อยากทราบว่ากรรมฐานแบบใหนระงับความโกรธได้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย องคุลิมาล, 25 กันยายน 2010.

  1. องคุลิมาล

    องคุลิมาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +102
    ขอถามท่านผู้รู้หน่อยครับ มีวิธีระงับความโกรธให้เบาบางลงใหมครับ
     
  2. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    ใช้พรมวิหาร4ก็สุดยอดแล้วครับ

    เมตรตา กรุณา มุทิตา อุเบคขา
     
  3. ariyabut

    ariyabut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +2,415
    โทสะจริต

    <O:p
    ผู้มีอารมณ์มักโกรธ เป็นคนขี้โมโหโทโส จะเป็นคนที่แก่เร็ว ทำงานหยาบ แต่งตัวไม่พิถีพิถัน เป็นคนใจเร็ว
    <O:p
    กรรมฐานที่เหมาะกับจริตนี้คือ วรรณะกสิน และ พรหมวิหาร ๔

    นีลกสิน เพ่งสีเขียว
    ปีตกสิน เพ่งสีเหลือง
    โลหิตกสิณ เพ่งสีแดง
    โอฑาตกสิณ เพ่งสีขาว

    เมตตา คุมอารมณ์ไว้ตลอดวัน ให้มีความรัก อันเนื่องด้วยความปรารถนาดี ไม่มีอารมณ์เนื่องด้วยกามารมณ์ เมตตาสงเคราะห์ผู้อื่นให้พ้นทุกข์
    กรุณา ความสงสารปรานี มีประสงค์จะสงเคราะห์แก่ทั้งคนและสัตว์
    มุทิตา มีจิตชื่นบาน พลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี ไม่มีจิตริษยาเจือปน
    อุเบกขา มีอารมณ์เป็นกลางวางเฉย<O:p
     
  4. องคุลิมาล

    องคุลิมาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +102
    ทุกวันนี้เพ่งพระพุทธรูป พุทธานุสติ กับ อานาปานุสติ ใช่ได้ใหมครับ
     
  5. ariyabut

    ariyabut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +2,415
    นี่พูดเรื่องโกรธ นะ .. ถ้าใช้กำลังสมาธิเพื่อ ระงับความโกรธ ได้ครับ แต่ได้ก็เพียงชั่วคราว
    เหมือนเราเอาก้อนหิน วางทับหญ้าไว้ หญ้าก็ไม่สามารถงอกได้ ใช่ไหม ?
    แต่เมื่อไร เราเอาก้อนหินออก หญ้าก็สามารถ งอกงามได้ .. ยังไม่ประหานกิเลส นะ
     
  6. Budratsa

    Budratsa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2009
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +607
    ลองใช้วิธีนี้ดูน่ะค่ะ พอดีได้ฟังเทปธรรมะ "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"เป็นธรรมนิยายอิงชีวประวัติ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ค่ะ

    การปฏิบัติเพื่อระงับความโกรธ
    1). ให้ระลึกถึงโทษของความโกรธ ว่าความโกรธนั้นให้โทษประการต่าง ๆ หาคุณมิได้เลย ผู้ไม่โกรธตอบผู้โกรธตนก่อน ผู้นั้นได้ชื่อว่า ชนะสงครามที่ชนะได้ยาก
    2). ให้ระลึกถึงความดีของเขา เพราะแต่ละคนย่อมมีทั้งความดีและความไม่ดีอยู่ในตัว ถ้าหาความดีไม่ได้จริง ๆ ก็ให้นึกสงสารเขาว่าต่อไปจะต้องประสบผลร้าย จากการประพฤติไม่ดีอย่างนี้
    3). ให้คิดถึงความจริงที่ว่า การโกรธคือการทำให้ตัวเองทุกข์ คนที่โกรธแล้วเป็นสุขไม่มีในโลก
    4). ให้พิจารณาว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน กรรมที่เกิดจากความโกรธ จะทำให้ตัวเองตกต่ำลงไปอีก
    5). ให้พิจารณาพระจริยาวัตรในปางก่อนของพระศาสดาว่า พระพุทธเจ้าของเรานั้น กว่าจะตรัสรู้ ก็ได้ทรงบำเพ็ญบารมีทั้งหลายตลอดเวลายาวนาน ได้ทรงบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่น โดยยอมเสียสละแม้แต่พระชนม์ชีพของพระองค์เอง เมื่อทรงถูกข่มเหงกลั่นแกล้ง เบียดเบียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ก็ไม่ทรงแค้นเคือง ทรงเอาดีเข้าตอบ ถึงแม้เขาจะตั้งตัวเป็นศัตรู แม้แต่มีคนคิดปลงพระชนม์ พระองค์ก็ไม่ทรงโกรธ แค้น เคือง
    6). ให้พิจารณาถึงความที่เคยเกี่ยวข้องกันในวัฏสงสาร ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ผู้ไม่เคยเป็นมารดา ไม่เคยเป็นบิดา ไม่เคยเป็นพี่ชายน้องชาย พี่หญิงน้องหญิง ไม่เคยเป็นบุตรเป็นธิดาของเรา มิใช่หาได้ง่าย หมายความว่ามนุษย์ทุกคนต้องเคยเกี่ยวข้องกันมาในอดีตชาติ
    7). พิจารณาอานิสงส์ของเมตตา ความโกรธมีโทษก่อผลร้ายมากมายฉันใด เมตตาก็มีคุณก่อให้เกิดผลดีมากฉันนั้น ผู้มีเมตตาย่อมสามารถเอาชนะใจคนอื่น ซึ่งเป็นชัยชนะที่เด็ดขาด ไม่กลับแพ้ ผู้ตั้งอยู่ในเมตตาชื่อว่าทำประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น

