ่กว่า ๑๐๐ โล ไหมครับ หรือมีอยู่แต่ไม่เคยขึ้นมา

 

​

​

วันที่อัญเชิญดวงแก้วไปประดิษฐาน ถ่ายภาพติดไอหมอก
ยิ่งหนาขึ้นเรื่อย ๆ กระแสดวงแก้วเย็นยะเยือกคล้ายอยู่ในถ้ำ สังเกตจากภาพแรกค่ะ​

ช่วงที่น้ำใสมารับหน้าที่นี้ เคยขึ้นมาแล้วค่ะ นามว่า "ดวงแก้วมณีปฐพีโรจน์ฤทธิ์มหิศร" เป็นดวงแก้วที่เกิดในสมัยของพระปทุมมุตตระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมีพระอภิบาลธรรมราชา เป็นประธาน ปัจจุบันท่านอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต ท่านยิ่งด้วยอภิญญาสมาบัติและโภคทรัพย์ค่ะ


ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

ลูกใหญ่จังเลยครับ ใครคือเจ้าของนะ

อยากชมภาพตอนอัญเชิญจากถ้ำว่าขนย้ายกันอย่างไร
แล้วตอนปรากฎดวงแก้วท่านขึ้นมาอย่างไร
อยากเห็นครับ คงน่าตื่นเต้นน่าดู

 

..ประวัติดวงแก้วบรมจักรภพพรหมโฆษา ตอนที่ ๒..

ประวัติดวงแก้วบรมจักรภพพรหมโฆษาตอนที่ ๒​

​

ต่อมาเมื่อพระดาบสทั้ง ๕ ได้เดินทางมาถึงป่าแห่งหนึ่ง ได้พบชายหนุ่มผู้หนึ่ง แต่งกายดีมีชาติตระกูลได้นอนสลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางป่า ท่านจุลนีย์ดาบสได้สอบถามกระรอกที่อยู่ต้นไม้ใหญ่นั้น ทราบว่า.. ชายหนุ่มผู้นี้ได้วิ่งหนีอะไรบางอย่างมา คงเหนื่อยมากอ่อนแรง และสลบไป

พระศีรนาทได้ตรวจดูด้วยญาณทราบว่า ชายผู้นี้ เป็นบุตรชายคนเดียวของเศรษฐีอีกเมืองหนึ่งที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เป็นหญิงคราวลูก เมื่อห้ามบิดาก็ไม่ฟัง ด้วยความหลงภรรยาใหม่ ได้มีการทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนบิดาได้ออกปากไล่ชายหนุ่มออกจากบ้าน

ชายหนุ่มได้เก็บข้าวของที่จำเป็นออกเดินทาง เมื่อมาถึงป่าแห่งนี้ พบช้างโขลงหนึ่ง มีช้างเกเรตัวหนึ่งได้วิ่งไล่มา(เคยเป็นเจ้ากรรมกันมาก่อน) ชายผู้นี้จึงได้วิ่งหนีจนอ่อนแรง มาถึงได้ต้นไม้ใหญ่จึงสลบไป

ท่านรชตเสนาบดี จึงได้สอบถามพระดาบสทั้งหลายว่า พิจารณาเรื่องนี้อย่างไร จะให้ชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้รับถ่ายทอดวิชาของพวกตนหรือไม่

พระศีรนาทได้ให้พระดาบสทั้งหลายนั่งสมาธิ เพื่อตรวจดูบุพกรรมของชายหนุ่มผู้นี้ จึงได้ตกลงกันว่า ชายผู้นี้สามารถรับการถ่ายทอดวิชาของพวกตนได้ ภายหลังจะได้เป็นกษัตริย์ครองเมืองทางทิศตะวันออกของป่าแห่งนี้<O
ท่านรชตเสนาบดี จึงได้นำน้ำอมฤตที่ได้จากนาคพิภพ ได้พรมลงบนใบหน้าชายหนุ่ม เมื่อชายผุ้นี้ฟื้นขึ้น พบว่า มีพระดาบส ๕ ตน มาห้อมล้อม และทำให้ตนเองฟื้น จึงได้ก้มกราบด้วยความปลื้มปิติ เปรียบเสมือนตนได้เกิดใหม่จึงได้กล่าวแก่พระดาบสทั้งหลายว่า

