หลวงพ่อยวง อาภัสสโร พระเกจิดังแห่งปากท่อ

พระครูสิริโพธิรักษ์ หลายๆ ท่านอาจจะไม่รู้จักหรือคุ้นหู แต่ถ้าเอ่ยถึงหลวงพ่อยวง (อาภสฺสโร) แห่งวัดโพธิ์ศรี ต.หนองกระทุ่ม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี น้อยคนนักในจังหวัดราชบุรี สมุทรสงครามที่จะไม่รู้จักท่าน ท่านเปรียบเสมือนช้างเผือกในป่าใหญ่ ที่ไม่แสดงตนว่ามีดี หรือต้องโอ้อวด เพียงแต่ท่านจะสงเคราะห์ญาติโยมที่มากราบขอความเมตตาให้อาบน้ำมนต์ ลงกระหม่อม จารตะกรุดหรือขอปลัดขิกของหลวงพ่อเอาไว้ทำมาค้าขายเล็กๆ น้อยๆ บ้างแต่ผู้ที่ได้รับวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังของหลวงพ่อพกติดตัวแล้ว ล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวว่า

"แคล้วคลาดคงกระพัน เมตตา ครบเครื่อง"



กันเลยทีเดียว

 

ปัจจุบันหลวงพ่อยวง อาภฺสสโร อายุ 80 พรรษา 58 ดำีรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี อ.ปากท่อ จ.ราชบุรีหลวงพ่อยวงท่านเรียนวิชาอักขระขอมมาจาก หลวงปู่นาค วัดช่องลม หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า เวลาไปเรียนเขียนขอมกับหลวงปู่นาค ห้ามเขียนหัวอักขระขอมใต้เส้น ต้องเขียนทูนเส้น ถ้าเขียนใต้เส้นถือว่าหลบลู่ครูบาอาจารย์ จะโดนหลวงปู่นาคดุเอา ส่วนวิชาการลงตะกรุดท่านเรียนมาจากหลวงปู่ป๋อง วัดหนองกระทุ่ม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
ซึ่งหลวงปู่ป๋องท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่นวม วัดแจ้งเจริญ อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี อีกทีหนึ่ง ซึ่งผมได้เคยกราบเรียนถามหลวงพ่อยวง ว่า หลวงปู่ป๋อง ท่านดุไหม หลวงพ่อยวงท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า พระ เณรที่วัดได้กลิ่นยาฉุน ยังไม่ต้องเห็นตัวหลวงปู่ป๋องเลย ได้แต่กลิ่นยาก็ไม่กล้าเดินเข้าใกล้ หรือเดินเฉียดแล้ว มีงานวัดก็ไม่ต้องจ้างเจ้าหน้าที่บ้านเมืองหลวงปู่ป๋องเดินถือไม้เท้า ไม้ตะพดอันเดียวพวกวัยรุ่นก็ไม่มีใครกล้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกันแล้ว ผมเลยถามหลวงพ่อว่า
"แล้วหลวงพ่อไม่กลัวหลวงปู่หรือ"

 

