อย่าลืมทำไปบุญในวันอัฎฐมีบูชานะ

วันอัฏฐมีบูชา ที่ชาวพุทธ ลืม และไม่รู้จัก

วันอัฏฐมีบูชา ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ นับจากวันวิสาขบูชาไป ๗ วัน

โดยถ้าปีใดมีอธิกมาส ปีนั้นเลื่อนไปเป็นวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๗



วันอัฏฐมีบูชา เป็นวันสำคัญเช่นไร?



วันอัฏฐมีบูชา เป็นวันคล้ายวันถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้า

ณ มกุฏพันธนเจดีย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ ประเทศอินเดีย

ปีนี้วันอัฏฐมีบูชา ตรงกับวันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน ๒๕๕๓ โดยเดิมนั้นวัดจะมีการเวียนเทียนในวันนี้ด้วยค่ะ แต่ในปัจจุบันนี้หลายวัด ก็เฉยๆ ในการเวียนเทียนในวันนี้แล้วค่ะ (แม้ในปฏิทิน ที่ใช้อยู่ที่บ้านก็ไม่มีเขียนแสดงวันอัฏฐมีบูชานี้ค่ะ เศร้าใจจังค่ะ)














ก้อนหินจะขอเล่าพระพุทธประวัติ ในช่วงใกล้พระปรินิพพาน

จวบจนเสด็จปรินิพพานและวันถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธองค์

๑. ก่อนพระพุทธองค์จะเสด็จปรินิพพาน

.....เมื่อเวลาปรินิพพานของพระองค์ใกล้เข้ามา

พระอานนท์ได้หลีกออกมายืนเหนี่ยวกลอนประตูพระวิหาร(สลักเพชร) ร้องไห้รำพันด้วยน้อยใจในวาสนาอาภัพของตนเอง ซึ่งแม้จะติดตามอยู่อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าเหมือนเงาตามตัว แล้วก็ยังไม่ได้บรรลุพระอรหัตเสียที กระทั่งบัดนี้ พระองค์จะเสด็จปรินิพพานแล้วก็ยังคงเหมือนเดิม และเมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้วตนเองจะอยู่กับใคร

ขณะนั้น พระพุทธเจ้าซึ่งทรงพระบรรทมอยู่ได้รับสั่งให้เรียกพระอานนท์เข้าเฝ้า ครั้นทรงทราบว่าท่านแอบไปยืนร้องไห้อยู่ที่ประตูพระวิหาร จึงรับสั่งให้นำท่านเข้ามา แล้วตรัสประทานโอวาทว่า “อานนท์ อย่าเลย เธออย่าเศร้าโศก อย่าร่ำไรไปเลย เราได้เคยบอกไว้แล้วมิใช่หรือว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงจะหาความเที่ยงแท้จากสังขารได้แต่ที่ไหน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว ล้วนต้องแปรปรวน และแตกดับทำลายสลายสิ้น เช่นเดียวกันทั้งนั้น อานนท์เธอเป็นคนมีบุญอันได้สั่งสมไว้แล้ว เธอจงหมั่นปฏิบัติบำเพ็ญเพียรเถิดไม่ช้าแล้วเธอก็จักถึงซึ่งความดับสิ้นไปแห่งอาสวะ” แล้วได้ตรัสสรรเสริญพระอานนท์ว่าเป็นยอดพุทธอุปัฏฐากเป็นพหูสูตมีสติรอบคอบ มีธิติคือความเพียรละปัญญารู้จักกาลเทศะ.

........ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสกับภิกษุ เหล่านั้นเป็นครั้งสุดท้ายว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่าสังขารทั้งหมดล้วนมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาณเถิด”

..........พระโอวาทนี้จัดว่าพระพุทธองค์ทรงรวบรวมเอาพระโอวาทที่ประทานไว้แล้วตลอด ๔๕ พรรษา นั้นมารวมลงไว้ในความไม่ประมาท.........

จากนั้น พระองค์ก็มิได้ตรัสอะไรออกมาอีกเลย พระองค์ทรงทำปรินิพพาน ด้วยพระอาการสงบไม่ไหวติง สัญญาและเวทนาของพระองค์ดับไป


๒. เสด็จปรินิพพาน ด้วยพระอาการสงบ...ด้วยสัญญาเวทยิตนิโรธ ทรงเข้าเดินฌาน..สัญญานาสัญญายตนฌาน อากิญจัญญายตนฌาน วิญญาณัญจายตนฌาน อากาสานัญจายตนฌาน จตุตถฌาน ตติยฌาน ทุตติยฌาน ปฐมฌานและทรงออกจากปฐมฌาน ทรงเข้าทุติยฌาน เข้าตติยฌาน เข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถาน แล้วเสด็จปรินิพพาน


พระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน เป็นพระพุทธปฏิมาแทนพระองค์ ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา(รูปถ่ายโดยก้อนหินค่ะ)
รวมพระชนมายุของพระองค์ได้ ๘0 ปี พอดี

๓. ถวายพระเพลิง พระบรมศพตั้ง ณ มกุฏพันธนเจดีย์ เมืองกุสินารา พระภิกษุพระพุทธสาวกทั้งหลาย กระทำการประทักษิณ เดินเวียนขวารอบพระจิตกาธาน ๓ ครั้ง แล้วเข้าสู่ทิศเบื้องพระยุคลบาท ตั้งจิตอธิษฐาน..และปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ กล่าวคือพระเพลิงพลันพวยพลุ่งโชติช่วงขึ้นเอง