"ข้าฯแต่พระคุณเจ้า เกล้ากระผม ชื่อ นิตรุธ(อ่านว่า นิ-ตะ-รุด) บิดาไล่เกล้ากระผมออกจากบ้าน ขณะนี้เหมือนคนที่แพแตก พระคุณเจ้าทั้ง ๕ เหมือนได้ชุบชีวิตให้ใหม่ เกล้ากระผมขอปวารณาตนขอรับใช้อยู่อุปัฏฐากพระดาบสทั้ง ๕ จนกว่าจะถึงเวลาสมควรขอรับ"

พระศีรนาทดาบส ได้กล่าวว่า “"ทุกอย่างล้วนเกิดจากกรรมแต่อดีต เป็นเหตุให้ต้องออกจากบ้าน ขอเจ้าอย่าได้ทุกข์ร้อนใจ เราทั้ง ๕ พิจารณาแล้วว่า เจ้าคือผู้ที่เหมาะสมที่จะได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเรา เป็นคนแรก ในภายหน้า เจ้าต้องกลับไปรับบิดามาเลี้ยงดู บิดาของเจ้าจะได้รับความทุกข์จากตัณหาเป็นเหตุแห่งทุกข์นั้น ขอเจ้าจงตั้งใจฝึกฝนวิชาเพื่อภายภาคหน้าของเจ้าจะได้ดี"

นิตรุธมานพ แม้ไม่ค่อยเข้าใจในคำกล่าวของพระดาบสมากนัก ด้วยความปลื้มปิติที่ตนจะได้อุปัฏฐากครูบาอาจารย์ จึงไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงว่า จะหาอาหารที่ไหนมาถวายพระดาบส จะทำอย่างไรให้ท่านอยู่สุขสบาย จึงได้กล่าวกับพระดาบสว่า..

“"ข้าฯแต่พระคุณเจ้า ขณะนี้พระคุณเจ้ายังไม่มีเสนาสนะ เกล้ากระผมจะจัดหาเสนาสนะให้ก่อนขอรับ รวมทั้งการขบฉันของพระคุณเจ้า ขอเป็นธุระของเกล้ากระผมเองขอรับ"

พระดาบสทั้ง ๕ ได้นิ่ง เท่ากับเป็นการรับปวารณานั้น ชายหนุ่มจึงได้เข้าหาผลไม้ในป่า และหาน้ำฉันน้ำใช้ ถวายพระดาบส

ท่านจุลนีย์ดาบสได้ให้สัตว์ป่าต่าง ๆ ไปช่วยนิตรุธมานพอีกแรง จนสามารถสร้างเสนาสนะให้พระดาบส ๕ หลัง รวมทั้งที่อยู่ของตนอีกหนึ่งหลัง

พระดาบสทั้ง ๕ เริ่มทยอยถ่ายทอดวิชาของตน เวลาผ่านไปถึง ๓ ปี นิตรุธมานพก็ได้สำเร็จทุก ๆ วิชาที่ได้ร่ำเรียนมา
<O

โปรดติดตามตอนจบต่อไปค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

..ประวัติดวงแก้วบรมจักรภพพรหมโฆษา ตอนที่ ๓ ..

