อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๕ : บนหลุมฝังศพ

ในห้อง 'อดีตที่ผ่านพ้น' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 กรกฎาคม 2019.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,269
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,519
    ค่าพลัง:
    +26,354
    15.jpg

    อดีตที่ผ่านพ้น ตอนที่ ๑๕ : บนหลุมฝังศพ


    อาตมาชื่นชมกับพระนิพนธ์ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ขยายความบทเพลง “ความฝันอันสูงสุด” ได้ลึกซึ้งกินใจเป็นที่สุด ซึ่งอาตมาขออัญเชิญมาเพื่อท่านผู้อ่าน ได้ร่วมกันชื่นชมในพระปรีชาสามารถของพระองค์ท่าน ณ โอกาสนี้...

    ฝันจะทำความดีนี้แสนยาก
    ต้องลำบากกว่าจะรุดถึงจุดหมาย
    ย่อมน่าขำสำหรับผู้อยู่สบาย
    ไม่เคยกรายใกล้ระกำน้ำตากระเด็น

    พบศึกหนักสักเท่าใดไม่หวาดหวั่น
    แต่สู้ใจตนนั้นแสนยากเข็ญ
    ถึงหนักหน่วงสู้แน่แม้ยากเย็น
    เลือดกระเซ็นก็เพราะห่วงหวงแผ่นดิน

    ยามมีทุกข์มาผจญจะทนสู้
    ถึงมีผู้กล่าวหยามประณามสิ้น
    ถูกทอดทิ้งเดียวดายหมายชีวิน
    เจียนพังภินท์ยังสู้ผู้รุกราน

    แม้จะมีภยันตรายมากรายกล้ำ
    ศัตรูล้ำโหมหนักเข้าหักหาญ
    จะฝ่าฟันเสี่ยงชีวิตพิชิตพาล
    ให้ชาติผ่านผองทุกข์ยุคเข็ญคลาย

    เราเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา
    ใช่เทวาเพราะร่างยังเสื่อมสลาย
    มีอารมณ์เปลี่ยนไปไม่เว้นวาย
    จะแน่วแน่แก้ให้หายไม่ช้าพลัน

    แม้ชีวิตเป็นสิ่งยิ่งแหนหวง
    แต่ความรักใหญ่หลวงใช่ความฝัน
    รักผืนแผ่นดินแม่แน่นอนครัน
    ยอมสละแม้ชีวันไม่หวั่นภัย

    ยอมสูญเสียชีวารักษาสัตย์
    รักษารัฐสีมาที่อาศัย
    ดีกว่าสูญธรณินทร์สิ้นชาติไทย
    สิ้นธงชัยจะชักสู่ฑิฆัมพร

    แสนเห็นใจเพื่อนไทยที่หวาดหวั่น
    อาสาพลันทอดชีพสู่สมร
    บุกระเบิดฝ่ากระสุนในดงดอน
    เพื่อนิกรผาสุขทุกนาที

    ตั้งจิตมั่นในพระธรรมอันล้ำเลิศ
    ทำแต่สิ่งประเสริฐไม่หน่ายหนี
    ไม่ท้อถอยมุ่งทำล้วนความดี
    ถ้าถึงที่ยอมสละละลมปราณ

    เราก็มีเลือดเนื้อที่ปวดเจ็บ
    แต่ต้องเก็บความรู้สึกอย่างอาจหาญ
    จะมุ่งมั่นฝ่าฟันทุกวันวาร
    เพราะยึดในอุดมการณ์ต้องอดทน

    นึกว่าได้เกิดมาทำหน้าที่
    เพื่อศักดิ์ศรีเลือดไทยไม่หมองหม่น
    ไม่น้อยใจโชคชะตากล้าผจญ
    แม้บางคนไม่เคยทุกข์ทุกยุคกาล

    มอบเลือดเนื้อกายใจพลีให้ชาติ
    อย่างแกล้วกล้าสามารถองอาจหาญ
    ถึงสิ้นชีพไว้ลายว่าชายชาญ
    มอบวิญญาณเลือดเนื้อเพื่อบ้านเมือง

    ปณิธานคือชาติศาสน์กษัตริย์
    ร่วมขจัดเสี้ยนหนามเมื่อยามเฟื่อง
    สมานสามัคคีไทยให้รุ่งเรือง
    เกียรติกระเดื่องแดนดินทั่วถิ่นไกล

