สาระในการ์ตูน..พุทธศาสนา&ประวัติศาสตร์ไทย

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 19 เมษายน 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,488
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>สาระในการ์ตูน พุทธศาสนา & ประวัติศาสตร์ไทย


    </TD><TD vAlign=top width=155></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>รายงานโดย :เรื่อง : มัลลิกา นามสง่า:

    </TD><TD>วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2552

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    หลายคนที่เคยผ่านวัยเด็กมาแล้ว เชื่อว่าหนังสือการ์ตูนเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่โตมาด้วยกัน

    [​IMG]

    แม้พออายุมากเข้าหน่อยจะไม่เคยหันกลับไปสนใจอีกก็ตาม ส่วนคนที่ยังเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่บางคนก็ยังมีหนังสือการ์ตูนอยู่เป็นเพื่อน(สนิท) แต่เนื้อหาสาระความบันเทิงก็ย่อมแตกต่างกันออกไปตามความชอบ
    ผู้ใหญ่หลายคนไม่ชอบให้เด็กอ่านการ์ตูน เพราะมองเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ซึ่งตรงข้ามกับเด็กๆ ที่มักชอบในสิ่งที่ผู้ใหญ่ห้าม การ์ตูนที่วางเกลื่อนแผงในบ้านเรา จึงมีทั้งแบบเป็นขนมหวานอ่านแล้วฟันผุ และที่เป็นขนมหวานอร่อยแบบไทยๆ ไม่มีพิษมีภัย ทว่าแบบแรกจะได้น้ำหนักบนตาชั่งมากกว่า
    ล่าสุดกับหนังสือการ์ตูนน้องใหม่ที่วางบนแผง ในชื่อชุด “พุทธประวัติ พุทธสาวก” มี 12 เล่ม และชุด “ประวัติศาสตร์ชาติไทย สมัยสุโขทัย” มี 6 เล่ม เป็นฉบับการ์ตูนสี่สี ที่นำเสนอเทคนิคการวาด พร้อมด้วยลายเส้นที่สวยงาม ทว่าก่อนที่คุณหนูๆ จะพลิกเข้าไปหาสาระบันเทิงที่อยู่ข้างใน ก็อาจเบือนหน้าหนี เพราะดูยังไง้ยังไงชื่อเรื่องก็คล้ายกับหนังสือเรียนพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์ ซึ่งถูกจัดเป็นวิชาที่น่าเบื่อเสียด้วยสิ
    การ์ตูน ตัวกลางเชื่อมสาระกับบันเทิง บางครั้งสาระกับบันเทิงก็จำกัดให้อยู่ขั้วตรงข้ามกัน ใครใคร่อะไรก็เลือกสิ่งนั้น ทว่าเมื่อนำทั้งสองสิ่งนี้มาผนวกกันจะมีพลังดึงดูดอย่างมากที่นำคนสองกลุ่มมาอยู่กลุ่มเดียวที่ได้ทั้งสาระและความบันเทิง ซึ่งจุดประสงค์นี้จึงเป็นที่มาของหนังสือทั้งสองชุด “พุทธประวัติ พุทธสาวก” และ “ประวัติศาสตร์ชาติไทย สมัยสุโขทัย”
    <TABLE class=content_caption cellSpacing=0 cellPadding=2 width=130 align=right border=0><TBODY><TR><TD class="">[​IMG]</TD></TR><TR><TD class="">
    ดร.ดินาร์ บุญธรรม​


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อย่างไรก็ตาม การนำสาระกับบันเทิงมาอยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะเรื่องที่มีเนื้อหาหนักเข้มข้น อย่างเช่น ประวัติศาสตร์ไทย และศาสนา มาอยู่กับความบันเทิง เช่น การ์ตูน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก เพราะถ้าเอนเอียงไปด้านใดมากเกินไปก็จะขาดความเป็นตัวตนอรรถรสของสิ่งนั้นๆ ไป
    ดร.ดินาร์ บุญธรรม อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรึกษาของการทำหนังสือชุด ประวัติศาสตร์ชาติไทย สมัยสุโขทัย ได้กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ผู้คนไม่ค่อยให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์ โดยได้ยกพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2551 ซึ่งทรงให้ความสำคัญของการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทยให้กับเยาวชน
    ในส่วนนี้ ดร.ดินาร์ ให้ความเห็นว่า หน่วยงานราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบการเรียนการสอน ไม่ว่าจะระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา ครูที่สอนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง และในระดับอุดมศึกษาถ้าไม่ใช่สาขาวิชาประวัติศาสตร์แล้วแทบจะไม่มีวิชาเหล่านี้บรรจุ ดังนั้นการนำเสนอประวัติศาสตร์ไทยเรื่องที่เห็นว่าน่าเบื่อ เป็นเรื่องหนักๆ ในรูปแบบของการ์ตูนจะทำให้วิชาประวัติศาสตร์ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ซึ่งตรงนี้ทำให้มีพัฒนาการของการสื่อสารเรื่องยากไปสู่ความเข้าใจง่ายๆ และกลุ่มคนจำนวนมาก”