    พระพุทธองค์ทรงแสดงอานิสงส์ ของเมตตาไว้ 11 ประการ
    1.หลับเป็นสุข
    2.ตื่นเป็นสุข
    3.ไม่ฝันร้าย
    4.เป็นที่รักของมนุษย์ทั่วไป
    5.เป็นที่รักของอมนุษย์ทั่วไป
    6.เทวดารักษาคุ้มครอง
    7.ไฟ ศาสตรา ยาพิษ ไม่แผ้วพาน
    8.จิตเป็นสมาธิเร็ว
    9.หน้าตาผิวพรรณจะผ่องใส
    10.ไม่หลงเวลาตาย
    11.เมื่อไม่อาจบรรลุธรรมชั้นสูง ย่อมเข้าถึงพรหมโลกเป็นอย่างต่ำ

    8). พิจารณาโดยวิธีแยกธาตุ ว่าทุก ๆ สิ่งในโลกประกอบด้วยธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
    9). พิจารณาทำทานสังวิภาค การทำทานสังวิภาคคือการให้ของของตนแก่ศัตรูและรับของของเขามาเพื่อตน แต่ถ้าของของเขาไม่บริสุทธิ์ ก็พึงให้แต่ของของตนฝ่ายเดียว ไม่รับของเขา เมื่อทำดังนี้ ความอาฆาตในบุคคลนั้นก็จะระงับไป

    ที่มา: VCD "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" ตอนที่ 21
     
  7. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
  8. kontatip

    kontatip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +112
    ผมว่านะเอาง่ายๆตามธรรมชาตินี่หล่ะโกรธ ก็ให้หยุดนิ่งสักพัก

    โกรธอีกก็หยุดอีก เมื่อทำแล้วก็ทบทวนว่าอารมเป็นอย่างไร

    เพราะผมใช้วิธีนี้ผมเองโกรธบ่อยมากเมื่อก่อนนี้นะครับ
     
  9. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    .........สติ...........

    ขาดสติทุกอย่างพังหมด
     
  10. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ทำจิตให้มีกำลัง..ด้วยการใช้กายลงทุน ความอดทนจะเกิดจากจิตมีกำลัง ความหงุดหงิดโกรธเกิดจากจิตไม่ยอมทนต่อสิ่งที่เข้ามากระทบ ทางกาย ทางใจ ..
    จึงต้องทำให้จิตมีกำลังท่านต้องฝึก ทรมานกาย..อดนอน อดอาหาร ไม่นอนห้องแอร์ กินบ้างไม่กินบ้าง ทนให้ได้ทุกสภาวะความเป็นอยู่..ร้อน หนาว ขรุขะ ก็นอนได้ กินง่ายนอนง่ายไม่รบกวนใครให้ลำบาก ..
    คนที่ผ่านเรื่องเหล่านี้มาแล้ว เขาจะอดทนต่อการกระทบได้..เพราะเขาผ่านมาแล้วและต้องต่อเนื่อง กำลังจิตจึงจะคงทนส่งผลให้เรา "อดทน" ได้ดี ครั้งหนึ่งผมเคยทำได้ แต่ปัจจุบันได้บ้างไม่ได้บ้างครับ.! ..อย่ามองเป็นเรื่องทรมานกายสุดโต่ง ความโง่นั้นบางครั้งก็เป็นสะพานให้เราข้ามไปสู่ความจริงได้นะครับ สาธุไม่ลองจะรู้รึครับ
     
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เห็นด้วยกับท่านนี้ครับ.....ในตำราหลายเล่มก็กล่าวไว้เช่นนี้...
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    กำหนดพระพุทธรูป เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน....

    กำหนดลมหายใจเป็น อานาปานุสสติกรรมฐาน....

