อย่าดูหมิ่นบุญน้อย เทวดา ชีวิตหลังความตาย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย alkuwaiti, 21 ธันวาคม 2014.

  1. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    จั่วหัวกระทู้มาแบบงงๆ แต่แน่นอนว่าผมยังเอาสาระในชีวิตจริงมาฝากอีกเช่นเคย บางท่านอาจสังเกตุว่ากระทู้ที่ผมสร้างขึ้นมาหายไปไหน ผมลบไปเองแหละครับ เนื่องด้วยเหตุผลหลายอย่าง กระทู้นี้อาจยาวสักหน่อย แต่เนื้อหาไม่ซีเรียส อ่านเพลินๆได้

    ในกระทู้นี้ผมจะพูดถึงการทำบุญทำทานกับสัตว์เดรัจฉาน หรือคนธรรมดา ว่ามันมีข้อดีอย่างไร บทบาทของเทวดากับตัวเรา ชีวิตหลังความตาย และอีกเช่นเคยผมหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย

    - แน่นอนว่าท่านผู้อ่านหลายๆท่านย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าการทำทานกับสัตว์เดรัจฉานหรือคนธรรมดา ย่อมได้บุญน้อย ได้อานิสงส์ไม่แรง แต่บุญแบบนี้มีดีตรงที่การให้ซึ่งก็คือการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้แก่ผู้ล่วงลับนั่นเอง ผู้ที่ล่วงลับไปนั้นไม่ว่าจะเป็น สามี ภรรยา พี่น้อง เพื่อน ครูอาจารย์ พ่อแม่ เพื่อนบ้าน ลูก ของเรา เขาจะสามารถรับบุญแบบนี้ได้ง่ายกว่าบุญแรงๆ เช่น การทำทานพวกวิหารทาน ธรรมทาน การถือศีล การภาวนา

    - ซึ่งผู้ที่ล่วงลับไปแล้วหากเขาทำกรรมไม่ดีหรือทำกรรมหนักเอาไว้ เขาย่อมได้รับบุญยากตามไปด้วย และถ้ารับได้ก็จะรับได้น้อย ดุจมีขันใบเล็กๆเพื่อรองรับน้ำมาดื่ม ถ้าเราอุทิศพวกบุญแรงๆดุจน้ำจากโอ่งใบใหญ่ไปให้เขาก็จะได้รับไม่เต็มที่ เหมือนเวลาเรากินข้าวถ้าตักคำใหญ่เกินไปเราย่อมกินได้ไม่สะดวก หรือกินไม่ได้เลย จึงต้องตักให้พอดีคำหรือคำเล็ก ถึงจะกินได้สะดวก

    - ดังนั้นบุญไม่แรงที่เกิดจากการทำทานกับสัตว์เดรัจฉานหรือคนธรรมดาเหล่านี้แหละครับที่พวกเขาจะสามารถรับได้อย่างง่ายดาย สามารถช่วยผู้ที่ล่วงลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อพวกเขามีบุญมากพอก็จะสามารถรับอนุโมทนาบุญใหญ่ๆได้ตามลำดับ ดังนั้นเราจึงมิควรดูหมิ่นบุญน้อยเหล่านี้และหาโอกาสทำอยู่เนืองๆ

    ** ต่อมาเป็นเรื่องของเทวดา ผมกำลังจะบอกว่าคนเราเกิดมาสักครั้งในชีวิตเราควรอุทิศบุญกุศลให้แก่เทวดาด้วย เช่น เทวดาประจำตัว เทวดาประจำบ้านเรือน เทวดาประจำต้นไม้ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ฯลฯ เพราะชีวิตหลังความตายที่ว่ากันว่าเป็นช่วง 49 วันหรือ 7 สัปดาห์นั้นจะมีเทวดามาข้องเกี่ยวกับเราด้วย ซึ่งพวกท่านอาจจะช่วยหรือไม่ช่วยเราในการฝ่าด่านอุปสรรคทั้ง 7 สัปดาห์ ผมคิดว่าเราจึงควรอุทิศบุญกุศลให้แก่เทวดาด้วย(แต่พวกเทวดามักจะรับบุญแรงๆได้สบาย)