    [​IMG]

    อย่างไรก็ตาม ในฐานะนักประวัติศาสตร์การนำเสนอประวัติศาสตร์ในรูปแบบการ์ตูนก็จำเป็นที่จะต้องระมัดระวังเนื้อหาไม่ให้บิดเบือน “เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผม เพราะในฐานะนักประวัติศาสตร์รุ่นเยาว์ ได้รับมอบหมายให้มาช่วยดูแลตรงนี้ก็หนักใจ ยอมรับด้วยความสุจริตใจว่า ไม่เชื่อมือผู้สร้างสรรค์งาน เพราะไม่มีความเชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์ พอมาเริ่มทำงานก็มีการเลกเชอร์กัน แนะนำหนังสือเอกสารให้อ่าน ต่อมาก็ยอมรับว่าบางครั้งอาจารย์เองก็หนีงานนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าจะทำได้ไหม ลงไปช่วยตรงนี้ไม่เกิดก็ดับเลยนะ (หัวเราะ) แต่พอหลังจากนั้นได้เห็นความพยายาม ทีมงานทยอยส่งเนื้อเรื่องโครงร่างและภาพผมอ่านไป ยอมรับว่าทึ่งในทีมงานชุดนี้จริงๆ สิ่งที่ทึ่งมาก คือ การวางโครงเรื่องเป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่ดี คือทำให้เนื้อเรื่อง 1-6 เล่ม มีความสอดคล้องต้องกัน และในเนื้อหาผมขอไว้แต่ทีแรกว่า อย่าเน้นบริบทของ พ.ศ. ให้มาก เพราะมี พ.ศ. เยอะเด็กจะวางทันที ต้องพยายามให้ตัวละครบอกเล่าวิวัฒนาการในประวัติศาสตร์ให้มากที่สุด ในการ์ตูนชุดนี้ พ.ศ. เราไม่ให้ความสำคัญ นอกจากเป็นจุดเปลี่ยนจริงๆ”
    <TABLE class=content_caption cellSpacing=0 cellPadding=2 width=130 align=right border=0><TBODY><TR><TD class="">[​IMG]</TD></TR><TR><TD class="">
    สละ นาคบำรุง​


    </TD></TR></TBODY></TABLE>ด้าน สละ นาคบำรุง ศิลปินผู้วาดภาพในหนังสือชุดประวัติศาสตร์ชาติไทย กล่าวว่า “ตอนที่จะทำงานนี้ ได้คุยกับพี่ๆ ที่เป็นนักวาด หลายคนเห็นสีหน้าเขาเป็นกังวล เพราะมันมีอะไรที่ยุ่งยากมากมาย ซึ่งที่ผ่านมาหลายสำนักก็ทำมาบ้างแล้ว แต่ไม่กล้าทำยาว พูดถึงพ่อขุนรามอย่างเดียว แต่เราทำให้สมบูรณ์ที่สุด เล่าตั้งแต่ยุคก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัยมาเลย ซึ่งเนื้อหาตรงนั้นมีข้อมูลที่กระท่อนกระแท่น เราก็เอามาจากหลายๆ ที่ เอามาดูว่าอันไหนสมเหตุสมผลที่สุด ซึ่งยากมาก ต้องให้อาจารย์ดินาร์ช่วยตัดสินใจเอาแบบไหน
    ความกังวลของผมคือทำยังไงให้การ์ตูนออกมาไม่ขัดกับประวัติศาสตร์ เพราะการ์ตูนเหมือนกับเรื่องล้อเล่น แต่ประวัติศาสตร์จริงจัง ดังนั้นการดำเนินเรื่องของผมจะทำตัวการ์ตูนให้โอเวอร์มากขึ้น ไม่ให้ตัวการ์ตูนดูจริงจัง ทำให้เนื้อหาที่ดูจริงจังเอาตัวการ์ตูนช่วยให้สนุกสนานไปด้วย” อ่านสนุก เพลิดเพลิน ได้ความรู้
    การนำเรื่องที่(คิดว่า)เข้าใจยากมาเสนอในรูปแบบการ์ตูนก็เพื่อสร้างอรรถรสและง่ายต่อความเข้าใจของเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ทั้งยังส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเกิดการเรียนรู้ที่ถูกต้อง อีกทั้งยังดึงดูดความสนใจเด็กๆ ได้ง่ายกว่า เพราะถ้าบอกให้มาอ่านการ์ตูนกับอ่านหนังสือเรียน เด็กๆ คงเลือกอย่างแรกจำนวนมาก
    พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี เป็นอีกท่านหนึ่งที่ชอบอ่านการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งปัจจุบันอายุครบ 36 ปี ก็ยังชอบอ่าน และของขวัญวันเกิดที่ลูกศิษย์นำมาถวายให้ก็คือ หนังสือการ์ตูนชุด ดร.เค ของประเทศญี่ปุ่น

