อยากถามเรื่องศีล 8 ครับ

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย Oaknoy, 29 ธันวาคม 2008.

  1. Oaknoy

    Oaknoy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    ข้อที่7ที่ว่าห้ามดูการฟ้อนรำและดนตรี หมายถึงห้ามดูหนังในสมัยนี้ ห้ามเล่นเกม และห้าม ฟังเพลงด้วยหรือเปล่าครับ คือห้ามดูห้ามฟังอะไรบ้างครับ
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    [SIZE=+0]ศีลข้อ ๗ แบ่งเป็น ๒ ตอน แต่ละตอนมีองค์โดยเฉพาะ ถ้ากระทำผิดศีลตอนใดตอนหนึ่งเพียงตอนเดียว ก็ถือว่าขาดหมดทั้งสองตอน[/SIZE]​
    [SIZE=+0]ศีลข้อ ๗ ตอนแรก นัจจคีตวาทิตวิสูกทัสสนะ เว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี และดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อกุศล มีองค์ ๓ คือ</B> [/SIZE]
    [SIZE=+0]๑. นจฺจาทีนิ การเล่นมีฟ้อนรำขับร้อง เป็นต้น [/SIZE]
    [SIZE=+0]๒. ทสฺสนตฺถาย คมนํ ไปเพื่อจะดูหรือฟัง [/SIZE]
    [SIZE=+0]๓. ทสฺสนํ ดูหรือฟัง[/SIZE]
    [SIZE=+0]ศีลตอนแรกนี้ท่านห้ามทั้งเล่นเอง หรือใช้ให้ผู้อื่นเล่นแล้วตนดูหรือฟัง ผู้รักษาอุโบสถศีลแล้วยังเปิดวิทยุฟังเพลง ฟังลิเก หรือมหรสพต่างๆ หรือเปิดโทรทัศน์แล้วหลบไปนั่งในที่ๆ มองไม่เห็นภาพ อาศัยฟังแต่เสียงการละเล่นต่างๆ มีละคร เป็นต้นจากโทรทัศน์นั้น ย่อมไม่สมควรถือว่าผิดศีลข้อนี้ เพราะมีเจตนาชัดแจ้ง[/SIZE]​
    [SIZE=+0]หากมีผู้อื่นเขาเปิดดูหรือฟังอยู่ ผู้รักษาอุโบสถศีลเพียงแต่ผ่านไป ได้เห็นหรือได้ยินเข้า แล้วก็ผ่านเลยไปอย่างนี้ไม่ผิดแต่ไม่ใช่ว่าไม่ได้มีเจตนาจะดูหรือฟังมาก่อน แต่ผ่านไปเห็นหรือได้ยินเข้า แล้วเลยพลอยร่วมวงดูหรือฟังกับเขาด้วย อย่างนี้ก็ผิด[/SIZE]​
    [SIZE=+0]ปกติเราก็ดูก็ฟังกันอยู่ทุกวันทุกคืน เราจะหยุดดูหยุดฟังกันสักวันหนึ่ง คืนหนึ่ง ตามอย่างพระอรหันต์ ท่านมิได้เทียวหรือ[/SIZE]​
    [SIZE=+0]ก็ในวินัยของพระอริยเจ้านั้น การขับร้อง คือการร้องไห้ การฟ้อนรำ คือความเป็นบ้า การหัวเราะจนเห็นฟันพร่ำเพรื่อ คือความเป็นเด็ก[/SIZE]​
     
  3. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    โมทนากับเฮียปอด้วยครับ

    แต่ถ้าดูแล้วปลงอย่าง พระโมคลากับพระสารีบุตร ก่อนจะได้พบพระพุทธเจ้าน่ะ ก็ดูได้ครับ
    เพราะดูแล้วเห็นความไม่เที่ยงไร้สาระ เป็นความมัวเมา เป็นสิ่งที่ยังทำให้ไม่พ้นทุกข์
    ทั้งคนดู คนเล่น ไม่ช้าก็ตายหมด ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย อย่างนี้เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 ธันวาคม 2008
  4. Oaknoy

