หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อเนียม

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 11 มีนาคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    <TABLE id=table1 align=left border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]

    </TD></TR><TR><TD>หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

















    วันนี้ตรงกับ วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๓ ก็ขอคุยกับบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท กับเพื่อนภิกษุสามเณร นำความหลังมาคุยกันหลังจากกลับมาจากวัดหลวงพ่อโหน่งแล้ว ก็อยู่วัดไม่นานนัก ถ้าจะถามถึงวิธีปฏิบัติ ก็ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทโปรดทราบ การปฏิบัติ ปฏิบัติกันแบบสบาย ๆ แต่สิ่งที่มีความสำคัญอยู่อย่างหนึ่งก็คือว่า พระพุทธรูป หรือว่ารูปพระพุทธเจ้าอย่าให้ห่างจากใจ เราจะคุยกับใครก็ตาม จะทำอะไรก็ตาม เว้นไว้แต่ว่าเอาใจไปเรียนหนังสือ ไปดูหนังสือ ฟังสวดมนต์ ถึงแม้ว่าฟังสวดมนต์ ก็อย่าเอาใจห่างจากพระพุทธรูป หรือว่ารูปพระพุทธเจ้า

    ก็รวมความว่า จับรูปพระเป็นอนุสติ นี่เป็นอันดับแรก และต่อมาการเจริญวิปัสสนาญาณ การเจริญวิปัสสนาญาณนี่ไม่ได้ทำจริงจัง คำว่า ไม่ทำจริงจัง ก็หมายความว่า ไม่ใช่ไปนั่งเครียด ใช้อารมณ์ธรรมดา ๆ ตามที่ท่าสอนมา เรานั่งอยู่ที่ไหน ก็เห็นทุกข์ที่นั่น ตามอริยสัจ การนั่งก็เป็นทุกข์การนอนก็เป็นทุกข์ การยืนก็เป็นทุกข์ การเดินก็เป็นทุกข์ ค่อย ๆ เห็นทุกข์ อย่าเห็นแรงนัก และเวลาเห็นคนก็จงอย่าดูผิวภายนอกของคน หรือดูผิวภายนอกก็อย่าดูเฉพาะที่สะอาด แต่เนื้อแท้จริง ๆ ร่างกายของคนเต็มไปด้วยความปกสรกโสโครก ค่อย ๆ เห็น

    แต่บางทีมันก็ย่องไปเห็นคนสวยเหมือนกัน สาว ๆ บางทีก็เห็นสวย แต่ถ้าดูนาน ๆ ชักเริ่มไม่สวย ทั้งนี้เพราะว่า จิตมันชิน นึกเห็นโน่นนึกเห็นนี่ นึกเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามสภาพความเป็นจริง ก็เลยคิดว่าไม่สวย ถ้าจะถามว่า อย่างนี้หลวงพ่อปานชมว่าดีหรือยัง ก็ต้องตอบตามความเป็นจริงว่า หลวงพ่อปานยังชมว่า ยังใช้ไม่ได้

    ต่อมาไม่ช้าไม่นานเท่าไรนัก ท่านก็บอกว่า ต่อแต่นี้ไปเธอจงไป วัดน้อยที่จังหวัดสุพรรณบุรี ในเขตของอำเภอบางปลาม้า วัดน้อยนี่อยู่ในเขตอำเภอบางปลาม้า ใกล้อำเภอท่าพี่เลี้ยง อำเภอท่าพี่เลี้ยง ก็คือ อำเภอเมือง ใกล้จะสุดเขตอำเภอบางปลาม้า หลวงพ่อเนียมอยู่ในฐานะอาจารย์ของหลวงพ่อปาน การไปสมัยนั้น จะไปเรือจ้าง จะไปเรือเมล์ มันหายากเหลือเกิน ทางที่ดีจริง ๆ ก็ต้องไปธุดงค์ การไปธุดงค์ก็ไม่หนัก เพราะธุดงค์จนชิน ข้ามฟากจากวัดบางนมโคเดินตัดตรงมาตลาดบ้านแพน เดินตัดตรงไปประตูน้ำเจ้าเจ็ด หลังจากนั้นก็ตัดตรงไปอำเภอบางปลาม้า ใช้เวลาพักเวลากลางวันประมาณ ๒ วัน ก็ถึงวัดหลวงพ่อเนียม