    [​IMG]
    “หนังสือการ์ตูนชุด ดร.เค เอาวิทยาศาสตร์มาทำเป็นการ์ตูนความรู้ ซึ่งอาตมาเคยอ่านมาแล้วชอบ ทำให้เข้าใจวิทยาศาสตร์ง่ายดี อาตมาก็โตมากับการ์ตูนทั้งไทยและเทศ คิดว่าถึงแม้อายุเราจะมากขึ้น แต่จินตนาการเราจะไม่หายไป และการ์ตูนเป็นส่วนช่วยมากในเรื่องของจินตนาการ
    จริงๆ แล้ว พุทธศาสนาเรา สุดยอดของวัตถุดิบที่มีความเข้มข้น แต่ปัญหาของเราก็คือ ไม่ว่าจะเชิงประวัติศาสตร์หรือศาสนา ไม่มีการจัดการที่ดี สิ่งที่ดีที่สุดเปรียบเสมือนเพชรต้องทำเรือนทองมารองรับ และการที่เรานำพุทธประวัติมาทำเป็นการ์ตูน บอกเลยว่าไม่น้อยหน้าการ์ตูนประเทศไหน อาตมาชอบลายเส้นสวยงาม เนื้อหาสาระแน่นปึ้ก ชอบการจัดวาง มุมภาพต่างๆ สวยงาม สมพระเกียรติยศของคนสำคัญทางพระพุทธศาสนา
    สาระสำคัญของการ์ตูนทุกเล่มอยู่ที่บท ตรงนั้นดีส่วนอื่นก็เป็นเครื่องประดับ อย่างงานชุดนี้ถ้าเราอ่านดีๆ แต่ละฉากแต่ละตอนของพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์ไทยทำให้มีชีวิตชีวาได้ เราอาศัยการนำเสนอที่ดี เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เคยล้าสมัย เปลี่ยนมุมมองต่อการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้มีค่ามากพอที่จะเปลี่ยนชีวิต 1 ภาพแทนพันคำ แต่ในนี้มีทั้งภาพและคำ อ่านงานชิ้นนี้ไม่ผิดหวังหรอก อ่านแล้วจะได้แรงบันดาลใจ”
    ในฐานะผู้สร้างสรรค์งาน สิ่งที่ สละ นาคบำรุง ขบคิดและวางเป้าหมายไว้ก็คือ ทำอย่างไรที่จะทำให้คนไม่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์เลย แต่อ่านการ์ตูนสนุกและรู้เรื่องด้วย
    “ขั้นตอนการทำ ก็ค่อนข้างจะวุ่นวายทั้งเรื่องการหาข้อมูล การดีไซน์คาแรกเตอร์ที่มี 100 คน ต้องทำไม่ซ้ำกันเลย อย่างสายสุพรรณ รุ่นพ่อหน้ายาว รุ่นลูกก็ต้องยาว พอไปผสมกับสายสุโขทัยก็ต้องหน้าหวานมาหน่อย แต่ต้องสร้างคาแรกเตอร์ให้ดูออกว่าสายไหน เพราะบางตัวละครเล่นตั้งแต่เด็กจนแก่ เช่น พ่อขุนราม จากเด็กจนตายมีรอยบุ๋มตรงไหนก็ต้องมี ต้องทำให้สมบูรณ์ในคาแรกเตอร์ให้คนจำได้
    ก็สนุกดีในการดีไซน์ เหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในประวัติศาสตร์ ถ้าเด็กตามเรื่องของคนหนึ่งคนน่าสนุก ผมคิดว่าเราทำความเข้าใจความรู้สึกคนอ่านเด็กๆ การ์ตูนถ้าเราทำให้มีคาแรกเตอร์ที่จดจำได้ อยู่กับผู้อ่านไปนาน เหมือนตัวละครพระยาลิไท ที่อยู่จนถึงแก่ เด็กๆ ก็จะผูกพันจดจำกับตัวละครตัวนี้ และจะจดจำประวัติศาสตร์ได้ด้วย ผมคิดว่าการทำวิธีนี้น่าจะได้ผลสำหรับเด็กที่ไม่ชอบอ่านประวัติศาสตร์ แต่ชอบอ่านการ์ตูนที่จะดึงเขาเข้ามาสนใจเรื่องของประวัติศาสตร์” ด้าน โอม รัชเวทย์ ศิลปินผู้วาดภาพในหนังสือชุดพุทธประวัติ พุทธสาวก ได้กล่าวอย่างน่าสนใจเกี่ยวกับการ์ตูนไทยว่า มีหลายๆ คนกล่าวว่า การ์ตูนที่มีสาระมักไม่มีคนอ่าน ขายไม่ได้ แต่เขาไม่เชื่อเช่นนั้น
    <TABLE class=content_caption cellSpacing=0 cellPadding=2 width=130 align=right border=0><TBODY><TR><TD class="">[​IMG]</TD></TR><TR><TD class="">
    โอม รัชเวทย์​


