สอบถามเพื่อน ๆ ถึงเรื่องบุญ กรรม ศาสนาและบทสวดครับ

ก่อนอื่นขอฝากเนื้อฝากตัวในฐานะน้องใหม่ครับ ติดตามอ่านแ้ล้วแต่ไม่เคยสมัครเลย จนมีคำถามคาใจอยู่หลายเรื่อง ขออนุญาตตั้งถามในห้องนี้ ไม่แน่ใจว่าถูกมั้ยครับ ขอบอกก่อนว่า การถามนี้เป็นคำถามที่ตรงและออกจะทื่อ เป็นการถามเพื่อต้องการรู้คำตอบจริง ๆ และไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ศาสนาหรือป่วนบอร์ดแต่อย่างใดครับ ตัวผมเองก็เป็นคนที่ปฏิบัติธรรมได้แต่ไม่เก่งครับ สาเหตุที่มีคำถามเพราะไปอ่านกระทู้นี้มาครับ (หากไม่เหมาะสม ลบออกได้ครับ)

1. เรื่องบาป บุญและกรรมนั้น มีอยู่จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงกุศโลบายให้คนทำดี โดยที่ความจริงแ้ล้ว มนุษย์เกิดมาชาติเดียว ตายชาติเดียว และไม่มีชีวิตหรือการลงโทษหลังความตายแต่อย่างใด

2. บทสวดมนต์ เป็นผลดีจริง หรือเป็นเพียงกุศโลบายให้คนสวดใจสงบ โดยไม่ได้มีผลบวกลบที่เห็นเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด

3. การนั่งสมาธิ แล้วได้เห็นนิมิตต่าง ๆ หรือจิตสงบแล้วเห็นหรือรู้สึกถึงสิ่งแปลก ๆ รวมถึงการระลึกชาติก่อนได้ สิ่งเหล่านั้นเป็นของจริง หรือเป็นเพียงอาการจิตหลอนเท่านั้น

4. ฤทธิ อภินิหาร (เหาะเหินเดินอากาศ เหยียบน้ำทะเลจืด ล่วงรู้อนาคต ล่วงรู้จิตใจผู้อื่น ฯลฯ) มีผู้ทำได้จริง หรือ เป็นเพียงกุศโลบายเพื่อดึงดูดคนเท่านั้น

ด้วยความเคารพ

 

บาป บุญ กรรม สามารถอธิบายได้ง่ายๆ แค่กรรมที่ทำในปัจุบันชาตินี้เท่านั้น
กรรม คงเข้าใจแล้วว่ากรรมหมายถึง การกระทำ ทำดีเป็นบุญ ทำชั่วก็เป็นบาป

ยกตัวอย่างกรรมดี เช่น เด็กนักเรียน ที่ตั้งใจเรียน กับเด็กที่เกเร หนีโรงเรียน
เด็กที่ตั้งใจเรียน ก็คือทำดี ทำกรรมดี ผลกรรมที่สนองก็อย่างที่รู้ๆกันคือ เมื่อโตขึ้น ก็ย่อมได้งานที่ดีทำ เมื่อได้งานดีๆทำ ก็ย่อมมีทรัพย์มาก เมื่อมีทรัพย์มาก ก็อาจจะหาความสุขในแบบโลกๆไห้ตนเองได้ง่ายและมากกว่า . . .

เด็กเกเร หนีเรียนไม่สนใจเรียน ก็เท่ากับ ทำ กรรมชั่ว ผลกรรมชั่วที่สนองทันในชาตินี้ก็คือ เมื่อโตขึ้น ชีวิตจะเป็นยังไง ก็รู้ๆกันอยู่ . . .