    คงไม่มีแต่เราเพียงเท่านั้น
    ที่ฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายได้
    ผู้อื่นอาจปราดเปรื่องเลื่องลือชัย
    หมายผดุงทุกสิ่งไว้ให้ยุติธรรม์

    สักวันหนึ่งเขาคงเข้าใจว่า
    การมีชาติศาสนาทุกสิ่งสรรพ์
    มีไตรรงค์ธงชัยพร้อมใจกัน
    นั่นคือสิ่งยึดมั่นที่ควรตรอง

    ขอเดชะบารมีที่ปกเกล้า
    บุรพกษัตริย์เจ้าไทยทั้งผอง
    บันดาลดลคนไทยให้ปรองดอง
    ไม่ผยองอิจฉาผลาญรุกรานกัน

    แล้ววันที่ปรารถนาคงมาถึง
    จะตราตรึงความดีที่บากบั่น
    โลกมนุษย์สุดสะอาดปราศทุกข์ทัณฑ์
    เพราะเรานั้นเข้าใจกันได้ดี

    เขาจะรู้ว่าเหตุใดไม่ยอมแพ้
    เพราะถึงแม้ถูกเหยียดถูกเสียดสี
    หาว่าอยากเด่นดังหวังชื่อดี
    อยากครอบครองปฐพีก้องกำจาย

    ไม่เคยคิดหวังเป็นวีรบุรุษ
    แต่ก็สุดจะเห็นชาติพินาศสลาย
    ด้วยเผ่าไทยมอบชีวีพลีใจกาย
    มามากมายเหลือที่จะลืมเลือน

    จะถมร่างกายนี้พลีชีวิต
    เพื่อพิชิตไพรีที่เชือดเฉือน
    เพื่อแผ่นดินของไทยไม่กระเทือน
    เพื่อให้เพื่อนผองไทยปลอดภัยเทอญ.


    ขอน้อมเกล้าถวายความคารวะ ในพระปรีชาสามารถอันยอดยิ่งของพระองค์ ที่ทรงเข้าถึงจิตใจทหารหาญอย่างแท้จริง อาตมายอมรับว่า เมื่ออ่านจบแล้วเกิดอาการ “ซึม” ไปพักใหญ่ อาการแบบนี้อาตมาเคยเป็นมาสองครั้งเท่านั้น...

    ครั้งแรก..ขณะที่กอดปืนยืนเหงา อยู่เวรยามค่ำคืนบนยอดเขาสูง ทั้งหนาวเหน็บทั้งว้าเหว่ สิบตรีสุรสิทธิ์ ด่านบางภูมิ ชี้ให้อาตมาดูตัวเมืองไกลลิบ ๆ สุดสายตา ที่แพรวพราวไปด้วยแสงสียามค่ำคืน พลางกล่าวว่า “พี่ครับ...พวกเขาจะรู้บ้างไหมว่า ขณะที่พวกเขามีความสุขกันอยู่นั้น พวกเรากำลังลำบากกันขนาดไหน..?” อาตมาได้ยินเข้าถึงกับคอหอยตัน น้ำตาพาลจะไหลออกมาดื้อ ๆ ...

    ครั้งที่สอง..เกิดขึ้นขณะแกะห่อของขวัญที่ได้รับเป็นกำลังใจจากแนวหลัง ในห่อใบน้อยที่มีทอฟฟี่ ๓ เม็ด และบะหมี่แห้งอีก ๑ ซองนั้น มีกระดาษสมุดเขียนด้วยดินสอตัวเท่าหม้อแกง มาจากหนูน้อยแห่งชั้น ป.๓ ร.ร.สมาคมสตรีไทย ชื่อเด็กหญิงวิลาวัณย์ อุดมพงษานนท์ มีข้อความว่า “คุณอาต้องไปยิงกับข้าศึกใช่ไหมคะ..? หนูเป็นห่วงคุณอา..ขอให้คุณอาปลอดภัยนะคะ..!”

    อาตมาถึงกับน้ำตาซึม หนูเอ๋ย...ถ้าทุกคนมีน้ำใจ เห็นความทุกข์ยากลำบากของทหารแนวหน้าเช่นเดียวกับหนูแล้วไซร้ ถึงชีวิตของอาต้องสิ้นไปในการปฏิบัติหน้าที่นี้ อาก็เต็มใจ ด้วยมั่นใจว่า ความดีที่ทำไปไม่สูญเปล่า อย่างน้อยญาติมิตรในแนวหลังก็ยังมองเห็น...!