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    “ผมอยู่ในวงการการ์ตูนมานาน ผมไม่เชื่อ เมื่อเราไม่เชื่อเราต้องทำสิ่งที่เราเชื่อให้ปรากฏ อย่างครั้งนี้เป็นงานที่เราพยายามทำความเชื่อของเราให้เป็นจริง เส้นทางของเนื้อหาสาระในหนังสือการ์ตูนไทยจะยังอยู่ได้ไหม หรือการ์ตูนจะมีแต่การ์ตูนญี่ปุ่นทั้งหมด ซึ่งตรงนี้ต้องฝากความหวังไว้กับผู้อ่าน และนักเขียนการ์ตูนรุ่นต่อไปว่าจะศึกษาการ์ตูนไทยต่อไปหรือไม่
    การ์ตูนไทยได้รับผลกระทบจากการ์ตูนญี่ปุ่นมานานหลายสิบปีแล้ว แต่เราจะโทษเขาไม่ได้ เราต้องต่อสู้ เพราะเขาไม่ได้มารุกราน เขาก็สร้างให้คนของเขาอ่าน เราเอาของเขามาพิมพ์เอง ซึ่งก็ดีเราเป็นนักเขียนการ์ตูนไทยยังชอบ มันทำให้วงการเปิดกว้าง แต่หน้าที่ของเราต้องต่อสู้ให้การ์ตูนมีที่ยืน นักเขียนก็ต้องทำงานให้ดี อย่างน้อยๆ ให้คนกลุ่มหนึ่งชอบ ติดตามผลงาน แต่การที่จะทำให้การ์ตูนไทยมีตลาดกว้างอย่างการ์ตูนญี่ปุ่นแล้วทำตามเขา ผมคิดว่าเป็นวิธีที่ผิดเพราะใครก็มีตัวตนของเขา ถ้านักเขียนการ์ตูนไทยคิดสั้นง่ายๆ แค่ทำตามเขาก็จบ เราต้องเตือน ให้หาเอกลักษณ์ของตัวเอง เราจะสร้างอะไรก็แล้วแต่ เราต้องสร้างจากพื้นฐาน การ์ตูนไทยเราอยากประสบความสำเร็จเราต้องสร้างรากฐาน ต้องปูพื้นฐาน ถ้าปูเยอะก็ถึงพัฒนาขึ้นมา จากเรื่องที่เป็นสาระ เรื่องที่เป็นจินตนาการก็ไปพร้อมๆ กันมากขึ้น เราต้องคิดว่าเราเดินหน้า เราไม่ต้องคาดหวังความสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เราทำงานให้ดีที่สุด ถูกใจคนไทยมากที่สุด สิ่งอื่นก็ตามมาเอง” อ่านการ์ตูนเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน ได้ขำขัน แต่จะดียิ่งกว่าไหม หากในเสียงหัวเราะ ความบันเทิงนั้นมีสาระประโยชน์ต่อชีวิตแทรกอยู่ด้วยอย่างไม่น่าเบื่อ

    --------
    [​IMG]
    http://www.posttoday.com/lifestyle.php?id=43025
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2009
  2. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,667
    ค่าพลัง:
    +9,239
    ขออนุโมทนาค่ะ
    เด็ก ๆ จะได้อ่านหนังสือที่ดี ๆ มากขึ้นค่ะ
     
  3. ธ.เธียรไท

    ธ.เธียรไท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    612
    ค่าพลัง:
    +1,735
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...