หลวงพ่อพระราชพรหมยานสอนกรรมฐานเรื่องสังฆานุสสติถึงสมาบัติ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 25 พฤศจิกายน 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>สังฆานุสสติถึงสมาบัติ <HR SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=330>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>ถ้ามุ่งเอาระดับฌานให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับพุทธานุสสติ และธัมมานุสสติ ซึ่งเป็นกรรมฐานที่ปฏิบัติมาแล้ว เมื่อได้ฌาน ๔ แล้วจะทำเป็นอรูปให้เกิด ก็ยก ภาพพระสงฆ์ องค์ใดองค์หนึ่งที่เรากำหนดขึ้นมาเป็นกสิณ เมื่อเป็นกสิณแล้ว ก็เพิกกสิณทิ้งไปถืออรูปฌานเป็นสำคัญ แต่ว่านั่นต้องระวังนะ ฌานคือรูปฌานก็ดี อรูปฌานก็ดี ทำลายความดีของคนมามากแล้ว ถ้าไปหลงอยู่ในรูปฌานและอรูปฌาน มันเข้าใจว่าจิตใจของตัวเข้าถึงพระนิพพาน ความหลงตัวนี้เป็นเหตุร้ายแรงมาก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>ต้องคิดไว้เสมอว่า อารมณ์แน่นสนิทอย่างเดียวไม่มีความพอ เราต้องการอย่างเดียวคืออารมณ์ตัด ตัดความสวย ความงาม ทั้งคน สัตว์ และวัตถุ เห็นอะไรเข้ามาก็ตามไม่รู้สึกว่ามันจะสวยสดงดงามตรงไหน หาความดีอะไรไม่ได้ ร่างกายของคนและสัตว์เต็มไปด้วยความโสโครก ไม่มีความทรงตัว มีการสลายตัวไปในที่สุด ไปหลงมันทำไม วัตถุก็เหมือนกัน

    ตัดความโลภ การแสวงหาอาชีพเพื่อการครองชีพเป็นของธรรมดา เป็นหน้าที่แต่ว่าจิตใจไม่ทะเยอทะยานเกินพอดี ไม่ต้องการอาชีพนอกรีดนอกรอยคดโกงเขา ทำตัวให้ลำบาก ไม่เอา อย่างนี้เป็นความโลภ ถ้าเป็นฆราวาสก็ประกอบกิจวัตรเป็นสัมมาอาชีวะ หาเลี้ยงชีพโดยชอบธรรม ไม่เป็นบาปไม่เป็นโทษ ทำตามหน้าที่ แต่คิดไว้เสมอว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายเหล่านี้ตายแล้วก็เลิกกัน ไม่ห่วงไม่ใยมัน ตายแล้วมันจะไปทางไหนก็ช่าง เราไม่ใช้มัน

    ตัดความโกรธด้วยอำนาจพรหมวิหาร ๔

    ตัดความหลงเสียด้วยอำนาจของสักกายทิฏฐิ พิจารณาว่า ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ตามที่กล่าวมาแล้ว

    เมื่อจิตใจของเรามีอารมณ์ทรงอยู่ตลอดเวลา ความโลภไม่ปรากฏ ความทะเยอทะยานไม่ปรากฏ ความผูกพันในร่างกายของเราของบุคคลอื่นไม่ปรากฏ ความโกรธความพยาบาท ไม่มีในใจ ไม่เห็นอะไรเป็นสาระแก่นสาร คือไม่มีความหลง อารมณ์มันก็มีความสุข มันมีความสุขจริงๆ ไม่มีความทุกข์ ทำให้ถึงเถอะมันสุขบอกไม่ถูก ถ้าจิตเราเข้าถึงพระนิพพาน แต่กายมันยังทรงอยู่ ยังมีความรู้สึกหนาว ร้อน หิว กระหาย แต่ใจมันก็สบาย มันถือเป็นเรื่องธรรมดาเสียทั้งหมด จิตมีความสุขบอกไม่ถูก นี่การเจริญสังฆานุสสติกรรมฐานโดยย่อก็ขอกล่าวไว้แต่เพียงเท่านี้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#99ccff>๏ ถ้าเราชอบใจพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งที่เป็นสรณะ เราจะนึกถึงพระสงฆ์องค์นั้นก็ได้ จัดเป็นสังฆานุสสติกรรมฐาน ไม่จำกัดว่าจะเป็นพระสงฆ์องค์ไหน เอาที่เราจับใจของเราที่สุด เป็นภาพติดตาที่สุด อารมณ์จับอยู่ได้ เพราะอารมณ์พอใจในองค์นั้น เราก็จับองค์นั้น เอาจิตจับภาพพระองค์นั้นเข้าไว้ นึกไ้ว้ในใจเพราะเห็นง่าย ถ้าสมมุติว่าจะนึกเห็นง่าย แต่ว่าการจับภาพของพระสงฆ์ จงอย่าไปคิดว่าท่านหนุ่ม ท่านแก่ ท่านรูปร่างอย่างนั้นอย่างนี้ มันยังไม่จำเป็น คิดจับภาพไว้ว่า อ้อ นี่พระองค์นั้นเป็นพระที่เคารพของเรา ถ้าเราจะภาวนาด้วย ก็ภาวนาว่า "สังโฆ"</TD></TR></TBODY></TABLE>
    จากหนังสือ กรรมฐาน ๔๐ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    ที่มา http://www.geocities.com/4465/samadhi/4033.htm
     
  2. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,381
    อนุโมทนาครับถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและในอนาคตไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณพร้อมเหล่าพระสาวกของพระพุทธเจ้าทุกท่านทุกองค์ไม่มีสิ้นสุดไม่มีประมาณ สาธุมหาสาธุ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  3. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    อนุโมทนาครับ สาธุ ๆ ๆ :d
     

แชร์หน้านี้

Loading...