    ถ้าจะใช้มันใช้ได้หมด....สำคัญที่ว่าเราจะเอามาใช้ได้จริงไม...เท่านั้น.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2010
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ต้องดูแหล่งที่มา หรือ แหล่งที่ทำให้เราโกรธ ว่า มาจากธรรมภายนอก
    หรือว่า ธรรมภายใน

    หากมาจาก ธรรมภายนอก คือ มาจากบุคคลอื่น สัตว์อื่น สิ่งของอื่นใด
    อันนี้ ให้คุณฝึกมองหา ส่วนดี ให้เจอ หาส่วนดีเขาได้ ส่วนดีของสิ่งไรๆ
    ที่มากระทบได้ ก็จะผ่อนได้ เรียกตามสมัยนิยมคือ ฝึกมองโลกแง่ดี เรียก
    อุปนิสัยคนที่มองโลกในแง่ดีได้เนืองๆว่า "อธิวาสนขันติ"

    กรณีที มาจากธรรมภายใน คือ ผุดมาจากจิตส่วนลึกของเราเอง เรียก
    ตามความเคยตัวว่า อนุสัย เรียกตามความเผลอชั่วครั้งชั่วคราวว่า กิเลส
    เรียกตามความเคยชินว่า อาสวะ สันดาน อันนี้ ต้องมองให้ออกว่ามัน
    คือ กองกิเลส เสร็จแล้วเราก็ต้องเผากิเลสนั้น ซึ่งตรงนี้ก็คือ มีตบะ
    ซึ่งก็แค่มองให้ออกว่ากิเลสมันเป็นของไม่ดีเราก็เพียรเผามันให้ร้อนอย่าไปจับ

    สรุปแล้ว

    หากโกรธเกิดจากธรรมภายนอก ให้ใช้ ขันติ ใช้ปัญญาผ่อนคลายให้เบาบางจนล่วงพ้น

    หากโกรธเกิดจากธรรมภายใน ให้ใช้ ตบะ ใช้สมาธิข่มไว้ให้นอนก้น
     
  14. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    โอ้โฮ...หนอนตำรามาและ ทำได้บ้างไหมหือเอกวีร์..! เมื่อวานเห็นด่าจินนี่อยู่จนหนีไปเกิดแทบไม่ทัน ถึงไปเกิดทันก็เป็นออทิสติคแน่ๆ ตอนเอกวีร์ด่าก็เห็นกอดตำราเล่มนี้และใช่ไหม...ชิมิ ชิมิ?:':)':)'(
     
  15. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    คนที่อยู่ในช่วงภาวนา หรือไม่อยู่ในช่วงภาวนาดูออกง่ายนิดเดียว
    (ในเวบบอร์ด รู้ในระหว่างสนทนา)

    หากอยู่ในช่วงภาวนา จิตเค้าจะมีกำลังไปในสิ่งที่ดี
    อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ที่มากระทบ มันจะทวนกระแสเข้ามาภายใน
    ก็จะอยู่ในขอบข่ายของการแสดงออก
    ทั้งทางกาย วาจา หรือใจ

    ตรงกันข้ามกับจิตของผู้ไม่อยู่ในช่วงภาวนา หรือขาดการภาวนาไม่ตั้งรากฐานของจิต
    หย่อนในข้อวัตรปฏิบัติที่เคยทำมา อารมณ์ความคิดความรู้สึกต่างๆ
    ที่มากระทบก็จะคล้อยไปตามกระแส การแสดงออกต่างๆ ก็จะตรงกันข้าม
    เพราะขาดกำลังคือ สติ

    ธรรมดาของจิตมักไหลจะสู่ที่ต่ำฝ่ายเลวทราม
    ไปในอารมณ์หยาบ ตรงนี้ถ้าขาดภาวนาแม้อารมณ์ความรู้สึกหยาบๆ ที่แสดงตัวตนออกมา
    พาให้คล้อยตามลงสู่กระแสฝ่ายต่ำก็จะไม่สามารถรับรู้เท่าทัน และไม่เห็นโทษที่จะตามมา
    คือไม่มีสติเป็นตัวขวางกั้น
    แล้วจะไปจับอย่างไรได้ ถึงสังขารความคิดตัวอันละเอียด

    สติ ก็เหมือนกับเกาะโล่กำบัง สิ่งที่กระทบเข้ามา มือหนึ่งที่ถือไว้
    อีกมือหนึ่งถือหอกดาบคอยฟาดฟัน สิ่งที่อัดอั้นลุกโชนพร้อมทำลาย

