สงครามชิงสื่อของภาคมืดและภาคสว่างเริ่มต้นนานแล้ว หนังที่เราดู มีเทพมาบอกด้วยนะ?

ดั้งเดิมที่มีสื่อ มีทั้งภาคสว่างและมืดช่วยกันสร้างขึ้น
ภายหลังภาคมืดยึกครองสื่อ และใช้สื่อเพื่อสนองกิเลส
ส่วนตน ต่อมาภายหลัง อิทธิพลสื่อมากขึ้น ครอบงำ
ผู้คนมากขึ้น ภาคสว่างจึงต้องเข้ายึดสื่อบ้าง เพื่อใช้
สื่อ สื่อสารบอกเรื่องราวของโลกวิญญาณ, มิติอื่น
และอดีตชาติที่สำคัญ ทั้งภาระกิจที่สำคัญของคนบาง
คนด้วย ดังนั้น แม้แต่หนังที่เราดูในทีวี บางเรื่อง ก็มีจิต
วิญญาณ มีภาคมืด ภาคสว่าง อยู่เบื้องหลังด้วยละ?

 

เทพและมารต่างหาวิธีดลใจและสื่อสารกับมนุษย์มากมายหลายหลาก


เนื่องจากมนุษย์ยุคปัจจุบัน มีวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณต่ำลง จึงไม่อาจที่จะ
มองเห็นโลกวิญญาณ, มิติอื่นๆ ได้ ทั้งเทพและมารนอกจากจะดลจิตดลใจคน
ด้วยภาษาจิตแล้ว ยังหาวิธีสื่อสารกับคน อีกมากมายหลายวิธี เช่น การฝัน, ทำ
ให้เกิดรูปหรืออักษรบนวัตถุต่างๆ (ที่คนมักไปไหว้หรือขอเลขเด็ด), สื่อผ่านสัตว์
ให้สัตว์บางชนิดสื่อสาร, สื่อสารผ่านเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ด้วยการดลใจให้คน
ที่ใช้เครื่องมือสื่อสารพูดแบบนั้น แสดงออกแบบนั้น เป็นต้น จนในที่สุด ก็เกิดการ
แย่งชิงกับของภาคมืดและภาคสว่าง เพื่อครอบครองสื่อในที่สุด เพราะหากไม่มี
การแย่งชิงแล้ว มนุษย์คงถูกภาคมืดใช้สื่อครอบงำไปเสียหมด ดังนั้น เทพจึงต้อง
มีการทำสงครามแย่งชิงสื่อ, เครื่องมือสื่อสารกับภาคมืด ในที่สุด และผลออกมา
คือ ตอนนี้ ภาคสว่างเริ่มเข้ามามีบทบาทในเครื่องมือสื่อสาร, และสื่อต่างๆ มาก
ขึ้นกว่าเดิม และค่อยๆ ใช้พลังภาคสว่าง, ข้อความที่สำคัญ ผ่านเครื่องมือเหล่านี้
ได้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อลดทอนอำนาจการครอบงำของภาคมืดให้ลดลง และช่วย
ให้มนุษย์ทั้งหลาย หลุดพ้นจากการครอบงำของภาคมืด ดังที่เราเห็นว่าหนังและ
สื่อต่างๆ เริ่มมีเนื้อหาสาระที่เปลี่ยนแปลงไป เริ่มสื่อสารสิ่งที่คล้ายกับสารจากบน
ฟ้า, สารจากสวรรค์, หรือสารจากสิ่งศักดิสิทธิ์ก็มี ดังนั้น หากเราสามารถแปลรหัส
หรือแปลความหมายของสิ่งต่างๆ ได้ เราจะสื่อสารกับภาคสว่าง, เบื้องบนได้มาก
มายหลายวิธี เพราะพวกเขาสื่อสารกับเราตลอด และหลากหลายวิธี ไม่เพียงแต่แค่
การดลใจและภาษาจิต ไม่ใช่เท่านั้น แต่มากกว่านั้น หลากหลายกว่านั้น ดังที่กล่าว


ดังนั้น แม้เราไม่รู้ภาษาจิต เราใช้สิ่งต่างๆ รอบตัว ตีเป็นปริศนาธรรม ก็จะสามารถ
รับรู้ได้ว่า ภาคสว่าง-เบื้องบน สื่อสารอะไรให้เรา บอกอะไรเรา โดยไม่ต้องแสวง
หาให้ยาก เพราะสิ่งเหล่านั้นจะมาเองตามธรรมชาติ รอบตัวเรา เป็นไปได้ทุกอย่าง

 

ตัวอย่างเช่น..................