ประวัติดวงแก้วบรมจักรภพพรหมโฆษาตอนที่ ๓ ​

เมื่อนิตรุธบาบสได้ร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ จากพระดาบสสำเร็จแล้ว ขณะนั้นมีอายุได้ ๓๓ ปี พระศีรนาทดาบส ได้เรียกมา และกล่าวว่า ..​

“นิตรุธ ถึงกาลอันสมควรแล้ว เจ้าอุปัฏฐากพวกเรามาพอสมควรแล้ว พวกเรามีความเป็นสุขที่สุขสบายมากขึ้นด้วยน้ำใจของเจ้า ถึงเวลาเจ้าสมควรได้รับสิ่งตอบแทน และจงเดินทางไปทางทิศตะวันออก และเข้ารับราชการในเมืองนั้น ต่อไปเจ้าจะได้เป็นกษ้ตริย์ของเมืองนั้น”

แม้จะมีความกังขาในสิ่งที่พระอาจารย์กล่าวไว้ นึกในใจว่า“”จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนธรรมดาอย่างเขาจะได้เป็นกษัตริย์”

ด้วยการเชื่อฟังครูอาจารย์ และความที่เป็นผู้มีความกตัญญูรู้คุณ เขาก็ได้เก็บความรู้สึกนี้ไว้และไม่ได้สอบถามแต่อย่างใด จากนั้นจึงได้กราบลาพระอาจารย์ ออกเดินทางไปทางทิศตะวันออก

ได้พบเมืองหนึ่งนามว่า “สิริสุทธิปุระ ปกครองโดยพระเจ้าปฐมธรรมราชา (อ่านว่า ปัด-ทะ-มะ-ทำ-มะ-รา-ชา)ทรงปราศจากพระมเหสี และทรงปกครองบ้านเมืองโดยธรรมด้วยความร่มเย็นเป็นสุขตลอดมา

ครั้นนิตรุธมานพไปถึงเมืองนั้น มีการประกาศหาผู้มีฝีมือในการประลอง เพื่อเข้ารับราชการเป็นหัวหน้าหน่วยในกองทัพ ตามคำพระดาบสกล่าวไว้ นิตรุธมานพได้เข้าประลองในครั้งนั้น ได้รับชัยชนะ และได้รับราชการในเมืองนั้น

นิตรุธมานพได้รับราชการมาหลายปีด้วยความซื่อสัตว์ มีความรู้ความสามารถบางส่วนมาใช้ จนขึ้นตำแหน่งเสนาบดีที่มีอายุน้อยยังไม่ถึง ๔๐ ปี นิตรุธเสนาบดีนั้น ได้เป็นที่รักของเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย รวมทั้งชาวเมืองนั้น โดยไม่มีใครทราบถึงความรู้ความสามารถที่แท้จริงเลย ได้รับการไว้วางใจจากพระเจ้าปฐมธรรมราชาเป็นอย่างมาก
พระปฐมธรรมราชานั้น ไม่มีพระอนุชา แต่มีพระกนิษฐา ๓ พระองค์ คือ เจ้าหญิงปฏิพร เจ้าหญิงปวิณนา และเจ้าหญิงสิริโสภา จึงได้สอบถามพระกนิษฐา ๓ องค์ ว่าผู้ใดเต็มใจที่จะสมรสกับนิตรุธเสนาบดี

ปรากฏว่า พระกนิษฐาทั้งสาม มีความพึงใจในนิตรุธเสนาบดีทั้งสิ้น พระองค์ไม่สามารถจะยกพระกนิษฐาให้แก่เสนาบดีทั้งสามองค์ได้ เกรงจะเป็นที่ครหา จึงได้ใช้มาลัยเสี่ยงทาย โดยให้พระกนิษฐาทั้ง ๓ องค์อยู่หลังม่าน และให้นางสนองพระโอษฐ์อีก ๒ นาง ร่วมพิธีเสี่ยงทายครั้งนี้ โดยไม่ได้เห็นหน้า