    เรื่องความเป็นมาของหลวงพ่อเนียม ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทอ่านเอาตามหนังสือหลวงพ่อปานก็แล้วกัน แต่ว่าจะพูดถึงวิธีสอนของท่านสักนิดหนึ่ง เพราะในสมัยนั้นไม่ได้พูดถึงวิธีสอนของวิธีสอนของท่านก็คือว่า เมื่อวันที่สามผ่านไปแล้ว พอวันที่สี่ ก็ปรากฏว่าท่านให้ไปหาในโบสถ์ ทีนี้ในช่วงนั้น หลงงพ่อเนียมจริง ๆ อายุเห็นจะใกล้ ๘๐ ปี เรื่องอายุนี่ก็ไม่แน่นอน ไม่ขอยืนยัน ท่านแก่มากท่านนุ่งผ้าอาบผืนเดียว เอาผ้าอาบอีกหนึ่งผืนมาคล้องคอ ไปทางไหนก็มีไม้เท้า คือ ไม้อันหนึ่ง ไม้เท้าก็ไม่เป็นรูปไม้เท้า แต่ว่าคืนนั้นที่ไปหาหลวงพ่อเนียม ท่านนั่งอยู่หน้าพระพุทธรูป ห่มผ้าเรียบร้อยทรวดทรงสวยสดงดงาม ผิวเหลืองอร่าม สวย หน้าตาอิ่มเอิบ ท่านมีความหนุ่ม คล้ายกับคนอายุประมาณ ๒๘ ปี หรือ ๓๐ ปีที่มีเนื้อเต็ม พอเข้าไปแล้วก็สงสัย เอ๊
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    การละสังโยชน์ ๓ เบื้องต้นมีอารมณ์ตามนี้ คือ จิตมีความสุข เพราะคิดว่า เราตายเมื่อไรก็ตาม เราจะไม่ไปอบายภูมิ ประการที่ ๒ จิตมีอารมณ์รักพระนิพพานมาก ตอนนี้ยังเป็นสังโยชน์ ๓ อย่างหยาบ

    ต่อมาเมื่อจิตมีความละเอียด จิตมีอารมณ์ทรงตัว กรรมบททั้ง ๑๐ ประการ คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายสัตว์ ไม่ลักขโมยของใคร ไม่ทำกาเมสุมิจฉาจาร ไม่ดื่มสุราเมรัย ไม่พูดปด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล และจิตใจไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของใครโดยไม่ชอบธรรม จิตไม่คิดจ้องล้างจองผลาญ คือ ตัดพยาบาท จิตมีความเห็นตรงเฉพาะนิพพานอย่างยิ่ง อย่างนี้เป็นอย่างกลาง ที่เรียก พระโสดาบันอย่างกลาง

