วิธีเลี้ยงรัก-ยม ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย เฒ่าหนังเหนียว, 21 พฤศจิกายน 2008.

  1. เฒ่าหนังเหนียว

    เฒ่าหนังเหนียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +102
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ครับ รัก-ยมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครทําแล้ว เพราะอาจจะยุ่งยากก็ได้ สมัยก่อนรัก-ยมจะแกะจากรากไม้ คือตัวรักแกะจากรากต้นรัก ที่ชี้ไปทางทิศตะวันออก ตัวยมแกะจากรากต้นมะยม ที่ชี้ไปทางทิศตะวันออกครับ การแกะนั้นผู้แกะต้องสมาทานศีลก่อน แล้วขณะที่แกะต้องภาวนาคาถาอาการ32ตลอดเวลา เมื่อแกะเสร็จก็ใส่ขวดหันหน้ารัก-ยมเข้าหากัน เติมนํ้ามันจันทร์ แล้วดูฤกษ์ปลุกเสก เหมือนนางกวัก คือใส่รูป นาม อาการ32 ธาตุ แล้วบริกรรม สะจะภะกะ จนเกิดนิมิตรัก-ยมเคลื่อนไหวครับ = มีต่อ[/FONT]
     
  2. เฒ่าหนังเหนียว

    เฒ่าหนังเหนียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +102
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ผมก็ลงตามตําราของ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยาครับ การจะนํากุมารหรือรัก-ยม เข้าบ้านต้องจุดธูป5ดอก บอกกล่าวเจ้าที่ขออนุญาตก่อนให้ท่านเปิดทางให้ครับ เสร็จแล้วเมื่อได้รักยมมา ต้องเสส้นสังเวยก่อน 3 วันติดต่อ มีข้าวปากหม้อ ขนม ไข่ต้ม นํ้า ดอกไม้ ธูปเทียน พูดบอกให้มาอยู่มาช่วย หมั่นพูดหยอกล้อ เมื่อเราขอให้ช่วยอะไรถ้าสําเร็จต้องให้รางวัล เช่นขนม ของเล่น อย่าผิดคําพูด ไม่งั้นต่อไปจะใช้ยาก รักยมก็เหมือนเด็กทั่วๆไป ต้องคอยปะเหลาะเอาใจ เวลาเรากินข้าวต้องเรียกเขาด้วย จะจัดให้เขาหรือเรียกกินพร้อมเราเลยก็ได้ ว่าคาถาดังนี้ จัตตุระภูตานัง อะหังวายัง โอมมาหาระกุมาริง รัก-ยม มารับโภชนา อาคัจฉาหิ ติวัตตัพโพ อาคัยฉัยหิ มาลูกมา/ ถ้าจะขอให้นิมิตขอลาภ หรือชวนไปด้วยกัน ว่าคาถา เอหิตาตะปิยะปุตตะ ปุเรถะมะปาระมิง หัตถะยัง เมพิสิน จะถะพุทโธ บุพพะนิมิตตัง สัพพะลาภัง กะโรรถะวะจะนัง ปิยังนํามามะมา/ ครับผม[/FONT]
     
  3. เฒ่าหนังเหนียว

    เฒ่าหนังเหนียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +102
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ภูมิปัญญาชาวบ้านคนสมัยก่อน มีวิธีการตัดต้อ โดยไม่ต้องพึ่งหมอ การตัดต้อ เป็นวิธีการรักษาโรคตาเป็นต้อ ตามความเชื่อของชาวบ้าน โรคต้อที่นิยมรักษาด้วยวิธีไสยศาสตร์มีอยู่ 2ชนิดคือ ต้อเม็ดข้าวสาร และต้อเนื้อ คนที่จะมาเป็นหมอรักษาโรคต้อได้นั้น ต้องเป็นลูกโทนหรือลูกหัวปลี หรือลูกคนสุดท้องของครอบครัวเท่านั้น คนป่วยจะต้องนําของมาเอง รักษา3วัน ในเวลาเบ็นติดต่อกัน อุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีตัดต้อ มีกะลาตาเดียว เนื้อวัวหรือเนื้อหมูดิบ อย่างใดอย่างหนึ่ง ใช้รักษาต้อเนื้อ ถ้าเป็นต้อข้าวสาร ก็ใช้ข้าวสารครับไม่ใช้เนื้อ การรักษาให้ผู้ป่วยนั่งที่บันไดขั้นที่สาม แล้วใช้มีดหมอตัด โดยการเอากะลาตาเดียวซีกเดียวนะครับ ครอบตาข้างที่เป็นต้อ ถ้าเป็นต้อเนื้อก็เอาเนื้อดิบวางไว้ที่ก้นกะลา ถ้าเป็นต้อข้าวสารก็เอาข้าวสารวางที่ก้นกะลา แล้วภาวนาด้วยคาถาดังนี้ โอมตัดต้อต้อหาย ตัดสายสายขาด ตัดสายฟ้าฟาดขาดแล้วต้อเอ๋ย เมื่อภาวนาคาถาเสร็จก็ใช้มีดหมอตัดเนื้อหรือเม็ดข้าวสารให้ขาดทันที ทํา3วัน โรคต้อค่อยๆหายครับผม[/FONT]
     
  4. เฒ่าหนังเหนียว

    เฒ่าหนังเหนียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +102
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ฝากข้อคิดครับ " ไม่ว่างเพราะไม่วาง " การแบกภาระงานอาชีพ ถ้าปัญญาไม่มากก็แบกจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ถ้ามีปัญญาปลงก็อาจสบายบ้าง มีเวลาพักผ่อน เวลาพักผ่อนด้วยสมาธิจําเป็นแก่ชีวิต เพื่อความหลุดพ้น แต่การแบ่งเวลานั้น ถ้าไม่มีปัญญาก็แบ่งระหว่างงานโลก งานธรรม ไม่เป็น แต่ปัญญาที่รู้จักเสียสละ จะแบ่งเวลาเอง ถ้าขาดปัญญาฉลาด ในการเสียสละแล้ว แก่เฒ่าจนตายก็แบ่งเวลาไม่ได้ มีแต่อยากได้ รัก สงสาร ห่วงใย อยู่รํ่าไป น่าสงสารหมดทุกคน ที่ต้องใช้ตัณหาอุปาทานแบกภาระ อยากวางก็วางไม่ได้ เพราะขาดปัญญา แม้แต่พระสงฆ์ก็แบกภาระงานวัด งานศาสนา งานบุญต่างๆ จนได้มรณภาพ ในชีวิตมีแต่งานยุ่งๆ ไม่ว่างเลยจนวาระสุดท้าย ไม่อยากตายก็จําเป็นต้องตาย/ ด้วยความปราถนาดีครับผม[/FONT]
     

แชร์หน้านี้

Loading...