วิธีการฝึกอัปปนาสมาธิ ฌานสมาบัติ ขั้นที่ 1-4

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Dewmaytung, 25 ตุลาคม 2015.

  1. Dewmaytung

    Dewmaytung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +20
    ฌาน - สมาบัติ
    ผมไม่เคยกราบพระอาจารย์ ตาม link นี้ แต่อารมณ์สมาธิของผมตรงตามที่ท่านบรรยายทุกประการตั้งแต่ฌานขั้นที่ 1-4 จึงนำมาให้นักปฏิบัติทุกท่านอ่านเพื่อเป็นแนวทางจะได้ไม่หลงผิด มั่วไปหมดครับ
    การฝึกสมาธิไม่ยากอย่างที่คิด ที่ยาก คือ ไม่ลงมือปฏิบัติ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อ่านแล้วเยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ ^^

    ตอนแรกบอก บรรทัดแรกก็เทศน์เองว่า ฌานที่ 2 ทิ้งวิตก ทิ้งวิจาร ออกไปแล้ว บรรทัดต่อมา ก็ว่า ไม่บริกรรม อีก สองสามบรรทัดลงมา ก็บอกว่า อาจิตดวงนี้มาเป็นพื้นฐานรองรับการเจริญวิปัสสนาภาวนา :cool: เรื่องอื่นๆคงไม่ต้องพูดถึง

    มิน่าถึงได้เหมือน จขกท ^^
     
  3. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    586
    ค่าพลัง:
    +3,152
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาด้วยครับ

    เมื่อเรามีผลเป็นสิ่งยืนยันตัวเอง ก็ไม่เป็นไร เราทำต่อไปให้ถึงที่สุดของเรา อย่าเอาไปเถียงกับใครเลย มันเป็นผลของเราไม่ใช่ผลของเขา เรารู้ว่าเราทำมาอย่างไรมันเป็นอย่างไร ถามในสิ่งที่สงสัยแค่พอสมควรรู้ก็พอ ถ้ามั่นใจว่าใช่แล้วก็เดินต่อไปถ้าไม่ใช่ก็กลับมาใหม่แค่นั้น ยิ่งเถียงยิ่งแปรปรวนสับสนวุ่นวาย ที่สำคัญคือหมั่นตรวจสอบกิเลสว่าเราเจือจางอะไรลงไปได้บ้าง มีความมุ่งมั่นต่อหนทางเพื่อความหลุดพ้นมากขึ้นหรือเปล่า ใจเรายังโซเซซัดส่ายไปมาเหมือนใบไม้ที่ต้องแรงลมอยู่หรือไม่

    วิตกวิจารณ์ที่หายเพราะเราเริ่มไปยึดในสิ่งสิ่งหนึ่งมากขึ้น เราจะสังเกตเห็นว่ามันมีความเพลินอยู่ด้วย ที่รู้สึกว่าลมหายใจหายเพราะจิตมันเริ่มมารวมการรู้อยู่ตรงจุดที่เราบริกรรมนั่นเอง ส่วนผู้ที่รู้ลมอยู่และยังประครองในการรู้ลมได้อยู่ก็จะรู้ถึงลมที่ละเอียดเข้าไปเรื่อยๆจนเห็นเป็นเม็ดอณู

    ถ้าเมื่อถึงจตุตถฌาณแล้ว จิตมักชอบออกไปรู้ภายนอก จะลอง

    อธิษฐานก่อนนั่งว่าขอให้จิตรู้อยู่ภายในกาย หรือพิจารณากายสังขาร แบบนี้ก็มีผู้ทำอยู่เป็นหลักฐานว่าใช้ได้ดี

    หรือจะตั้งใจทำโดยไม่อาศัยการอธิษฐานก่อน ก็ได้

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่าน
     
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    จขกท นี่ก็มี ลาภ พอตัว มีวาสนามากพอตัว

    จขกท เลยได้ พระสงฆ์ ตอบคำถามผ่านมาจาก ราชรี

    พระสงฆ์ ท่านเมตตามาก ท่านยกคำสอน ปิดหนทางปลิ้นของจิต ไว้ทุกกรณี
    แม้นแต่ กรณีที่ท้อแท้ ท่านก็ยังแสดงถึง การส่งกำลังใจมาให้ ให้มุ่งมั่นสนใจ มรรค
    ไม่ใช่เอาอาการ เสวยผล

    ทีนีก็เหลือแต่ " บารมี "

    วาสนาในพระศาสนา การได้รับโอกาส สอนธรรมเฉพาะบุคคล นั้นหายาก ยากพอๆกัน
    กับการได้เกิดมาเป็น มนุษย์ ยากพอกับ เต่าตาบอดในมหาสมุทร โพล่หัวหายใจ สอด
    เข้ารูกระดานไม้

    ที่เหลือคือ บารมี ว่าจะ ฟังเป็นไหม .....การฟัง ก็จะยากเหมือนการเกิดเป็น มนุษย์


    พินาเอาเอง นะฮับ


    แต่ถ้า จะเอาคำสอนตามลิงค์ที่ให้ อ้างว่า เหมือน .....


    ไม่เหมือนหลอก .....

    ไม่เหมือนตรงไหน ตรงที่ คุณเห็ณ ฌาณแล้ว ก็ไม่สามารถกระทำในใจให้
    คล้อยตามคำสอนของพระ ตามลิงค์ที่ให้ว่า จะยกสู่ วิปัสสนา ทำให้ถึงที่สุด
    แห่งทุกข์ภายใน 7วัน (7เดือน 7ปี)

    หากเห็น มรรค ไม่จริง กำลังจิตจะแหวก สาสสวะ ภาวสวะ ภายใน 7วัน มันจะไม่มี

    หากเห็น มรรค จริง กำลังจิตจะแหวก สาสสวะ ภาวสวะ อย่าว่าแต่ 7วัน หากเห็น
    จริงจะเกิด กำลังศรัทธา สติพละ สมาธิพละ พละ5 อย่างมาก พร้อมจะแหวกสาสวะ
    อาสวะ ไปใน บัดนาว [ ซึ่งเป็น คำสอนพระ ที่ท่านแฝงเอาไว้ ]


    พละ5 ไม่มี อินทรีย์5ก็ไม่มี

    พอ "พละ5 ไม่มี อินทรีย์5ก็ไม่มี" ร้อยละร้อย คำปรารภการปฏิบัติ จะเป็น การปรารภอย่าง คนแพ้สงคราม อ้าง ภาระกิจทางโลกเหนือกว่า รสแห่งธรรม ความสงบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...