    ถ้าอย่างละเอียด จิตจะมีอารมณ์สงบสงัดมาก มีอารมณ์ทรงตัว นิ่มนวล ทุกอย่างไม่ต้องระวังต่อไปละสังโยชน์ ๓ จะเข้าถึงสกิทาคามี พอเข้าถึงสกิทาคามี ความอ่อนตัวของความรักระหว่างเพศอ่อนตัว ของความโลภ อ่อนตัวของความโกรธ อ่อนตัวของความหลงจะมีขึ้น มันมีบ้างแต่มีความอ่อนตัวมาก มีกำลังเล็กน้อยไม่หนักหนาไม่รุนแรง และในขั้นสุดท้ายปลายของอนาคามี จิตจะไม่มีความรู้สึกในระหว่างเพศเลย จิตจะไม่มีความรู้ในความโกรธ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าอารมณ์ละเอียดมาก แต่ว่าบางท่านอาจจะมีความรู้สึกว่า เวลานี้เราเป็นพระอนาคามี อันนี้ไม่ใช่ ต้องสังเกตว่านาน ๆ ในอารมณ์สงัดเรียบร้อย จะมีความรักโผล่เข้ามานิดหนึ่งหรือมีอารมณ์ไม่พอใจโผล่เข้ามานิดหนึ่งแล้วก็ถูกตีกลับไป อย่างนี้เป็น พระสกิทาคามีละเอียด
    ต่อมาเราก็ต้องศึกษาเป็นพระอนาคามี พระอนาคามี การศึกษาทุกอย่าง เราจะทิ้งฌานไม่ได้เด็ดขาด คำว่า ฌาน ๑,๒,๓,๔,๕,๖,๗,๘ ว่าให้มันตรงตัว ให้มันทรงจริง ๆ ต้องการเมื่อไร ต้องได้เมื่อนั้น และไม่ต้องไปนั่งหลับตาทรงฌาน การนั่งหลับตาทรงฌานนี่ไม่ใช่ของจริง การทรงฌานจริง ๆ คือ ไม่มีการหลับตา ใช้กำลังใจได้ทันทีทันใด ใช้กำลังฌานช่วยระงับ เป็นกำลังป้องกัน ใช้มีดดาบฟัน นั่นคือวิปัสสนาญาณ ฟันต่อไป คือ

    กามฉันทะ มันก็ฟันง่ายเสียแล้วนี่ ความรู้สึกในกามฉันทะ มันจะไม่มีอยู่แล้ว เมื่อคิดถึงความจริง ใช้กำลังพรหมวิหาร คือ เมตตา หรือกสิณ ๔ คือ กสิณสีแดง สีเขียว สีเหลือง สีขาว อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เป็นพื้นฐาน และหลังจากนั้นก็จบ อสุภกรรมฐาน ขึ้นมา เห็นว่าร่างกายของคน และสัตว์มันสกปรก ในที่สุดก็จับสักกายทิฐิ สักกายทิฐิ ตัวนี้มีความมาก ก็คิดว่า ร่างกายจริง ๆ ไม่ใช่ของใครมันเป็นของโลก ชาวโลก มันเป็นธาตุ ๔ ที่ประกอบเข้ามาด้วยกัน เป็นร่างกายขึ้นมา มันเต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก

    ความโกรธก็เช่นเดียวกัน ใช้พรหมวิหาร ๔ เข้าตัด และใช้สักกายทิฐิเข้าห้ำหั่น ในที่สุดเราก็จะเห็นว่า ร่างกายของคนไม่เป็นที่ปรารถนา ความโมโหโทโส ความโกรธ ความเป็นมา ไม่เป็นที่ปรารถนาของคน เราไม่มีความต้องการอย่างนั้น อารมณ์ก็ทรงตัว จิตจะมีความเยือกเย็นมากขึ้น ขึ้นชื่อว่า ความรักนิดหนึ่ง ในวัตถุก็ดี ในคนก็ดี ในสัตว์ทั้งหลายก็ตาม คำว่า รักด้วยกิเลส ไม่มี แต่รักด้วยความเมตตามีกำลังสูง มีเมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร มุทุตา มีจิตอ่อนโยนไม่อิจฉาริษยาใคร อุเบกขา วางเฉย ตัวนี้มีกำลังแก่กล้า ในเมื่อมีกำลังแก่กล้า ความรักในระหว่างเพศไม่มี ความโกรธไม่มี เราก็เป็น อนาคามี มันเป็นของไม่ยาก

