หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มหาโพธิสัตว์เมืองกรุงเก่า ตอน ปฏิปทาในด้านกตัญญูกตเวที

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 6 มีนาคม 2016.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มหาโพธิสัตว์เมืองกรุงเก่า ตอน ปฏิปทาในด้านกตัญญูกตเวที
    [​IMG]
    หลวงพ่อฤๅษีฯ ได้เล่าว่า

    หลวงพ่อปานท่านมีความกตัญญูกตเวทีกับแม่ท่านมาก ทั้งพ่อ ทั้งแม่นั่นแหละ พ่อก็ดีแม่ก็ดี เวลาป่วยท่านไม่ยอมให้อยู่ที่บ้าน ท่านเอามารักษาตัวที่วัดให้นอนในกุฏิท่าน ผ้านุ่งแม่ของท่าน ๆ ซักเอง ท่านเอาผ้านุ่งแม่ของท่านไปตากไว้บนขื่อ ไอ้ขื่อบ้านนี่มันสูงนะลูกหลานนะ มันสูงกว่าหัวคนนะ เวลาเดินไปเดินมาหัวคนก็ต้องลอดขื่อ แต่ผ้านุ่งแม่ของท่าน ท่านไปตากไว้บนขื่อ เวลาแม่ท่านลุกไม่ถนัดท่านก็อุ้มลุกอุ้มนั่ง
    ถึงได้บอกว่าแม่ท่านเป็นผู้หญิง แต่ว่าเวลานั้นท่านเป็นพระ มีคนหลายคนเขามาตำหนิท่าน ผู้หญิงเขาติว่า คุณปาน โยมของคุณน่ะเป็นผู้หญิง ผ้านุ่งเอาไปตากบนขื่อ ซักผ้านุ่งแม่เอง อุ้มลุกอุ้มนั่งเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวเองอย่างนี้แม่จะบาป
    ท่านก็เลยบอกว่า พระพุทธเจ้าท่านว่าไม่บาปนี่ พระพุทธเจ้าท่านว่าดีนี่
    ท่านก็ตอบกับคนพูดว่า เวลานี้ไม่ใช่คนแล้ว ฉันเป็นพระ พอฉันมาเป็นพระ ฉันเป็นลูกของพระพุทธเจ้า ในเมื่อพระพุทธเจ้าผู้เป็นพ่อว่าไม่บาปเป็นความดี ฉันก็เลยทำตามท่านน่ะซิ หากว่าฉันจะทำตามคนอื่นพูดก็ชื่อว่าฉันไม่เชื่อพระพุทธเจ้า ฉันทำตามคำของพระพุทธเจ้าชื่อว่าฉันไม่เชื่อคนอื่น หากว่าฉันเป็นฆราวาสฉันจะเชื่อชาวบ้าน แต่ว่าเวลานี้ฉันเป็นพระ ฉันต้องเชื่อพระพุทธเจ้า
    เมื่อเขาสงสัยก็ถามว่าพระพุทธเจ้าเทศน์ไว้ที่ไหน ว่าอย่างไร
    ท่านก็บอกว่า พระพุทธเจ้าเทศน์ไว้ในพระไตรปิฎกมีอยู่ แล้วก็นำเรื่องราวของพระลูกเศรษฐีที่ปรากฏมาในธรรมบทมาเล่าให้ฟัง
    (เป็นเรื่องพระลูกเศรษฐีที่นำพ่อมแม่ที่ตกยากจนเป็นขอทานมาอุปการะเลี้ยงดู ได้ข้าวมาก็ให้กินก่อน ตนกินทีหลัง ได้ผ้าใหม่มาก็เอาไปให้นุ่งก่อน ตนเองเอาผ้าเก่ามานุ่งแทน จนมีผู้นำเรื่องไปฟ้องพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเมื่อทรงทราบเรื่องก็ทรงประทานสาธุการ และชมเชยภิกษุนั้น)
    หลวงพ่อปานท่านบอกว่า เมื่อเอาเรื่องขึ้นมาโต้ คนคัดค้านก็ถอยหลังกรูด เท่าที่ท่านประคบประหงมพ่อแม่ของท่านนั้น หาว่าทำผิด ไปซักผ้าขี้ผ้าเยี่ยวผู้หญิง เอาผ้าผู้หญิงไปตากบนขื่อ อุ้มผู้หญิงลุก อุ้มผู้หญิงนั่ง เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวเอง ป้อนข้าวเอง หาว่าทำผิด พระทำผิดประเพณี พอโดนเรื่องนี้เข้า หลวงพ่อปานบอกว่า ถอยหลังกรูดยอมแพ้ ยกมือขอขมาท่าน
    ท่านเลยบอกเรื่องขอขมาท่านไม่ถูกหรอก ธรรมะนี่เป็นธรรมะของพระพุทธเจ้า เรื่องส่วนตัวของท่านไม่มีหรอก ท่านทำตามแบบฉบับของพระพุทธเจ้า แล้วคนที่คัดค้านนั่นเป็นการค้านธรรมะของพระพุทธเจ้า การขอขมาต้องไปขอขมาต่อพระพุทธรูปในโบสถ์โน่นมันถึงจะพ้น ขอขมากับท่านไม่พ้น
    อีตานั่นกลัว ลงนรกก็เลยต้องไปขอขมากับพระพุทธรูปในโบสถ์
    ปฏิบัติของท่านน่ะ ท่านมีความกตัญญูกตเวทีจริง ๆ แล้วก็มีความห่วงใยในด้านบุพการีของท่านดีมาก
    แล้วท่านก็บอกว่า ตอนที่ฉันโตขึ้นมาแล้วฉันก็ไปเทศน์ให้แม่ฉันฟัง พ่อฉันฟัง ถึงเรื่องอรหังและพุทโธ ว่าไม่ใช่เรื่องของคนตายจะพูดคนเดียว ต้องพูดกันก่อนตาย ภาวนากันก่อนตาย พ่อแม่ของท่านก็รับฟัง แล้วท่านก็ลงท้ายเรื่อง ท่านบอกว่า ตอนท้ายเมื่อตอนพ่อแม่ฉันตายนะ ฉันดีใจ ไม่ใช่ดีใจเพราะพ่อแม่ตายจะรับทรัพย์มรดก ไม่ใช่ยังงั้น ท่านบอกว่า พ่อแม่ฉันตาย ฉันดีใจมาก
    แล้วท่านก็ว่าไป บอกว่า
    ที่ฉันดีใจน่ะมันยังงี้ คือว่าทั้งพ่อแม่ฉันก่อนที่ท่านจะตายได้ญาณทั้งหมดนะ ท่านทรงญาณละเอียด แล้วก็ได้วิปัสสนาญาณละเอียด แต่ว่าท่านทั้งสองก็ต้องมาเกิดอีกวาระหนึ่ง แล้วฉันต้องเป็นลูกท่านอีกทีหนึ่ง แล้วต่อจากนั้นไปท่านก็ไม่มีโอกาสจะเกิดอีก
    ที่มา http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมบุญฉลองพระพุทธรูปรับวัตถุมงคล.561939/
     

แชร์หน้านี้

Loading...