    Oaknoy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอถามอีกหน่อยครับแล้ว ข้อ3ที่ว่าห้ามประพฤติในกามปกติแล้วศีล5ถ้าเป็นสามีภรรยากันไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นศีล8ห้ามเสพกามด้วยแม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถ้าเป็นพระจะมีข้อที่ว่าห้ามทำน้ำกามให้เคลื่อนที่เพิ่มมาอีก แล้วศีล8ห้ามด้วยหรือเปล่า ถ้าห้ามด้วยหากรักษาศีล8ตลอดชีวิตก็ถือว่าขาดเลยหรือครับ ต้องสมาทานใหม่เลย
    <TABLE class=tborder id=post1766482 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_1766482 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">อีกข้อคือ ข้อ 6ถ้าก่อนเที่ยงถ้าเราจงใจกินอาหารที่ถูกปาก จะกลายเป็นว่าทำสิ่งที่บันเทิงใจด้วยหรือเปล่า แบบนี้ห้ามด้วยหรือเปล่าครับต้องสมาทานใหม่ หรือว่าจะกินอะไรก็ได้แต่ถ้าเกินเที่ยงห้ามกิน
    ขอบคุณมากๆครับ
    <!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("1766482")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls -->[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post 1766482 popup menu -->
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>Oaknoy</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ดูรายละเอียดของ</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณ Oaknoy</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ Oaknoy</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>Add Oaknoy to Your Contacts</TD></TR><!--############# AWCoding Back-End created by AWNetwork, Inc. ######################################## Version 3.0.8 ##############################--><TR><TD class=vbmenu_option>Oaknoy Donation Stats</TD></TR><!--######################## Statsuser Popup Template ######################################## Copyright 2008 all rights reserved ##################--><TR><TD class=vbmenu_option>View Oaknoy's Videos </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- / post 1766482 popup menu -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2008
  5. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ขอถามอีกหน่อยครับแล้ว ข้อ3ที่ว่าห้ามประพฤติในกามปกติแล้วศีล5ถ้าเป็นสามีภรรยากันไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นศีล8ห้ามเสพกามด้วยแม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถ้าเป็นพระจะมีข้อที่ว่าห้ามทำน้ำกามให้เคลื่อนที่เพิ่มมาอีก แล้วศีล8ห้ามด้วยหรือเปล่า ถ้าห้ามด้วยหากรักษาศีล8ตลอดชีวิตก็ถือว่าขาดเลยหรือครับ ต้องสมาทานใหม่เลย

    ห้ามทำน้ำกามเคลื่อนครับ ถ้าทำเคลื่อนด้วยความตั้งใจถือว่า ศีลขาดครับ

    ต้องสมาทานศีล ๘ ใหม่ครับ

    แนะนำนะครับ ถ้าทำไม่ได้อย่าพึงสมาทานศีล...เพราะการตั้งใจทำศีลขาดแต่ละครั้งนั้น มีบาปกรรมติดตามไป


    อีกข้อคือ ข้อ 6ถ้าก่อนเที่ยงถ้าเราจงใจกินอาหารที่ถูกปาก จะกลายเป็นว่าทำสิ่งที่บันเทิงใจด้วยหรือเปล่า แบบนี้ห้ามด้วยหรือเปล่าครับต้องสมาทานใหม่ หรือว่าจะกินอะไรก็ได้แต่ถ้าเกินเที่ยงห้ามกิน