    ต่อไปก็ก้าวเข้าไปสู่ความเป็นอรหันต์ ตอนนี้ไม่มีอะไรหนัก การเข้าไปในเขตความเป็นอรหันต์นี่ไม่มีอะไรหนัก เพราะเป็นการใช้ปัญญาอย่างเดียว หรือเรียกกันง่าย ๆ ว่า ใช้ความฉลาด การเป็นอรหันต์ ให้ตัดรูปราคะ คือ ตัดรูปฌาน คำว่า ตัดไม่ได้หมายความว่า โยนทิ้งไม่ใช้ ใช้รูปฌาน และอรูปฌาน เป็นปกติ คือ รูปราคะ อรูปราคะ เราใช้ ใช้ทุกวัน ทุกเวลา จะเป็นฌานขั้นไหนก็ตาม ฌานขั้น ๑ ขั้น ๒ ขั้น ๓ ขั้น ๔ ขั้น ๕ ขั้น ๖ ขั้น ๗ ขั้น ๘ เราชอบใจฌานขั้นไหน เหมาะแก่กาลสมัยเวลานั่งคุยกันอยู่นี่ อย่างน้อยที่สุดให้ทรงฌานที่ ๒ และก็ใช้วิปัสสนาญาณดูไปด้วย ฟังคำพูดของคน ดูรูปร่างของคน ดูภายนอกไม่พอ ต้องดูภายใน ภายนอกก็แก่ทุกวันสกปรก ภายในก็สกปรก ก็รวมความว่า รูปฌานก็ดี อรูปฌานก็ดี เรายึดไว้เป็นกำลัง แต่ไม่หลงอยู่แค่นั้น ถ้าหลงในรูปฌาน หรืออรูปฌาน ทั้ง ๒ อย่างก็ถือว่า หลงความโง่ คนโง่เท่านั้นที่คิดว่ารูปฌาน และอรูปฌานเป็นของดี

    ต่อมาก็ ตัดมานะ การถือตัวถือตน นี่เป็นของไม่ยาก เราจะถือตัวถือตนเพื่ออะไร ในเมื่อร่างกายของเรามันก็เลว มันเป็นธาตุ ๔ ที่เข้าประชุมกัน มีอาการ ๓๒ เต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก เราหันไปดูร่างกายที่เป็นทิพย์ ร่างกายเทวดา ร่างกายนางฟ้า ร่างกายพรหม ร่างกายพระอรหันต์ และพระพุทธเจ้าที่ท่านนิพพานแล้วดีกว่าร่างกายนี้ แล้วก็จงดูร่างกายภายในของเรากายภายนอกมันสกปรก กายภายในเราผ่องใสไหม ต้องดูร่างกายภายในให้ผ่องใสคล้ายพระอริยเจ้าไว้เสมอๆ อย่างนี้

    เธอปรารถนาพุทธภูมิ ต้องทำตามนี้นะ ดูพระอริยเจ้าที่ท่านนิพพานไปแล้วหรือพระอริยเจ้าที่ตายไปแล้ว พระอริยเจ้าเบื้องต่ำ อย่างพระโสดาบัน ท่านตายไปแล้ว รูปร่างหน้าตาท่านสวยสดงดงามขนาดไหน ดูร่างกายของเรา สวยเหมือนท่านไหม ร่างกายภายใน และพระสกิทาคามี อนาคามีก็เหมือนกัน เหมือนท่านไหม ถ้าไม่เหมือนท่าน ยังใช้ไม่ได้ ยังเลวมาก