ส่วนกรรมที่ข้ามภพข้ามชาตินั้น ๆไม่มีปัญญาอธิบายครับ - -"

 

บุญบาปมีจริง ผลของบุญมีจริง ผลของบาปมีจริง เรื่องการปฏิบัติธรรมก็ได้บุญกุศล
ข้อมูลที่น้องถามมา ล้วนมีข้อมูลที่มากมายอยู่ในเวปพลังจิตนี้แล้ว ลองหาอ่านดู
เรื่องธรรมะ หากลอง และเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ปฏิบัติเองแล้ว จะได้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตัวเอง
เจริญในธรรมค่ะ หากสนใจแล้วคิดว่า ความก้าวหน้าคงมาหาแน่ในไม่ช้า

 

2. บทสวดมนต์ เป็นผลดีจริง หรือเป็นเพียงกุศโลบายให้คนสวดใจสงบ โดยไม่ได้มีผลบวกลบที่เห็นเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด
----------------------------------------------------------------------------
ขอตอบแบบง่ายๆแค่นี้แล้วกันว่า คำตอบก็มีอยู่ในคำถามของคุณแล้วนิดนึง คือทำไห้ใจสงบ สงบก็คือ มีสมาธิ เมื่อมีสมาธิดีพอ เอาไปคิดเรื่องการงาน ปัญหาชีวิต หรือเรื่องอื่นๆ
ก็จะต้องได้คำตอบดีกว่า คนที่ไม่มีสมาธิแน่นอนจริงไหมครับ
เมื่อมีสมาธิไปไช้ในการทำงาน ผลจะเป็นบวก หรือ ลบ ก็ตัดสินเอาเองครับ หุหุ

 

ขอตอบคุณปลาแมว ตามความเชื่อของเรานะ
1. เรื่องบาป บุญและกรรมนั้น มีอยู่จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงกุศโลบายให้คนทำดี โดยที่ความจริงแ้ล้ว มนุษย์เกิดมาชาติเดียว ตายชาติเดียว และไม่มีชีวิตหรือการลงโทษหลังความตายแต่อย่างใด
เราเชื่อกฏแห่งกรรม เชื่อเรื่อง บุญและบาป มีอยู่จริง การลงโทษ และรับรางวัล หลังความตายมีอยู่จริง

2. บทสวดมนต์ เป็นผลดีจริง หรือเป็นเพียงกุศโลบายให้คนสวดใจสงบ โดยไม่ได้มีผลบวกลบที่เห็นเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด
การสวดมนต์เป็นผลดี ทำให้เป็นคนมีสติ

3. การนั่งสมาธิ แล้วได้เห็นนิมิตต่าง ๆ หรือจิตสงบแล้วเห็นหรือรู้สึกถึงสิ่งแปลก ๆ รวมถึงการระลึกชาติก่อนได้ สิ่งเหล่านั้นเป็นของจริง หรือเป็นเพียงอาการจิตหลอนเท่านั้น
มีทั้งของจริง และจิตหลอน ขึ้นอยู่กับคนมีกิเลสมากก็หลอนมาก มีกิเลสน้อย ก็หลอนน้อย ปราศจากกิเลสก็ได้เจอของจริง

4. ฤทธิ อภินิหาร (เหาะเหินเดินอากาศ เหยียบน้ำทะเลจืด ล่วงรู้อนาคต ล่วงรู้จิตใจผู้อื่น ฯลฯ) มีผู้ทำได้จริง หรือ เป็นเพียงกุศโลบายเพื่อดึงดูดคนเท่านั้น
ถ้าเชื่อพระพุทธเจ้าแบบไม่มีสงสัยเลยนะ ก็เป็นความจริง เพราะมีสอนวิธีปฏิบัติให้ทำแล้วได้ผลเป็น อภิญญา ได้ ถ้าคนที่เชื่อและชอบมุ่งมั่นตั้งใจทำจริง ก็คงได้รู้ความจริง แต่ถ้าไม่เชื่อหรือไม่ชอบ ก็ไม่มีอะไรอ่านประดับความรู้ไปเฉยๆ

ด้วยความเคารพ
ด้วยความเคารพ

 