 

จิตวิญญาณใช้ภาพและเสียงในสื่อเป็น "สื่อวิญญาณ" เพื่อกระจายสู่สังขาร


เมื่อพลังงานเก่าได้รับการปลดปล่อยแล้ว จะต้องผ่านการชำระล้างในสังขารมนุษย์
หรือก็คือ จิตวิญญาณที่ถูกกักขังได้รับการปลดปล่อยแล้ว จะต้องหาสังขารร่างมนุษย์
อาศัยเพื่อชำระขัดเกลาตัวเองให้หลุดพ้น นั่นเอง ดังนั้น เขาจะใช้สื่อเช่น หนัง, ทีวี
เป็นเครื่องมือที่เรียกว่า "สื่อวิญญาณ" เมื่อคนดูและเกิดใจรับ จิตวิญญาณสามารถใช้
สื่อนั้นเป็นเครื่องจูนจิตใจ ประสานเข้าร่างสังขารของมนุษย์ได้ ดังนั้น พวกเขาจึงหา
วิธีดลใจ ให้คนสร้างเรื่องราวของเขา ตำนานเก่าๆ ฯลฯ เพื่อให้คนเปิดใจรับ แต่เขาก็
ไม่ได้ต้องการทุกสังขารนะ เขามีเป้าหมายว่าสังขารไหนที่เขาต้องการ แต่ละวิญญาณ
จะมีเป้าหมายของเขาเอง (ซึ่งเป็นไปตามกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน) เขาจะจ้อง จองสังขาร
ที่เขาต้องการ รอโอกาสที่เหมาะสม แล้วเมื่อสังขารนั้นเปิดใจรับ เขาก็จะมาอาศัยได้
ง่ายขึ้น ดังนั้น คนปัจจุบันจึงมี "พฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากก่อนมาก" เบี่ยงเบนไปด้าน
ต่างๆ (ไม่ใช่แค่เรื่องเบี่ยงเบนทางเพศเท่านั้นนะ) ถ้าพิจารณาดูดีๆ ละเอียดๆ หรือถ้าดู
ไม่เป็น ก็ไปนั่งฟัง "โน้ต อุดม" เดี่ยวไมโครโฟน ก็ได้ เพราะเขาจะช่างสังเกตุ ดูความ
เบี่ยงเบนของพฤติกรรมมนุษย์แล้วเอามาเล่าขำๆ นั่นแหละ มากมายเกินกว่าจะหมดได้
เล่าไปไม่มีวันจบ มีต่อภาค 1 ภาค 2 ไปได้เรื่อยๆ เพราะอะไร? เพราะมันมีเหตุ มีเรื่อง
ต้นตอมาก่อน ทำให้พฤติกรรมมนุษย์เบี่ยงเบนไป อย่างที่ได้อธิบาย มาแล้วข้างต้นนั้น


อนึ่ง การที่สังขารมนุษย์เปิดรับจิตวิญญาณเหล่านั้น ก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร สิ่งที่จะต้อง
เข้าใจคือ อะไรที่ท่านต้องทำต่อไป ก็คือ การชำระล้างนั่นเอง ที่สุดแห่งการชำระล้างก็
จะทำให้เขาตายจากความดำมืดแต่เดิม แล้วเกิดใหม่ โดยอาศัยพลังภาคสว่างหรือก็คือ
การได้รับ "พลังงานใหม่" ก็ดี, "พระวิญญาณบริสุทธิ์" ก็ดี ฯลฯ ก็กำเนิดใหม่ ได้ทั้งนั้น

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=JS5TJ18zEnM&feature=relmfu]เซียนกระบี่พิชิตมาร III ตอนที่ 7 (1/3) - YouTube[/ame]


ดูเรื่องนี้จะเข้าใจเรื่องการแบ่งภาคจิต
ซึ่งผิดพลาดเพราะผู้แบ่งภาค ไม่มีบารมี
พอที่จะรับผิดชอบ "จิตส่วนมืดดำ" ที่
แบ่งออกไปครับ

 

เรื่องนี้ ก็มีสื่อวิญญาณของ "มัจจุราชมาร" นะครับ

 

เรื่องโรงรับจำนำหมายเลข 8 อันนี้เรื่องของซาตานแบบชัดๆ ตรงๆ เลย
(แถมมีกำเนิดใหม่ด้วย ช่วงหลังๆ เฒ่าแก่หาน จะมีความรักแล้วกำเนิดใหม่)

 

ภาพยนตร์ไทย ใช้เป็นสื่อได้เป่า?..(เพราะอะไรจึงไม่ได้?)