ประกาศแจ้งแก่เสนาอำมาตย์ และประชาชนทั้งหลาย ในพิธีเสี่ยงทายเลือกคู่ครั้งนี้ นิตรุธเสนาบดี ได้เสี่ยงมาลัยที่เจ้าหญิงสิริโสภาโดยไม่ได้เห็นพระพักตร์ เนื่องจากเจ้าหญิงผู้นี้เป็นผู้มีบุญญาธิการมากกว่าพระองค์อื่น
เมื่อสิ้นพิธีเสี่ยงทายแล้ว พระปฐมธรรมราชาได้จัดงานอภิเษกสมรสแก่นิตรุธเสนาบดี และเจ้าหญิงสิริโสภา มีงานรื่นเริงเฉลิมฉลอง ๗ วัน ๗ คืน และได้มอบตำแหน่งพระมหาอุปราชแก่นิตรุธเสนาบดีอีกด้วย

โปรดติดตามตอนต่อไป..

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

ประวัติดวงแก้วบรมจักรภพพรหมโฆษาตอนที่ ๔

ประวัติดวงแก้วบรมจักรภพพรหมโฆษาตอนที่ ๔
​

ต่อมาพระปฐมธรรมราชานั้น ได้เกิดความเบื่อหน่ายในการครองราชย์ พระองค์ได้พระนิตรุธมหาอุปราชออกว่าราชการแทน โดยพระองค์ได้ทรงศีลในพระอุทยาน ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง จนสำเร็จฌาน ๔ ได้ทิพยจักขุญาณ ประกอบกับทรงเบื่อหน่ายการครองราชย์ ประกอบกับเมืองนี้ ประชาชนอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขไม่มีศัตรู ทรงคิดจะสละพระราชสมบัติแต่ยังห่วงพระกนิษฐาอีกสองพระองค์
​

จึงได้ประกาศพิธีเลือกคู่แก่พระกนิษฐาทั้งสอง โดยติดประกาศไปทั่วราชอาณาจักร ผู้มีสิทธิ์เป็นบุคคลธรรมดา หรือเชื้อพระวงศ์ก็ได้ แต่ต้องผ่านด่านการทดสอบความสามารถก่อน เมื่อได้ผู้ผ่านการทดสอบแล้ว พระกนิษฐาจะเป็นผู้ใช้มาลัยเสี่ยงทายอีกครั้ง
เจ้าหญิงปฏิพรทรงเสี่ยงทายได้ นันทกาลมานพ บุตรชายของเศรษฐีใหญ่ในเมืองนั้น ส่วนเจ้าหญิงปวิณนา ทรงเสี่ยงทายได้เจ้าชายบุรินทรจากเมืองลังกาจามที่พระนิตรุธมหาอุปราชจากมา เมื่อเสร็จสิ้นพิธีเสี่ยงทาย พระปฐมธรรมราชาได้จัดพิธีอภิเษกให้แก่เจ้าหญิงปฏิพรก่อน หลังจากนั้นทรงได้ดำริจะอภิเษกแก่เจ้าหญิงปวิณนาใน ๓ เดือน
พระนิตรุธมหาอุปราชนั้น นึกถึงคำทำนายของพระอาจารย์ จึงได้เดินทางไปหาบิดาของตน ณ.เมืองลังกาจาม พบว่า บ้านที่ตนอยู่ได้ถูกเป็นของภรรยาใหม่กับสามีใหม่ไปแล้ว จึงได้สอบถามคนในบ้าน ทราบว่า บิดาของตนไปเป็นขอทาน อยู่ที่ประตูเมืองที่ ๔ จึงได้ไปหานินตยะ ผู้เป็นบิดา เมื่ออดีตเศรษฐีเห็นบุตรชาย จึงร้องไห้โฮ กล่าวว่า... “
“ลูกพ่อ หากพ่อเชื่อเจ้าคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ขอลูกจงอภัยให้แก่ความโง่เขลาของพ่อด้วยเถิด”

พระนิตรุธมหาอุปราช ได้กล่าวแก่บิดาว่า....