หลวงพ่อบอกว่า "ฉันไม่กลัวหลวงปู่ เวลาไปเรียนก็เก็บผลไม้ไปฝากหลวงปู่"
ผมเลยถามต่อว่า นานมั๊ยกว่าหลวงปู่จะสอนและกว่าหลวงพ่อจะเรียนจบ" หลวงพ่อบอกว่า "ก็นานเหมือนกัน" ส่วนวิชาลงปลัดขิกหลวงพ่อได้เรียนกับหลวงพ่อบุศย์ วัดพรหมวิหาร อ.เมือง จ.เพชรบุรี วันที่หลวงพ่อไปเรียน หลวงพ่อบุศย์ บอกกับหลวงพ่อว่า "ยินดีที่จะถ่ายทอดวิชาให้ พระที่วัดบางองค์บวชมาตั้งสิบกว่าพรรษา เป่าหัวลงกระหม่อมก็ยังไม่เป็นขอมสักตัวก็ยังเขียนไม่ได้ ฉันก็ยินดีจะถ่ายทอดให้เขา แต่เขาก็ไม่เอา" และนอกจากนั้นหลวงพ่อยังเรียนมาจาก "ตาชม" ซึ่งเป็นอาจารย์ฆาราวาสและเป็นพ่อบุญธรรมของหลวงพ่อด้วย ท่านได้ถ่ายทอดวิชาตะกรุดสอดที่ตา (ขออภัยถ้าเรียกชื่อผิด) ตะกรุดแปดทิศ และการทำยาวาสนาจินดามณี และอีกหลายๆ อย่าง เหตุที่ท่านเป็นลูกบุญธรรมของตาชม เพราะวิชาของตาชมนั้นจะถ่ายทอดให้กับลูกหลานเท่านั้น แต่ลูกหลานของตาชมไม่มีใครสนใจที่จะสืบทอดต่อ แต่หลวงพ่อยวงท่านสนใจตาชมจึงได้รับหลวงพ่อเป็นบุตรบุญธรรมและถ่ายทอดวิชาอาคมให้ ซึ่งวิชาต่างๆ ที่หลวงพ่อยวงท่านได้รับมาจากครูบาอาจารย์ของท่าน หลวงพ่อก็ได้ใช้วิชาเหล่านี้สงเคราะห์ญาติโยมที่มากราบหรือมาพึ่งบารมีของท่านช่วยขจัด ปัดเป่าให้บรรเทาเบาบางลงไป ด้วยความเป็นพระที่เมตตา เข้าถึงง่าย จึงเป็นที่เคารพและศรัทธาของคนในพื้นที่และใกล้เีีคียงมากพอสมควรครับ

 

ท่านยังอยู่หรือครับ

เห็นบางคนบอกว่าท่านละแล้ว

 

ยังอยู่ครับท่านแข็งแรงดี เป็นพระที่เมตตาน่ากราบไหว้อีกรูปนึงครับ

 

ท่านยังแข็งแรง สงเคราะห์ญาติโยมทุกวันครับ

 

ท่านยังอยู่ครับ ไปไม่ยากครับ

หลังเพลหลวงปู่จะพักผ่อนครับ

13.00-15.00 น. หลวงปู่ท่านพักผ่อนครับ (ขออภัยถ้าจำเวลาผิด)

 

จัดไปเลยครับ

งั้นต้องไปหาซะแล้ว

จะไปมาหลายครั้ง ก็ยังไม่มีเวลา

พอมีเวลา เพื่อนร่วมทางกลับบอกว่าท่านละแล้ว เลยไม่ได้ไปเลย

ถ้ายังอยู่ต้องหาทางไปกราบซะแล้วครับ

ขอบคุณพี่พี่ทุกท่านมากครับผม

 

ท่านเมตตามากครับ อารมณ์ดีแถมเวลาคุยมุขเพียบเลยครับ เดี๋ยวจะเอาวัตถุมงคลท่านมาให้ชมครับ

 

....ท่านเป็นพระบริสุทธิ์....ที่น่าเคารพ...เลื่อมใส...และศรัทธายิ่งนัก...

 

วัตถุมงคลของหลวงพ่อที่จะแจกให้กับผู้ที่เป็นเจ้าภาพถวายจตุปัจจัยพระที่มาเจริญพุทธมนต์ในงานมุทิตาจิตของหลวงพ่อ ปีนี้กำหนดจัดงานตรงกับวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม 2555 สำหรับผู้มาร่วมงานจะได้รับแจกเป็นเนื้อผงหนึ่งองค์ครับ

 

ท่านยังแข็งแรง และเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2555 ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกที่พุทธมณฑลครับ

 

ภาพชุดนี้ผมเป็นผู้ถวายเพื่อแจกในงานแสดงมุทิตาจิตปี 2553 ครับ

 

ตะกรุดเนื้อตะกั่วพอกด้วยผงยาจินดามณีของหลวงพ่อยวง ซึ่งท่านได้ตำรายาวาสนาจินดามณีจาก "ตาชม" ครับ

 

สมเด็จอกแตกของหลวงพ่อยวง มีน้อยและค่อนข้างหายากครับ

หมายเหตุ user name: pakin และ เด็กด่านฯ เป็นบุคคลคนเดียวกันครับ

 

ถวายภาพถ่ายใบใหญ่ให้หลวงพ่อเมื่อวันงานมุทิตาจิตปี 2553 ครับ