3. การนั่งสมาธิ แล้วได้เห็นนิมิตต่าง ๆ หรือจิตสงบแล้วเห็นหรือรู้สึกถึงสิ่งแปลก ๆ รวมถึงการระลึกชาติก่อนได้ สิ่งเหล่านั้นเป็นของจริง หรือเป็นเพียงอาการจิตหลอนเท่านั้น
---------------------------------------------------------------------------------
มันอธิบายยาก ก็คงได้แต่เปรียบเทียบเท่านั้น
ขอแสดงความเห็นแบบนี้ครับว่า การนั่งสมาธิ ไห้จิตสงบ จิตสงบคงต้องไห้คิดดูก่อนว่า ในชีวิตเคยสับสนแล้วคิดอะไรไม่ออกไหมครับ บางครั้ง จำเรื่องบางเรื่องไม่ได้ วางของไว้ตรงไหน ลืม หาไม่เจอ คิดยังไงก็คิดไม่ออก เมื่อวาน กินอะไรไปบ้างจำไม่ได้
แต่พอมาตั้งใจคิดดูดีๆกลับนึกออก
เมื่อนั่งสมาธิ จนจิตสงบมากๆๆๆ การที่จิตจะรู้เห็นอะไร ที่ตอนปรกติไม่รู้ไม่เห็น ก็ไม่น่าแปลก หรือว่าแปลก - -
เป็นของจริง หรือจิตหลอน ก็ตอบไม่ได้ เพราะตอบไปก็ไม่ไช่ว่าจะเชื่อยู่ดี คำถามแบบนี้ต้องรู้เองแล้วตัดสินเอาเองเท่านั้น จึงจะเชื่อได้ครับ

- -

 

4. ฤทธิ อภินิหาร (เหาะเหินเดินอากาศ เหยียบน้ำทะเลจืด ล่วงรู้อนาคต ล่วงรู้จิตใจผู้อื่น ฯลฯ) มีผู้ทำได้จริง หรือ เป็นเพียงกุศโลบายเพื่อดึงดูดคนเท่านั้น
----------------------------------------------------------------------------
ว่าไงดีหว่า เรื่องนี้ก็ตอบไม่ได้อีกเหมือนกันว่า มีจริงหรือไม่ เพราะตอบไป ก็ไช่ว่า คนถามจะเชื่อตามนั้น
อธิบายเปรียบเทียบเอา แล้วตัดสินใจเอาเองละกันครับ หุหุ

คนเราเกิดมาล้วนต่างกัน บางคนวาสนาบารมีสูงส่ง บางคนต่ำติดดิน
ถ้าคนเราเอาตนเองเป็นพื้นฐาน หรือ มาตรฐานความสามารถของมนุษย์ เราก็คงยอมรับไม่ได้เลย ถ้ามีคนที่มีความสามารถสูงกว่าเรา ทำไนสิ่งที่เราทำไม่ได้ได้ รู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ได้

ความจริงแล้วฤทธิ อภินิหาร ก็ไม่จำเป็นต้องเหาะได้ เหยียบน้ำทะเลจืดได้ รู้ใจคนได้
การทำในสิ่งที่คนปรกติธรรมดาทำไม่ได้ ได้ ก็เรียกว่าเป็นอภินิหารได้เหมือนกัน ถ้าไม่ตั้งความหมายของอภินิหารไว้สูงเกินไป
แค่คนที่นั่งได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ลุกเลย ก็เป็นอภินิหารได้

เคยมีคนถามปัญหาพระพุทธเจ้าว่า ทำไมพระพุทธเจ้าและพระอรหันทั้งหลาย ถึงมีฤทธิ์ ทำในสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้ๆ
พระพุทธเจ้าตอบว่า เพราะ พระพุทธเจ้าและพระอรหันทั้งหลาย ทำและทน ในสิ่งที่คนทั่วไปทำ และทน ได้ยากได้
ถ้าคุณทำ และทน ในสิ่งที่คนทั่วไปทำและทนได้ยากได้ เชื่อว่า คุณจะได้หายสงสัยแน่นอนครับ

ไม่ต้องเอาอภินิหารขนาดเหาะได้หรอกครับ แค่คนที่นั่งได้7วันไม่กินไม่ลุก ก็หาได้ยากแล้วหละ

คนอื่นช่วยตอบบ้างสิครับ - -"

 

4. ฤทธิ อภินิหาร (เหาะเหินเดินอากาศ เหยียบน้ำทะเลจืด ล่วงรู้อนาคต ล่วงรู้จิตใจผู้อื่น ฯลฯ) มีผู้ทำได้จริง หรือ เป็นเพียงกุศโลบายเพื่อดึงดูดคนเท่านั้น

