"องค์ภาวนา" : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 6 มิถุนายน 2023.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    102936311_3256035721082346_7380528145419627698_n (1).jpg

    #องค์ภาวนา

    https://www.youtube.com/watch?v=A4PSRT7q6Jk

    “ภาวนาดีกว่าในช่วงที่เราพอภาวนาได้ หลวงปู่ต้องการก็คือต้องการให้ลูกศิษย์ภาวนา อย่างอื่นอย่าเพิ่งไปวุ่นวาย ก็ทำอยู่ก็ทำกิจของสงฆ์อยู่ หรือทำกิจของพวกเราอยู่ทุกคน แต่ว่าการภาวนานี้หลวงปู่ไม่อยากให้ห่าง สตินี้พึงอย่าห่าง กำหนดไว้ตลอด รู้สึกตัวตลอด อย่าให้มันไปตามความรู้สึกนึกคิดเด็ดขาด นั่นแหละคือการภาวนาตลอดเวลา ที่ไหนก็ตามจะกินก็ตามจะพูดก็ตามจะเข้าห้องน้ำห้องส้วมนี่คือการภาวนาล้วนๆ ไม่ใช่ว่าจะเอาอากัปกิริยาเพียงในการเดินจงกรมหรือการนั่งภาวนา นั่นก็เป็นอากัปกิริยาที่เราว่างจากการงานแค่นั้น

    ถ้าเราเดินอยู่ ถ้าเราทำงานอยู่ จิตเรารวมในขณะนั้น นั้นแหละลูกจิตมันจะไม่เสื่อมอีก ถ้าว่าไม่เสื่อมอีกมันก็เกินไปล่ะ คือมันจะไม่เสื่อมง่ายจะว่ามันอยู่ในกฎไตรลักษณ์ญาณอยู่มันก็ถูก แต่ถ้านั่งภาวนาแล้วนี้มันจะเสื่อมง่าย ออกมาแล้วมันก็เป็นปกติไม่อยากจะไปทำอย่างอื่นอยากจะนั่งเพราะกลัวว่ามันจะเสื่อมมันก็เลยเป็นโรคเขาเรียกว่าโรคขี้เกียจ จิตมันขี้เกียจ จิตมันขี้เกียจจิตขี้เกียจนี้ไม่ธรรมดานะลูกนะ มันก็อากัปกิริยาแห่งคำพูดเข้าไปด้วยก็ขี้เกียจด้วย ทั้งขี้เกียจพูดด้วยนั่นมันขี้เกียจของมัน ขี้เกียจพูด ขี้เกียจวุ่นวาย ขี้เกียจ จิตมันขี้เกียจ เราต้องทราบถึงความขี้เกียจของมัน มันขี้เกียจขี้คร้านไหม ถ้ามันสมเหตุสมผลในธรรมในวินัยก็ไม่เป็นไร สาธุกับมัน แต่ส่วนมากมันจะเป็นจิตขี้เกียจ ขี้เกียจทุกสิ่งอย่าง ไม่อยากจะทำโน่นไม่อยากจะทำนี่

    ทั้งที่พระพุทธเจ้าเพิ่นบัญญัติว่า อานิสงส์แห่งการเดินจงกรม อานิสงส์แห่งการยืนภาวนา อานิสงส์แห่งการเดินจงกรมหรือการยืนภาวนาเป็นอานิสงส์ดีกว่าการนั่งภาวนา เดินจงกรมนี่นะลูกอาหารมันย่อยง่าย อาพาธน้อย เทวดารักษา เวลาจิตรวมแล้วก็เป็นหนึ่งอยู่อย่างงั้น การเสื่อมรู้สึกว่าจะยากมาก ก็หลวงปู่ หลวงปู่ไม่เห็นเคยมันจะเสื่อมเสียที กวาดลานวัดก็รวมปล่อยรวมไปยืนเฉยอยู่อย่างงั้นซ่านไปทั่วขันธ์ ทำไปสติก็จ้องอยู่ของมัน หลวงปู่เป็นอย่างงั้น เดินจงกรมอยู่ก็ตามทำงานอยู่อะไรก็ตามก็จ้องกันอยู่พอรวมก็ปล่อยมันรวมไป บางทียังไม่ได้เข้ากุฏิกำลังจะเข้าเดินแค่นั้นก็รวมก่อน ก็ปล่อยมันไปยืนอย่างงั้น บางทีก็นั่งลงอยู่กำลังจะเข้ามุ้งกลดนั่งลงกำลังจะเอามุ้งกลดขึ้นก็รวมเสียก่อน ก็ปล่อยนั่นกี่ชั่วโมงก็ตามมันถอนออกมาค่อยว่ากัน นี่แหละลูกนี่คือการทำเพียรทุกอากัปกิริยา ตัวนี้มันจะส่งผลเป็นสัมมาทิฐิ แต่ถ้าเราจะเอาอากัปกิริยาในการนั่งอย่างเดียวแค่นั้น แล้วออกมาก็สรวลเสเฮฮาอย่างอื่น หรือเวลานั่งภาวนาแล้วจิตมันไปทวีปไหนก็ไม่ทราบ หรือการเดินจงกรมแล้วจิตมันไปทวีปไหนไม่ทราบอย่างนี้ไม่ใช่การภาวนานะลูกหลาน

    การภาวนาที่แท้ก็คือกำหนดมีสติรู้สติอยู่ตลอดในอากัปกิริยาของเราที่ทำโน่นทำนี่ หยิบโน่นหยิบนี่ นั่งก็ทราบ ยืนก็ทราบ ลุกก็ทราบ เดินไปก็ทราบ จับไม้กวาด จับจอบ จับเสียม ทราบด้วยอากัปกิริยานั่นแหละลูกคือการภาวนาตลอด ไม่ทิ้งพระกรรมฐาน...”

    โอวาทธรรม: องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙
     

แชร์หน้านี้

Loading...