    ต่อไปก็ให้ดูร่างกายพระอรหันต์ ร่างกายพระอรหันต์ท่านสวยขนาดไหน ร่างกายของเราสวยถึงขนาดนั้นแล้วหรือยัง ร่างกายภายใน ถ้ายังก็ถือว่า เรายังเลวมาก เราไม่เอาร่างกายของเราเข้าไปเปรียบกับ พระพุทธเจ้า เพราะเวลานี้เราไม่ใช่พระพุทธเจ้า ต้องทำอย่างนี้เป็นปกติ ในเมื่ออารมณ์จิตเป็นอย่างนี้ อารมณ์มานะทิฐิ การถือเนื้อถือตัวมันจะมาจากไหน เราคิดว่า เราดีกว่าเขา มันมีอะไรดี ร่างกายเน่า ร่างกายแก่ ร่างกายสกปรก ก็ไม่ใช่ของดี ร่างกายต้องตาย
    เราคิดว่า เราเลวกว่าเขา เราจะเลวอย่างไร มันเลวไม่ได้ เพราะว่ามันเท่าเขา มันเน่า มันเปื่อยเหมือนกัน เราคิดว่า เราเสมอเขา มันก็เสมอไม่ได้ เพราะร่างกายของคนย่อมคล้ายคลึงกัน แต่ว่าจิตใจของคนไม่เท่ากัน จิตใจของเขาอาจจะเป็นสัตว์นรก เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ได้ เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม เป็นพระอรหันต์ก็ได้ ต้องดูภายใน คือ จิตใจหรือร่างกายภายใน
    ก็รวมความว่า ตัดอารมณ์ความรู้สึก ๓ อย่าง ว่า เราดีกว่าเขา เราเสมอเขา เราเลวกว่าเขา ตัดโยนทิ้งไป เราไม่สนใจเขา เราสนใจแต่ตัวเราอย่างเดียว ชำระกายภายในให้สะอาดให้สวยที่สุด เท่าพระอรหันต์ ท่านบอกว่า ถ้าจิตเข้าถึงตอนนี้ อารมณ์จะมีแต่ความเป็นสุข จะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในโลกเป็นของธรรมดาไปหมด คนที่เขาแสดงความรักในเรา ก็จงทราบว่า ไม่ช้าเขาก็เกลียดเรา เพราะมันเป็นของธรรมดาของชาวโลก ถ้าใครเขารักในเรา เราก็จงอย่าดีใจ ใครเขาเกลียดเรา เราก็อย่าเสียใจ เขาสรรเสริญเรา เราก็อย่าดีใจ เขานินทาเรา เราก็อย่าสะเทือนใจ ทำอารมณ์ใจเป็นสุข

    ท่านบอกว่า
    ในเมื่อถึงตอนนี้แล้วไม่ต้องไปคุมอารมณ์ใจอารมณ์ใจมันจะเป็นของมันเองและต่อมาความเป็นทิพย์ของจิตนี่เธอไปเรียนกับท่านโหน่งมาแล้วใช่ไหม

    ก็บอกว่า ใช่ขอรับ
    เรียนกับท่านโหน่งมาแล้วเป็นของดีมาก ท่านปานก็ดี ท่านโหน่งก็ดี เป็นพระดีมาก ท่านจงอีกองค์หนึ่ง เป็นพระดีมาก ถอดแบบฉบับเขาไว้ ทั้งหมดนี้อารมณ์จิตเป็นทิพย์ผ่องใสมาก และการปรึกษาหารือกับพระ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์องค์ไหนก็ตาม พรหม เทวดา นางฟ้าก็ได้ ที่ท่านมีความดี มีความรู้ยิ่งไปกว่าเรา เราศึกษากับท่าน ท่านบอกอะไร เราเชื่อ
    แต่จงจำไว้ว่า เทวดา นางฟ้า พรหมก็ตาม และรูปพระที่เราเห็นก็ตาม เขาจะต้องสอนตามพระไตรปิฏก ถ้าสอนผิดจากพระไตรปิฏกนั่นไม่ใช่ เป็นมาร ต้องระวังมารให้มาก คำว่า มาร แปลว่า ผู้ฆ่า เขามาทำลายความดี มารนี่รบกวนไม่ว่าใคร แม้แต่องค์สมเด็จพระจอมไตร คือ พระพุทธเจ้า มารก็เคยเข้าไปรบกวนอยู่เสมอ ๆ

    ก็รวมความว่า ทุกองค์ที่มาศึกษาที่นี่ ความจริงความรู้จริง ๆ นี่ท่านปานสอนหมดแล้ว ท่านปานสอนไม่มีอะไรเหลือ แต่ว่าที่ท่านปานให้กลับมาหาฉัน ท่านปานต้องการให้ซ้อมจากฉันอีกทีหนึ่ง เพื่อความมั่นใจของเธอ ท่านปานนี่เป็นครูที่มีความฉลาดมาก ไม่ทะนงตนว่าเป็นคนดีหรือไม่ทะนงตนว่าเป็นคนรู้แต่ผู้เดียว และพวกคณะเธอทั้ง ๓ องค์ ก็เป็นลูกศิษย์ที่มีความสำคัญ เพราะเชื่อครูทุกอย่าง ครูจะสอนแบบไหนก็เชื่อ ให้ทำอะไรก็เชื่อ ให้ไปอยู่ในป่า ไปอยู่ในป่าศรีประจันต์สนุกไหม