“ข้าฯแต่บิดา ข้าฯ ลืมเรื่องราวไปหมดแล้ว บัดนี้ลูกได้อยู่ดีมีสุข ณ. เมืองสิริสุทธิปุระ มีตำแหน่งมหาอุปราช ขอท่านได้ติดตามข้าฯ ไปเมืองสิริสุทธิปุระเถิด ข้าฯจะบำรุงบิดาเอง ”

อดีตเศรษฐีจึงได้ติดตามนิรรุธมหาอุปราชอยู่ในพระราชวังนั้น เจ้าหญิงสิริโสภาได้ทำหน้าที่คอยดูแลความเป็นอยู่ของท่านนินตยะเป็นอย่างดี เนื่องจากพระราชบิดา พระมารดาได้จากไปตั้งแต่ยังเด็ก จึงบำรุงท่านนินตยะเสมือนบิดาของตน

กล่าวถึงพระดาบสทั้ง ๕ ได้ทราบว่า อีกไม่นานคำทำนายของตนจะเป็นจริง พระศีรนาท จึงได้กล่าวแก่พระดาบสทั้ง ๔ ว่า เราจะเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๓ เดือน ขอทุกท่านโปรดคุ้มภัยให้เราด้วยเถิด พระดาบสทั้ง ๔ ได้ตอบตกลง

ท่านจึงได้เข้าสมาบัติเป็นเวลา ๓ เดือน เมื่อออกจากสมาบัติแล้วจึงได้เนรมิตดวงแก้วมณีขึ้นมา ๑ ดวง และเหาะไปยังเมืองสิริสุทธิปุระ ในห้องบรรทมของพระนิตรุธมหาอุปราช พระนิตรุธนั้น ได้พบผู้เป็นอาจารย์ เกิดความปลื้มปิติใจมาก พระศีรนาทดาบสได้กล่าวว่า..

"มหาอุปราชเอ๋ย..อีกไม่นานเจ้าจะได้ครองเมืองต่อจากพระปฐมธรรมราชา ดวงแก้วมณีนั้น เราทั้ง ๕ ขอมอบให้แก่เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมือง

จงบอกแก่พระปฐมธรรมราชาว่า ให้ไปหาเราทั้ง ๕ เราจะถ่ายทอดวิชาให้แก่พระปฐมธรรมราชา จงบอกหนทางแก่ท่านนั้น

เมื่อท่านรับราชสมบัติแล้ว จงครองบ้านเมืองโดยธรรม แต่ระวังศัตรูที่เข้ามา ให้ใช้วิชาที่ครูบาอจารย์สอนให้เป็นประโยชน์"

เมื่อกล่าวจบพระศีรนาทดาบสก็เหาะหายไปในอากาศ(ยังมีต่อค่ะ...)

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านค่ะ
Numsai

 

มีแต่คนมารอลุ้นครับ

 

รอลุ้นเช่นกันค่ะ ขอเล่าเพิ่มเติมนิดนึงค่ะ...

ดวงแก้วบรมจักรภพธรรมโกษานั้น มีความเนื่องกับดวงแก้วปฐมโพธิญาณภูวนาท (คุณ mooom เป็นเจ้าของ) ดวงแก้วทั้งสองนั้น ขึ้นมาพร้อมกัน.

สำหรับดวงแก้วบรมจักรภพธรรมโกษา พระศีรนาทดาบส เป็นผู้อธิษฐานจิตเป็นพระอาจารย์ ส่วนดวงแก้วปฐมโพธิญาณภูวนาทนั้น ผู้อธิษฐานจิต คือพระปฐมดาบส หรืออดีตพระปฐมธรรมราชา ซึ่งได้ออกผนวชหลังสละราชสมบัติ

ดังนั้น ประวัติของดวงแก้วทั้งสองจะมีความเกี่ยวเนื่องกันมาค่ะ (ประวัติยาวมากกกกก)

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ

Numsai