อยากได้ต้องให้ก่อน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย rinnn, 9 พฤษภาคม 2006.

  1. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    อยากได้ต้องให้ก่อน


    .....ชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยการลงทุน อยากได้ผลกำไรจากการค้าขายมากๆ เราต้องรู้จักให้เสียก่อน ให้บริการอย่างประทับใจ ให้คุณภาพของสินค้าของเราอยู่ในระดับมาตราฐาน หรือแม้แต่ให้รอยยิ้มเพื่อเป็นการเชื้อเชิญให้ลูกค้ามารับข้อเสนอดีๆ ที่เราจะมอบให้แก่เขา ลำพังการตั้งหน้าตั้งตาที่จะค้าขายแต่ฝ่ายเดียว ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ทั้งคุณภาพและบริการทำแบบส่งๆ ไป รอยยิ้มที่สดใสก็ถูกแทนที่ด้วยความเฉยเมยแล้วเราจะได้ลูกค้ามาจากไหนมาช่วยซื้อข้าวของให้เราได้กำไรมากๆ ทำหน้าเฉยหน้าบึ้ง อย่าว่าแต่กำไรเลยครับ เงินทุนและเรี่ยวแรงรวมทั้งกำลังใจอาจหดหายไปด้วยก็ได้


    .....สมัยผมเรียนหนังสืออยู่นั้นเคยนึกสงสัยว่าทำไมนักศึกษาด้วยกันจึงต้องไหว้กัน และการไหว้กันนี่แหละเป็นจุดแรกที่ทำให้ผมค้นเรื่องราวบางอย่างได้ว่าการไหว้เขาก่อน เราจะได้รับการไหว้กลับมา เรายิ้มให้ใครก่อนรอยยิ้มที่สดใสกว่าหรืออาจจะเท่าๆ กันนั้นก็จะสะท้อนกลับมาหาเราหากเราให้ความไว้วางใจในเรื่องการอยู่ร่วมกันกับใครๆ ผมเชื่อว่าเราก็จะได้รับความไว้วางใจจากเขาเหล่านั้นเหมือนกัน


    .....การให้ในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า ทานซึ่งหมายถึง การสละสิ่งของของตนเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วยความเต็มใจ และประเภทของการให้นั้นเราสามารถแบ่งออกเป็น อามิสทาน ธรรมทาน และอภัยทาน การสละทรัพย์สิ่งของที่เป็นวัตถุเพื่อการบริโภคและอุปโภคของพระภิกษุเป็นทานประเภทแรก ส่วนการสั่งสอนให้วิชาความรู้ ทั้งทางโลกและทางธรรมเขาเรียกว่าให้ธรรมทานหรือวิทยาทาน และถ้าหากต้องการสละอารมณ์โกรธ ให้อภัย ไม่จองเวรกัน เราเรียกว่า อภัยทาน การให้ทั้งหมดนี้ยิ่งให้ก็จะยิ่งได้ครับอย่างน้อยก็สบายใจ


    .....ความสบายใจเป็นสิ่งแรกที่มนุษย์เราแสวงหาและต้องการมากที่สุด เมื่อเราทำบุญให้ทานถวายข้าวของเครื่องใช้หรือการทำบุญใส่บาตร สิ่งที่เราได้คือความสบายใจ เป็นความสบายใจที่ได้มาจากการให้ แม้การสละอารมณ์โกรธด้วยการให้อภัยก็เป็นการให้ที่ไม่ต้องเสียอะไรเลย เพียงแต่เริ่มฝึกใจเป็นผู้ให้ก็เท่านั้น แรกๆ อาจดูว่าทำยากแต่หากทำได้ สิ่งที่ตอบแทนกลับคืนมา คือ เพื่อน คือความเข้าใจ คือสิ่งดีงามอีกหลายอย่างที่จะสะท้อนมาสู่เรา


    .....เคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่าทำไมคนนั้นเขาจึงไม่ให้เกียรติฉันบ้าง อยากให้ลองสังเกตตัวเองก่อนครับว่าเราให้เกียรติให้ความไว้วางใจแก่เขาหรือยัง ถ้าให้แล้วผมเชื่อว่าคุณก็จะได้เหมือนกัน อย่างที่เขาว่า อย่าหวังเกียรติจากใครหากเรายังไม่ได้เริ่มให้เขาก่อน คุณเห็นด้วยกับที่เขาว่าไหมครับ!!!


    จีระ ศุภวัฒน์
     
  2. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +2,269
    จาคะ = ใจ สละออก

    สามารถทำให้สำเร็จผล<O:p</O:p
    ตั้งแต่ ทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนา จนถึง นิพพาน

    </O:p
    ทาน = สละ โลภะ (หยาบ)
    <O:pอภัยทาน = สละ โทสะ

    <O:pศีล = สละ ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ (ปานกลาง)

    <O:pสมาธิ = สละ นิวรณ์ (ละเอียด)

    <O:pวิปัสสนา = สละ สังโยชน์ (ละเอียดมาก)

    <O:pนิพพาน = สละ ขันธ์5, กิเลส, นิวรณ์ และ สังโยชน์ ทั้งปวง (ละเอียดที่สุด)

    <O:pฝึก สละ ไปเรื่อยๆ เริ่มจาก ทาน ก่อน ก็จะไปถึง นิพพาน ในที่สุด
     

แชร์หน้านี้

Loading...