    ไม่เกี่ยวกับบันเทิงครับ เกี่ยวกับศีลข้อ ๖

    บริโภคอาหารหลังเที่ยง ศีลขาด และ ต่อศีลไม่สำเร็จแล้วครับ





     
  6. Oaknoy

    Oaknoy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    เรื่องศีล ข้อ3เคลียแล้วครับ
    ส่วนการกินไม่เกี่ยวกับข้อเจ็ดแต่เกี่ยวกับข้อหก แต่ถ้าก่อนเที่ยงเผลอเลือกกินอาหารที่ถูกปากไป ผมรู้ว่าเป็นการบำรุงกิเลสไม่ควรทำแต่อยากให้ฟันธงว่าถ้าเผลอทำจะผิดศีลข้อไหนหรือเปล่าผมไม่แน่ใจเพราะเป็นการบำรุงกิเลสจึงอยากถามเพื่อความแน่ใจ(ผมเดาเอาว่าไม่ผิดเพราะในศีลข้อหกไม่ได้ห้ามแต่ว่ามันบำรุงกิเลสไม่สมควรทำ แต่ก็แค่เดาทำแบบนี้อาจศีลขาดก็ได้จึงต้องรบกวนถาม)กรุณาด้วยครับ ถ้าผิดผิดข้อไหนผิดอย่างไรและจะต้องทำอย่างไรต่อไปถ้าศีลขาดเพราะเรื่องนี้ หรือว่ามันไม่ผิดหรอกแต่ว่าเป็นการบำรุงกิเลสไม่สมควรทำ
     
  7. Oaknoy

    Oaknoy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    ถ้าจะรักษาศีล8เป็นประจำก็ใช้วิธีสมาทานเป็นรายวันทุกวันหรือว่าจะสมาทานกี่วันก็สมาทานไป พอรักษาครบแล้วก็สมาทานใหม่ไปเรื่อยๆได้ใช่ไหมครับ หรือพอรักษาไปจนครบที่สมาทานแล้วต้องการจะหยุดรักษา ก็ไม่ต้องสมาทานเพิ่มแล้วหยุดถูกไหมครับ
    เหมือนการรักษาศีล5สมาทานทุกวันจะเป็นการดีเพราะเป็นการเตือนสติตัวเองทุกวัน
     
  8. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ในความคิดเห็นส่วนตัว

    การถือศีล ๘ คือการดำเนินตามรอยของพระอรหันต์ เพื่อที่จะตัดกิเลส

    ในข้อห้ามของศีล ๘ นั้นมิได้เขียนเอาไว้ว่าห้ามกินของ อร่อย แต่เรากำลังจะเดินตามรอยของพระอรหันต์

    ถ้าเราตัดการกินเพื่อบำรุงกิเลสได้ ย่อมเดินเข้าใกล้พระอรหันต์ครับ


    ดังนั้น มันไม่ผิดหรอกแต่ว่าเป็นการบำรุงกิเลสไม่สมควรทำ
     
  9. Oaknoy

    Oaknoy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณครับ
     
  10. 12PANNA

    12PANNA Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +71
    โมทนากับเจ้าของกระทู้
    โมทนากับเฮียปอ ที่ตอบกระทู้ได้กระจ่าง
    ผมว่านะ การจะรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ ตลอดไปได้ (สำหรับฆราวาส) ก็โดยการเพิ่มสมาทาน
    รักษา ศีล ๘ ให้มากขึ้น จากโดยทั่วไปส่วนมากจะสมาทานรักษาศีล ๘ ในวันพระ นะครับ
     
  11. 12PANNA

    12PANNA Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +71
    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:595.3pt 841.9pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:35.4pt; mso-footer-margin:35.4pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]ก็ในวินัยของพระอริยเจ้านั้น การขับร้อง คือการร้องไห้ การฟ้อนรำ คือความเป็นบ้า การหัวเราะจนเห็นฟันพร่ำเพรื่อ คือความเป็นเด็ก[/FONT]
     
  12. Oaknoy

    Oaknoy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    น้ำปานะนี่ที่อนุญาตไว้แปดอย่าง และได้ยินว่ามีน้ำที่ทรงอนุญาติไว้อีกมีผลไม้เล็กที่กรองกากแล้วและมีน้ำ ดอกไม้ทุกชนิดยกเว้นน้ำมะทราง ถ้าอย่างนี้ น้ำเก็กฮวย น้ำกระเจี๊ยบก็ดื่มได้ แต่ที่งงคือห้ามสุกด้วยไฟ แบบนี้ถ้าดื่มจะผิดหรือเปล่าครับ
     
