"สันทิฏฐิโกในการรู้เองเห็นเอง" : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 5 มิถุนายน 2023.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    1808.jpg

    #สันทิฏฐิโกในการรู้เองเห็นเอง

    “...วิสุทธิมรรคนี้ท้าวสักกะจึงเคารพ หลวงปู่แปลเองนะเพราะท้าวสักกะเป็นผู้ดูแลอยู่ตลอด นำสมอจากป่าหิมพานต์นู่น มามอบให้กับพระโมคคัลลีบุตร ถ้าพูดถึงในตำรานะ มีไหมล่ะสมอในป่าหิมพานต์...มีสิ นั่นคือของทิพย์ อยากได้ของทิพย์ก็ไปเอาสิ ภาวนาให้มันเก่งสิ ศีลให้มันวิสุทธิสิ ศีลให้บริสุทธิ์ สมาธิวิสุทธิ คำว่าสมาธิวิสุทธิ สมาธิแบบไหน สมาธิเพื่อปรารถนามรรคผลพระนิพพานปรารถนาต้องการที่จะรักษาหลักธรรมหลักวินัยปรารถนาเข้าสู่เมืองพระนิพพาน นั่นศีลวิสุทธิ เวลาปฏิบัติรู้เห็นนั้นเห็นนี้ก็ให้เห็นด้วยความบริสุทธิ์ตัวนั้น ยังไม่ถึงบั้นปลายสุดท้ายแห่งมรรคแห่งผลจะไม่ยอมหลงโลกหลงทางเดินแวะซ้ายเวียนขวาไปไหน ตรงต่อพระนิพพาน สักแต่ว่าเห็นแล้วจะกลับมาดูทีหลัง ตรงต่อไปเลย ตรงต่อไปเลย ตรงที่เมืองนิพพานที่เรียกว่าศีลวิสุทธิ ใจตั้งมั่นอยู่ตลอดเวลา ตั้งมั่นที่จะรักษาหลักธรรมหลักวินัย ตั้งมั่นที่จะสร้างคุณงามความดี ตั้งมั่นที่จะที่จะเป็นพระดีเป็นลูกดีเป็นลูกยอดกตัญญูจะตามเสด็จพระพุทธเจ้าเข้าสู่มหาปรินิพพานในปัจจุบันเรียกว่าศีลวิสุทธิ

    ปัญญาวิสุทธิคืออะไร บางคนก็บอกว่าอย่างนั้น บางคนก็บอกว่าอย่างนี้ เราแปลถูกไหมล่ะปัญญาวิสุทธิก็คือเราจะเป็นลูกที่ดีแค่นั้นจะรักษาศีลด้วยความบริสุทธิ์ จะปฏิบัติตามหลักคำสอนของผู้เป็นพ่อด้วยความบริสุทธิ์ ความคิดของตัวเองเป็นกิเลสล้วนๆจะใช้ความคิดของพ่อคือศีลสมาธิปัญญาตัวนั้นมาใช้ อดทนอดกลั้นต่อความรู้สึกนึกคิดคือเวทนาที่เกิดขึ้น แม้นเราจะถูกก็ตามครูบาอาจารย์บอกว่าผิดก็ให้อยู่ตามผิดนั้น อย่าใช้ความคิดอย่าใช้ทิฐิมานะของตัวเองมาตัดสินคดีความว่าผมไม่ผิด ถ้ามีความคิดว่าผมไม่ผิดผมถูกโดยที่ไม่ถูกต้องตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็แสดงว่าปัญญาวิสุทธิไม่เกิด ลูกเข้าใจไหม ถูกครูบาอาจารย์ดุด่าว่ากล่าวนี่ ขนาดไม้กวาดเรานี่เก็บอย่างดี ไม้กวาดหมู่คณะวางเกะกะรีบไปฉันน้ำปานะ
    “นี่...ของใคร ของใคร” ของผมขอรับ
    “ทำอะไรไม่รู้ที่ ไม่รู้ทางนี่...เก็บ เกะกะนี่” ครับ ครับ รับให้หมด

    ปัญญาวิสุทธิ มันจะเห็นของมันไงว่าภายในมันคืออะไร นั่นแหละคือธรรมล้วนๆ ธรรมล้วนๆ ไม่ได้มีความคิดของตัวเองขึ้นมาเรียกว่าปัญญาวิสุทธิเต็มภูมิ ยอมทั้งหมด “อันนี้ของใครนี่” หมู่คณะบอกว่าของไอ้คนนั้นนั่น ของเจ้านพมัน เจ้านพมันทำเกะกะ “ทำไมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร” ครับๆๆ ยอมรับเลยและไม่มีการค้านด้วย รับกรรมตัวนั้นให้มันหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ปรารถนาพระนิพพานนั่นแหละคือเรียกว่าปัญญาวิสุทธิ ถ้าใครทำได้ผู้นั้นก็คือ อยู่ในวิสุทธิมรรค ศีลวิสุทธิ สมาธิวิสุทธิ ปัญญาวิสุทธิ เต็มภูมิได้ เนี่ยทางเดินเข้าสู่มรรคเข้าสู่ผลไม่ใช่ว่าจู่ๆจะไปพูดถึงเรื่องมรรคเรื่องผล เรื่องมรรคเรื่องผล เวลาที่ถามก่อนที่จะได้มรรคได้ผลเดินขั้นต้นเดินมายังไง...ไม่รู้ เหมือนพระรูปหนึ่งที่หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่า อาจารย์เนี่ยให้คะแนนผมว่าผมเข้าสู่กระแสธรรมเป็นโสดาปัตติผลอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์ ไหนๆๆมาเล่าสู่ฟังหน่อยสิ