    ดังนั้นเบื้องต้นของผู้ฝึกภาวนา ต้องทำให้เป็นข้อปฏิบัติให้เป็นกิจวัตรประจำวัน
    ทำให้ต่อเนื่อง ฝึกจิตให้มีกำลัง โดยความพากเพียร
    พร้อมทั้งพิจารณาเห็นโทษในสิ่งต่างๆ และเห็นคุณไปในตัวในสิ่งตรงกันข้าม

    ไม่ต้องไปท่องหรอก เมตตา กรุณา อะไรนั่น มันจะเกิดขึ้นในใจของผู้ภาวนาเอง

    แต่ระวังให้ดีมานะตัวตนสูง
     
  16. องคุลิมาล

    องคุลิมาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +102
    ผมคิดว่ามีอุบายแก้ความโกรธแบบว่าเวลาเราจะโกรธใครเรานึกถึงอุบายนั้น
    ความโกรธก้อน้อยลงหรือไม่โกรธมาก หรืออย่างเรื่องอารมณ์ทางเพศ
    เวลาผมเห็นผู้หญิงสวยหรือแต่งตัวโป๊ มีความต้องการทางเพศ ผมก้อนึกถึง
    อสุภะกรรมฐาน ความต้องการก้อหายไป มาช่วงหลังผมไม่ปล่อยให้มีความ
    ต้องการแล้วค่อยตัด คือเห็นผู้หญิง ผมก้อนึกถึงอสุภะทันทีอารมณ์ก้อไม่เกิด
    แต่ว่าความโกรธนี้เราจะนึกถึงอะไร หรือว่าเราต้องเจริญพรหมวิหารสี่ตลอดเวลา ที่ตอบมาผมก้อไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร เดี่ยวผมจะทบทวนอ่านดูหลายๆรอบ
    นะครับ ขอบคุณทุกท่านมากนะครับที่แนะนํา อนุโมทนาครับ
     
  17. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    สาธุ.อนุโมทนาบุญกับK.องคุลิมาลด้วยค่ะ สติปฏิปัฏฐานสี่คือกรรมฐานที่แนะนำค่ะ ถ้าไปลองปฏิบัติความโกรธก็จะค่อย ๆ หายไป ถ้าตั้งใจปฏิบัติไปเรื่อย ๆ สติมาปัญญาเกิด รัก โลภ โกรธ หลง ลดน้อยถอยลงแน่ เหมือนเราเจริญพรหมวิหารสี่ไปในตัว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเราด้วยว่าจะปฏิบัติได้แค่ไหน
    ปล.สามารถไปดูแนวการปฏิบัติที่เวปพระเดชพระคุณเจ้าหลวงพ่อจรัล ฐิตธัมโม ได้ค่ะมีหลายที่ที่สอนแนวนี่ค่ะ ถ้าอยู่ในกทม.ก็มีลองหาดูน่ะค่ะอนุโมทนาค่ะ
     
  18. โลกุตตระ

    โลกุตตระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    448
    ค่าพลัง:
    +2,624
    ฝึกให้มีสติระลึกรู้(สติที่แท้จริง) เมื่อมีกิเลส หรือสภาวะต่างๆ

    ไม่ว่า โลภ โกรธ หลง ก็ให้มีสติ ตามรู้สภาวะเหล่านั้น

    อย่าให้หลงไปกับสภาวะ เช่น ถ้าโกรธ เราไม่ต้องไปดู

    ผู้ที่ทำให้โกรธ หรือสิ่งทีทำให้โกรธ แต่จงดูความโกรธ

    ที่ผุดขึ้นมา และตามดูไปเรื่อยๆ เราจะเห็นว่าความโกรธ

    นั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็จะค่อยๆดับไป ตั้งอยู่ไม่ได้นาน

    สภาวะอื่น ก็เช่นเดียวกัน ฝึกให้มีสติระลึกรู้ บ่อย ๆ

    เมื่อชำนาญเข้า ความโกรธผุดขึ้นมา สติระลึกรู้

    ความโกรธ จะหายไปทันที ใจจะโปร่งโล่งเบา

    ลองทำดูนะครับ..


    อนุโมทนาครับ
     
  19. P_first

    P_first สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +8
    ขออนุญาติแนะนำ สติปฏิปัฏฐานสี่ ครับ ความโกรธเกิดขึ้นที่ใหน ทำไมถึงต้องโกรธ โกรธแล้วได้อะไร ให้อภัยได้ไหม ความโกรธให้ผลอย่างไรดีหรือไม่ ผลแห่งความโกรธส่งผลกับใครมากที่สุด "พิจารณาให้เห็นเถิดแล้วจะเกิดปัญญาดับมันเอง"
     
  20. P_first

    P_first สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +8
    ทุกสิ่งมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ฉันใด ความโกรธ ก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปฉันนั้น ใช้สติพิจารณาแล้วจะเห็นถึงอารมณ์ และก็จะดับได้เอง ลองดูนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...