    ก็ตอบว่า สนุกขอรับ

    ท่านเลยบอกว่า คนที่มาคุยกับเธอทุกคนที่ป่าศรีประจันต์ เทวดา กับนางฟ้าทั้งนั้นใช่ไหม

    ก็ตอบว่า ใช่
    และต่อมาภายหลัง บางทีเราเที่ยวเพลินเกินไป กลับมาสว่าง เทวดานางฟ้ามาใส่บาตรให้ใช่ไหม

    ก็ตอบท่านว่า ใช่

    ท่านบอกว่า ลีลานี้จงอย่าทิ้ง ท่านปานสอนดีแล้ว
    แต่ที่ฉันนี่ สอนเฉพาะสังโยชน์ ๑๐ ท่านโหน่งสอนทุกอย่างให้รู้จักเทวดา รู้จักพระ ดีทั้งหมด จำเอาไว้ และก็ปฏิบัติให้ดีถ้าปฏิบัติได้อย่างนี้ ภายในไม่ช้าพวกเธอก็พ้นทุกข์แล้วก็จะรู้อะไรทุกอย่างได้ แต่ความรู้ของพระ จงระมัดระวังให้มาก ถ้าคนเขามาถาม ดูสีหน้าคน ดูใจเขา ถ้าถามเพื่อลองใจลองภูมิ อย่างนี้ก็ใช้แบบฉันธรรมดา ๆ ก็แล้วกัน ฉันก็ทำตนเองเหมือนคนบ้า ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าคนบ้าในโลกนี้มีมาก คนบ้ามันมาหาฉัน ฉันก็ต้องบ้าตอบ ถ้าคนดีมาหาฉัน ฉันก็ดีตอบ อย่างพวกเธอนี่ อาจารย์เธอดี และเธอก็ดีตามอาจารย์ ฉันก็ดีตอบ วิชาอย่างนี้ฉันไม่เคยสอนใครมาก่อน นอกจากท่านปานกับท่านโหน่งเคยสอนมาก่อนก็แค่ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ก็ดีถมเถไปเพราะว่าเขาถือว่า เท่านั้นดี แต่คนที่ต้องการที่สุดของความดีมีน้อยเหลือเกิน

    หลังจากนี้ไป พวกเธอจงไปพัก และรักษากำลังใจให้ดี จงอยู่ที่นี่ ๑๕ วัน ในเวลา ๑๕ วัน นี่ถ้าสงสัยอะไร ถามฉันได้ หรือว่าถ้าเธอคิดว่า เธอไม่สงสัย ถ้าเธอมีกำลังใจคิดพลาดไป ฉันจะบอกให้

    ก็รวมความว่า กราบท่านแล้วก็ออกมา ออกมาคุยกันว่า เอ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2009
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงกับท่านเจ้าของกระทู้ที่นำธรรมะมาเผยแพร่เป็นธรรมทานครับ
     
  4. แงซาย ชายดอย

    แงซาย ชายดอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,028
    ค่าพลัง:
    +1,314
    [​IMG]

    สาธุครับ

    น้อมกราบ หลวงพ่อเนียม และหลวงพ่อฤาษี ณ แดนนิพพาน
    ธรรมใดที่ทั้ง 2 พระองค์ได้บรรลุ ได้เห็นแล้ว ขอให้ลูกได้รู้ได้เห็นตามท่านในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    อนุโมทนา ค่ะ ในฐานะที่เป้นคนโง่ ขอถามผู้รู้ในธรรมทุกท่านว่า พุทธภูมิ กับ นิพพานไม่เหมือนกันหรอคะ แตกต่างกันอย่างไง แล้วถ้าปราถนาพุทธภูมิต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ผู้หญิงปราถนาได้ไหมค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  6. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    โมทนากับท่าน จขกท.ที่นำบทความของหลวงพ่อฯ มาเผยแพร่ และโมทนากับทุก คคห.ค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...