เมื่อไฟมอดดับลง พระอัฐิ พระเกศา พระโลมา พระนขา พระทันตา กับผ้าอีกคู่หนึ่งยังคงเหลือเป็นปกติอยู่ มิได้ถูกไฟเผาไหม้เป็นผุยผงไปด้วย

มัลลกษัตริย์ทั้งหลาย ทรงช่วยกันเก็บพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ในหีบใบหนึ่ง อัญเชิญขึ้นหลังช้างแห่เข้าพระนคร ประดิษฐานไว้บนรัตนบัลลังก์ ภายใต้เศวตฉัตรท้องพระโรง สมโภชพระบรมสารีริกธาตุ ๗ วัน



มกุฏพันธนเจดีย์ เมืองกุสินารา สถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้า ซึ่งต่อมาได้มีการสร้างพระสถูปครอบไว้ (รูปถ่ายโดยก้อนหินเองค่ะ)



๔.พระบรมสารีริกธาตุ โทณพรหมรณ์แบ่งออกเป็น ๘ ส่วน เท่าๆ กัน และได้สร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ๘ แห่งด้วยกันคือ ที่เมืองราชคฤห์ เมืองไพศาลี เมื่อกบิลพัสดุ เมืองอัลลกัปปะ เมืองรามคาม เมืองเวฏฐทีปกะ เมืองปาวาและเมืองกุสินารา

พี่ๆ เพื่อนๆ อย่าลืมวันอัฏฐมีบูชา นะคะ


ปีนี้ วันอัฏฐมีบูชา ตรงกับวันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน ๒๕๕๓


ขอให้พากันไปเวียนเทียน ที่วัดใกล้ๆ บ้านของท่านนะคะ

ขอให้ท่านไป ....แม้ท่านจะเป็นเพียงท่านเดียว..ที่ไปวัด

แม้ท่านจะเป็นผู้เดียวที่รู้ว่าวันอัฏฐมีบูชา

มีความสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างไร

ก็ขอให้จงภูมิใจเถอะค่ะ.............

ขอธรรมะรักษาจิตท่านให้ตั้งมั่นได้นะคะ

ก้อนหินยิ้มค่ะ

ข้อมูลจาก

 

เคยไปร่วมบุญอัฐมีบูชา.ที่วัดบรมธาตุทุ่งยั้ง อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์มา ๒ ปีติดต่อกัน เขาจัดงานยิ่งใหญ่มาก จำลองวันถวายพระเพลิงพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างครบถ้วน และ จัดงานต่อเนื่องกันมา ประมาณ ๕๐ ปีเศษแล้ว ตอนไปร่วมงานปีที่แล้ว เห็นเขาประกาศว่า ในโลกนี้ ยังคงมีวัดนี้วัดเดียวที่ยังคงจัดงานทำบุญเนื่องในวันอัฐมีบูชาอยู่ เขาบอกว่าเมื่อก่อนในประเทศไทยมีจัดอยู่หลายวัด แต่แล้วก็ค่อยๆ เลิกจัดกันไป เพราะฉะนั้น ถ้าใครอยู่ใกล้ ที่สามารถจะไปร่วมบุญกับวัดบรมธาตุทุ่งยั้งได้ ก็อนุโมทนาด้วย ปีนี้ก็ว่าจะพยายามไปให้ได้เหมือนกัีน

 

สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยปาฏิหารย์แห่งเตโชกสิณ พระพุทธสรีระจึงโชติช่วงขึ้นเอง
ในพุทธกาลเคยมีพระอรหัตตสาวกองค์หนึ่ง ละสังขารกลางอากาศและไฟก็เผาสังขารท่านเอง ด้วยเหตุที่พระอรหัตตสาวกองค์นั้น เจริญเตโชกสิณอยู่เป็นนิจ...

พระบรมสารีริกธาตุ เป็นเหมือนดั่งคริสตัลใส โดยธรรมดาต้องใช้ไฟที่ร้อนเป็นหมื่นองศาจึงจะเกิดขึ้นได้ แต่ด้วยฤทธิ์แห่งอภิญญา แม้ไฟธรรมดาก็ทำให้เกิดคริสตัลใสได้ แม้พระหทัยที่ไม่สามารถเป็นคริสตัลก็กลายเป็นคริสตัลได้ แท้จริงแล้วไม่ใช่ว่าพระอัฐิกลายเป็นดั่งแก้ว แต่พระอัฐิของพระพุทธองค์เป็นแก้วใสอยู่แล้ว...

สาธุ สาธุ สาธุ

 

ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แอบแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมทางการไทยจึงไม่ให้ความสำคัญกับวันอัฎฐมีบูชาเหมือนๆ กับวันมาฆบูชา วิสาขบูชา และอาสาฬหบูชา ทั้งๆ ที่เป็นวาระสำคัญและประเทศเราก็เป็นประเทศพุทธ เลยทำให้คนไทยหลายๆ คน ไม่รู้จักวันนี้ด้วยซ้ำ วัดต่างๆ ก็หาที่จัดทำบุญกรณีรำลึกอัฎฐมีบูชาเป็นการเฉพาะแทบจะไม่มี

แต่พรุ่งนี้ก็จะไปทำบุญอยู่แล้วค่ะ เป็นการทำบุญตามปกติ

 

ลืมสนิทครับ จริงๆครับ แต่ว่าได้ทำบุญพร้อมกับภาวนาอยู่แล้วครับ แล้วก็ได้นั่งเจริญภาวนาแล้วแผ่ส่วนบุญให้สัตว์ทั้งหลายครับ