    ก่อนที่จิตมันจะพลิกสัญญาเข้าสู่โลกุตระ พลิกสัญญาออกจากโลกียะมันพลิกยังไงและทางเดินของมันมันเดินมายังไง
    “ผมไม่ทราบเพิ่นว่า” เอ้า...แล้วไม่ทราบแล้วใครจะทราบ สันทิฏฐิโกในการรู้เองเห็นเองนั่นน่ะ
    “เอ้า...ครูบาอาจารย์บอกผม” น่ะเห็นไหมล่ะ (หัวเราะ) ยังไม่ทราบเลยว่าอันนี้คือนั่น ไอ้นั่นคือนี่ เดี๋ยวนี้คืออะไรยังไม่ทราบ

    แล้วสันทิฏฐิโกในการรู้เองเห็นเองเอาไว้ทำไม ก็แสดงว่าธรรมมะของพระพุทธเจ้าไม่ใช่พระสัทธรรมไม่ใช่ของจริงใช่ไหมล่ะ มันต้องรู้เองเห็นเองสิน่ะเมื่อมันพลิกสัญญามันก็ต้องรู้นี่ โสดา สกิทาคา อนาคา และอรหันต์ มันต้องรู้แต่ไม่ได้รู้ว่าขณะนี้ข้าพเจ้าเป็นโสดา เป็นสกิทาคา เป็นอนาคา เป็นพระอรหันต์นะ รู้ว่ามันปรับสภาพแบบนี้ มันพลิกสัญญาอย่างงี้มันเย็นอย่างงี้ มันดับตัวสมุทัยตัวปรุงตัวแต่งแบบนี้ๆๆ ยุติไม่มีคำว่าโลกุตระโลกียะอรหันต์โสดาอนาคาสกิทาคาไม่มี มันจะรู้ว่าพ้นโลกพ้นสงสารแล้วไม่กลับมาเกิดอีก มันหยุดแล้ว มันไม่ไปซ้ายไม่ไปขวาไม่ไปไหนมันอยู่ของมันเป็นปกติเหลือแต่ขันธ์ มันจะรู้ของมันมันไม่ได้เกี่ยวเลยว่าใครจะบอกใครจะให้คะแนนหรือไม่ให้คะแนน อือ...มันจะรู้ของมันโดยอัตโนมัติของมันเพราะสันทิฎฐิโกในการรู้เองเห็นเองของมัน เพราะมันเป็นปัตจัตตังมันรู้ได้เฉพาะตนว่าขาดไม่ขาด สิ้นไม่สิ้น อรหันต์ก็ไม่เป็น อนาคาก็ไม่เป็น สกิทาคา โสดาไม่เป็น เพราะนั่นเป็นสมมุติ

    อย่างงั้น ๘๔,๐๐๐ กัณฑ์เป็นสมมุติแต่อาศัยสมมุตินั้นใช้ให้เป็นประโยชน์ก่อนที่จะสิ้นสมมุติ แม้วิสุทธิมรรคก็คือมรรคในการเดินแห่งสมมุติ สิ้นสมมติแล้วมันก็ไม่มีวิสุทธิมรรค ศีลสมาธิปัญญาเรียกว่าศีลวิสุทธิ ปัญญาวิสุทธิ สมาธิวิสุทธิ ตัวนี้มันก็ต้องทิ้งหมดเพราะตอนนี้ยังพูดในโลกียะพูดเป็นสมมุติแค่นั้นนั่น เมื่อถึงจุดนั้นมันไม่มีสมมุติพูด มันจะรู้ของมันเอง พูดหรือไม่พูดก็แล้วแต่

    “หลวงปู่ชอบท่านไม่พูดเลย เวลาลูกศิษย์ลูกหาถาม โอ...มันจะมีอะไร มีแต่เกิดกับดับ” ไปถามพ่อแม่ครูอาจารย์สิ วาง ไม่มีอะไร ไม่จำเป็นต้องมาเทศน์นี่ เทศน์ก็คือสมมุติแค่นั้น เทศน์จนถึงวันตายก็เป็นสมมุติ เทศน์ทำไมก็มันจบแล้ว
    “เห็นหลวงปู่ดุลย์ อตุโล ไหม ถ้าไม่มีมันก็คือไม่มี เทศน์ทำไม เทศน์มันก็คือสมมุติเท่าเก่ามันนั่นแหละ จะเทศน์เรื่องพระนิพพานมันก็เป็นสมมุติ เทศน์เรื่องอรหันต์ก็เป็นสมมุติอยู่นั่น เทศน์เรื่องมรรคโสสุดโสเป็นโสตายมันก็เป็นสมมุติแต่ก็ต้องใช้สมมุตินั่น”
    เรื่องของเรื่องมัน ปฏิภาณโวหารการแตกฉานของครูบาอาจารย์มันเลยแตกต่างกัน ท่านจะใช้หรือไม่ใช้ บางรูปท่านก็ไม่จำเป็นต้องใช้ก็เพราะว่ามีครูบาอาจารย์อยู่แล้วสมบูรณ์บริบูรณ์แล้ว ลงใจท่านแล้วท่านก็ไม่ใช้ท่านก็อยู่ของท่าน แต่ถ้ามันเป็นวิบากกรรมก็จำเป็นต้องใช้ เนี่ยมันหลีกไม่ได้ใช้สมมุติเทศน์จนถึงสิ้นสมมุติ...”

    พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
     

แชร์หน้านี้

Loading...