สิ่งนี้เป็นอภิญญาสำหรับบุคคลที่มีอัชฌาสัยฉฬภิญโญ
(Link)

 

ขอบคุณทุกท่ืานสำหรับคำตอบครับ สรุปก็คือ หากไม่ปฏิบัติเองย่อมไม่เห็นเองและไม่มีใครสามารถตอบเรื่องนี้แทนกันได้ ถูกมั้ยครับ

 

ถูกต้องอย่างยิ่งแล้ว ค่ะ

เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถรู้ได้ด้วยความคิด ความนึก หรือจิตนาการ แต่เป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยการพาจิตตนเองให้เกิดความรู้ความเข้าใจ สัมผัสด้วยตนเอง เหมือน มีคนบอกว่าอาหารฮ่องเต้คือสุดยอดอาหารที่มีรสเลิศ เราฟังคนที่เขากินอาหารนี้แล้วมาเล่าให้ฟัง เราก็ได้แค่จินตนาการตามแต่ไม่รู้รสอาหารจริงๆ ก็ไม่รู้ว่า รสอาหารฮ่องเต้หน้าตาเป็นอย่างไร เขาบรรยายหน้าตาอาหารแบบนี้ เราก็นึกไปถึงหน้าตาแบบอาหารไทยๆอยู่ดี เพราะเราไม่เคยเห็นเราก็นึกไม่ได้ถูกต้องตรงความจริง บางทียังนึกไปได้ว่าคนที่พูด พูดไม่จริงไปซะอีก ก็มี

มันเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก ถ้าไม่มีคนนำมาสอน เราก็ไม่มีวันรู้ได้
ขนาดมีคนนำมาสอน เรายังคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะมันค้านกับความคิด
และตาเนื้อที่เราเห็นตามปกติ พระพุทธองค์ท่านยังสอนเรื่องกาลาสูตร
ว่าอย่าเชื่อเพียงเพราะได้ยินได้ฟังมา แต่ควรพิสูจน์ให้รู้ด้วยตนเอง ค่อยพิจารณา ด้วยความจริงที่รู้เองเห็นเอง นอกจากนี้ปัจจัยเรื่องของกรรมในอดีตที่ปิดกั้นมรรคผลของแต่ละบุคคลอีก ทำให้บางคนไม่อาจเข้าถึงความจริงได้ ก็พิจารณาด้วยญาณหยั่งรู้ที่มีในตนเองเป็นเบื้องต้น เราเลือกไปทางไหน ก็เพราะแรงดลใจและความต้องการ รวมถึงกรรมในอดีต ทำให้เราตัดสินทำสิ่งหนึ่งและไม่ทำสิ่งหนึ่ง เป็นเหตุให้แต่ละคนเลือกทางเดินต่างๆ กันอีกด้วย

ถ้ามีครูบาอาจารย์ที่รู้จริงและเราศรัทธาด้วยความจริงใจได้ แสดงว่าเรามีวาสนาบารมี อยู่กับครูบาอาจารย์ท่านนั้น ก็เป็นแรงจูงใจและเป็นหลักที่มั่นคงให้กับเราได้ ถ้าครูบาอาจารย์ท่านยังมีชีวิตและนำทางให้เราได้ ก็เรียกได้ว่าเราโชคดี แต่ถ้าไม่มีเลยก็แสดงว่าไม่มีวาสนากับอาจารย์ท่านไหนเลย อันนี้ต้องอาศัย กำลังของตนเองอย่างเดียวที่จะดึงตัวเองขึ้นมารู้ความจริงในคำสอนได้

ไม่รู้จะทำให้คุณ รู้สึกดีขึ้น หรือสับสนมากกว่าเก่า ก็ไม่รู้นะ
เราเองก็เคยสงสัยในคำสอนมาก่อน แต่มาวันนี้ เราหยุดสงสัยในคำสอนแล้ว
แต่เรายังสงสัยอยู่ในตัวเราเอง และโลกที่เราอาศัยอยู่ แทน
ก็กำลังศึกษาและรักษาตัวเองให้รู้ความจริงด้วยตนเอง จะได้หมดความสงสัย
ได้พบสันติสุขตามคำสอนในพระพุทธศาสนา

 

pakung ?