    - ซึ่งเรื่องนี้ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะใช่หรือเปล่าเพราะเรื่องของดวงจิตสุดท้ายก่อนตายก็ถือว่าใช่ แต่เรื่องยมบาลผมเองก็เคยคิดว่ามีจริงหรือเปล่า จนกระทั่งยายของผมได้เสียชีวิตลงเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา แล้วลูกหลานก็ได้ฝันถึงท่านแต่ตัวผมไม่ได้ฝันถึงยาย เค้าก็เอาความฝันมาเล่าบอกกันอีกที ซึ่งเนื้อความที่ผมสนใจก็คือยายบอกว่าถึงเวลาต้องไปแล้วเพราะเค้ามารอรับ ไอ้ตรงเค้านี่แหละมันคือใคร ผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกยมฑูตหรือยมบาล เพราะถ้าเป็นเรื่องของดวงจิตสุดท้ายอย่างเดียว ป่านนี้ยายผมคงมาสั่งเสีย มาเข้าฝัน มาบอกลาไม่ได้หรอก ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าชีวิตหลังความตายมันมี 2 แบบ คือเรื่อง 49 วัน และ เรื่องดวงจิตสุดท้าย ซึ่งแต่ละคนจะเจอในแบบใดแบบหนึ่ง ขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำ ลักษณะการตาย และการฝึกจิตตอนมีชีวิตด้วย

    - อีกเคสนึงคือเพื่อนผู้ชายร่วมชั้นเรียนเดียวกันกับผมสมัยมัธยมปลาย เค้ามาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ที่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ (ตายตอนอายุ 25) แล้วนำศพกลับมาทำพิธีที่วัดใน อ.เมือง เหตุการณ์ผ่านมา 6-7 ปี แล้ว แต่ผมยังจำได้เพราะคนที่อยู่เฝ้าศพตลอดคืนซึ่งเป็นพวกญาติของเค้าได้ฝันเห็นเค้า(รู้สึกว่าจะเฝ้ากันอยู่ 2-3 คน) เค้ามาถามว่าคนอื่นๆหายไปไหนกันหมด ทำไมเค้ามาแล้วไม่เจอใคร เหมือนกับว่าเค้ายังไม่รู้ตัวว่าตัวเองตายไปแล้ว เข้าใจว่าตัวเองนัดเพื่อนร่วมชั้นเรียนมาทำกิจกรรมอะไรกันที่วัด จากทั้ง 2 เหตุการณ์นี้แหละจึงทำให้ผมเชื่อมั่นเกิน 100% เลยว่ายมฑูต ยมบาล น่าจะมีจริง เวลา 49 วันหลังความตายก็น่าจะมีจริง ไม่ใช่เรื่องของดวงจิตสุดท้ายอย่างเดียว

    - และข้อมูลอีกเรื่องก็คือการทำบุญ 7 49 100 วัน ที่เราทำให้ผู้ตายกันอยู่ทุกวันนี้ ก็พอจะเป็นเครื่องบ่งชี้ได้อีกว่าชีวิตหลังความตาย 49 วันก็น่าจะมีจริงด้วย

    - ที่หลายๆคนมักพูดว่าเจ้าคนนี้ตายแล้วทำไมถึงไม่ยอมไปผุดไปเกิดสักที มาคอยหลอกหลอน คอยรังแก ผู้อื่นอยู่ได้ ความจริงนั้นคือเขาเกิดแล้วนะครับ แต่เกิดเป็นพวกอสุรกายมีภพภูมิอยู่ในโลกมนุษย์เหมือนสัตว์เดรัจฉาน เพียงแต่เป็นคนละมิติจึงมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ เพราะเรามักคิดว่าตายแล้วไปเกิดคือไปไกลๆ แต่แท้จริงแล้วจะเกิดเป็นอสุรกายอยู่แถวๆบ้านตัวเองก็ได้ เหมือนพวกที่ตายเพราะอุบัติเหตุแล้วพอมีคนขับผ่านก็มักบอกว่าเห็นผู้ตายมาปรากฎตัวให้เห็น ทำไมไม่ยอมไปผุดไปเกิด นั่นแหละคือเขาเกิดแล้วแต่เป็นอสุรกายประจำอยู่ตรงนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...