 

สงสัยเรื่องไหน ลองเอามาถกกันได้เลยครับ
เช่น สงสัยว่าเรื่องนี้ มีวิญญาณอะไรอยู่ไหม?

 

มีเหมือนกัน แต่สื่อมาจากสายพรหมเยอะ
โดยเฉพาะเรื่องที่มีผู้หญิงสองคนแย่งผู้ชาย
คนเดียวกัน ผู้หญิงคนหนึ่งร้าย คนหนึ่งดี


ส่วนใหญ่หนังไทยมีแต่แบบนี้ มันสื่อถึง
รูปแบบรัก ของ "อุมา-กาลี-ศิวะ" ครับ
แต่ไม่ค่อยมีสื่ออื่นๆ เลย (แปลกไหม?)

 

เรื่องนี้ ตัวนางเอก สื่อถึงพระแม่ทุรคา (ขี่เสือ) ครับ
ท่านจะคล้ายพระอุมา แต่จะปราบผู้ชายเจ้าชู้ (เสือ)

 

ไสยศาสตร์ชั้นต่ำของอสูร ต้องใช้ "สื่อแทนตัว"
เช่น เส้นผมของคนที่เราจะทำคุณไสย ฯลฯ แต่
ไสยศาสตร์ของมาร ไม่ต้องครับ มันชั้นสูงกว่า
ใช้ภาพ (เช่น ภาพนิมิต ก็ได้) ฯลฯ เป็นสื่อตรง
ถึงจิตผู้รับ ทำให้เปิดรับแล้วแสดงผลตามที่ต้อง
การได้ครับ ตอนนี้ ก็เป็นไปโดยไม่รู้, ไม่เจตนา
ของผู้ใช้สื่อ และกลายเป็นหุ่นเชิด ของภาคมืด
ไปโดยไม่รู้ตัวก็มีครับ (สื่อ มีอิทธิพลใช่ไหมละ)


ไสยศาสตร์ของมาร ก็คือ "พลังจิต" นั่นเองครับ
คือ การใช้พลังจิตที่เหนือกว่าควบคุมบงการสิ่งที่
เราต้องการควบคุม ซึ่งเป็นไปแบบ ไม่ตรงธรรม

 

ปรัชญาดั้งเดิมของมาร์ก ไรเดอร์ ดีเคด ก็คือ
มหาเทพแห่งการทำลายล้าง (ศิวะ) นั่นเอง

 

ส่วนปรัชญาดั้งเดิมของอุลตร้าแมน ไกอา ก็คือ
มหาเทพแห่งการปกป้องรักษา (นารายณ์) นั่นเอง

 

แล้วทีนี้เด็กๆ ยุคที่เติบโตมาพร้อมกับสื่อ
เขาจะได้รับอะไรไปบ้างนะครับ? เพราะ
มันหลากหลายซะจริงๆ ทั้งภาคมืด-สว่าง
ปนกันไปหมด คงต้องปล่อยไปตามธรรม
ตามกรรมแล้วมังครับ

 

อย่าว่าแต่เด็กๆ นะคะ
ต้องโทษพ่อแม่คะ

 

โลกแห่งการเรียนรู้จะไม่อยู่แต่ในห้องหรือตำราอีกต่อไป
เพราะโลกยุคหน้านี้ เด็กๆ จะต้องเรียนรู้จากชีวิตจริง จาก
ประสบการณ์ตรงในชีวิต และการลองผิด-ลองถูกมากขึ้น
และนั่นหมายถึง "กระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ" จะ
นำมาใช้กับเด็กยุคใหม่ คนไหนที่ผ่านการทดสอบ ก็จะอยู่
ได้ แข่งแกร่ง (วัชระ) เด็กคนไหน ไม่ผ่านการทดสอบ ก็
จะเป็นไปตามกรรมของเขา โลกที่เคยจำกัดกรอบ เต็มไป
ด้วยจารีตและการล้อมคอกที่ถูกต้อง-ดีงาม จะค่อยๆ ลด
บทบาทไปเรื่อยๆ และนั่น เด็กๆ ของคุณ พร้อมหรือยัง?

 

ผู้ใหญ่เลวๆ คะที่คิดแบบนี้

 

คนเลวมักจะหล่อนะเฟ้ย

 

ดูคนอย่าดูที่หน้าตาสิคะ ดูคนแต่หน้าตา เขาเรียกพวก ตาต่ำ เจ้าคะ