  13. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    [SIZE=+0]น้ำดื่ม ๘ อย่าง ( อัฏฐบาน ) นั้น คือ[/SIZE]
    [SIZE=+0]น้ำที่ทำจากผลมะม่วง ๑ ผลหว้า ๑ ผลกล้วยมีเมล็ด ๑ ผลกล้วยที่ไม่มีเมล็ด ๑ ผลมะทราง ๑ ผลจันทน์ หรือผลองุ่น ๑ เง่าบัว ๑ ผลมะปรางหรือลิ้นจี่ ๑[/SIZE]
    [SIZE=+0]ต่อมาทรงมีพุทธานุญาตน้ำผลไม้ทุกชนิด เว้นน้ำต้มเมล็ดข้าวเปลือก น้ำใบไม้ทุกชนิด เว้นน้ำผักดอง น้ำดอกไม้ทุกชนิด เว้นน้ำดอกมะทราง และทรงอนุญาตน้ำอ้อยสด[/SIZE]
    [SIZE=+0]อรรถกถาท่านสรุปว่า ในเวลาวิกาลดื่มน้ำผลไม้ได้ทุกชนิด เว้นผลไม้ที่มีผลโตกว่าผลมะตูม ( บางแห่งว่าผลมะขวิด ) วิธีทำนั้นก็ต้องคั้นเอาแต่น้ำ และกรองให้ไม่มีกาก และไม่ผ่านการสุกด้วยไฟ[/SIZE]
    [SIZE=+0]น้ำปานะดังกล่าวนี้เท่านั้นที่ผู้รักษาอุโบสถศีลควรดื่มในเวลาวิกาล นอกนี้ไม่ควร พึงสังเกตว่าไม่มีน้ำนมสดทุกชนิด คือน้ำนมของสัตว์ หรือนมที่ทำจากพืช เช่นถั่วเป็นต้น[/SIZE]

    [SIZE=+0]นอกจากนี้ พระพุทธองค์ยังทรงอนุญาตให้บริโภคเภสัช<SUP>๒</SUP> ๕ อย่างคือ เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย รวมทั้งงบน้ำอ้อย ในเวลาวิกาลได้
    <SUP>๑-๒.</SUP> พระวินัยปิฎกมหาวรรค เภสัชชขันธกะ ข้อ ๘๖ และข้อ ๒๖
    [/SIZE]
    <TABLE class=tborder style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead colSpan=2>วันนี้ 08:41 PM</TD></TR><TR title="Post 1770060" vAlign=top><TD class=alt2 align=middle width=125>Oaknoy</TD><TD class=alt1>น้ำปานะนี่ที่อนุญาตไว้แปดอย่าง และได้ยินว่ามีน้ำที่ทรงอนุญาติไว้อีกมีผลไม้เล็กที่กรองกากแล้วและมีน้ำ ดอกไม้ทุกชนิดยกเว้นน้ำมะทราง ถ้าอย่างนี้ น้ำเก็กฮวย น้ำกระเจี๊ยบก็ดื่มได้ แต่ที่งงคือห้ามสุกด้วยไฟ แบบนี้ถ้าดื่มจะผิดหรือเปล่าครับ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อรรถกถา ท่านได้อธิบายถึง ผลไม้เท่านั้นครับ ที่ห้ามการสุกด้วยไฟ

    ดังนั้น

    เก็กฮวย ไม่ใช่ผลไม้...ดื่มได้ครับ

    และ กระเจี๊ยบ ใช้ดอกกระเจี๊ยบในการทำ ...ดื่มได้ครับ
     
  14. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    อนุโมทนาสาธุครับ กระจ่างชัดเจน ขอบคุณเฮียปอครับ
     
  15. มรรค 8 ประการ

    มรรค 8 ประการ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    884
    ค่าพลัง:
    +2,642
    พี่ปอครับ แล้วชาโออิชิที่เป็นรสเลมอนดื่มได้มั้ยครับ ผมไม่ได้กวนน่ะครับ เพียงแต่ไม่รู้ว่าผลเลมอนมันใหญ่กว่ามะตูม และชาโออิชิปรุงให้สุกด้วยไฟหรือเปล่าน่ะครับ (เพราะบางครั้งแทบจะหาน้ำปานะมาทานไม่ได้เลยก็เลยคิดว่าโออิชิน่าจะทานได้)
     