    การปะทะในแต่ละครั้ง ย่อมมีการสูญเสียเป็นธรรมดา ถ้าเพื่อนเราตาย ทุกคนจะถูกหักเบี้ยเลี้ยงคนละ ๒ บาทช่วยงานศพของเพื่อน ถ้าฝ่ายตรงข้ามตาย พวกเราก็ช่วยกันขุดหลุมฝังให้ ขอจงอโหสิกรรมด้วยเถิด อย่าได้มีเวรมีกรรมแก่กันเลย...

    ป่าช้าชั่วคราวที่เราฝังพวกเขานั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นบริเวณที่ปะทะนั่นเอง การฝังก็ไม่ได้ประณีตอะไรนัก บรรดาสัตว์ต่าง ๆ มักมาขุดคุ้ยกินกันอยู่เสมอ ถ้าเป็นที่ทุเรศแก่สายตามากก็ลากพลั่วไปกลบใหม่ซะที พวกสัตว์กินศพเป็นอาหารประท้วงกันให้วุ่น แต่ละตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้น เหี้ยตัวขนาดจระเข้ อีกาตัวเท่าแม่ไก่ แค่เห็นก็สยองแล้ว...!

    คืนหนึ่ง...ประมาณสองทุ่ม เวรยามจากจุดตรวจบนคันคูยุทธศาสตร์ รายงานถึงความเคลื่อนไหวผิดปกติ มีท่าทีว่าฝ่ายตรงข้ามจะเข้าตีคืนนี้ ร้อยเอกวีรพล คุ้มบน ผบ.ร้อย ร.๙๑๐๒ รีบนำกำลังไปเสริมทันที ทิ้งพาหนะไว้ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ ๕๐๐ เมตร แล้วเดินเท้าเข้าไป ทิ้งอาตมาให้เฝ้ารถอยู่คนเดียว...

    พิจารณาฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าขาวโล่งแล้ว รถคันนี้ตกเป็นเป้าเด่นของอาวุธหนักแน่ ๆ อาตมาจึงหลบเข้าไปชายป่า อาศัยต้นไม้ใหญ่เป็นที่กำบัง พอย่างเข้าใต้ต้นไม้นั่นเอง...พายุหมุนลูกเล็ก ๆ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ลมบ้าหมู” ก็เกิดขึ้น...!

    ลมประหลาดหมุนฮือ ๆ อยู่ไปมา ตั้งหลายนาทีผ่านไปก็ไม่ยอมเคลื่อนไปไหน คงหมุนไปรอบ ๆ ตัวอาตมาอยู่นั่นแหละ จนอาตมาฉุกใจคิดขึ้นมาว่า “เขา” คงจะมาขอส่วนกุศล จึงตั้งใจอุทิศให้ พออุทิศส่วนกุศลจบ พายุก็สลายตัวไปอย่างฉับพลัน...!

    เมื่ออากาศนิ่ง คราวนี้กองทัพยุงก็บุกแหลก รู้อย่างนี้ให้พายุหมุนอย่างเดิมก็ดีแล้ว จะได้ช่วยไล่ยุงให้...ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ผบ.ร้อย นำกำลังกลับมา ตอบรหัสบอกฝ่ายได้ถูกต้อง อาตมาจึงออกจากที่ซ่อน พลทหารพายัพ สุขหอม เห็นทิศที่ออกมา ก็ถามขึ้นว่า...

    “เมื่อกี้หมู่แอบอยู่ใต้ต้นไม้นั้นเหรอ...?” “เออ” “วันก่อนผมเพิ่งฝังไว้ ๓ ศพ...!” เจริญมั้ยล่ะลูกน้องฉัน..? ไม่บอกซะยังดีกว่า คิดแล้วยังเสียวสันหลังไม่หาย กลางค่ำกลางคืนดึกดื่นแท้ ๆ ไปยืนกินลมเอ้อระเหยเล่นอยู่บนหลุมศพ ช่างกล้าหาญชาญชัยอะไรเช่นนั้น...!

    ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ที่มา www.watthakhanun.com
    ภาพประกอบโดย สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #๖๐ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...