  16. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    มะนาว ผลเล็กกว่า มะตูม ครับ

    เลมอน ในที่นี้ คงไม่ใช่ มะนาวของฝรั่งนะ เพราะ มะนาวฝรั่งลูกเท่าส้ม

    โออิชิ คงไม่ลงทุนนำเข้ามะนาวฝรั่งนะ

    แต่เราไม่รู้กรรมวิธีการผลิตของเขานี้ซิ เฮีย ฯ คิดว่า เขาน่าจะใส่มะนาวทำหลังครับ และคงต้องปรุงแต่งกลิ่นมะนาว คงจะไม่ใช่มะนาวแบบสด ๆ ใส่แน่

    เฮียฯ ว่าดื่มได้ครับ.

    แต่อย่าไปดื่ม รสข้าวญี่ปุ่นแหละ
     
  17. มรรค 8 ประการ

    มรรค 8 ประการ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    884
    ค่าพลัง:
    +2,642
    ขอบคุณมากๆครับพี่ปอ ต่อไปจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับน้ำปานะสักที
    ขออนุโมทนาครับ
     
  18. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    น้ำปานะมีอะไรบ้างคะ

    อยากทราบ ค่ะ กลัวปฏิบัติไม่ถูกต้อง
    ต้องมาสมาศีลใหม่ค่ะ
     
  19. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ปานะ
    เครื่องดื่ม , น้ำสำหรับดื่ม ที่คั้นจากลูกไม้ (น้ำคั้นผลไม้) จัดเป็นยามกาลิก ท่านแสดงไว้ ๘ ชนิด คือ
    ๑. อมฺพปานํ น้ำ มะม่วง
    ๒. ชมฺพุหานํ น้ำชมพู่หรือน้ำหว้า
    ๓. โจจปานํ น้ำกล้วยมีเม็ด
    ๔. โมจปานํ น้ำกล้วยไม่มีเม็ด
    ๕. มธุกปานํ น้ำมะทราง (ต้องเจือน้ำจึงจะควร)
    ๖. มุทฺทิกปานํ น้ำลูกจันทน์หรือองุ่น
    ๗. สาลุกปานํ น้ำเหง้าอุบล
    ๘. ผารุสกปานํ น้ำมะปรางหรือลิ้นจี่

    นิยมเรียกว่า อัฏฐบาน หรือ น้ำอัฏฐบาน (ปานะ ๘ อย่าง)

    วิธีทำปานะที่ท่านแนะไว้ คือ ปอกหรือคว้านผลไม้เหล่านี้ที่สุด เอาผ้าห่อ บิดให้ตึงอัดเนื้อผลไม้ให้คายน้ำออกจากผ้า เติมน้ำลงให้พอดี (จะไม่เติมน้ำก็ได้เว้นแต่ผลมะทรางซึ่งท่านระบุว่าต้องเจือน้ำจึงควร) แล้วผสมน้ำตาลและเกลือเป็นต้นลง ไปพอให้ได้รสดี

    ข้อจำกัดที่พึงทราบคือ

    ๑. ปานะนี้ให้ใช้ของสดห้ามมิให้ต้มด้วยไฟ
    (ข้อนี้พระมิตสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรฐาณวโรรสว่าแม้สุกก็ไม่น่ารังเกียจ)
    ๒. ต้องเป็นของที่อนุปสัมบันทำ จึงควรฉันในเวลาวิกาล
    (ถ้าภิกษุทำถือ เป็นเหมือนยาวกาลิก เพราะรับประเคนมาทั้งผล)
    ๓. ของประกอบเช่นน้ำตาลและเกลือ ไม่ให้เอาของที่รับประเคนค้างคืนไว้ มาใช้ (แสดงว่ามุ่งให้เป็นปานะที่อนุปสัมบันทำถวายด้วยของของเขาเอง) </B>

     

แชร์หน้านี้

Loading...